ตอนที่ 1
# มายด์ Talk
กริ๊ง ๆ ๆ ๆ เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นบอกเวลา 7:00 น.
“ตื่นแล้วๆ” ร่างเล็กงัวเงียขี้ตาเอื้อมมือขึ้นมากดปิดเสียงนาฬิกาปลุกทั้งที่ยังไม่ลืมตา
วันนี้เป็นวันเปิดเรียนวันแรกในการเรียนมหาวิทยาลัย ก่อนอื่นขอแนะนำตัวก่อนนะคะ ชื่อเล่นมายด์ ชื่อจริง มารีญา อารยะวัฒน์เรียนคณะสถาปัตยกรรมปี 1 พักอาศัยอยู่คอนโดคนเดียวค่ะ พ่อแม่เสียชีวิตหมดแล้วเมื่อ 3 ปีก่อน บ้านฉันถือว่าร่ำรวยเลยล่ะคะแต่หลังจากที่พ่อแม่เสียตอนนั้นฉันพึ่งอายุ 15 ยังไม่รู้เรื่องอะไรมากก็เลยโดนญาติพี่น้องเอาทรัพย์สินของพ่อแม่ไปหมด ไม่พอนะคะยังไล่ฉันออกจากบ้านอย่างวกะหมูอย่างกะหมาอีก โชคยังดีที่มีครูประจำชั้นรับฉันไปอยู่ด้วยและฉันยังพอมีเงินเก็บอยู่บ้างเป็นเงินที่พ่อกับแม่เปิดบัญชีไว้ให้เป็นทุนการศึกษาแยกต่างหากจากเงินในกองมรดก หากท่านไม่ทำแยกฉันคงเหลือแต่ตัวจริงๆ
จนกระทั่งอายุ 17 ปี คุณครูแต่งงานมีครอบครัว ฉันแอบได้ยินครอบครัวของแฟนครูพูดถึงฉันว่าเป็นภาระลูกหลานก็ไม่ใช่แล้วจะรับเลี้ยงให้เสียเงินเสียทองทำไม ฉันกลัวครูจะลำบากใจเลยบอกครูไปว่ามีญาติที่กรุงเทพมารับไปอยู่ด้วย ทั้งที่จริงแล้วฉันไม่มีใครเลย คิดอย่างเดียวว่าจะไม่ทำให้คนที่ดีกับฉันลำบากใจ เลยตัดสินใจมาอยู่กรุงเทพคนเดียว อ่อ...ฉันเป็นคนเชียงใหม่นะลืมบอกไป
ระหว่างที่นั่งรถมากรุงเทพฉันได้เปิดดูเงินในบัญชีทั้งที่ไม่อยากจะใช้มันเลย แต่ด้วยความจำเป็นถ้าฉันไม่ใช้ฉันก็จะอดตายเมื่อมาเปิดดูแล้วใครจะคิดว่ามันจะมีเยอะขนาดนี้ ฉันจ้องนับเลขศูนย์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าตัวเองไม่ได้นับผิดไป เลขศูนย์เจ็ดตัวมีเลขหนึ่งอยู่ข้างหน้า โอ้!!มันเยอะกว่าที่คิดไว้มากเลยค่ะนับเป็นเลขกลมๆจำนวนเงินมีมากถึง 10 ล้าน
วันแรกที่มาถึงกรุงเทพฯก็ไปนอนโรงแรมก่อน แล้วหาโรงเรียนเพื่อเรียนต่อให้จบ ม.6 ซึ่งได้เป็นโรงเรียน KH และซื้อคอนโดเล็กๆอยู่ เพราะถ้าเช่าคงเช่าอีกนานก็เลยเลือกที่จะซื้อเลยดีกว่า จากนั้นค่อยหางานทำต่อไป จะมีวุ่นวายก่อนจะเรียนจบม.ปลายเพราะต้องเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย ช่วงที่เตรียมตัวติวฉันเห็นครูคุยกันเรื่องเล่นหุ้น ฉันเลยเกิดสนใจแล้วกลับมาศึกษา ฉันใช้เวลาติวสอบกับติวหุ้นไปพร้อมๆกันจนสามารถสอบเข้ามหาวิทยลัยในคณะที่ตัวเองอยากเรียนได้ได้ และเล่นหุ้นเป็นแล้วก็หาเงินจากการเล่นหุ้นจนมีทุกวันนี้ แต่ทุกอย่างก็ย่อมมีอุปสรรคกันทั้งนั้นแต่ฉันก็ผ่านมาได้นะถึงจะผ่านมาอย่างทุลักทุเลก็ตามเถอะ
พูดเรื่องตัวเองมาเยอะแล้ว ถึงเวลต้องไปอาบน้ำแล้วค่ะวันนี้มีรับน้องด้วยเวลา 9:00 น. มหาลัยยังไม่ได้เปิดเรียนเปิดสอนนะคะแต่ที่คณะมีรับน้องก่อน 2 อาทิตย์วันนี้เลยต้องไป ฉันเลยเริ่มนับวันนี้เป็นวันเปิดเรียนวันแรกในรั้วมหาวิทยาลัย
อาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ไม่ลืมที่จะหยิบแว่นตากรองแสงที่ไม่ใช่แว่นสายตามาใส่พลางใบหน้าของตัวเอง ถ้าไม่จำเป็นเธอไม่อยากจะเปิดเผยหน้าตาให้ใครเห็นเลย เพราะจำเหตุการณ์ตอน ม.6 ได้เป็นอย่างดี ไม่ต้องพูดถึงเนอะมันผ่านมาแล้วลงไปทานข้าวข้างล่างคอนโดดีกว่า เป็นร้านอาหารตามสั่งเล็กๆอร่อยและสะอาดน่ากินมากค่ะและที่เป็นจุดขายสำหรับร้านนี้นั่นก็คือราคาที่ย่อมเยาเหมาะสำหรับนักศึกษาที่ส่วนมากยังพึ่งเงินรายได้จากผู้ปกครอง
“ป้าคะ...ขอข้าวผัดกะเพราทะเลที่ 1 ค่ะ”
“อ้าว…หนูมายด์ ทานเมนูเดียวมาตลอดเป็นปีแล้วไม่เบื่อบ้างเหรอลูก จะลองเปลี่ยนเป็นเมนูอื่นบ้างไหมป้าทำอร่อยทุกเมนูนะจะบอกให้”
“ไม่เบื่อเลยค่ะก็ป้าทำอร่อยไง” มายด์เผลอยิ้มหวานเมื่อสะดวกใจที่จะคุยกับคนนั้น
“หนูมายด์รู้ตัวไหมว่าเวลาหนูยิ้มน่ารักมากเลยลูก ทำไมไม่ยิ้มเยอะ ๆ หน่อยล่ะ”
“ไม่เอาหรอกค่ะ หนูยิ้มให้ป้าคนเดียวก็พอแล้วยิ้มเยอะไปจะถูกคนมองว่าเป็นบ้าเอาน่ะสิคะ” ว่าพลางยิ้มทะเล้นเหมือนคนบ้าให้แม่ค้าขายข้าวได้ดู
“ทะเล้นจริงๆเรารอป้าแปปนึงนะ” ป้าขายขาวเดินยิ้มกลับเข้าไปทำอาหารด้านใน ใช้เวลาไม่นานอาหารจานร้อนก็ถูกยกมาเสิร์ฟ
“ข้าวผัดร้อนๆมาแล้วกินเยอะๆนะลูกจะได้โตเร็วๆ ” ป้ายื่นจานข้าวที่หอมฉุยวางลงตรงหน้าหญิงสาว ขณะเดียวกันในร้านยังไม่มีลูกค้าป้าเลยมานั่งคุยกับฉันและตอนนี้กำลังลูบผมฉันเบาๆ ป้าเคยบอกว่าอยู่คนเดียวไม่มีครอบครัว พอเห็นฉันแล้วก็เกิดถูกชะตาเพราะฉันน่ารักน่าเอ็นดูว่างั้น
“ป้าคะ...หนูไปก่อนนะคะจะสายแล้ว สวัสดีค่ะ”
“จ๊ะๆไปดีมาดีนะลูก”
จากนั้นมายด์ก็มุ่งหน้าเดินไปที่มหาลัยที่ไกลออกไปไม่กี่ร้อยเมตรก็ถึงแล้ว ขณะเดินไปมายด์มัวแต่ก้มหน้าเล่นโทรศัพท์จึงถูกชนเข้าอย่างจัง เธอไม่แน่ใจว่าถูกชนหรือเธอเดินไปชนคนอื่นกันแน่
ปึก! “โอ้ย...”
‘ไม่น่ามัวแต่ก้มเล่นโทรศัพท์เลยยัยมายด์เห็นไหมเป็นเรื่องขึ้นมาจนได้’ มายด์สบถด่าตัวเองในใจ