CHAPTER 01 หมอฝากรอย
CHAPTER 01 หมอฝากรอย
“วันนี้เหนื่อยจังวะ”
เสียงของชายร่างสูงบ่นกับตัวเองหลังจากเพิ่งออกจากห้องฉุกเฉิน หน้าตาทรุดโทรมจากอาการเหนื่อยล้าของการทำงาน วอร์ดคืนนี้นับว่ายุ่งมากถึงมากที่สุด เมื่อเขาเพิ่งทำแผลให้เด็กวัยรุ่นยกพวกตีกันจนได้รับบาดเจ็บเลือดตกยางออก ในใจก็พร่ำคิดว่าจะมาตีอะไรกันตอนดึกดื่นป่านนี้ แต่ก็ได้แต่บ่นในใจเพราะอาชีพของหมอมันก็แบบนี้แหละ
“หมดสภาพเลยนะคะหมอเมฆ”
ตาคมที่อ่อนล้าเปรยมองไปยังต้นเสียงใสของพยาบาลที่ขึ้นวอร์ดด้วยกัน ทว่าหน้าหล่อได้แค่ยิ้มมุมปากตอบไปเท่านั้น ด้วยนิสัยที่ไม่ชอบคุยกับใครนัก โลกส่วนตัวสูงเสียจนบางทีตัวเขาเองยังไม่เข้าใจตัวเองเลย แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นคนเรียบร้อยทุกกระเบียดนิ้วซะเมื่อไหร่ ถ้าคิดว่าหมอใส่แว่นอย่างเขาจะร้ายไม่เป็นล่ะก็ คิดผิด!
ร่างกายกำยำกำลังยืดบิดขี้เกียจและกำลังจะเดินไปกดน้ำดื่ม แต่เพียงก้าวเท้าได้ไม่ทันไรก็พบกับกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งบุกเข้ามาอย่างเสียมารยาท กลุ่มชายวัยรุ่นไปจนถึงวัยกลางคนกำลังประคองใครสักคนเดินนำหน้าพร้อมทั้งโหวกเหวกโวยวาย
“หมอโว้ยยยยยย มารักษาคุณหนูที!!”
เมื่อร่างสูงเห็นว่าเมธีเพื่อนของตนกำลังวิ่งหน้าตั้งมาต้อนรับแต่ไกล สองขาจึงย่ำเดินไปข้างหน้าเพื่อจะไปกดน้ำดื่มอย่างที่หวังไว้ทีแรก
“แฮ่กๆ เอาพยาบาลสาวๆ อึก สวยๆมาเดี๋ยวนี้!!”
คิ้วเรียวของชายหนุ่มเริ่มกระตุกด้วยความหงุดหงิด หน้าหล่อหันไปมองยังเจ้าของคำสั่งที่จะขอเลือกคนรักษา เป็นขณะเดียวกันกับร่างบางช้อนตาขึ้นมามองร่างสูงที่ใส่ชุดหมอตรงหน้าพอดีหมอเลือกรักษาคนไข้ไม่ได้ คนไข้จะมาเลือกหมอตามใจชอบเหมือนเลือกผักเลือกปลาที่ตลาดได้ยังไงกัน
ร่างสูงเอามือซุกกระเป๋าเสื้อกาวน์ก่อนจะเหยียดยิ้มท้าทายให้คนไข้หน้าหวานที่เพิ่งเข้ามาเยือน เป็นจังหวะการสบตาที่ทำให้เขาตัดสินใจอะไรได้บางอย่าง
“ต้นหลิว ไอ้ธี ไม่ต้อง เดี๋ยวคนนี้กูทำแผลเอง!”
“ไม่ จะเอาพยาบาลผู้หญิงโว้ย!!”
หมออย่างเขาเต็มใจรักษาคนไข้ทุกคนอยู่แล้ว แต่ไม่เคยจะมีคนไข้ ที่ไหนมาใช้อำนาจบาตรใหญ่ที่นี่ หน้าซีดจนจะเอาตัวเองไม่รอดแล้วยังจะ ปากเก่ง คนไข้แบบนี้เขาก็อยากจะลองดูเหมือนกันว่าปากจะเก่งได้สักกี่น้ำ เขาเดินเข้าไปหาเจ้าของร่างบาดเจ็บก่อนจะโน้มหน้าไปกระซิบข้างหูท่ามกลางสายตาผู้คนมากมาย
“ตามหมอมานะครับ หมอจะทำแผลให้ หากช้ากว่านี้เลือดหมดตัว
ไม่รู้ด้วยนะครับ คนสวย..”
“ไอ้หมอ!!”
สิ้นสุดประโยคทิ้งทวนของหมอหน้าหล่อ อารมณ์โมโหของร่างบางก็พุ่งทะยานขึ้นมาทันที เขาเป็นถึงคุณหนูของตระกูลมาเฟียตระกูลใหญ่ ผู้คนมากหน้าหลายตานับถือและให้เกียรติ มีสิทธิอะไรมาเรียกเขาว่าคนสวยแบบนี้กัน หากประโยคเมื่อครู่ลูกน้องได้ยินคงหมดความศรัทธากันพอดี ทว่าความเจ็บมันแล่นปรี่เข้ามาจนไม่สามารถตอบโต้อะไรร่างสูงได้มากไปกว่านี้ จำใจต้องสั่งลูกน้องให้พาเขาเดินตามร่างสูงเข้าไปในห้องเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ
“หมอขออยู่กับคนไข้สองคนนะครับ รบกวนรอข้างนอก”
ชายชุดดำที่เป็นลูกน้องของคุณหนูของพวกเขายังไม่ยอมขยับกายไปไหนหากคำสั่งนี้ไม่ได้ออกมาจากปากเจ้านายของตน ร่างสูงตระเตรียมอุปกรณ์ทำแผลต้องหยุดชะงักและเปรยตามองร่างบางที่นั่งหน้าซีดเผือดอย่างกดดัน สายตาคมมองร่างบางดุดันไม่อ่อนโยนเหมือนก่อนหน้านี้เป็นเชิงขู่กลายๆว่าให้สั่งลูกน้องออกไปจากห้องนี้ หากเรื่องรักษาคนไข้แล้วนั้น หมอเมฆจริงจังเสมอจึงจำเป็นต้องใช้สมาธิและอยู่กับคนไข้ตามลำพัง
“เออ พวกมึงออกไปก่อนไป”
เมื่อในห้องอยู่ด้วยกันสองคนร่างสูงจึงเริ่มทำแผลที่โดนยิงจนกระสุนฝังที่หัวไหล่ขวาเข้าเต็มๆ วิธีการเบี่ยงเบนความสนใจของหมอแต่ละคนมักแตกต่างกัน แต่คิดว่าวิธีของร่างสูงนั้นอาจไม่เหมือนคนอื่นสักเท่าไร แต่เขาก็เลือกที่จะกระทำนะ ใช่ว่าจะทำรุ่มร่ามไปทั่วกับคนไข้ทุกคน หากเป็น แบบนั้นจะดูเป็นหมอโรคจิตเกินไปหน่อย
“ชื่ออะไรครับ”
“ภภีม”
ร่างบางตอบปัดไปอย่างหงุดหงิด มือเรียวของหมอเมฆค่อยๆเอื้อมไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีแดงของคนไข้อย่างเบามือ และจัดการถอดเสื้อเชิ้ตออกจนเผยให้เห็นผิวขาวเนียนของร่างบางลาดไหล่โผล่พ้นร่มผ้าทำให้เห็นรอยแผลได้ชัดเจนมากขึ้น สะดวกต่อการทำแผล สะดวกต่อสายตาที่ไล่มองผิวเนียนละเอียดนั่นอย่างเพลิดเพลิน
“หมอชื่อหมอเมฆนะครับ คนสวย”
“เห้ย กวนตีนเหรอหมอ สวยบ้าบออะไรวะ”
ร่างสูงแทรกตัวเข้าไปยืนตรงหว่างขาเรียวของคนไข้ที่นั่งหมิ่นเหม่อยู่บนขอบเตียงพลางใช้แขนซ้ายค้ำยันกับเตียงไว้ไม่ให้ตัวเองล้ม เพราะความเจ็บแล่นเข้ามาอีกคราทำให้มาเฟียหนุ่มต้องหลับตาและกัดริมฝีปากแน่น ช่างไม่รู้อะไรเสียเลยว่าขณะนี้ได้มีร่างของชายในชุดกาวน์มายืนแนบชิดด้านหน้าด้วยท่าทางวาบหวิว
“พร้อมเจ็บไปกับหมอรึยังครับ”
ด้วยความสงสัยถึงลมอุ่นที่ประชิดใบหน้า มาเฟียหนุ่มจึงลืมตาขึ้นมองพบหน้าของใครอีกคนอยู่ติดกับเขาเพียงแค่ไม่ถึงคืบนิ้ว ทำให้ต้องเอน ตัวหนี ในใจก่นด่าหมอเสียๆหายๆไปแล้ว แต่เวลานี้ต้องพึ่งหมอก่อนทำให้ต้องสงบปากสงบคำลง
“ทำเบาๆนะโว้ย!”
“จุ๊ๆ ไม่เอานะครับคนสวย อย่าเสียงดัง”
“ไอ้!! อ๊ากกกกกกกก”
ใจเซาะจริงๆ ไม่เห็นจะเก่งเหมือนปากสักนิดไอ้เด็กคนนี้
เพียงแค่มือใหญ่ทำความสะอาดปากแผลบริเวณรอบนอกให้สะอาด
เท่านั้น ยังไม่ทันได้ทำอะไรกับแผลเลยสักนิด เสียงร้องโอดโอยของคนตัวเล็กที่เหมือนเจ็บมากมายนั้นก็ดังลั่นห้องเสียแล้วทำให้เกิดรอยยิ้มบางบนใบหน้าคนเป็นหมออย่างเลี่ยงไม่ได้
ขั้นตอนการทำแผลเริ่มต้นขึ้น หมอเมฆใช้คีมเปิดปากแผลให้กว้างพอประมาณ ก่อนจะคีบกระสุนออกมาได้สำเร็จ ไม่รีรอให้เลือดไหลมากไปกว่านี้ มือเรียวต้องทำเวลาในการเย็บแผลให้ปากแผลปิดสนิท ด้วยความชำนาญทางการแพทย์ที่สั่งสมมาทำให้ร่างสูงทำทุกอย่างออกมาได้เพอร์เฟ็คเหมือนทุกครั้ง
แต่ที่แปลกไปจากทุกทีคงจะเป็นคนไข้คนนี้เสียมากกว่า สบถด่าหมอมาแต่ละคำไม่เกรงใจกันเลยสักนิด ยิ่งเห็นร่างบางทำท่าก๋ากั่นมันยิ่งอยากทำให้หมอเมฆแกล้งคนไข้คนนี้ให้หลาบจำ หมอคนอื่นอาจไม่ได้คิดอะไร แต่สำหรับหมอเมฆกับคนไข้แสนดื้อคนนี้จะปล่อยให้กลับบ้านตัวเปล่าก็คงจะเสียของเปล่าๆ ด่าเก่ง ปากเก่ง ข่มขู่หมอสารพัดที่จะขู่
ตัวบางอย่างกับกระดาษแบบนี้ไปขู่ใครเขาจะกลัวกัน…
“เสร็จแล้ว เห็นไหมเจ็บนิดเดียวเองคนเก่ง”
“อย่ามาปลอบเหมือนกูเป็นเด็ก นี่โตแล้วโว้ย!”
“พูดไม่เพราะเลยนะครับ”
ไม่ว่าเปล่า ร่างสูงโน้มหน้าลงไปใกล้คนตัวเล็กตรงหน้าด้วยรอยยิ้มอาบยาพิษ ทว่าร่างบางก็ไม่ถอยหนีไปไหนแม้แต่องศาเดียว คนเป็นหมอยิ่งเห็นแววดื้อรั้นของคนไข้แบบนี้ หมอเมฆยิ่งหมั่นไส้
“เสร็จแล้วใช่ไหม ไปละนะหมอ”
มือบางข้างซ้ายผลักอกร่างสูงจนเซถอยหลังไปเล็กน้อย มาเฟียหนุ่มก้าวเท้าลงบนพื้นกระเบื้องสีขาวสะอาดด้วยท่าทางโอนเอน ในใจนึกอยากกลับไปนอนที่บ้านเต็มที อีกอย่างคือเบื่อหน้าหมอกวนประสาทนี่จนไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว
หมับ!
“ไม่ไหวหรอกคุณ นอนพักฟื้นก่อนเถอะ”
“เห้ย อย่ามากอด!! ขนลุก”
เมื่อร่างบางเดินโอนเอนจะล้มไม่ล้มแหล่ สัญชาตญาณความเป็นหมอจึงรีบเข้าไปหา ทว่าสัญชาตญาณดิบมันมีมากกว่าจึงกลายเป็นว่าเขาเข้าไปโอบคนไข้จากด้านหลัง ใช้อกแกร่งเป็นกำแพงให้ร่างบางพิงซบ มาเฟียหนุ่มตกใจจนร่างชาวาบทันทีที่ได้สัมผัสใกล้ชิดขนาดนี้ เขาไม่เคยโดนผู้ชายกอดมาก่อน และเขาก็ไม่ชอบให้ใครมาอยู่ใกล้เกินพอดีแบบนี้ด้วย
“หมอขอสั่งให้คุณนอนพักฟื้นก่อนนะคุณภภีม คุณเพิ่งเสียเลือดไปอาจทำให้เวียนหัวได้ อย่าเพิ่งขยับตัวไปไหนมาไหนเลยคุณ”
“รำคาญว่ะ แม่ง!! รู้ไหมกูเป็นใคร มาทำตัวรุ่มร่ามแบบนี้ระวังจะไม่ตายดีนะกูขอเตือน”
ร่างบางสะบัดตัวหนีแล้วเดินออกมาอย่างไม่ฟังคำขอร้องอะไรทั้งนั้น แต่ท่าทางของคนตัวเล็กมีหรือที่ร่างสูงจะดูไม่ออกว่ารำคาญเขาแค่ไหน เมื่อคนไข้อารมณ์ร้อนดั่งไฟ หมออย่างเขาก็พร้อมจะเป็นน้ำเย็นคอยดับไฟให้ตลอดเวลานั่นแหละ มันเป็นหน้าที่ของเขาแต่ครั้งนี้จะทำหน้าที่เป็นทั้งผู้ชายคนหนึ่งที่อยากจะกำราบเด็กหนุ่มปนไปในหน้าที่หมอด้วย
เมื่อมาเฟียหนุ่มเดินออกไปนอกห้องได้สำเร็จ เหล่าลูกน้องต่างกรูกันเข้ามาหาด้วยความเป็นห่วง หมอเมฆยังคงอยากให้คนไข้ของเขาดีขึ้นก่อนจะกลับ หากมีอาการข้างเคียงหมออย่างเขาจะได้ช่วยเหลือได้ทัน
ไม่รอช้าที่ร่างสูงจะเดินไปดักหน้าแล้วโน้มตัวยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ร่างเล็กด้วยเวลาอันรวดเร็ว
“ถือว่าหมอขอนะ อยู่ต่อเถอะ”
“หมอขอกูก็ไม่ให้”
“นี่หมอยังไม่ทันจ่ายยาให้เลยนะ อย่าดื้อ”
“ก็มาให้ทำแผล ไม่ได้มาขอยากิน”
ความอดทนของร่างสูงขาดผึงทันที ไม้อ่อนก็ยังใช้ไม่ได้ผลอีกหรือไงกันนะ มือหนาของหมอสับเข้าที่สันคอคนตัวเล็กเร็วและแรงพอที่จะทำให้ ร่างบางไม่ทันรู้ตัวก่อนที่ทุกอย่างจะดับมืดลง หมอเมฆคว้าร่างบางไว้ได้ทันแล้วหันไปชี้หน้าเหล่าชายชุดดำที่พร้อมจะปรี่เข้ามาหาตน
“เจ้านายคุณจะใหญ่มาจากไหนไม่รู้ แต่ที่นี่โรงพยาบาล ทุกคนต้องฟังหมอ!! ภภีมไม่พร้อมจะเดินเหินไปไหนได้ในตอนนี้ เขาต้องนอนพักฟื้นก่อน ผมจำเป็นต้องพาเขาไปพักเพราะเป็นคนไข้ในความดูแลของผม อยากให้เจ้านายพวกคุณอาการทรุดก็ลองเข้ามาขวางดู”
เมื่อยามจะดุ เขาก็ดุเป็น สายตาคมกริบกราดมองชายชุดดำอย่างไม่มีความเกรงกลัว สำคัญกว่าสิ่งไหนคือความปลอดภัยของร่างบางต่างหาก เพราะคนอย่างเขาไม่เคยทำหน้าที่หมอได้ขาดตกบกพร่องเลยสักครั้ง แล้วมันก็ได้ผลเมื่อลูกน้องที่จงรักภักดีชะงักงัน กับคำขู่ของเขา
“แล้วหมอมาสับคอคุณหนูแบบนั้นมันถูกต้องแล้วหรือไง”
“ไม่ตายหรอกน่า หลีกหมอหน่อยจะพาคนไข้ไปพัก”
ร่างสูงเรียกเวรเปลเข็นเตียงนอนมาหา ก่อนจะอุ้มมาเฟียหนุ่มที่หลับใหลขึ้นไปนอนบนเตียงด้วยท่าสบาย กำชับให้นอนพักห้องเดี่ยวเสียเลย ดูท่าทางรวยนักก็ใช้เงินสักหน่อยแค่นี้คงไม่เป็นไร อยู่ห้องเดี่ยวก็ดี
ไปอย่าง เวลาทำอะไรจะได้ไม่มีคนเห็น
เมื่อยืนมองร่างบางเข้าไปยังลิฟต์เรียบร้อยแล้ว ร่างสูงจึงเดินกลับมาเขียนใบสั่งยาให้มาเฟียหนุ่มเป็นอันเสร็จภารกิจ ใบหน้าหล่อกลับมาอ่อนล้าอีกครั้ง หมอเมฆเอนหลังกับพนักเก้าอี้ก่อนตาคมจะปิดลง ทว่าเพียงเสี้ยวอึดใจก็ได้ยินคนเสียงคนเรียกชื่อตนเสียก่อน
“ไอ้เมฆ หมดแรงเลยนะมึง คนไข้ดื้อเหรอวะ”
เมธี หมออีกคนที่เป็นเพื่อนสนิทของเขาเอ่ยทักทายเมื่อเห็นเพื่อนตนดูท่าอ่อนล้าเต็มที ร่างท้วมของเมธีนั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามก่อนจะยื่นกาแฟกระป๋องให้เพื่อนรัก
“โคตรดื้ออ่ะมึง!! เล่นซะกูเหนื่อยเลย”
มือเรียวยกกาแฟขึ้นดื่มหลังพูดจบประโยค พร้อมกับภาพใบหน้าหวานของคนไข้ที่เพิ่งทำการรักษาไปเมื่อครู่ฉายวาบขึ้นมาในหัว คนอะไรเจ็บตัวแล้วยังทำอวดดี ตัวเท่าลูกหมาหัดบ้าอำนาจ น่าตลกสิ้นดี หน้าหล่อเผลอนึกบ่นในใจโดยไม่รู้ตัวเลยว่าตนเองเผยยิ้มร้ายขึ้นบนใบหน้า ทุกการกระทำของเขาทำให้เพื่อนที่นั่งมองอย่างเมธีแปลกใจ เพื่อนของเขานึกคิดอะไรอยู่กันแน่
“ใกล้ออกเวรแล้วนี่ เดี๋ยวก็ได้กลับไปพักละมึง อีกชั่วโมงเดียว”
หน้าหล่อครุ่นคิดสิ่งที่เพื่อนพูด กำลังมึนงงว่าตอนนี้ใกล้จะออกเวรแล้วหรือไง อาจเพราะวอร์ดคืนนี้วุ่นวายเลยทำให้เวลาผ่านไปไวก็เป็นได้ ตาคมเงยขึ้นมองนาฬิกาพบว่าใกล้จะออกเวรเหมือนที่เมธีบอกจริงๆ เขาคงไม่หมดแรงขนาดนี้ถ้าไม่เจอกับคนไข้แสนดื้อจอมพยศ นึกได้ดังนั้นร่างสูงจึงหยัดตัวลุกขึ้นยืนเตรียมเดินออกไปนอกห้อง
“กูไปดูแลคนไข้ก่อนนะ”
ตอกย้ำคำพูดด้วยรอยยิ้มร้ายอีกครั้ง สองเท้าเดินก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงท่ามกลางสายตาของชายชุดดำด้านนอกที่มองเขาเป็นตาเดียว ปลายทางคือห้องพักคนไข้จอมพยศที่เข้าเพิ่งรักษาไปนั่นแหละ ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้เขารู้สึกถูกชะตากับร่างบาง เพียงแค่เห็นแววตาดื้อรั้นก็นึกอยากจะปราบพยศ ทว่าอาชีพของตนนั้นคงจะทำให้เจอกันกับมาเฟียหนุ่มครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายเสียแล้ว ไม่มีใครอยากเจ็บป่วยจนต้องพึ่งหมอบ่อยๆหรอกถูกไหม? ยิ่งคนไข้รายนี้ติดจะรำคาญหมอยิ่งแล้วใหญ่
สองเท้าหยุดยืนอยู่ข้างเตียงคนไข้ภายในห้องที่เงียบกริบ สายตามองไล่ไปตามใบหน้าหวานจนมาหยุดที่หน้าอกขาว ซึ่งเป็นบริเวณที่ไม่ได้ติดกระดุมเสื้อเชิ้ตพอดี เผยให้เห็นผิวเนียนอย่างเลี่ยงไม่ได้
แล้วถ้า...ได้ครอบครองผิวเนียนตรงหน้าจะเกิดอะไรขึ้นนะ?
หากแต่คิดเพียงว่าอยากให้ร่างบางได้จดจำอะไรถึงตนเองบ้างเท่านั้น หน้าหล่อโน้มลงไปแนบชิดหน้าอกบาง ทว่าริมฝีปากกลับไล้ผิวเนียนขึ้นไปยังซอกคอขาว ก่อนจะออกแรงขบเม้มจนเกิดรอยแดงใหญ่ ร่างสูงผละออกมามองผลงานตัวเองด้วยสายตาชื่นชม และกดริมฝีปากหนาบดเข้ากับซอกคออุ่นอีกครั้งในตำแหน่งข้างๆกัน
เป็นหมอใครว่าจะร้ายไม่เป็น หมอก็มีความรู้สึกเหมือนกันนี่
“หมอขอฝากรอยไว้ก่อนนะ ถ้าคุณอยากเอาคืน หมอขอคืนเป็นรอยเหมือนที่หมอทำแล้วกัน”
เสียงทุ้มเอ่ยท่ามกลางความเงียบเพื่อบอกคนตัวเล็กที่ยังคงหลับใหลไม่ได้สติ เสียงหัวเราะหึๆในลำคอประกอบกับรอยยิ้มร้ายกาจที่ไม่ค่อยมีใครได้เห็นฉายขึ้นบนใบหน้าหล่ออีกครั้ง ก่อนที่เขาจะหันหลังเดินออกจากห้องนี้ไปด้วยอาการยิ้มกริ่ม
เป็นการฝากรอยเพื่อหวังผล อยากจะรู้ใจจะขาดว่ามาเฟียหนุ่มตรงหน้าเขาจะร้อนใจได้แค่ไหนเมื่อเห็นรอยแดงที่คอ
“เก่งแค่ไหนก็เป็นแค่เด็กกระจอกๆคนหนึ่งล่ะวะ”
เขาพ่นคำพูดดูแคลนถึงคนไข้ที่เขาเพิ่งจะทำจาบจ้วงไปเมื่อครู่ พร้อมกับเดินออกมาหาเพื่อนร่วมวอร์ดคนอื่นและทำหน้าที่ของตัวเองต่อไปโดยไม่กลับไปสนใจมาเฟียหนุ่มอีกเลย
ถ้าถามว่าทำแบบนี้กับคนไข้ทั่วไปหรือไม่ ขอตอบว่าไม่ ภภีมเป็นคนไข้คนแรกที่หมอเมฆคิดจะทำจาบจ้วงด้วยแบบที่หาเหตุผลไม่ได้ว่าทำไปทำไม
มีเพียงความรู้สึกเดียวที่เด่นชัดคือเด็กหนุ่มคนนั้นต้องตกเป็นรองเขาอย่างแน่นอน ได้กลิ่นหอมหวนของชัยชนะมากลายๆยังไงก็ไม่รู้สิ จากนี้ก็แค่มองดูหนูติดกับวิ่งเร่าๆเข้ามาหา