ตอนที่ 2 เปิดตัว

2402 Words
หลังจากเอกลับถึงบ้านเขาเมื่อคืนก็สั่งให้ลูกน้องเขาสืบประวัติของหญิงสาวที่ดึงเอาความสนใจของเขาไปหมดตั้งแต่แรกเจอ ชีวิตนี้เขาเคยพบพานผู้หญิงมามากมาย มีตั้งแต่นางแบบ นางเอก ไฮโซ แต่สำหรับเขาไม่เคยมีใครที่ดึงดูดความสนใจของเขาได้มากมายเท่ากับเธอมาก่อน เหมือนเธอเป็นแม่เหล็กที่สุดแสนจะสดใสที่รุนแรงมาก ๆ สำหรับเขา “ฟรานซิส” ชายหนุ่มเรียกบอดี้การ์ดคู่ใจที่เติบโตมาด้วยกัน ฟรานซิสเป็นเด็กกำพร้าที่พ่อของเอชุบเลี้ยงมาตั้งแต่แบเบาะ ครอบครัวของเอเลี้ยงดูฟรานซิสและคนอื่น ๆ ด้วยความรักและความเมตตามาโดยตลอดเลยทำให้พวกเขาสมัครใจมาเป็นบอดี้การ์ดรับใช้ครอบครัวของเอด้วยความสมัครใจและจงรักภักดีมาก “ครับ นาย” ฟรานซิสตอบเสียงเรียกอย่างทันท่วงที “ไปสืบประวัติผู้หญิงคนนี้มา” พร้อมกันนั้นก็ยื่นรูปของน้องแพร หญิงสาวที่เขาแอบถ่ายไว้ตอนที่ทานข้าวในร้านอาหาร ฟรานซิสได้ฟังแบบนั้นก็ยกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเพราะแปลกใจที่นายของเขาทำแบบนี้ เพราะร้อยวันพันปีไม่ว่าเขาจะควงกับนางแบบ นางเอกหรือไฮโซแถวหน้าเขาไม่เคยทำแบบนี้เลยสักครั้ง “ฉันให้เวลาครึ่งชั่วโมงฉันต้องรู้เรื่องทุกอย่างของเธอ” ชายหนุ่มสั่งต่อด้วยความร้อนใจ “รับทราบ ครับนาย” เอพยักหน้าอย่างพออกพอใจ หลังจากฟรานซิสออกไป เขาก็จิบไวน์เพื่อฆ่าเวลา “นี่ครับนาย” เอหันไปยิ้มอย่างพึงพอใจในประสิทธิภาพการทำงานของลูกน้อง และยื่นไปรับแฟ้มเอกสารที่ฟรานซิสยื่นให้ พร้อมกับรีบเปิดอ่านอย่างร้อนรน ในขณะที่อ่านไปก็ยิ้มไป น้องแพร เป็นลูกสาวคนเดียวของที่บ้าน พ่อกับแม่จากไปด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ แต่ได้ทิ้งมรดกก้อนโตไว้ให้โดยที่ไม่ต้องทำอะไรเธอก็สามารถใช้วิตได้อย่างสบาย ๆ เรียนจบคณะศึกษาศาสตร์วิชาเอกคณิตศาสตร์ เธอทำอาชีพสอนพิเศษในเวลาพาร์ททาม และที่ทำให้เอพึงพอใจมากที่สุดคือ เธอยังไม่มีชายในดวงใจ ทำให้เขาตั้งปนิธานกับตัวเองว่าจะต้องเป็นชายในดวงใจเธอให้ได้ ฟรานซิสเห็นสีหน้าและแววตาของผู้เป็นนายแล้วอดส่ายหัวและหนักใจแทนหญิงสาวที่นายเขาหมายปองไม่ได้ ไม่รู้จะเรียกว่าโชคดีที่เจ้านายของเขาสนใจใคร่รู้ในตัวเธอขนาดนี้ หรือสงสารเธอดีถ้าเธอได้มาเป็นนายหญิงของเขาจริงๆ แต่ไม่ว่าจะยังไง ฟรานซิสก็จะดูแลเจ้านายของเขาให้ดีที่สุด เช้ามืดวันใหม่น้องแพรลืมตาตื่นขึ้นมาสภาพงัวเงียที่สุด เพราะเธอเพิ่งเผลอหลับไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา เธอนอนไม่หลับเพราะมีคนบ้าคนหนึ่งมาขโมยหอมแก้มเธอแถมเข้ามาวนเวียนในสมองเธอไม่หยุดไม่หย่อนทำเอาเธอข่มตานอนไม่หลับเกือบตลอดทั้งคืน “กริ๊ง กริ๊งง” เสียงกริ่งจากประตูหน้าดังตั้งแต่ไก่ยังไม่ขัน เธองัวเงียขึ้นมากระชากประตูอย่างหงุดหงิดว่าใครกันที่มาเคาะประตูเช้าขนาดนี้ แต่แล้วคนหลังประตูก็ต้องทำให้เธอตื่นเป็นปลิดทิ้ง “พี่เอ” ชายหนุ่มยิ้มหล่อกระชากใจให้เธอหนึ่งกรุบ “มาทำอะไรแต่เช้าขนาดนี้คะเนี่ย” น้องแพรถามออกไปเสียงดังด้วยความตกใจเพราะไม่คิดว่าเขาจะมาเช้าขนาดนี้ ทั้ง ๆ ที่เธอกะจะชิ่งหนีเที่ยวเพื่อหนีเขาไปก่อนแต่เหมือนเขาจะรู้ทันถึงได้มาหาเธอเช้าขนาดนี้ “ก็พี่คิดถึงน้องแพรจนทนไม่ไหวไงครับ เลยต้องรีบมาหาแต่เช้า น้องแพรไม่คิดถึงพี่บ้างเหรอครับ” ชายหนุ่มตอบด้วยท่าทางสบายๆ มาก เพราะสิ่งที่เขาพูดไปมันคือความจริงทุกคำ แต่ด้านคนฟังใจสั่นจนแทบจะทะลุมาจากอก จนกลัวมากว่าชายตัวโตตรงหน้าจะได้ยินเสียงหัวใจของเธอที่มันเต้นแรงอยู่ตอนนี้ “เอาจริงสิคะ พี่เอ มันต้องขนาดนี้เลยเหรอ” น้องแพรอดส่ายหัวให้ในความพยายามในการมาเช้ามากของเขาไม่ได้ เอได้แต่ยิ้ม ๆ ใส่เธอ “พี่รู้ว่าถ้าสายกว่านี้ น้องแพรก็หนีพี่ได้สิ” น้องแพรพอได้ยินแบบนั้นก็ตกใจ จนหันไปทำตาโตใส่เขาเพราะว่าเขารู้ทันเธอจริงๆ ด้วย จนเธอได้แต่หันมาย่นจมูกใส่ด้วยความหมั่นไส้แต่เธอก็แก้ตัวไม่ได้ เพราะมันคือเรื่องจริง “แต่แพรไม่ไปไหนทั้งนั้นเพราะแพรง่วงค่ะ ง่วงมากด้วย” พอเธอพูดถึงเรื่องนอนเลยทำให้เธอนึกขึ้นมาได้ว่าเธออยู่ในชุดที่มันไม่สุภาพมาก ๆ ที่มาเปิดประตูให้เขาในสภาพแบบนี้ เลยก้มมองชุดตัวเอง เธออยู่ในชุดนอนผ้าลื่นๆ สายเดี่ยว ที่หน้าอกเว้าให้เห็นร่องอกลึก ที่สำคัญคือเธอไม่ได้ชุดชั้นในทั้งส่วนบนและส่วนล่าง แต่ดีนะที่เธอปล่อยผมเลยทำให้ผมมาปิดบังของสงวนส่วนบนอันแสนจะอวบอัดได้บ้าง (รึเปล่า?) พอคิดได้แบบนั้นเลยเงยหน้าขึ้นเพื่อมองหน้าชายหนุ่มว่าเขาจะสังเกตรึเปล่า แต่ผลคือเขาทำหน้าเหมือนอยากกินเธอทั้งตัว ด้วยแววตาที่หวานหยดย้อยสุดๆ เลยทำให้น้องแพรหันหลังเพื่อจะวิ่งหนีเขาเข้าห้อง แต่ด้วยความที่เธอขาสั้นกว่าเขาไปมาก ทำให้เอวิ่งตามเธอทันได้ด้วยเวลาอันรวดเร็วแล้วรีบคว้าตัวของน้องแพรแล้วกระชากหาแผ่นอกกว้างที่เธอรู้สึกว่ามันแสนจะอบอุ่น “พี่เอ ปล่อยแพรเดี๋ยวนี้เลยนะคะ” เธอรีบดิ้นสุดแรงแต่แรงของเธอก็ดูเหมือนจะไม่ทำให้เขาสะเทือนได้เลย “ตอนนี้ก็เกือบจะหกโมงแล้ว พี่จะให้เวลาน้องแพรไปอาบน้ำครึ่งชั่วโมง ถ้าช้ากว่านี้พี่จะพังประตูเข้าไป แล้วพี่ก็สัญญาเลยว่าเราจะได้ฮันนีมูนกันก่อนที่จะไปเดทแรกของเรา” ชายหนุ่มกระซิบข้างหูน้องแพรอย่างเสียงแหบพร่าโดยคำว่า ฮันนีมูน มันจะแหบพร่ากว่าคำอื่น ทำให้น้องแพรรีบพยักหน้าน้อยๆ แบบเสียไม่ได้ เพราะรู้ว่าเขาทำจริงแน่ ๆ “ขะ...เข้าใจแล้วค่ะ งั้นก็ปล่อยแพรสิคะ” ทันทีที่เอปล่อยมือ น้องแพรก็รีบวิ่งเข้าห้องนอนของเธอทันทีโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมามองชายหนุ่มด้วยซ้ำว่าจริงๆ แล้วเขาก็หน้าแดงไม่ต่างไปจากเธอเพราะต้องสะกดกลั้นอาการบางอย่างไว้ พอน้องแพรวิ่งเข้าห้องไปแล้วเอได้แต่พ่นลมหายไปออกจากปากเบาๆ เพื่อเป็นการระบาย เพื่อหวังว่าความอึดอัดที่เขากำลังเผชิญมันจะได้หายไปบ้าง “เวลาจะมาเปิดประตูให้ใครไม่ดูเลยว่าตัวเองแต่งตัวอะไรอยู่” เอได้แต่พึมพำและส่ายหัวเบาๆ กับความเปิ่นนี้ เพราะถ้าไม่ใช่เขา น้องแพรสุดน่ารักของเขาคงโดนจับกินไปแล้ว ครึ่งชั่วโมงผ่านไปน้องแพรอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยเธอออกมาจากห้องนอนด้วยชุดเดรสแขนกุดสีฟ้าอ่อนๆ ตกแต่งด้วยโบเล็กๆ น่ารักๆ ทั้งตัว ทำผมแบบผูกจุกเกล้าผมช่อเล็กๆ ด้านหน้ามัดรวบไปด้านหลังทั้งสองข้าง ส่วนผมหยักโศกเป็นธรรมชาติสีดำขลับ ก็ปล่อยสยายไว้กลางหลัง ในมือถือเสื้อคลุมแบบสั้นแค่สะดือสีดำติดมือมาด้วยหนึ่งตัว เธอเป็นคนไม่ชอบแต่งหน้าแค่ทาแป้งบวกกับทาลิปสติกนิดหน่อยก็ทำให้เธอออกไปไหนได้แล้ว ออกมาจากห้องกำลังเห็นชายหนุ่มคุยโทรศัพท์อย่างเคร่งเครียดอยู่ที่ด้านนอกระเบียง “โอเค ตามนี้นะ” เมื่อเห็นน้องแพรออกมาจากห้องพร้อมกับแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว เอก็รีบตัดบทกับคู่สนทนาก็คือ ฟรานซิส เขาโทรไปสั่งให้บอดี้การ์ดของเขาตามมุมต่างๆ ที่ทั้งติดตามและคอยดูแล ถอยไปห่างๆ เพราะไม่อยากให้น้องแพรตกใจจนเกินไป เพราะวันนี้เขาจะพาน้องแพรเข้าไปบริษัทเพื่อเคลียงานก่อน จริง ๆแล้วงานของเขาท่วมหัวก็ว่าได้แต่ด้วยความที่เขาอยากเจอน้องแพรบวกกับต้องทำงาน คนอย่างเขาไม่จำเป็นต้องเลือกเพราะเขาจะต้องได้ทั้งสองอย่าง เขาเลยมาลากน้องแพรเพื่อที่จะไปทำงาน เขากะว่าพอเคลียงานเสร็จแล้วค่อยพาน้องแพรไปทานข้าวและดูหนังต่อ เอเดินมาหาน้องแพรที่ทำหน้าง้ำหน้างออย่างน่ารักด้วยเพราะถูกเขาบังคับ เขาจูงมือเธอเข้าลิฟต์ไปเงียบๆ จริงๆ เธอก็ทำท่าจะสะบัดมือออก แต่มาเจอสายตาดุดุบวกกับส่ายหัวเบาๆ เลยทำให้เธอต้องหยุดเพราะกลัวเขาจะขู่อะไรแผลงๆ แบบเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้วอีก เขาจูงมือเธอมาถึงรถสปอร์ตสุดหรูสีน้ำเงินเงาวับ เธอเห็นแล้วจำได้ทันทีว่ามันคนละคันกับคันที่เธอเคยขับเมื่อคืน เขาเปิดประตูแล้วดันเธอขึ้นรถไป ระหว่างทางบรรยากาศเป็นไปด้วยความเงียบจนชวนให้อึดอัด ทำให้ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาเบาๆ เพราะยอมแพ้เธอ เลยทำให้เขารู้ข้อหนึ่งว่า น้องแพรเด็กสาวที่สดใสและน่ารักขนาดนี้มีความดื้อรั้นในตัวไม่เบา “น้องแพร” เธอชายตามองเขาเล็กน้อยแต่ยังไม่ยอมตอบเขา เพราะยังโกรธที่เขาบังอาจมาบังคับเธอขนาดนี้ “พี่ขอโอกาสได้มั้ยครับ” “โอกาสอะไรคะ ก่อนหน้านี้ไม่เห็นเคยจะขอ ตอนนี้ก็ไม่เห็นต้องขออะไรเลยค่ะ” จริงด้วย เธอโกรธที่เขาบังคับเธอจริงๆ เอได้แต่คิดแล้วอมยิ้มเบาๆ ในความแง่งอนของน้องแพร “ตอนบ่ายพี่จะตามใจน้องแพรทุกอย่าง แต่ตอนเช้านี้น้องแพรตามใจพี่ก่อนได้มั้ยครับ” น้องแพรได้แต่ถอนใจอย่างปลงๆ ไหน ๆ ก็มาขนาดนี้แล้ว เพราะพี่เอคนนี้ก็ทำให้เธอใจสั่นแบบที่เธอไม่เคยสั่นกับใครมาก่อนเช่นกัน “ก็ได้ค่ะ แต่ว่ารถคันนั้นเขาเหมือนขับตามเราตั้งแต่ที่เราอยู่คอนโดแพรแล้วนะคะ” พูดไปน้องแพรก็มองกระจกด้านข้าง ทำให้เอต้องมองก็จกหลังเพื่อพิสูจน์ เอแอบทึ่งเล็กน้อยที่เธอเก่งจนจับสังเกตได้ขนาดนี้ เพราะจริงๆ แล้วมันคือรถของบอดี้การ์ดของเขาที่มาคอยดูแลความปลอดภัย “ถ้าพี่บอกว่าเป็นรถของบอดี้การ์ดพี่ที่คอยดูแล น้องแพรจะเชื่อมั้ย” ชายหนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ใครจะไปเชื่อคะ” เธอตอบไปแบบทันควัน สักพักรถก็แล่นมาถึงหน้าตึกสูงระฟ้าแห่งหนึ่งใจกลางเมือง เอเดินลงมาเปิดประตูให้น้องแพรพร้อมกับส่งมือให้เธอจับเพื่อลงจากรถอย่างนิ่มนวล ขณะที่ชายหนุ่มกำลังจูงมือเธอเพื่อเข้าเดินเข้าไปตึกเธอรู้สึกว่าสายตาของคนทั้งตึกมองเธอเป็นตาเดียวจนเธอรู้สึกประหม่าจนรีบมาหลบหลังเอพร้อมกับบีบมือชายหนุ่มเบาๆ เอมาหยุดที่หน้าฟรานซิสจนทำให้เธอต้องหยุดตามไปด้วย “เรียบร้อยมั้ยที่สั่ง” เอเอ่ยถามฟรานซิสเบาๆ เพราะเค้าสั่งให้ฟรานซิสเตรียมอาหารเช้าไว้ให้ที่ห้อง “เรียบร้อยแล้วครับ” “เอ่อ บอสคะแก้วมีเอกสารทางการเงินที่แก้วอยากจะปรึกษากับบอสค่ะ” เสียงของแก้ว หัวหน้าเจ้าหน้าที่การเงินของบริษัทดังขึ้น บอสเหรอหรือว่าเขาจะเป็นเจ้าของที่นี่จริงๆ แพรได้แต่คิดคนเดียวอย่างเงียบ ๆ น้องแพรจึงเงยหน้ามองชายหนุ่มที่กุมมือเธอไม่ยอมปล่อย “รอผมกับคุณแพรทานอาหารเช้าเสร็จก่อนนะครับ เดี๋ยวผมให้เลขาโทรตาม” เอตอบกลับอย่างราบเรียบ แล้วก้มมามองสาวน้อยที่เขากอบกุมมือนุ่มนิ่มอยู่ จึงเห็นว่าเธอจ้องมองเขาอยู่ก่อนเลยทำให้เขายกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “มีอะไรรึเปล่าครับ” “เอ่อ ไม่มีอะไรค่ะ เรารีบไปกันเถอะค่ะ” เอพยักหน้าแล้วยิ้มให้อย่างอบอุ่น สาวน้อยตรงหน้ารีบงุดหน้าหลบเพราะสายตาของคนทั้งตึกกำลังจ้องมองเธอเป็นตาเดียว ก็แหงล่ะ เขาไม่เคยพาใครมาที่ทำงานเลย ต่อให้เขาจะมีข่าวว่าควงสาวไหนก็ตาม จะวิเศษวิโสขนาดไหนเขาก็ไม่เคยที่จะพามาที่ทำงานเลยสักครั้ง น้องแพรคือหญิงสาวคนแรกที่เขาอยากรับรู้ทุกความเป็นไปของเขา และเขาก็อยากรู้ทุกความเป็นไปของเธอเช่นกัน เอจูงมือน้องแพรเข้าลิฟต์ พอประตูลิฟต์ปิดลง เอก็ได้กระตุกแขนน้องแพรเพื่อดึงน้องแพรเข้ามากอด “อื้อ พี่เอปล่อยแพรนะ” น้องแพรโวยวายด้วยความตกใจ ตอนนี้เธอรู้สึกว่าหน้าเธอร้อนวูบวาบไปหมด เพียงเพราะเขาแค่กอดเธอ เธอจ้องเขม็งพร้อมกับขมวดคิ้วมองตาเขาเพื่อให้รู้ว่าเธอไม่พอใจอย่างมากที่เขาทำแบบนี้กับเธอ แต่เอไม่ได้สะทกสะท้านแถมยังขยับใบหน้าอันสุดแสนจะหล่อเหลาเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ จนเขาเอาจมูกมาชนกับจมูกโด่งเล็กๆอย่างหยอกเย้า ที่บอกถึงความดื้อรั้นได้เป็นอย่างดี ดวงตาประสานกัน น้องแพรจ้องมองเอด้วยอาการตื่นตกใจที่ชายหนุ่มทำกับเธอแบบนี้ ส่วนชายหนุ่มนั้นจ้องมองน้องแพรด้วยแววตาหวานหยดย้อยแล้วค่อยๆ ลดสายตามาที่ริมฝีปากอิ่มที่วันนี้เธอทาลิปสติกสีส้มอ่อนๆ สดใส พร้อมกับขยับปากของเขาไปประกบปากอิ่มสวยของน้องแพรทันที
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD