บทที่ 8 ขอโอกาส 1

1279 Words
“ฉันยังไม่ได้หมั้นและไม่มีทางหมั้นกับคุณเด็ดขาด” รินรดาพูดแว้ดเสียงดังขึ้นมา ใบหน้าก็แดงก่ำด้วยความโกรธ ยิ่งสีหน้าของพีรวัสดูจะระรื่นเหมือนสนุกที่เห็นเธอเป็นตัวตลก “จะให้พี่ทำยังไงข่าวก็แถลงไปแล้ว” พีรวัสถามขึ้น “เรื่องนี้คุณเป็นคนก่อขึ้นก็ต้องเป็นคนจัดการเองสิ” “พี่ก็จัดการแล้วไงรดายังต้องการอะไรอีก” “นี่คุณเรียกว่าจัดการเหรอ คุณสร้างปัญหาเพิ่มขึ้นมามากกว่า คุณทำแบบนี้ไปเพื่ออะไรในเมื่อฉันก็บอกแล้วว่าไม่ต้องการความรับผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้นเดี๋ยวคนก็ลืมไป ข่าวนั่นทำอะไรฉันไม่ได้หรอก” รินรดาถามอย่างหัวเสียที่ชายหนุ่มแอบทำเรื่องโดยที่ไม่ปรึกษาเธอก่อน นี่ถ้าพี่ชายไม่ส่งคลิปมาให้ดูเธอก็คงไม่รู้เรื่อง พีรวัสถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ในความดื้อดึงของรินรดาที่เป็นตั้งแต่เล็กจนโต เขาเดินเข้ามาหาหญิงสาวด้วยท่าทางที่มั่นคงและผึ่งผาย “พี่รู้ว่ารดาไม่แคร์เรื่องที่เกิดขึ้น แต่พี่เป็นต้นเหตุทำให้รดาเสียชื่อเสียงถ้าพี่นิ่งเฉยทิ้งให้รดารับกรรมอยู่คนเดียวพี่คงต้องเปลี่ยนจากกางเกงไปนุ่งกระโปรงแทนแล้วแหละ” “แต่คุณไม่จำเป็นต้องบอกคนอื่นว่าฉันกับคุณกำลังจะหมั้นกัน เพราะมันจะเป็นบ่วงผูกคอคุณเอง ถ้าวันข้างหน้าเราต้องถอนหมั้นกันฉันจะไม่เสียหายมากกว่าเก่าหรือไง” รินรดาพูดด้วยเหตุผล พีรวัสไม่ตอบอะไรแต่เอื้อมมือไปจับมือบางมากุมไว้โดยไม่สนใจอาการขัดขืนของรินรดา “เราสองคนจะไม่ถอนหมั้นกันเด็ดขาด” “อย่าพูดอะไรที่มันเป็นไปไม่ได้เลยค่ะ ตอนนี้คุณอาจจะพูดได้ว่าไม่มีการถอนหมั้น แต่คุณไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่กับคนที่ไม่ได้รักไปตลอดชีวิตได้หรอก ฉันยอมอายยอมเจ็บวันนี้ดีกว่าถลำลึกไปมากกว่านี้” รินรดาดึงมือตัวเองออกจากการเกาะกุม เพราะเธอไม่อยากให้พีรวัสรู้ว่าตอนนี้มือตัวเองสั่นแค่ไหน “รดาก็ทำให้พี่รักรดาสิ คนอย่างคุณหนูรินรดาทำได้อยู่แล้วเรื่องแค่นี้เอง” พีรวัสพูดเสียงนุ่มออกมา และถามตัวเองว่าถ้ารินรดาทำตัวน่ารักเขาจะรักหญิงสาวในฐานะคนรักได้ไหม รินรดาหัวเราะเสียงเยาะก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงติดขำ แต่สายตาไม่ขำด้วย “คนอย่างฉันจะไม่มีความสามารถทำขนาดนั้นได้ยังไง” “ทำไมจะทำไม่ได้ล่ะ ก็แค่ไม่ดื้อไม่เอาแต่ใจตัวเองไม่พยศ แค่นี้ก็น่ารักแล้ว” “แต่นี่มันตัวตนของฉันถ้าคุณรับมันไม่ได้เราจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันได้ยังไง ทีฉันยังไม่เคยขอร้องให้คุณเปลี่ยนอะไรเลย แล้วทำไมคุณต้องมาเรียกร้องให้ฉันเปลี่ยนเพื่อคุณด้วยล่ะ” รินรดาพูดถามตามความจริง เธอรู้ว่าสิ่งที่เขาอยากให้เปลี่ยนมันเป็นสิ่งที่ไม่ดี แต่ถ้าเขารู้จักเธอจริง ๆ เขาจะรู้ว่าเธอเป็นคนยังไง “พี่เป็นคนยังไง แล้วมีอะไรให้ต้องปรับเปลี่ยนอีกล่ะรดาก็บอกมาสิ” เขาถามเพราะในใจก็แอบอยากรู้ว่าในสายตารินรดาเขาเป็นคนยังไง “แน่ใจว่าอยากจะฟัง” รินรดาถามพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นหนึ่งข้างอย่างกวน ๆ พอเห็นเขาพยักหน้ารับเธอก็พูดออกมาทันที “คุณเป็นที่เอาแต่ใจตัวเองไม่แพ้ฉันหรอก เผด็จการ ปากร้าย ชอบดุ ตัดสินคนที่ภายนอก และข้อสำคัญที่สุดคุณไม่รู้อะไรที่เกี่ยวกับฉันเลยแม้แต่น้อย คนเราถ้าอยู่ด้วยกันมันต้องรู้เรื่องอีกฝ่ายบ้าง” คำพูดเป็นชุดทำให้คนรอฟังหน้าเหวอไปเลย ข้ออื่นก็พอจะรับได้แต่ข้อสุดท้ายเขามั่นใจว่าตัวเองไม่ได้เป็นแบบนั้นเลยถามเสียงเข้มออกมา “พี่ตัดสินคนที่ภายนอกยังไง” “ยังไงน่ะเหรอ คุณคิดว่าผู้หญิงที่แต่งตัวเรียบร้อยอ่อนหวานทำตัวน่ารัก นิสัยคงจะน่ารักเรียบร้อยตามที่พวกเธอทำให้เห็น แต่คุณมั่นใจได้ยังไงว่านิสัยจริง ๆ ของพวกเธอจะเป็นแบบนั้น รู้จักไหมคำว่ามารยาผู้หญิงน่ะ” รินรดาพูดและอดหมั่นไส้ไม่ได้ที่พีรวัสดูจะพึ่งพอใจผู้หญิงสไตล์แบบนั้น เธอไม่ได้ว่าผู้หญิงเรียบร้อยไม่ดี แต่อยากให้เขามองให้ลึกถึงนิสัยใจคอมากกว่ารูปกายภาพลักษณ์ภายนอก พีรวัสมองหน้ารินรดาและนึกสงสัยว่าหญิงสาวต้องการสื่อถึงเรื่องอะไร เขาจำได้ว่าตัวเองไม่เคยคิดหรือมองคนในลักษณะแบบนั้น ด้วยความที่เรียนเมืองนอกมาหลายปีผู้คนที่นั่นเป็นยังไงก็สื่อและแสดงออกมาให้ได้รู้ ความกล้าคิดกล้าพูดทำให้เขาไม่ต้องคิดมากอะไร “แล้วมันเกี่ยวกับเรื่องของเรายังไง” “เกี่ยวสิ การที่คุณเห็นฉันแต่งตัวแบบนี้ ดื้อ เอาแต่ใจตัวเองและเห็นฉันขึ้นห้องผู้ชายไปอยู่กันสองต่อสองคุณก็เหมารวมไปแล้วว่าฉันเป็นผู้หญิงไม่ดีทำตัวไม่เหมาะสม ไร้ศักดิ์ศรีที่คุณคิดแบบนั้นเพราะคุณดูคนที่ภายนอก และไม่รู้จักฉันดีพอ” รินรดาเริ่มเหนื่อยที่ต้องมายืนพูดอธิบายเรื่องแบบนี้เต็มที พีรวัสเลิกคิ้วขึ้นกับคำพูดที่รินรดาว่าเขาไม่รู้จักเธอดีพอ เขานี่นะไม่รู้จักรินรดาเห็นว่าตั้งแต่เกิดยังต้องรู้จักอะไรกันอีก “พี่นี่นะไม่รู้จักรดา ไอ้เวลายี่สิบกว่าปีที่ผ่านมาพี่ยังรู้จักเราอีกเหรอ” รินรดาถอนใจแล้วเดินไปนั่งที่โซฟาอย่างหมดแรง พีรวัสเองก็เดินตามมานั่งข้าง ๆ รินรดาเห็นก็เริ่มพูดออกมาอีกครั้ง “ถ้าคุณบอกว่าตัวเองรู้จักฉันไหนลองบอกสิว่าฉันเกิดวันที่เท่าไรเดือนอะไร เรียนจบที่ไหนเกรดเท่าไร นิสัยจริง ๆ ของฉันเป็นยังไง ถ้าคุณตอบพวกนี้ได้แล้วเราค่อยมาคุยกันเรื่องหมั้นอีกที” พีรวัสนั่งนิ่งคิดแล้วต้องตกใจตัวเองที่เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับรินรดาเลย และไม่คิดว่ารินรดาจะใช้เรื่องนี้มาถาม ส่วนและตอนที่กำลังคิดคำพูดของทั้งมารดาและชนาเทพก็เข้ามาในหัวว่าเขาตัดสินคนที่ภายนอกและไม่รู้อะไรเกี่ยวกับรินรดาเลย ตอนแรกเขาก็บอกว่าตัวเองรู้ทุกอย่างแต่ตอนนี้มันไม่ใช่ เขาไม่รู้อะไรเลย สายตารู้สึกผิดถูกส่งไปให้หญิงสาวที่นั่งข้าง ๆ “ไม่ต้องรีบนะคะค่อย ๆ คิด ถ้าคิดไม่ออกเรื่องงานหมั้นถือว่าล้มเลิกกันไป เรื่องข่าวเดี๋ยวคนก็ลืมไปเอง” รินรดาพูดขึ้นเมื่อเห็นสายตาของพีรวัส เธอหยิบกระเป๋าแล้วลุกขึ้นจะเดินไปที่ประตูแต่ก็ต้องชะงักไปเมื่อได้ยินที่ชายหนุ่มถาม “แล้วนี่มายังไงเดี๋ยวพี่ไปส่งที่บ้าน” +++++
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD