CHAPTER 02 แผนล่าหมอ

3154 Words
CHAPTER 02 แผนล่าหมอ ร่างบางยืนอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ภายในห้องนอนด้วยสีหน้าครุ่นคิด สายตาจับจ้องไปยังรอยแดงสองรอยที่ลำคอของตน หวนคิดไปทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมายังไม่ได้ไปสอยสาวที่ไหนเลยสักคน แล้วนี่มันรอยของใคร? เขารู้ว่ามันเป็นรอยอะไรเพราะค่อนข้างจะโชกโชนเรื่องอย่างว่า กูพลาดท่าให้ใครตอนไหนวะ? ในเมื่อหลายวันที่ผ่านมาเขาวุ่นวายอยู่กับการรวมแก๊ง ขยายอำนาจไปยังพื้นที่ต่างๆ และมีการปะทะกับคู่อริบ้าง แค่นี้ก็เสียเวลาไปหลายวันแล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปจ้ำจี้กับสาวๆกัน เป็นความสงสัยที่เขาอยากจะได้ไม่อย่างนั้นมันก็ค้างคาใจไม่จบสิ้น มาเฟียหนุ่มเดินลงมายังด้านล่างของคฤหาสน์หลังใหญ่ ก่อนจะกวาดสายตาหาลูกน้องคนสนิทที่ไปไหนกับเขาแทบจะตลอดเวลาเรียกได้ว่าเป็นทั้งมือขวามือซ้ายเลยล่ะ “เฉิน!! ตอนกูอยู่โรงพยาบาลมีใครเข้ามาในห้องไหมวะ?” “พวกเราไม่มีใครกล้าเข้าไปกวนคุณหนูตอนหลับหรอกครับ” “ไม่ใช่สิ หมายถึงคนอื่น มีสาวที่ไหนเข้ามาหากูไหม? พยาบาล คนไหนบอกกูมาเดี๋ยวกูจะไปสอยทีหลัง” “มีแต่หมอนะครับ หมอคนนั้นที่ทำแผลให้คุณหนู” หน้าหวานยืนอึ้งกับสิ่งที่ได้ยิน ในหัวกำลังคิดสับสน หมอนั่นผู้ชายทั้งแท่งเลยนะ ผู้ชายเหมือนกันจะมาทำแบบนี้ทำไม เพ้อเจ้อ หมอจะมาทำแบบนี้กับคนไข้จริงๆเหรอ? ในหัวตีกันวุ่นวายและตั้งคำถามเดิมๆซ้ำไปซ้ำมาจนหน้าเรียวเริ่มบึ้งตึงอย่างเห็นได้ชัด “ไอ้ตี๋!! กินข้าวเป็นเพื่อนเฮียหน่อย!!” ภคินผู้เป็นพี่ชายตะโกนเรียกเขาเสียงดัง หากคิดว่าเป็นลูกคนเล็กจะโดนตามใจแล้วล่ะก็..คิดผิด เพราะเขาก็ต้องคอยตามใจพี่ชายจอมโหดอย่างภคินเช่นกัน ความเหมือนของพี่น้องคู่นี้คือความเอาแต่ใจ ส่วนความต่างนั้นคงจะอยู่ที่ความเก่งเสียมากกว่า คนเป็นพี่ได้รับการฝึกฝนอาวุธและการต่อสู้ตั้งแต่เด็ก สั่งสมประสบการณ์ทางด้านบริหารธุรกิจตั้งแต่วัยเยาว์ พูดได้เต็มปากว่าภภีมอยู่ได้อย่างสุขสบายทุกวันนี้เพราะบารมีพี่ชาย ทั้งคฤหาสน์หลังนี้ รวมทั้งเงินทองจากธุรกิจที่ภคินดูแล ล้วนเป็นผลงานของพี่ชายเขาทั้งสิ้น คนตัวเล็กเดินเข้าไปหาพี่ชายที่โต๊ะอาหาร เขาไม่ได้มาทานเป็นเพื่อนตามคำสั่ง แต่เขาเองก็หิวเหมือนกัน หลังจากฟื้นที่โรงพยาบาลก็กลับบ้านทันที และถึงตอนนี้ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยสักนิดมือเล็กเลื่อนเก้าอี้ออกมานั่งในตำแหน่งประจำคือขวามือของภคินที่นั่งตรงหัวโต๊ะ “เฮียไม่ออกไปไหนเหรอวันนี้?” “เดี๋ยวตอนบ่ายเฮียมีประชุม มึงก็อยู่ให้ติดบ้านซะบ้างนะไอ้ตี๋ ไม่ก็ไปช่วยเฮียทำงาน” เขากับพี่ชายช่างต่างกันนัก ชีวิตเขาตั้งแต่เรียนจบมาก็นั่งกินนอนกินอยู่บ้าน หรือบางทีก็ออกไปล่าอาณาเขตประกาศความยิ่งใหญ่ ส่วนพี่ชายเขาเป็นนักธุรกิจในเงามืด ไม่สิ ต้องเรียกว่าเบื้องหน้าเป็นนักธุรกิจถึงจะถูก เพราะเบื้องหลังก็ทำเรื่องโสมมไว้มากเช่นกัน แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ไม่ว่าภคินจะทำอะไรมันก็งอกเงยออกมาเป็นเงินทอง เป็นธุรกิจที่ประสบความสำเร็จซะหมด ส่วนภภีมนอกจากใช้เงินเก่งอย่างอื่นก็ไม่มีอะไรเก่งเลย บรรยากาศบนโต๊ะอาหารผ่านไปตามปกติอย่างทุกครั้ง แต่ที่แปลกไปคือลักษณะการทานอาหารของคนเป็นน้องเปลี่ยนไป เพราะเขาโดนยิงเข้าที่หัวไหล่ด้านขวา เลยไม่สามารถยกแขนได้ในขณะที่แผลยังไม่หายดีแบบนี้ สายตาคมเฉี่ยวของพี่ชายมองมาปราดเดียวก็สามารถรู้ได้ว่าน้องของเขาได้รับบาดเจ็บ ทว่าครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น เมื่อก่อนภคินเป็นห่วงน้องชายมาก สั่งห้ามสารพัดที่จะห้ามไม่ให้ไปมีเรื่องกับใครเพราะมันเจ็บตัวเปล่า แต่น้องชายก็ดื้อรั้นไม่ยอมฟังเขาจึงปล่อยและตามใจมาตลอด เชื่อมั่นอย่างหนึ่งว่าสุดท้ายแล้วน้องชายเขาจะเอาตัวรอดและแก้ปัญหาทุกอย่างได้ด้วยตนเอง “ไอ้เฉิน!! ไอ้หมอมันเข้ามาหากูนานแค่ไหน?” คนตัวเล็กอดที่จะคิดถึงรอยแดงที่คอไม่ได้ จึงตัดสินใจตะโกนถามเฉินผู้ซึ่งอยู่เฝ้าเขาที่ด้านนอกห้องคนไข้ตลอดเวลา “ไม่นานนะครับคุณหนู” เจ้าของชื่อสะดุ้งตัวโยนที่จู่ๆคุณหนูของเขาก็ตะโกนเรียกชื่อตนจากอีกฟากหนึ่งของคฤหาสน์ ทำให้เป็นที่น่าสงสัยของทั้งลูกน้องและคนเป็นพี่ชาย รวมถึงเจ้าตัวด้วย ที่ตอนนี้ก็ยังคงหาคำตอบกับรอยที่เกิดขึ้นไม่จบ ไม่สิ้น ถ้าพูดตามหลักความจริงแล้ว ไม่ว่ารอยนี่จะเกิดจากใครก็ช่าง ผู้หญิงหรือผู้ชายมันก็ไม่ควรจะมาทำตอนที่เขาไม่มีสติรับรู้หรือต่อสู้ แบบนี้เรียกว่าตั้งใจจะกระตุกหนวดเสือชัดๆเลย แต่การลงโทษคงต่างกันตรงที่ถ้าเป็นผู้หญิงอาจจะต้องลงทัณฑ์เธอผู้นั้นด้วยร่างกาย ถ้าเป็นผู้ชายคงยิงให้ตายสถานเดียว! “หมอมันทำไมวะไอ้ตี๋” ภคินอดไม่ได้ที่จะถามเพราะอาการหงุดหงิดงุ่นง่านของน้องชาย ทำให้เขาอยากจะรู้เรื่องราว “มันกวนตีนอ่ะเฮีย ไม่มีอะไรหรอก” ไอ้หมอนั่นเข้าไปหาได้ไม่นาน ไม่นานนี่พอจะดูดคอได้ไหม? คำตอบของเฉินมันตอกย้ำสิ่งที่คิด มาเฟียหนุ่มเริ่มจะมั่นใจว่ารอยที่เกิดขึ้นนั้นต้องเป็นฝีมือของหมอคนนั้นแน่ หากมีแต่หมอที่เข้าไปหาเขา ก็คงไม่มีใครคนไหนเป็นคนทำได้อีกนอกจากตัวหมอเอง เขาเชื่อเฉินได้เพราะเฉินไม่กล้าที่จะโกหกคุณหนูของเขาอยู่แล้ว คนสวย... เสียงของหมอยังคงทุ้มอยู่ในหู แค่เขาหน้าหวานก็ไม่ได้หมายความว่าจะยอมให้ใครที่ไหนมาทำรุ่มร่ามแบบนี้ มาเรียกเขาว่าคนสวยแบบนี้มันไม่เกินไปหน่อยเหรอ เมื่อคิดได้ดังนั้นร่างบางจึงหยัดตัวลุกขึ้นทันทีท่ามกลางความงุนงงของพี่ชาย “จะไปไหนอีก กินข้าวยังไม่หมดเลยนะ” “เรื่องของผมน่ะเฮีย” ภคินได้แต่ส่ายหัวกับความฉุนเฉียวและเอาแต่ใจของน้องชาย แต่น้องของเขาเป็นแบบนี้ก็ไม่เคยมีเรื่องให้คนเป็นพี่ต้องกลุ้มใจเลยสักครั้ง อาจจะมีแค่ช่วงแรกๆที่เริ่มจะทำตัวเป็นมาเฟียนักเลง แต่เห็นว่าดูแลตัวเองได้ก็หายห่วง อะไรที่ภภีมก่อ ภภีมจะสะสางด้วยตนเอง ส่วนตัวคนเป็นพี่อยากจะให้น้องชายมาช่วยบริหารธุรกิจบ้างแต่ดูแล้วไม่น่าจะไหว เลยปล่อยให้ทำตัวเหลวไหลไปแบบนี้แหละ ยังไงชีวิต พวกเขาก็ไม่ตกอับหรอก แม้เขาจะต้องดูแลน้องชายด้วยตัวคนเดียวก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร พ่อและแม่ของตนก็อยู่สุขสบายที่ฮ่องกงนานๆจะกลับมาสักที การดูแลทุกอย่างเลยตกเป็นของภคินแต่เพียงผู้เดียว คนตัวเล็กต้องลุกจากโต๊ะอาหารกลางคันอย่างร้อนใจ สองเท้าย่างก้าวไปหาลูกน้องด้วยความมาดมั่น “เฉิน!! ไปสืบมาว่าไอ้หมอเป็นใครมาจากไหน มันพักที่ไหน หยุดวันไหน เอาข้อมูลมันมาให้หมด กูต้องการข้อมูลภายในวันนี้!!” “ครับ คุณหนู” ร่างบางเดินมานั่งกุมขมับที่โซฟา ในหัวพร่ำคิดว่าถ้าหมอเป็นเจ้าของรอยจริงๆเขาจะชกให้หน้ามันหงาย หรือไม่ก็จะยิงทิ้งเสียเลย กล้าดีมากเลยสินะมาทำเรื่องบัดซบแบบนี้กับมาเฟีย คิดจะเอาคืนทั้งที ถ้าเลือดชั่วไม่ออกอย่ามาเรียกว่าภภีม!! “อ้าว ไหนบอกมีประชุมบ่ายไงเฮีย นี่จะไปไหน” “ไปหาสาวๆในสต็อกสิวะ” ภคินตอบปัดน้องชายแล้วเดินไปขึ้นรถคันหรูสีดำที่มีลูกน้องคอยเปิดประตูไว้ให้เตรียมเคลื่อนไปยังจุดหมายปลายทางตามที่เขาสั่ง มาเฟียหนุ่มน้อยเพียงมองตามหลังพี่ชายออกไปเท่านั้น ก่อนจะเดินกลับไปที่โต๊ะอาหาร เพราะรู้สึกหิว ก็อารมณ์แปรปรวนแบบนี้ซะเกือบทุกวัน เหล่าแม่บ้านจึงมีเรื่องให้ปวดหัวตลอด คุณหนูของบ้านหลังนี้ทั้งสองคนโปรดปรานอาหารที่รสชาติต่างกัน ในแต่ละมื้อจำเป็นต้องมีอาหารให้เลือกหลากหลาย บางครั้งทานอาหารที่ทำยังไม่ทันครบทุกเมนูก็อิ่มเสียแล้ว หรือบางทีทานแล้วก็ทานอีก แม่ครัวแทบจะทำให้ไม่ทันใจ มื้ออาหารผ่านไปด้วยความยากลำบาก มือซ้ายที่ไม่ถนัดจำเป็นต้องยกช้อนตักอาหารเข้าปาก แต่คนอย่างเขาแม้จะลำบากแค่ไหนก็ต้องพึ่งตัวเองก่อน จะเรียกให้คนอื่นมาป้อนข้าวป้อนน้ำคงน่าอายเกินไปหน่อย เกรงว่าจะเสียมาดมาเฟียที่สั่งสมมานาน วันนี้คงจะออกไปไหนไม่ถนัด ร่างบางจึงเอาอาวุธต่างๆที่ตนเองใช้ประจำออกมาทำความสะอาด บนโต๊ะกระจกใสเรียงรายไปด้วยอาวุธปืน มีดสั้น สนับมือ และไม้เบสบอล ล้วนเป็นสิ่งที่เขาใช้เป็นประจำทั้งสิ้น เขารู้สึกจิตใจสงบทุกครั้งที่นั่งใช้ผ้าเช็ดอาวุธของตนท่ามกลางความเงียบ ทว่ากลับเห็นความสวยงามของมันชัดเจน อาวุธแต่ละชนิดก็มีความงดงามในตัวของมัน “คุณหนูครับ” เฉินเดินสงบเสงี่ยมเข้ามาหาเจ้านาย เพราะไม่รู้ว่าจะรบกวนสมาธิคนเป็นนายไหมหากจะเข้าไปหาตอนนี้ ดีไม่ดีอาจเจออาวุธอะไรสักอย่างบนโต๊ะลงทัณฑ์ก็เป็นได้ “ว่าไง” แล้วมันก็เป็นไปตามที่เฉินคิด เมื่อมาเฟียหนุ่มหันไปมองเขาตาขวางเหมือนโดนขัดใจ พร้อมทั้งเล็งกระบอกปืนไปทางร่างกำยำของลูกน้อง หากเรื่องที่จะนำมาบอกไม่สำคัญพอ เขาอาจจะโดนเจ้านายยิงเข้าที่ไหนสักที่บนร่างกาย “เอ่อ...ข้อมูลของหมอที่ให้ไปหา ได้ข้อมูลมาแล้วครับคุณหนู” ร่างบางยิ้มมุมปากก่อนจะวางอาวุธในมือลงและยืนขึ้นเท้าเอวอย่างตั้งใจฟัง สีหน้ามาเฟียหนุ่มเปลี่ยนไปจากเดิมทันทีที่เฉินกล่าวจบ “มันเป็นใครว่ามา!!” “หมอที่คุณหนูให้ไปหาชื่อเมฆาหรือเมฆ ทำงานที่โรงพยาบาลนั้นมาห้าปีแล้ว อาศัยอยู่คอนโดข้างโชว์รูมของนาย อยู่ชั้น 37 ห้อง 3709 เป็นห้องวีไอพีอยู่ริมสุด ที่บ้านเป็นหมอทุกคนเลยครับ แล้วก็…” “มันอยู่คอนโดข้างโชว์รูมเฮียเหรอ?.... จัดการให้กูได้ใช่ไหมเรื่องนี้? กูต้องการไปหามันที่ห้อง” คนเป็นลูกน้องยิ้มกริ่มเพราะทำการบ้านมาดี รู้ว่าคุณหนูต้องการอะไร ภภีมเอียงคอรอคำตอบจากลูกน้องคนสนิทด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ก่อนที่เฉินจะยื่นบางอย่างมาให้ “นี่คือกุญแจห้องของหมอเมฆครับคุณหนู พอดีเสี่ยอู๊ดเจ้าของคอนโดเป็นลูกค้าอาบอบนวดของนาย เลยยื่นข้อเสนอ...” “เออ ช่างมัน!! กูต้องการแค่นี้แหละ วันนี้ไอ้หมอเมฆเลิกงาน กี่โมง? กูจะได้ไปถูกเวลา” “ห้าโมงครับ” มือเล็กคว้ากุญแจและคีย์การ์ดมาเก็บไว้ในกระเป๋ากางเกงยีนส์ตัวสวย แค่คิดว่าจะได้ไปหาหมอเมฆก็เกิดรอยยิ้มชั่วร้ายขึ้นบนใบหน้า เขาได้เตรียมผลลัพธ์ของคำตอบเอาไว้แล้ว หากที่มาของรอยแดงที่คอไม่ได้เกิด จากหมอเมฆ มาเฟียหนุ่มก็พร้อมจะลามือ แต่ถ้าหากว่าเป็นหมอเมฆเองที่ ทำการอุกอาจยามไม่ได้สติกับเขาล่ะก็ เตรียมพร้อมรับลูกกระสุนฝังอกไว้ ให้ดี “อาหารมื้อค่ำขอจัดชุดใหญ่เลยนะ กูจะกลับมากินให้หนำใจเลย แม่งทำกูกินข้าวไม่อร่อยสารเลวจริงๆ” คำสั่งแต้มรอยยิ้มเอ่ยกับลูกน้องคนสนิท เพราะเขาจะต้องกลับมาอย่างอารมณ์ดี ต่อให้รู้ว่ารอยที่คอจะใช่หรือไม่ใช่เขาก็ได้ระบายและได้รู้กันไปเลย ไม่ต้องมานั่งเก็บความสงสัยไว้ให้หนักอก มาเฟียหนุ่มทิ้งตัวนั่งโซฟาก่อนจะคว้ามีดสั้นมาขัดเงาเพื่อรอเวลาแม้ว่าจะมีแขนซ้ายใช้งานคล่องแคล่วอยู่ข้างเดียวก็ไม่ทำให้การใช้ชีวิตผิดปกติได้หรอก ก็อย่างที่บอกว่าไม่ได้เจ็บตัวครั้งแรก อาจจะชินแล้วเสียด้วยซ้ำ _____________________________ 17.10 “วันนี้ได้กลับเร็วแฮะ” ห้าโมงสิบนาทีเป็นเวลาที่ร่างสูงเซ็นไปออกงาน ริมฝีปากเรียวบ่นกับตัวเองเบาๆถึงเวลาที่จะได้กลับบ้านที่วันนี้ล่วงเวลามาเพียงสิบนาที เขาไม่รีรอที่จะเดินมายังลานจอดรถและขับมันกลับคอนโดอย่างรวดเร็ว ทำงานเหนื่อยมาทั้งวันก็นึกถึงน้ำอุ่นๆและเตียงนุ่มๆที่คุ้นเคย อยากจะกลับไปแช่น้ำผ่อนคลายแล้วขึ้นไปนอนบนเตียงกว้างของตัวเอง ระยะทางจากโรงพยาบาลถึงคอนโดไม่ได้ไกลกันนัก จึงใช้เวลาเพียงสี่สิบนาที ฝ่ามรสุมรถติดบนท้องถนนจนมาถึงจุดหมาย เมื่อรถจอดสนิทแล้ว สองเท้าก้าวลงจากรถก่อนจะเดินเข้าไปยังตัวอาคารคอนโดเหมือนทุกวัน ลิฟต์ถูกกดไปยังชั้นสามสิบเจ็ด และรอเพียงไม่กี่อึดใจก็ถึงชั้นที่หมอเมฆอาศัยอยู่ ฝ่าเท้าก้าวไปยังห้องพักอย่างเคยชิน ฝีเท้าหนักแน่นหยุดอยู่ที่หน้าประตูก่อนจะเปิดมันเข้าไปเช่นทุกวัน แกร๊ก มือเรียวเปิดประตูห้องโดยไม่รู้สึกฉงนใจว่ามีสายตาอีกคู่จ้องมองอยู่ เขาจัดการถอดรองเท้าและเก็บเข้าตู้ ก่อนจะเอี้ยวตัวเดินเข้าไปยังห้องครัว ทว่าปลายหางตาเหลือบเห็นใครบางคนนั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟาตัวโปรด ตาคมจึงหันไปมองเพื่อความแน่ใจ ทั้งคู่สบตากันนิ่งด้วยความรู้สึกที่แตกต่าง มาเฟียหนุ่มรู้สึกถึง ชัยชนะและรอคำถามจากร่างสูงว่าเขามาที่นี่ได้ยังไง แต่สำหรับหมอเมฆนั้นมองคนที่มานั่งรอด้วยแววตาเรียบนิ่งเพียงไม่กี่วินาทีก่อนจะเดินไปยังห้องครัวต่อ เมื่อแน่ใจว่าพ้นรัศมีที่แขกผู้มาเยือนไม่สามารถมองเห็นเขาได้ รอยยิ้มร้ายจึงผุดขึ้นบนใบหน้าหล่อ แบบนี้เรียกเหยื่อติดกับก็คงไม่ผิด... มาเฟียหนุ่มมองตามร่างสูงไปด้วยความไม่เข้าใจ ทั้งที่เห็นกันแล้วแท้ๆแต่ทำไมถึงทำหน้าเหมือนไม่ได้รู้สึกตกใจอะไรเลย คนตัวเล็กหยัดตัวลุกขึ้นจากโซฟาตัวนุ่ม จัดการดึงเสื้อเชิ้ตสีขาวราคาแพงให้เรียบตึงก่อนจะเดินตามร่างสูงเข้าไปในครัว “กวนตีนกูเหรอหมอ?” ร่างกายกำยำที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเผยให้เห็นโดดเด่นสู่สายตาแขกผู้มาเยือน เมื่อหมอเมฆถอดเสื้อเชิ้ตออกและสวมผ้ากันเปื้อนเพื่อบดบังร่างกายท่อนบนที่เปลือยเปล่าอันน่าหลงใหลของตน คำถามที่พ่นด้วยวาจาไม่ค่อยน่าฟังของภภีมทำให้ร่างสูงเหยียดตามองเพียงเล็กน้อยก่อนจะเอี้ยวตัวหันหลังมาเปิดตู้เย็นเพื่อค้นหาวัตถุดิบมาทำอาหาร และไร้ซึ่งคำตอบที่ร่างบางถามมาก่อนหน้านี้ “...” “เนี่ย ถามไม่ตอบแบบนี้กวนตีนชัดๆ! เสียมารยาท!!” “ผมกวนตรงไหน แล้วคนที่เสียมารยาทนี่ไม่ใช่คนที่บุกรุกเข้ามาในพื้นที่ของผมเหรอ? ว่าไงคนสวย..” “คนสวยบ้าน...” “จุ๊ๆๆ ไม่เอาน่า ไปนั่งรอไป เดี๋ยวผมทำกับข้าวไปให้ทานนะครับ อิ่มท้องก่อนค่อยว่ากันเนอะ” หมอเมฆยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่คนตัวเล็กที่ตอนนี้ยืนเท้าเอวพร้อมกับขมวดคิ้วมองคนที่ง่วนกับการทำอาหารโดยไม่คิดจะสนใจเขาอีกต่อไป เมื่อยืนมองสักพักโดยไร้ซึ่งความสนใจจากร่างสูง ภภีมจึงเดินกลับมานั่งที่โซฟาตัวเดิม ลีลานัก ถ้ายังเล่นตุกติกอีกก็ต้องสั่งสอนสักหน่อยแล้วล่ะ มาเฟียหนุ่มนึกกึ่งบ่นกึ่งด่า และไม่นานข้าวผัดกะเพราหมูสับหน้าตาน่าทานสองจานก็ถูกวางลงบนโต๊ะกระจกใสเบื้องหน้าด้วยฝีมือของเจ้าของห้อง “วางยากูรึเปล่าหมอ?” “วาง กินไปแล้วหลับเลย” “เหอะ กวนตีน งั้นรีบๆกินให้หมดเลยนะ กูมีคำถามจะถามและมึง ต้องตอบความจริงกับกู” “คุณพูดกับผมเพราะๆหน่อยไม่ได้เหรอ ผมยังพูดกับคุณดีๆเลยนะ คุณพูดเพราะๆบ้างก็คงจะน่ารักไม่เบา” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นมาอีกครั้งอย่างตั้งใจ แววตาคมหรี่มองคนตัวเล็กตรงหน้าด้วยความถูกใจ เหยื่อมาถึงถ้ำเสือขนาดนี้ มีหรือที่เสืออย่างเขาจะปล่อยเหยื่อให้ออกไปง่ายๆ ถ้าเสือตัวอื่นก็ไม่แน่ แต่เสือซุ่มอย่างหมอเมฆไม่มีทางปล่อยไปแน่นอน ต้องกินเหยื่อให้อิ่ม แล้วค่อยโยนทิ้งโยนขว้างให้หมากินต่อ เขานั่งมองมาเฟียหนุ่มตักข้าวเข้าปากไปคำแรกด้วยอาการลุ้นระทึกว่าจะติรสมือเขาไหม เพราะปกติก็ทำกินเองคนเดียวมันก็พอกินได้ ยังไม่เคยทำอาหารให้ใครกินเหมือนกัน เมื่อไม่มีคำพูดใดจากภภีม หมอเมฆจึงถอดผ้ากันเปื้อนออกและนั่งเปลือยท่อนบนกินข้าวไปด้วยกัน “ถอดเสื้อทำไม แอร์เย็นจะตาย” “คุณก็ถอดบ้างสิ จะได้เหมือนกัน” “ประสาทเหอะ!” “ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็ได้ถอด” เหมือนกล่าวทิ้งทวนไปอย่างนั้น ฟังเหมือนคำพูดผิวเผินแต่เปล่าเลย เขาแค่ต้องการบอกเป็นกลายๆว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็เท่านั้น มาถึงห้องเสือต้องเตรียมใจโดนเสือตะครุบมาบ้างแล้วล่ะ โง่แบบนี้เป็นมาเฟียได้ยังไง...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD