ตอนที่ 2 การเปลี่ยนแปลง

1004 Words
“ทำงานกับพ่อฉันมานานแล้วหรือยัง?” ภูชิตถามหลังจากรถวิ่งออกมามาจากบริษัทได้ไม่นาน “สี่ปีแล้วค่ะ นายท่านใจดีและมีเมตตากับพนักงานทุกคนมากจริงๆ ค่ะ” หญิงสาวไม่ตั้งใจจะประชดเขาแต่อย่างใด ทว่าเมื่อคิดได้ว่าคำพูดที่ตนพูดออกไปเมื่อครู่นี้ออกแนวประชดอีกฝ่ายกลายๆ มือเล็กก็แทบอยากจะยกมือขึ้นมาเขกไปที่หัวของตัวเอง “เธอจะบอกว่าฉันใจร้ายอย่างนั้นสิ?” ภูชิตรีบเอ่ยถามพลางเลิกคิ้วเข้มขึ้น ไม่ใช่แค่ใจร้ายอย่างเดียวนะ แถมยังจอมเนี้ยบและขี้เก๊กอีกด้วย วันๆ นึงรู้จักยิ้มบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้… ขณะที่ญานินกำลังค่อนขอดอีกฝ่ายอยู่ในใจ ภูชิตก็เอ่ยขึ้นอย่างรู้เท่าทัน “กำลังด่าฉันอยู่ในใจใช่ไหม?” “ใช่ค่ะ…” ญานินเผลอตอบออกมา พอรู้สึกตัวก็ถึงกับสะดุ้งโหยง มือเล็กรีบยกขึ้นมาปิดปากของตัวเองทันที เล่นเอาภูชิตต้องหันขวับมองใบหน้าหวานนิ่ง “ขอโทษค่ะ” ญานินบอกเสียงอู้อี้เพราะรีบปิดริมฝีปากของตนเองเอาไว้อย่างอายๆ “บ่นในใจได้แต่อย่าให้ฉันได้ยินก็พอ” หญิงสาวรีบพยักหน้าขึ้นลงแล้วมองไปที่ถนนเบื้องหน้า พร้อมกับโน้มตัวไปบอกคนขับ เพียงไม่นานรถก็จอดข้างป้อมยามทางเข้าหมู่บ้าน “จอดทางเข้าหมู่บ้านนี่แหละค่ะ จะได้ไม่เสียเวลาเจ้านาย” ญานินพนมมือไหว้คนข้างๆ แล้วรีบเปิดประตูลงจากรถ ก่อนจะรีบก้าวฉับๆ ไปที่ป้อมยามโดยมีสายตาของเจ้านายหนุ่มมองอยู่ ด้วยเพราะอะไรภูชิตเองก็ไม่รู้ได้เหมือนกัน “ว้าย…” และแล้วญานินก็ไม่ทำให้ผิดหวัง หญิงสาวแสดงท่าทางเปิ่นๆ ออกมา เมื่อส้นรองเท้าที่เธอใส่เผลอเหยียบก้อนหินจนเกิดพลิกส้นหัก ทำเอาเจ้าของร่างบางหัวคะมำไปข้างหน้า แต่ก็โชคดีที่เธอทรงตัวไว้ได้ก่อน “ยายเปิ่นเอ๊ย!” ภูชิตพึมพำอย่างตกใจ มือหนาคิดจะเปิดประตูรถลงไปแต่ก็เปลี่ยนใจทันเมื่อเห็นยามหน้าหมู่บ้านออกมาช่วยหญิงสาวไว้ทันการ “คุณนิน เป็นอะไรรึเปล่าครับ?” ลุงยามที่ป้อมรีบออกมายืนข้างๆ เจ้าของร่างบางอย่างเป็นห่วง เพราะคุ้นเคยกับเธอดี “อุบัติเหตุนิดหน่อยค่ะ” หญิงสาวยิ้มหน้าเจื่อนๆ พลางหันหลังกลับไปมองรถเจ้านายหนุ่มที่จอดอยู่ที่เดิม ทำให้ลุงยามต้องมองตามอย่างสงสัย เพราะปกติญานินจะนั่งแท็กซี่เข้ามา แต่วันนี้เธอกลับมีรถมาส่ง “ใครครับคุณนิน” ลุงยามเอ่ยถามอย่างสงสัย “เจ้านายนินเองค่ะลุงยาม พอดีเขามาส่ง นินก็เลยประหม่านิดหน่อย ก็เลยเผลอเหยียบก้อนหินจนส้นรองเท้าหักค่ะ” ญานินรีบถอดรองเท้าแล้วหยิบขึ้นมาดูอย่างเสียไม่ได้ “คุณนินนี่ตลกบริโภคอีกแล้วนะครับเนี่ย เดี๋ยวลุงให้ยืมรองเท้าแตะเองครับ เช้าค่อยเอามาคืนลุงก็ได้นะ” ลุงยามพูดแล้วก็เดินหายเข้าไปในป้อมยาม เพียงไม่นานลุงยามก็ออกมาพร้อมกับรองเท้าแตะ “ขอบคุณค่ะลุง ตอนเช้านินจะรีบเอามาคืนนะคะ” หญิงสาวรับรองเท้าแตะมาวางลงพื้นก่อนจะสวมใส่ “ไหวมั้ยล่ะครับนั่น” ลุงยามเห็นท่าทางของญานินก็อดที่จะเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงไม่ได้ “สบายมากเลยค่ะ” แม้ว่าญานินจะเจ็บแต่ก็ต้องรักษาอาการไว้ เพราะเธอมั่นใจว่าคนในรถกำลังจ้องมองดูเธออยู่ แต่ตอนที่หญิงสาวเดินได้สามก้าวก็รีบหันหลังกลับไปมองลุงยามอีกครั้ง และทำให้เธอเห็นว่ารถของเจ้านายหนุ่มยังคงจอดอยู่ที่เดิม “ลุงขา ถ้ามีคนตามนินมา ลุงห้ามให้เข้าหมู่บ้านเลยนะคะ เพราะคนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ นินเองก็กำลังเดี้ยงๆ อยู่ ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาคงช่วยตัวเองไม่ได้แน่ๆ” ญานินทำเสียงเศร้ากับสภาพของตัวเอง ลุงยามเห็นหญิงสาวตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยจนได้งานทำในกรุงเทพฯ ก็รู้สึกสงสารและเข้าใจ “ได้ครับๆ” ลุงยามทำสัญลักษณ์โอเคให้เธอมั่นใจ ญานินยิ้มหวานแล้วเดินไปตามริมฟุตบาท โชคดีที่บ้านของเธออยู่ห่างจากป้อมยามไปเพียงสามหลังจึงเสียเวลาเดินกลับไม่ไกลนัก ภูชิตมองเจ้าของร่างบางจนกระทั่งเธอหายเข้าไปในบ้าน “รอฉันที่นี่ก่อนนะ” ภูชิตสั่งแล้วเปิดประตูลงไป เขาตั้งใจจะไปดูอาการของเลขาฯ ประจำตัว แต่ลุงยามก็พลันรีบเข้ามาขวางทางชายหนุ่มไว้เสียก่อน “มาหาใครครับคุณ” ลุงยามมองสำรวจภูชิตตั้งแต่หัวจรดเท้า “ฉันมากับผู้หญิงคนเมื่อกี้” ภูชิตรีบตอบพลางมองไปที่บ้านของญานิน ลุงยามพิจารณาชายหนุ่มนิ่ง ก่อนจะยกมือลูบคางตัวเองไปมา ไม่เหมือนโจรเท่าไหร่ แต่ก็ไว้ใจไม่ได้… “เมื่อกี้หนูนินสั่งไว้ว่าถ้าใครตามมาให้รีบไล่กลับได้เลยครับ เพราะอาจจะเป็นพวกโรคจิตได้” ลุงยามพูดออกมาตรงๆ “เธอบอกแบบนั้นเหรอ?” ภูชิตถามเสียงสูงอย่างหัวเสียที่อีกฝ่ายเล่นกล่าวหาเขาแบบนั้น บ้าชะมัด เราไม่น่าห่วงยัยเลขาฯ จอมเปิ่นเลยให้ตายสิ “ครับ กลับไปก่อนเถอะครับ ถ้าเจ้าของบ้านไม่อนุญาต ผมก็ให้เข้าไม่ได้ มันเป็นกฎของที่นี่นะครับ” “หืม…” ภูชิตครางรับอย่างเซ็งๆ ก่อนจะเดินกลับไปที่รถ เพียงไม่นานรถของบริษัทก็เคลือนตัวออกไป ภายในใจชายหนุ่มก็รู้สึกกรุ่นๆ พานโกรธคนที่กล่าวหาว่าเขาเป็นพวกโรคจิต
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD