ONE NIGHT l คืนที่หนึ่ง
ONE NIGHT l คืนที่หนึ่ง
บทนำ
" พี่... "
" หืม? "
" ผมรู้สึกเหมือนผมกำลังอกหักเลยว่ะ "
เพทาย พูดออกมาในขณะที่กำลังตักข้าวในจานเข้าปากราวกับว่าสิ่งที่พูดออกมามันก็แค่เพียงประโยคบอกเล่าประโยคหนึ่งที่เจ้าตัวอยากเล่าให้คนเป็นพี่ชายฟังก็เท่านั้น 'เวทิศ' ได้ฟังแล้วก็ใบ้รับประทานไปนิด เอาจริง ๆ เลยนะไอ้คำว่าอกหักสำหรับเด็กอายุ 19 นี่มันร้ายแรงหรือเปล่าแต่สำหรับคุณหมอจิตแพทย์อายุ 25 แล้วอย่างเขา มันก็ค่อนข้างอันตรายเลยล่ะ...
" แล้ว? "
" แล้วอะไรอ่ะ? "
" ก็นายบอกพี่ว่านายอกหัก แล้วยังไงต่อล่ะ? คนเราเวลาอกหักมันก็ต้องเศร้า ต้องเสียใจบ้าง! ไม่ใช่กินเอาๆแบบนี้! " เจ้าตัวพูดแล้วใช้ส้อมชี้ที่จานอาหารสลับกับใบหน้าน้องชายตัวแสบ เด็กบ้าอะไรกวนประสาทอันดับหนึ่งเลยเถอะ!
" เหรอ... "
" ก็เออสิ! แล้วทำไมถึงคิดว่าตัวเองอกหักล่ะ? "
" ก็เพื่อนที่สนิทมาก ๆทั้งสองคน ตอนนี้มันเป็นแฟนกัน " คนเป็นน้องพูดต่อพลางนึกถึงเพื่อนทั้งสองคนที่ตอนนี้เป็นแฟนกันไปแล้วจริง ๆ ในใจมันก็รู้สึกจี๊ดๆล่ะนะ...จะว่าไปเพทายอาจจะหวงสไมล์มากไปก็ได้ ดูแลเป็นอย่างดีแล้วพอตอนนี้ไม่ได้ทำแบบนั้นแล้ว มันก็รู้สึกเหมือนขาดอะไรไปสักอย่าง...แต่เขาก็ไม่ได้บอบช้ำจนขนาดอาการทรุดแย่อย่างที่เวทิศพูดหรอกยังกินอิ่ม นอนหลับ ทำงานอดิเรกได้ สบายมาก!
" หมายถึงน้องไมล์เหรอ~ "
" ไม่ต้องมาแซวผมเลย ไม่งั้นเรื่องพี่แอบออกไปทำงานตอนกลางคืนถึงหูเฮียอินฉินแน่นอน "
เพทายยอมเงยหน้าขึ้นมายักคิ้วทะเล้นใส่พี่ชายก่อนจะก้มลงไปตักข้าวเข้าปากต่อ ทิ้งให้คนเป็นพี่อ้าปากพะงาบ ๆอึ้งในความร้ายกาจของเด็กคนนี้เอามาก ๆ ให้ตายสิ! เชื้อโรคจิตแรงกล้าแบบนี้
เพทายต้องได้รับมันมาจากโจวอินฉินแน่ ๆเลย!
หนึ่งเดือนผ่านไป...
ร่างสูงหุ่นสมส่วนในแบบฉบับของผู้ชาย ใบหน้าคมเข้มผมสีน้ำตาลเข้ม ผิวพรรณเพทายออกสีแทนนิดๆแต่ดูมีเสน่ห์เหลือล้น จมูกโด่งเป็นสันรับกับใบหน้าขาวใสได้ดีเกินคาดแววตาคมเฉียบหางตาตกและเรียวคิ้วเรียงเส้นสวยงาม ในตอนนี้กำลังขมวดจนยุ่งเหยิงไปหมด
เพทายนั่งเท้าคางพลางคิดย้อนไปกับเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น รอบ ๆห้องสีขาวสะอาดของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังกลางเมือง ขณะนี้มีคุณหมอทีมแพทย์และเหล่าพยาบาลร่ายล้อมเต็มไปหมด ถึงแม้เหตุการณ์ที่ผ่านมาเมื่ออาทิตย์ก่อนมีบางส่วนที่เขาหลงลืมไปบ้างแล้วแต่มีสิ่งเดียวที่จำได้แม่นยำได้นั่นก็คือ...หมอปริญกับผู้ชายหนึ่งคนที่ประกาศตัวว่าเป็นแฟนของหมอคนนั้น
ตึก ตึก ตึก!
" ไอ้เพทย์! อะ อึก แฮ่ก! " วินเนอร์ เด็กผู้ชายร่างเล็กผิวขาว ดวงตากลมโต วิ่งพรวดพราดเข้ามาในห้องพักผู้ป่วยพิเศษที่เป็นห้องของเพทาย พวกเขาสองคนค่อนข้างที่จะสนิทกันมากในตอนที่เรียนมัธยมปลายจนถึงตอนนี้ก็มีเพียงวินเนอร์ที่ยังติดต่อและคุยกันบ่อยกว่าเพื่อนในกลุ่มคนอื่น ๆ
" กูบอกแล้วใช่ไหม! อย่าไปยุ่งกับเขาๆ เป็นไงล่ะมึง! โดนผัวเขาตีกบาลกลับมาเนี่ย!! " เพื่อนตัวเล็กโวยวายใส่เพทายทันทีที่เห็นสภาพอีกคนโดนพันตัวอย่างกับมัมมี่ เพทายไหวไหล่ใส่ราวกับว่าแล้วยังไง?
" ยัง ยังไม่เข็ดอีกใช่ไหมมึง "
" อย่าบ่นหน่าวิน ฟังมึงแหกปากแล้วกูปวดหัวเลยเนี่ย... "
" ใช่ซี๊! ก็กูมันไม่ใช่คุณหมอครับคุณหมอขาคนนั้นของมึงนี่ " วินเนอร์จิ๊ปากใส่คนบนเตียงอย่างหงุดหงิด แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ช่วยทำให้จิตใจของเขาเองหยุดรุ่มร้อนได้เลย คุณหมอปริญที่ว่าก็เป็นหนึ่งในคุณหมอศัลยแพทย์มือดีของโรงพยาบาลแห่งนี้...วินเนอร์เคยเห็นหน้าคร่าตาแค่ครั้งหรือสองครั้งเพราะคุณหมอคนนั้นก็เป็นคนลูกเต้าคนใหญ่คนโตที่มีอิทธิพลมากมายแถมยังพ่วงตำแหน่งคนของศรัณญ์ อภินัทรากูลคนนั้นอีกยิ่งทำให้คุณหมอปริญเป็นบุคคลที่เอื้อมไม่ถึงไปแล้วสำหรับเพทาย คุณหมอปริญคนนั้นช่างบอบบางแต่รอบกายดันมีแต่คนเข้มแข็งพร้อมที่จะปกป้องเขาอยู่แล้ว
" มึงมันไม่เจียมตัวเลย ไอ้เพื่อนโง่! " คิดไปเรื่อยเปื่อยแล้วก็นึกหงุดหงิดเพื่อนโง่เง่าของตัวเองขึ้นมา คนตัวเล็กที่นั่งกอดอก กัดฟันกรอดๆใส่เพทายในห้องเลยโพล่งขึ้นมาเสียอย่างนั้นเล่นเอาอีกคนเงยหน้าจากโทรศัพท์มือถือขึ้นมาขมวดคิ้วงุนงงทันควัน
" อ้าว ด่ากูเฉยเลย...อะไรของมึงอ่ะ "
" มึงเลิกยุ่งกับหมอปริญไม่ได้เหรอวะเพทย์ "
" ... "
" ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเขามีเจ้าของแล้วน่ะนะ มึงยังจะคิดแบบนั้นอยู่อีกเหรอ...ตอนที่มึงอยู่ในสภาพปางตายตอนนั้นกี่คนที่เขาร้องไห้เพราะมึงบาดเจ็บ ถ้ามึงไม่รักตัวเองสักนิด กูขอแค่ให้มึงรักพี่เวได้ไหม... "
" กูพยายามแล้ววิน มันไม่ใช่แค่ครั้งเดียวหรือสองครั้งด้วย กูพยายามหลายครั้งแต่พอกูเห็นเขาร้องไห้เพราะแฟนเขา กูก็ถอดใจไม่ได้ทุกที...มันคงสายเกินกว่าจะหันหลังแล้วมั้ง
" เหอะ สายเกินกว่าจะหันหลัง? แล้วมึงก้าวต่อไปได้หรือไงวะ! มึงจะเดินต่อไปได้ยังไงห๊ะ! หยุดบ้าสักที!! หมอเขามีแฟนแล้ว!!! "
" แล้วมึงจะให้กูทำยังไง! ถ้ามึงรักใครสักคนไปแล้วต่อให้เขามีแฟนแล้วก็เถอะ นับหนึ่งถึงร้อยแล้วมึงหยุดรักเขาได้เลยไหมล่ะ วิน!! "
" ... "
" เข้าใจกูหน่อยสิวะ...กูกำลังพยายามอยู่เหมือนกัน "
" อึก...อืม กูขอโทษ "
" กูรักมึงนะ แล้วกูก็รักพี่เวอยู่แล้วมึงไม่ต้องห่วง...ถ้าวันไหนกูตัดใจจากเขาได้ กูจะบอกมึงคนแรกเลย โอเคไหม? "
" ไอ้เหี้ยนี่... "
หลังจากที่เพทายพูดจบ ริมฝีปากสีชมพูก็ย่นเข้าหากันเป็นประจำถ้าหากได้หงุดหงิด ถึงจะโดนด่าด้วยถ้อยคำหยาบคายแต่เพทายก็หลุดขำพรืดก่อนจะกวักมือเรียกเพื่อนสนิทให้เดินไปหาตัวเองหน่อย วินเนอร์เบ้ปากใส่เขาแล้วหน้าหนีไปทางอื่นแทนไม่อยากเดินไปหามันหรอก ไอ้คนโง่คนนั้น!
พรึ่บ!
" อ๊ะ! " พอเขาไม่เดินไป คนป่วยก็เดินย่องมาตระครุบอีกคนแทนที่โซฟาเบดนุ่มนิ่มในห้องสีครีมขาว วินเนอร์สะดุ้งตกใจจนตัวโยน บทจะดีดตัวแรงๆก็ทำไม่ได้เพราะอีกฝ่ายบาดเจ็บอยู่ เขากลัวแผลอีกคนจะเปิดหรืออีกอย่างก็คือนาน ๆ ครั้งจะได้กอดเพทายกันแน่นะ?
" ขอบคุณนะวิน "
" เรื่อง? "
" ขอบคุณไงเพราะมึงไม่เคยทิ้งกู "
" ... " วินเนอร์เงียบเพราะไม่รู้จะตอบไปว่าอะไร ส่วนเพทายก็ยิ้มนิดๆแล้วก็นั่งสวมกอดอีกคนจากด้านหลังอยู่อย่างนั้น ถึงแม้ตอนนี้หัวใจจะเต้นกระหน่ำอย่างรุนแรงก็ไม่มีทางที่เพทายจะได้ยินหรอก...
ความรู้สึกของเพทายไปกองรวมอยู่ที่คุณหมอปริญคนนั้นหมดแล้วต่างหาก...
[ MEKHA PART ]
' ถ้ามึงไม่อยากให้กูฆ่ามัน...งั้นเอาแบบนี้ดีไหมเมฆ '
' ... '
' ช่วยลากคอมันออกไปไกล ๆตัวเมียกูหน่อยสิ มึงทำได้ไหมล่ะฮึ? '
' ... '
' เวลากูถาม ให้ตอบ '
' แล้วทำไมกูต้องทำ? '
' แล้วมึงสะเออะเดินเข้าไปช่วยมันทำไมละวะ!!! '
' ... '
' จะทำหรือไม่ทำก็ช่างหัวมึง...แต่จำเอาไว้อย่างหนึ่งนะไอ้เมฆ ถ้ากูเห็นหน้ามันเมื่อไหร่ กูฆ่ามันแน่...ด้วยมือของกูนี่แหละ '
' งั้น...ถ้ากูตกลงล่ะ มึงจะปล่อยมันไหม '
' ก็อยู่ที่ผลงานของมึงจะเป็นไง '
' กูตกลง '
ผ่านมาสองวันแล้ว...
แต่คำพูดที่เพ้นท์เฮ้าส์ไอ้ป๋ารันยังกรอซ้ำวนไปมาไม่หยุด ผมไม่ได้ไปทำอะไรตามที่รับปากรันมันเอาไว้หรอก...แม่งไม่รู้จะทำไปเพื่ออะไรน่ะ แม้ในใจก็กลัวว่าไอ้ป๋ามันจะรู้เรื่องเข้าสักวันเหมือนกันว่าผมยังนิ่งยังเฉย แล้วไอ้เด็กนั่นก็ดูเหมือนจะไม่จำว่าตัวเองเกือบตายแบบนั้นเพราะฝีมือใคร
" ทำไมทำหน้าแบบนั้น? " เสียงเฮียเฟียสดังขึ้น ตอนที่ผมกำลังนั่งลูบหน้าตัวเองไปมาอยู่แบบนี้ในคอนโดส่วนตัวของแฟนผมเอง มันมีบ้านแต่ไม่เคยพาผมไปเหยียบสักครั้งตั้งแต่คบกันมา ผมก็ไม่ซีเรียสอะไรหรอกเพราะงานแต่ละวันก็รัดตัวจนเจียนตายอยู่แล้วไม่มีเวลามาคิดเล็กคิดน้อยเรื่องของใครหรืออะไรทั้งนั้น...ผมมันคนประเภทขี้เบื่อน่ะ
" เป็นอะไร...ทะเลาะกับประธานมาเหรอ? " เขาพูดแล้วก้มลงมาทาบริมฝีปากลงนหน้าผากผม ตามด้วยแก้มซ้าย แก้มขวาและสุดท้ายก็กลายเป็นริมฝีปาก เฮียมันจูบอยู่แบบนั้นไม่ยอมปล่อย ส่วนผมก็นั่งใช้มือรองคางอยู่แบบนี้เงยหน้าให้มันดูดเล่นๆ ก็นี่มันแฟนผม ขัดขืนไปให้มันได้อะไรขึ้นมา...ดีดดิ้นกว่านี้มีหวังโดนอีกคนมันลากเข้าห้องแน่ ๆ
" อื้ออ อื้ม "
" ... " เฮียเฟียสถอนริมฝีปากออกตอนที่มันพอใจ แววตามันเอ่อล้นไปด้วยความต้องการแต่ผมเหยียดยิ้มใส่แล้วผลักหน้ามันออก
" ค่อยมาต่อ "
" ทำไม... "
" เมฆมีงานต้องไปทำ ส่วนเฮียก็ต้องไปสอนแล้วไม่ใช่? "
" ไม่สอนแล้ว หยุดอยู่ห้องกับ- "
" เถลไถลว่ะ โคตรไม่น่ารัก " ผมลุกขึ้นกอดอกพูดแล้วมองเฮียมันนิ่งๆ ด้วยความที่ผมมันเป็นคนแสดงออกไม่เก่ง ไม่แสดงอารมณ์ออกมาบ่อยนัก ยกเว้นตอนที่ผมโกรธ...อารมณ์แบบนั้นตีซ่านออกมาอย่างง่ายดายเชียวล่ะ ไม่งั้นก็คงอยู่กับไอ้รันไม่ได้จนป่านนี้หรอก ยิ่งไอ้ป๋า...รายนั้นแม่งน่ากลัว มันจัดอยู่ในจำพวกน้ำนิ่งไหลลึกเลยล่ะ ด้วยเหตุนี้เรื่องที่ตกลงกับมันเอาไว้เลยกลายเป็นเรื่องที่ทำให้ผมคิดมากอยู่จนวันนี้
" เออๆ ไปสอนก็ได้วะ ไม่เห็นต้องดุเฮียเลย "
" ... "
" งั้นเฮียไปทำงานก่อนนะ "
" อืม " เฮียเฟียสยิ้มให้ผมครั้งสุดท้ายก่อนที่หยิบของสำคัญแล้วเดินออกไปก่อนเพราะผมตอนนี้ยังไม่ได้อาบน้ำแต่งตัวเลยด้วยซ้ำ พอนึกขึ้นมาได้ผมก็กลับเข้าไปจัดการตัวเองจนเสร็จสรรพเรียบร้อย ล็อคห้องให้เฮียเฟียสมันแล้วก็ฝากคีย์การ์ดไว้ที่พนักงานประชาสัมพันธ์ด้วย ไม่รู้ว่าคืนนี้จะได้กลับมาหรือเปล่า คิดว่าควรไปจัดการเรื่องไอ้รันให้มันเร็วๆขึ้น ได้ข่าวมาแว่วๆว่าไอ้เด็กนั่นยังตามตอแยไอ้หมอไม่หยุดเลยด้วย
ก็คงจะ...ปล่อยให้ทำตามใจชอบต่อไปไม่ได้แล้วล่ะมั้ง...