ตอนที่4.คุณลุงเลี้ยงเดี่ยว

1870 Words
ตอนที่4.คุณลุงเลี้ยงเดี่ยว ปวิชพอรู้ว่าตัวเองจะต้องแต่งงานกับคนที่แม่หาให้ เขาล่ะหมดแพชชั่นในการออกเดตกับสาวๆมาหลายวันแล้ว ได้แต่นอนเอามือก่ายหน้าผากแก้กลุ้มครั้งนี้เขารับรู้ได้ถึงพลังของแม่ในการหาลูกสะใภ้คนที่สองให้จงได้ ไม่สวยเขาไม่แต่งจริงๆด้วย... อีกด้านหนึ่งโยเกิร์ตวางสายจากมารดา เดินออกนอกระเบียงชื่นชมความสงบเงียบยามค่ำคืนของที่นี่ ได้ยินเสียงแมลงร้องระงมรวมพลังประสานเสียงอย่างกับวงออเคสตร้าฟังเพราะเสนาะหู ถามว่าเธออยากมาที่นี่หรือไม่...บอกเลยว่าไม่ แต่ถ้าให้เลือก เธอเลือกชีวิตวุ่นวายในเมืองหลวงมากกว่าที่นั่นมีทั้งแสงสีและอิสระ เงินเดือนที่ได้จาการเป็นเชฟก็มากโขอยู่ได้แบบสบายๆ "เฮ้อ!...คู่หมั้นบ้าบออะไรคนไม่รักกันจะแต่งกันไปได้ยังไง ขนาดคนรักกันปานจะกลืนกินที่เคยเห็นไม่เกินห้าปีก็เบื่อกันแล้ว" ยอมรับคู่หมั้นที่ไม่ได้หมายเหรอ...บอกเลยว่าไม่ หัวเด็ดตีนขาดยังไงก็ไม่แต่ง สรุปแล้วนี่เธอเป็นเจ้าสาวที่กลัวฝนไปแล้วใช่ไหม และในที่สุดวันพุธก็มาถึงเสียที วันหยุดวันเดียวของฉันวันนี้จึงต้องทำมันให้คุ้มค่า ทำอะไรให้ตนเองมีความสุข ปาร์ตี้จะเยียวยาทุกสิ่ง วันนี้เธออยากสวย ปิดล่างเปิดบนหยิบจั๊มสูทขายาวสีดำมาสวม บราปีกนางฟ้าต้องเข้าแล้วเพราะวันนี้เธอจะเปิดแผ่นหลังนวลเนียน จะให้มีเส้นสายให้รกตาไม่ได้ยกแขนผูกโบว์ที่คอน่ารัก หน้าอกคัพบีเบียดชิดน่ามอง งาม...แต๊ แต๊ สาวเจ้ามองเงาตนเองในกระจกพอใจมาก จับลอนผมให้เคลียกับลาดไหล่รับกับคอเสื้อรูปตัววีเห็นร่องอกที่พุ่งใส่ตาใครต่อใคร แต่งหน้าให้สวยฉ่ำ ริมฝีปากมันวาวน่าจูบ แบบนี้เขาเรียกสวยออแกนิกสวยธรรมชาติสวยเกินเบอร์ เธอคงไม่กล่าวเกินจริง ก็เงาในกระจกมันฟ้องอยู่ทนโท่ แต่งตัวเสร็จแล้วออกไปยืนรอหมอแก้วมารับที่ประตูทางเข้าของรีสอร์ต เป็นเวลาเดียวกับปวิชกลับจากโรงอบใบชาพอดิบพอดี จอดรถรอเจ้าไทรอัมพ์สีดำดุมันวาวที่มีหมอแก้วเป็นคนขับส่องรัศมีความเท่ห์มาแต่ไกล เขารีบลดกระจกทักทาย จงใจส่งสายตาไปที่คนซ้อนท้ายแต่แม่ซังกุงไม่สนใจเขาสักนิด ติดจะเมินเสียด้วยซ้ำ เขาถามคนขับแต่สายตาจับจ้องไปที่ร่างบาง "คุณแก้วไปไหนกันครับ" หมอแก้วเหยียดขายาวๆประคองรถคลี่ยิ้ม เขาหรี่ตามองนิ้วเรียวของแม่ซังกุงโอบเอวคุณหมอแก้วอย่างกับคู่รักทิ้งลำตัวบอบบางอิงแอบคนขับแนบแน่น "ปาร์ตี้ที่บ้านคุณหมอตัวเล็กถ้าคุณปวิชว่างตามไปนะคะ" ไม่ไปก็โง่แล้ว... เขาอยากไปจนตัวสั่นเก็บอาการไม่อยู่ เพ่งมองแม่สาวต้องห้ามเห็นเธอเอาแต่ก้มๆเงยๆ ห่วงว่าผมที่ดัดลอนสวยจะเสียทรง "ได้ครับ...เดี๋ยวผมตามไปว่าแต่ซังกุงนั่งดีๆระวังตกนะครับ" "รู้หรอกน่ายุ่งจริงๆ" ฉันบ่นอยู่คนเดียวคิดว่าเขาคงไม่ได้ยินหรอก เพราะหมอแก้วบิดคันเร่งเสียงท่อดังกระหึ่ม ด้านปวิชความชั่วในตัวแผลงฤทธิ์ เผลอเลียริมฝีปากเมื่อเห็นแผ่นหลังนวลเนียนค่อยๆห่างออกไป ห่างออกไปเรื่อยๆจนลับสายตา สมภาร...สมภารห้ามกินไก่วัด คำนี้ผุดขึ้นมาในมโนสำนึกเตือนสติ เหมือนกลัวว่าเขาจะทำมิดีมิร้ายยัยซังกุงตาดุอย่างนั้น ว่าแต่วันนี้เธอสวยหยาดเยิ้มจนเขาแทบอดใจไม่ไหว ร่างกายท่อนร่างโอดครวญอีกแล้ว มันยังไงกันนะ เขาคิดถึงปาร์ตี้ใจแทบขาดรีบเข้าร้านเคลียร์งานเคลียร์ทุกสิ่ง วันนี้คงต้องฝากความหวังไว้กับผู้จัดการร้านซะแล้ว "เจ๊แองจี้...วันนี้ผมฝากร้านด้วยนะพอดีผมมีธุระ" ผู้จัดการร้านสาวสองทิ้งสะโพกสวยกับเคาน์เตอร์แคชเชียร์ ใบหน้าสวยสดกับหน้าอกหน้าใจอัพไซส์ทรงสะบึม แพขนตาที่เพิ่งต่อมาหมาดๆกระพริบถี่ ริมฝีปากล่างอวบอิ่มชวนจูบยิ้มละมุน ถือวิสาสะวางมือบนแผงอกแน่นหนึบจีบปากจีบคอพูด "ได้เลยค่าบอสขา ไม่ต้องห่วงนะคะแองจี้จะดูแลไม่ให้ขาดตกบกพร่องเลยค่ะ" "ดี...มีเรื่องด่วนโทรหาได้เลย ผมอยู่บ้านพี่ปิติ" พูดจบปวิชไม่ยืนรอให้ผู้จัดการได้ลูบไล้นาน ไหวไหล่เดินจากไปอย่างเร่งรีบ "บอสน่ะ...นิดๆหน่อยๆก็ไม่ได้" แองจี้สบถอย่างเสียดายได้แต่เพ่งสายตาไปที่สะโพกใหญ่สมชายชาตรีน่าหลงใหลจนต้องซี๊ดปาก "ได้สักครั้งก็ไม่เสียดายชีวิตแล้วฉัน ยัยแองจี้" สั่งงานเสร็จแล้วเขารีบบึ่งรถเข้าบ้าน แต่งหล่อไปทักทายหลานตัวน้อยสักหน่อย อันนี้แค่ข้ออ้างที่จริงแล้วเขาคิดถึงบรรยากาศครื้นเครงนั้นต่างหาก เดินฮัมเพลงในจังหวะแดนซ์มันส์ๆคึกคัก เขาคึกคักดีดนิ้วเป็นจังหวะกำลังก้าวขาขึ้นรถผิวปากอารมณ์ดีโดยไม่ลืมหิ้วบรั่นดีกับวอดก้าไปด้วย "ลุงคับ...ลุงคับรอไอติมด้วย" "หืม..." เขามองไปตามเสียงเล็กที่เรียกพบกับร่างอ้วนป้อมที่แทบจะกลิ้งได้แทนเดิน รีบวิ่งมาทางตนเองพร้อมกระเป๋าเป้หนึ่งใบแต่งตัวหล่ออย่าบอกใคร ได้กลิ่นแป้งเด็กโชยเข้าจมูก "แม่ฝากหลานไปด้วยคนนะ ไปสิลูกไอติมลุงเขากำลังไปบ้านลุงติ ที่นั่นคนเยอะไม่เงียบเหมือนบ้านย่าหรอก" แม่เลี้ยงปาลิดาดันหลังหลานชายเข้าไปในรถ แล้วตัวเองก็รีบขึ้นรถข้างคนขับ ในขณะที่พ่อเลี้ยงเธียรส่งสายตาเป็นกำลังใจมาให้ ชะโงกหน้าส่งแมสเสจถึงปวิชว่า "นอนกับลุงเขาซักสองสามคืนนะลูกนะ ปู่กับย่าจะสวดมนต์ไหว้พระ" มีหลานเมื่อพร้อมเขาคิดอย่างนั้น... แล้วใครกันที่โทรศัพท์อ้อนวอนให้เจ้าหมูอ้วนมาพักผ่อนที่เชียงราย แล้วดูสิตอนนี้เอามาแปะไว้กับเขาอย่างกับคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวก็ไม่ปาน เขาทุกข์ใจพ่อกับแม่ควรมีหลานเมื่อพร้อมจริงๆ... "ได้คับคุณปู่ไม่ต้องห่วง ไอติมจะดูแลลุงวิชเองคับ" พูดจบรถโฟล์ครุ่นคลาสสิคเคลื่อนตัวจากไป เหลือไว้เพียงแค่ลุงหลานสองคน ประกายตาเจิดจ้าเมื่อสักครู่หายเป็นปลิดทิ้ง ปวิชสบตากับดวงตากลมใสของเจ้าหมูอ้วนหลานของเขา "ไป... Let's go" พอขึ้นรถได้เจ้าหมูอ้วนตัวน้อยรีบพูดขณะที่ยื่นขนมเด็กอัดแท่งเข้าปาก "เหยียบเลยคับ ไอติมหิวข้าว" ปวิชยื่นมือลูบที่ศรีษะทุยอย่างรักใคร่เอ็นดูในความช่างพูด ทั้งที่เกิดมาพร้อมกับคำว่าขาด แต่หลานเขาก็เติบโตมาด้วยความรักของทั้งพ่อและแม่รวมทั้งปู่ย่ากับลุงด้วย เพียงแค่ไม่ได้อยู่ด้วยกันแค่นั้น ***** บ้านของปิติและขวัญชีวา สองลุงหลานมาถึงในไม่ช้าปวิชโอบกล่องพลาสติกใบเล็ก ข้างกันเป็นเจ้าหมูอ้วนที่พอมาถึงก็เริงร่าทันที "ลุงติ...ลุงติคับ ไอติมมาแล้วครับ" ปิติกำลังก่อเตาบาบีคิวควันขโมงหันมาตามเสียงเรียก ยิ้มกว้างเมื่อสบตากับเจ้าของเสียงแหลมเล็ก อ้าแขนออกรอรับร่างอ้วนกลมที่โถมตัวเข้าใส่ หอมที่แก้มอีกฟอดด้วยความคิดถึง "ไหน...ขอลุงกินไอติมหน่อยว่าอร่อยหรือเปล่า" "ง่ำ...ง่ำ" "ฮ่า...ฮ่า..." เสียงหัวเราะเอิ๊กอ๊ากดังลั่นจากสนามหญ้าเข้ามาถึงในตัวบ้าน ขวัญชีวาที่กำลังอุ้ยอ้ายจึงรีบออกไปดู ทิ้งให้โยเกิร์ตกับหมอแก้วช่วยกันทำสเต็กอยู่ในครัว "เดี๋ยวเรามานะโย" โยเกิร์ตละสายตาจากกระทะย่างลอนเล็ก กำชับคนท้องที่อยู่ไม่เป็นสุขด้วยความเป็นห่วง "เดินดีๆล่ะคุณแม่ระวังหลานปี่ด้วยหนา" "จร้า...ตั๋วไม่ต้องห่วง" โยเกิร์ตมองตามจนเห็นว่าขวัญชีวาลงจากบ้านเรียบร้อย จึงให้ความสนใจกับจานสเต็กช่วยกันกับหมอแก้วตักชิ้นหมูที่ย่างสุกปานกลางวางลงบนจาน ตักน้ำซอสราดบนเนื้อหมูฉ่ำเยิ้ม หมอแก้วเป็นผู้ช่วยที่ดีขยุ้มมันฝรั่งทอดและสลัดผักสีเขียวสีแดง วางไว้ข้างกันให้ดูน่ากินโปะด้านบนด้วยมะเขือเทศฝานแผ่นบาง เป็นอันเสร็จสิ้นกระบวนการ "อ๊าส...เสร็จแล้วพอร์คช็อปหมูพริกไทยดำ" หมอแก้วตบมือเบาๆชื่นชมในผลงานของตนเอง ดวงตาวิบวับเป็นประกาย "โยว่าแก้วไปเป็นผู้ช่วยเชฟเถอะ หน่วยก้านใช้ได้เลยนะ" หมอแก้วส่ายหน้า การทำอาหารคือสิ่งที่ชอบแต่การล้วงตูดวัวคือสิ่งที่ชอบมากกว่า "ไม่เอา...ล้วงตูดวัวสนุกกว่าเยอะ แก้วเข้าครัวแค่คอยช่วยโยดีกว่าเนอะ" "ก็ดีน่ะสิ..." ปวิชเดินเข้ามาทันได้เห็นสายตากรุ้มกริ่มของหมอแก้ว สบเข้ากับสายตาหวานคู่นั้น พาลคิดไปว่าทำไมตอนคุยกับเขาตาถึงดุจังอันนี้เขาไม่เข้าใจจริงๆ เห็นแบบนี้รู้สึกไม่ชอบขึ้นมาบอกไม่ถูก ต้องรีบเข้าไปขัดจังหวะโดยด่วนแสดงความ มีน้ำใจนิดหน่อยบังหน้า "เสร็จหรือยังครับผมช่วย" ถึงแม้ปากเขาจะบอกว่าอยากช่วย แต่สายตาของเขาจับจ้องไปที่ทรวงอกอวบอิ่ม ช่วงไหล่เปิดแบบน่ามอง ผู้หญิงที่สวยอย่างคุณ... หมอแก้วดึงกระดาษทิชชู่ซับเหงื่อให้โยเกิร์ตชะงักค้างแค่นิดเดียวแล้วตอบว่า "เสร็จแล้วค่ะคุณปวิช เดี๋ยวใส่ถาดยกไปทานได้เลยค่ะยกไปหมดนี่แหละค่ะ" ปวิชที่จริงเขาสนใจหญิงสาวที่ทำท่าเหมือนจะพูดอะไรกลีบปากอวบอิ่มขยับนิดเดียวแล้วปิดฉับไม่ได้พูดออกมา ทำทีเก็บอุปกรณ์ที่ทำไว้ลงอ่างล้างจาน ที่มีแม่ครัวของบ้านนี้คอยช่วยเก็บกวาด "คุณ...คุณไปเถอะค่ะทางนี้ป้าแตนจัดการเองค่ะ" "งั้นโยไปก่อนนะคะ" หมอแก้วสำรวจดูความพร้อมของหญิงสาวอีกคนเห็นว่าเช็ดหน้าเช็ดตาดีแล้ว จึงพากันไปที่หน้าบ้านโดยไม่ลืมถือโถน้ำพั้นซ์สีสวยติดมือมาด้วย ขณะที่แขนอีกข้างโอบไหล่บางไว้กับตัว ปล่อยให้ปวิชกับปิติถือถาดสเต็กปลิวว่อน เมื่อกุ๊กคนสวยโผล่หน้าออกจากบ้านก็ได้พบกับเด็กน้อยหน้าคุ้น กำลังเคี้ยวของในปากอย่างตั้งใจ ฉีกยิ้มกว้าง "กุ๊กคับ...หย่อยที่สุดในโยกเยย ออนไรท์
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD