MF#1_มนตรา
ณ ประเทศอังกฤษ
..ปังง..
..ปังง..
..ปังง..
“เจ้านาย! พวกมันหนีไปทางนั้นแล้วครับ”
“ตามไปซิวะ!! อย่าให้หนีรอดไปได้”
..ปังง..
..ปังง..
“อ๊ากกกก!!!”
..ปังง...
“กรี๊ดดดดด!!!!”
...ปังง...
เสียงปืนและเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังกึกก้องไปทั่วทั้งผืนป่า ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องอันโหยหวนบาดลึกลงไปในหัวใจเหมือนคมมีดของยมทูต..
ท่ามกลางอากาศอันหนาวเหน็บเย็นเชียบในฤดูหนาวของประเทศอังกฤษ ลมหายใจหนักๆของกลุ่มชายฉกรรจ์ที่มีไม่ต่ำกว่าสิบคนพาให้เกิดกลุ่มควันเล็กๆพวยพุ่งออกมาจากริมฝีปากที่เม้มแน่น..
“เรียบร้อยแล้วครับเจ้านาย”
หนึ่งในกลุ่มชายฉกรรจน์พูดขึ้นท่ามกลางความมืดมิดของป่าสนสีขาวโพลน มีเพียงแสงจากเงาจันทร์เท่านั้นที่สาดส่องเล็ดลอดลงมากระทบเข้ากับเกล็ดหิมะ..
"พวกมันมีกี่คน?"
เสียงทุ้มๆเย็นยะเยือกเหมือนเสียงน้ำแข็งขั้วโลกเอ่ยขึ้นเบาๆ ร่างสูงใหญ่ถูกบดบังด้วยเงามืดของต้นสนต้นใหญ่..
"เราเก็บพวกมันไปได้สี่ แต่ผมไม่แน่ใจว่าครอบครัวของคนไทยยังอยู่รึเปล่า?"
..สวบ..
..สวบ..
...คลิ๊ก...
"เฮ้ย! อย่ายิงกูเอง"
เสียงร้องห้ามหอบๆดังออกมาจากปากของชายฉกรรจ์ร่างสูงที่เพิ่งตามเข้ามาสมทบ
"นายครับ!!"
ก้าวยาวๆเข้ามาหาร่างสูงใหญ่กลางวงล้อมของกลุ่มชายฉกรรจ์..
“.....”
ไม่มีเสียงตอบรับของร่างในเงามืด
"ผัวเมียชาวไทยตายแล้วครับ ผัวถูกยิงเข้าที่หัวในระยะเผาขน ส่วนเมียถูกยิงเข้ากลางหลัง ผมไม่แน่ใจว่าลูกกระสุนจะเป็นของเราหรือของพวกมันที่ฆ่าทั้งสองคน"
รายงานเสียงเครียด หลังจากที่ได้รับคำสั่งให้เข้าไปแทรกซึมอยู่ในกลุ่มของศัตรูตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาเพื่อคอยจับตาดูความเคลื่อนไหว และกลับรายงานข้อมูลเชิงลึกให้เจ้านายหนุ่มรับรู้ รวมถึงเหตุการณ์ครั้งนี้ด้วย..
ความเงียบเกิดขึ้นชั่วขณะ มีเพียงเสียงลมหายใจหนักๆและกลุ่มควันสีขาวที่พวยพุ่งออกมาจากปากและจมูกท่ามกลางเกล็ดหิมะที่เริ่มโปรยปรายลงมาไม่ขาดสาย..
"เก็บให้สะอาด อย่าให้มีแม้แต่เส้นผมหลุดรอดออกไป"
คำสั่งเฉียบขาดดังออกมาจากปากที่เม้มแน่นของชายหนุ่ม ร่างสูงใหญ่เริ่มขยับออกจากเงาของต้นสน..
“..ฮึก..ฮึกๆ..”
ชะงักกึก หยุดการเคลื่อนไหว ตั้งใจฟังเสียงที่ลอยมาตามสายลมเย็นยะเยือก
“..ฮึกๆ.. ฮึกๆ..”
เสียงสะอื้นแผ่วๆเกือบถูกกลบด้วยเสียงลมและเสียงของใบไม้ที่กำลังพลิ้วไหวไปตามแรงลม..
ไม่ต้องรอให้บอก ชายฉกรรจ์นับสิบคนเคลื่อนตัวอย่างเงียบเชียบแต่ฉับไว กระจายกันออกไปทั่วทั้งบริเวณเพื่อตามหาเสียงปริศนา พร้อมกับมือที่ยกปืนขึ้นเล็ง..
“..ฮึก..ๆๆ.. ฮือๆๆ..”
“ทางนี้!”
เสียงกระซิบเบาๆกับการเคลื่อนไหวมือน้อยๆเป็นการส่งสัญญาณ เมื่อหนึ่งในกลุ่มเริ่มเข้าไปใกล้เป้าหมาย..
“ฮือๆๆ..ฮึก”
หนึ่งในชายฉกรรจ์ก้าวพรวดออกไปยืนจังก้าพร้อมกับยกปืนในมือขึ้นเล็งไปที่ใบหน้าเนียนๆแดงก่ำเปรอะเปื้อนไปด้วยหยาดน้ำตา..
"เจ้านายเด็กผู้หญิง!!!"
อ้าปากค้าง ลดปืนในมือลงช้าๆ มองร่างของเด็กสาวที่กำลังนั่งกอดเข่าคุดคู้ ก้มหน้าร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่หลังตันสนต้นใหญ่ด้วยสีหน้าตกตะลึง ทำอะไรไม่ถูก
“ฆ่าทิ้งให้หมด! เก็บเอาไว้ก็ไม่มีประโยชน์”
เสียงออกคำสั่งห้วนๆ ดังขึ้นในความมืดก่อนที่ร่างสูงใหญ่จะก้าวเข้ามาสมทบ..
“เอ่ออ...”
อึกอัก ยกปืนในมือขึ้นช้าๆอีกครั้ง ลังเลไม่กล้ายิง
...คลิ๊ก...
ร่างสูงใหญ่ของผู้เป็นเจ้านายก้าวเข้ามาแทนที่ หลังจากที่ผลักลูกน้องออกจนพ้นทางก่อนจะยกปืนในมือขึ้นแล้วเล็งไปที่หัวเล็กๆที่มีเส้นผมดกยาวหยักโศกด้วยตัวเอง..
"พี่จ๋า!! หนูกลัว ช่วยด้วย!!"
เงยหน้าที่มีน้ำตานองขึ้นมอง ดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อนทอแสงสีทองท่ามกลางแสงจันทร์ หยาดน้ำใสๆคลอคลองเปล่งประกายสะท้อนแสงวิบวับราวอัญมณี
ริมฝีปากเล็กบางของอัญญาในวัยสิบขวบสั่นระริกอ้อนวอนเสียงพลิ้วหวานเหมือนเสียงระฆังกังวานในคืนอันมืดมิดหนาวเหน็บ..
(เมขลิน วรวงศ์เดชา (อัญญา) อายุ สิบขวบ)
สรรพสิ่งรอบกายเงียบงันไร้ซึ่งเสียงใบไม้ไหว.. แม้แต่เสียงลมพัดเมื่อสักครู่ก็จางหายไป ราวกับทุกอย่างถูกสะกดไว้ด้วยเวทมนต์ที่มองไม่เห็น ทุกสิ่งหยุดนิ่งไร้การเคลื่อนไหวลงชั่วขณะ..
"เจ้านาย"
เสียงเรียกเบาๆดึงให้มนตราบางอย่างหลุดลอย ร่างสูงใหญ่ดำทะมึนขยับช้าๆก่อนจะลดปืนในมือลงด้วยความไม่เข้าใจ สับสนกับอะไรบางอย่างที่มองไม่เห็น..
"เก็บให้เกลี้ยง!"
เสียงเย็นยะเยือกออกคำสั่งไร้ซึ่งความปรานีก่อนจะหันหลังแล้วก้าวยาวๆจากไป
"เด็ก??"
ชายที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลังพร้อมกับเด็กผู้หญิง พึมพำเบาๆ ยังไม่แน่ใจในคำสั่ง
“ยิงทิ้งซิวะไอ้โง่!”
เสียงของอีกคนตอบสวนกลับมาท่ามกลางเสียงหวีดหวิวของลมกรรโชกและเกล็ดขาวๆของหิมะที่เริ่มโปรยปรายลงมาอย่างหนัก..
---------------------------------------------@@-♡-@@---------------------------------------------