CHAPTER 8

1542 Words
“ฉันอยู่ที่ไหนคะเนี่ย ฉันต้องไปถ่ายละครต่อ ป่านนี้ทุกคนรอฉันอยู่แล้ว” มธุรดาลืมตาตื่นอีกครั้งก็เห็นปรมะนั่งเฝ้าอยู่ไม่ไกลจากเตียง สงสัยจะลืมไปแล้วด้วยว่าตัวเองเพิ่งผ่านเหตุการณ์อะไรมา เพราะหญิงสาวทำท่าจะลุกขึ้นเตรียมจะลงจากเตียง “กองละครของคุณล่มไปไม่เป็นท่าแล้ว และตอนนี้ผมยังต้องถูกชดใช้ค่าเสียหาย ที่ทำให้ทุกอย่างพลาดไปหมด พรุ่งนี้คุณค่อยไปถ่ายเก็บงานก็แล้วกันนะ” มธุรดาคิ้วขมวด จ้องหน้าปรมะเขม็ง เธอกำลังประมวลภาพและเรื่องราวในสมองตาม “คิวงานของคุณวันนี้ ผมโทรไปยกเลิกหมดแล้ว” “ยกเลิกหรือคะ” “อื้อ... พี่จิ๊กกี้ เขาส่งเบอร์ของผู้จัดการส่วนตัวคุณมาให้ผมแล้ว และผมก็ได้คุยกับพี่น้ำหวานผู้จัดการของคุณ พี่น้ำหวานก็เลยจัดการเคลียร์คิวให้ ผมบอกทุกคนไปแล้วว่า คุณนอนเติมน้ำเกลืออยู่” มธุรดามองตามแขนตัวเองไป ถึงค่อยเห็นว่ามีเข็มน้ำเกลือทิ่มอยู่ที่หลังมือ “ฉันเป็นอะไรไป” พอสติเข้ารูปเข้ารอย ความรู้สึกหนักหัวก็ตามมาทันที เธอจึงทิ้งศีรษะลงนอนตามเดิม “คุณน่ะอ่อนเพลียมาก ทำไมไม่รู้จักพักผ่อนเสียบ้าง” “ฉันต้องทำงานนี่คะ ฉันเป็นหนี้มากกว่าสิบล้าน ฉันจะนอนพักผ่อนได้ยังไง ไม่งั้นฉันต้องได้ไปนอนไหนในคุกแทนน่ะสิ” คนไม่เคยต้องคดีความ พอเกิดเรื่องแบบนี้ก็รู้สึกกังวลไปหมด แม้จะรู้จักคนที่มีความรู้ด้านกฎหมายอธิบายให้ความกระจ่างบ้างแล้ว แต่หญิงสาวก็ยังกลัวอยู่ดี “ไม่ต้องกลัวหรอก ถ้าคุณจดทะเบียนสมรสกับผมในวันพรุ่งนี้ ผมจะโอนเงินสิบล้านให้คุณในทันที” “ว่าอะไรนะ” มธุรดาเพิ่งนึกได้ถึงเรื่องราวที่ผ่านมาในห้องจัดงานเลี้ยง ภาพต่างไหลหลั่งกลับเข้ามาในสมอง เธอจำได้แล้วว่าได้สวมแหวนหมั้น และเหมือนพ่อของเขาจะประกาศว่าเธอกับปรมะได้แต่งงานกันแล้ว มธุรดายกมือซ้ายที่พ่วงด้วยสายน้ำเกลือขึ้นมาดู ก็เห็นว่ามีแหวนทองคำขาวสวมอยู่บนนิ้วนาง ชายหนุ่มส่งยิ้มให้และขยับเข้าไปใกล้เธอ ‘นายแพทย์ปรมะ’ ชายหนุ่มวางมือตัวเองลงใกล้กับมือของมธุรดา เพื่อช่วยยืนยันและเทียบได้ถนัดว่า บนนิ้วนางข้างซ้ายของทั้งคู่ประดับไปด้วยแหวนแบบเดียวกัน ในตอนนี้เธอแต่งงานมีสามีแล้วจริง ๆ “เราสองคนแต่งงานกันแล้ว และตอนนี้ผมก็อยากจะบอกคุณว่าคุณดังแล้วนะ และดังมากกว่าเดิม” “ดัง” เสียงหวานติดจะแหบทวนคำเลื่อนลอยคล้ายไม่เข้าใจ “ใช่ คุณดังใหญ่แล้ว คุณกับผมได้ออกข่าวทุกช่องเลย และทุกเว็บไซต์ก็เอาเรื่องของเราไปเขียนด้วย คุณโชคดีมาก ๆ ที่ได้เป็นเจ้าสาวของนายแพทย์ปรมะ อัศวิเวชน์” “โชคดีบ้าอะไร นี่คุณกำลังจะเข้ามาทำให้ชีวิตของฉันพังอีกรอบนะ” นึกขึ้นมาก็ยังเคืองในหลายเรื่อง คนมาทำงานแต่ดันโดนลากไปพัวพันกับอะไรก็ไม่รู้ เธอโมโหมากแต่ไร้เรี่ยวแรงจะวีน “เฮ้อ... อย่าปากดีมากนักเลย เก็บแรงเอาไว้ก่อนนะ” ไม่พูดเปล่า หมอหนุ่มฉีดยาบางอย่างเข้าไปที่สายน้ำเกลือ เพียงไม่นานหญิงสาวก็ผล็อยหลับไป ปรมะอยากให้เธอได้พักผ่อน หลังจบงานจึงพาเธอขึ้นมานอนในห้องของเขา จัดการตรวจร่างกายเบื้องต้นและรักษาเธอด้วยตัวเอง มธุรดาได้สติไม่นานก็หลับไปอีก คงไม่ทันสังเกตตัวเองว่า เสื้อผ้าที่สวมอยู่เปลี่ยนไป เครื่องสำอางบนใบหน้าก็ถูกเช็ดทำความสะอาดไปด้วย หมอหนุ่มพินิจคนนอนหลับ ตอนเห็นจากในรูปข่าวก็ว่าสวยแล้ว แต่พอเจอตัวจริงยิ่งสวยใหญ่ ใบหน้าเนียนใสไร้เครื่องสำอางปรุงแต่งแต่ก็ยังดูน่ามอง ปรมะหลุดหัวเราะเมื่อนึกถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น นึกขำตัวเองที่มาบ้าระห่ำเอาตอนสามสิบห้า “ผมขอโทษก็แล้วกันนะคุณ แต่ผมไม่มีวันปล่อยคุณไปตอนนี้แน่ ๆ เพราะไม่อย่างนั้น ผมต้องแต่งกับน้องก้อย ผมไม่ได้รักเธอ” เขาอธิบายเหตุผลของการกระทำทั้งหมดทั้งมวล เหมือนว่าเธอกำลังรับฟังทั้งที่เจ้าตัวนอนหลับไปแล้ว ก๊อก ก๊อก ก๊อก “จ๊ะเอ๋” อิงธาราเยี่ยมหน้าและส่งเสียงทักทาย หลังเคาะประตูแล้วก็ก้าวขามาในห้องนอนของพี่ชาย “ชู่” นายแพทย์หนุ่มรีบปราม เพราะเกรงว่าเสียงของอิงธาราจะปลุกให้มธุรดาตื่น “มีอะไร” “คุณพ่อ คุณแม่ให้มาดูพี่สะใภ้น่ะค่ะ แล้วก็ให้มาตามพี่ด้วย” “ตาม?” น้องสาวพยักหน้าหงึกหงักพร้อมส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ให้ คนโดนตามถอนหายใจออกมา คงถึงเวลาที่เขาต้องถูกสอบสวนแล้ว “เชิญค่ะ” “วันนี้พี่เหนื่อยแล้ว วันหลังไม่ได้เหรอ” “ไม่ได้ค่ะ สร้างปัญหาใหญ่ ๆ แล้วจะหนีเหรอคะ” “หนี” ผู้เป็นพี่ถามทวน “ใช่ค่ะ ยืดอกสิคะ แต่หนูว่าบางทีพี่อาจจะหมายถึงหนีจากเรื่องยากอันหนึ่ง แล้วก็ต้องไปเจอกับเรื่องยากอีกเรื่องแทนก็ได้” “ยัยน้ำอิง” เขาทำตาขวาง น้องสาวตัวดีรีบเดินหนีออกจากห้องนอนของพี่ชายทันที ทบทวนแล้วอย่างไรก็ต้องเผชิญหน้ากับทั้งสองท่านอยู่ดี เขาจึงตัดสินใจลุกขึ้นจากเก้าอี้ ออกไปให้บุพการีทั้งสองซักฟอกตามสะดวก เรื่องจะได้จบ ๆ ไปในวันนี้เลย “พี่ป้องว่ายังไงล่ะ” แม่ถามขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นลูกสาวเดินกลับมา “เดี๋ยวก็คงออกมาค่ะ” ทำหน้าที่ตามคนให้พ่อกับแม่เรียบร้อยแล้ว มือบางก็คว้าเอาสัมภาระและกระเป๋าที่เตรียมไว้ขึ้นมา “อ้าว นั่นจะไปไหนล่ะน้ำอิง” “เอาของไปคืนเพื่อนน่ะค่ะ เพื่อนมารอที่ข้างล่าง” “แม่นึกว่าน้ำอิงจะออกไปข้างนอก มันดึกแล้วนะ ไม่ควรออกไป เข้าใจไหม” “ค่ะแม่ น้ำอิงรู้ค่ะ หนูแค่จะไปเจอเพื่อนที่ล็อบบี้เท่านั้นค่ะ” เห็นสายตาจับผิดของแม่ หญิงสาวเลยอธิบายต่อ “จริง ๆ ค่ะแม่ น้ำอิงไม่ได้ออกข้างนอก แค่เอาของไปคืนเพื่อนเท่านั้นจริง ๆ ค่ะ” “โอเค ถ้าอย่างนั้นก็รีบไป รีบกลับขึ้นมาแล้วกัน” กล่องโดยสารพาหญิงสาวลงมาจากชั้นสิบสอง อันเป็นที่พำนักของครอบครัวแล้วมาจอดยังชั้นหนึ่ง พอก้าวขาออกมาจากลิฟต์อิงธาราก็ตกใจมาก มีผู้ชายที่เธอไม่เคยเห็นหน้ายืนอยู่แถว ๆ นั้น ทั้งที่เป็นเขตหวงห้าม เธอจำไม่ได้ว่าเคยเจอเขามาก่อน เหตุการณ์ขับรถปาดหน้าแย่งที่จอดรถกันเมื่อช่วงเช้า มีคนผูกใจเจ็บอยู่แค่คนเดียว แน่นอนว่าคนนั้นคือพัชระ “อ๋อ ไม่คิดจะขอโทษกันเลยนะ” เรื่องมันยังสดใหม่ พอเห็นหน้ายายเด็กโลลิต้าจอมปาดแล้ว ก็อดคันปากไม่ได้ “อะไรหรือคะ เรื่องอะไร ทำไมฉันจะต้องขอโทษคุณด้วย” สีหน้าของอิงธาราเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม “ก็เมื่อเช้าคุณขับรถปาดหน้าผม แย่งเอาที่จอดรถไปหน้าด้าน ๆ” “อ้าว...รถคันนั้นเป็นรถของคุณเหรอคะ” เธอถามกลับพลางยิ้มที่ดูแล้วออกจะยียวน ลองนึกย้อนไปก็คลับคล้ายคลับคลาจะมีรถคันอื่นด้วย แต่ว่า…เรื่องแบบนี้ คนมาถึงก่อน ก็มีสิทธิ์ก่อนอยู่แล้วไม่ใช่หรืออย่างไร “นี่ ไม่คิดว่าตัวเองมีความผิดรึไง ยังยิ้มออกมาได้อีก” “ไม่รู้สิคะ พอดีฉันรีบน่ะค่ะ” แม้จะฟังเหมือนคนเตรียมหนี แต่อิงธารากำลังรีบอยู่จริง เพราะต้องรีบกลับไปรายงานตัวกับคุณแม่ ปกติจะโดนห้ามไม่ให้ออกข้างนอกช่วงกลางคืน แต่วันนี้เป็นวันพิเศษเพราะมีงานหมั้นพี่ชาย จึงอยากแต่งตัวสวย ๆ ตามวาระโอกาส สัญญากับเพื่อนไว้ว่าจะคืนชุดทันทีหลังจบงาน เลยจำเป็นต้องหอบสัมภาระลงมาล็อบบี้ในเวลาแบบนี้ “อย่ามาแก้ตัวน้ำขุ่น ๆ” “เอ๊ะคุณ ฉันไม่ได้แก้ตัวค่ะ ฉันรีบจริง ๆ” พัชระเงยหน้าขึ้นดูที่ลิฟต์ ตัวที่เธอโดยสารมาเขียนชัดว่าเป็นลิฟต์ส่วนตัวของบ้านอัศวิเวชน์ เขาก็จ้องหน้าหญิงสาวอีกครั้งหนึ่ง ตอนนี้เธอไม่ได้แต่งตัวเหมือนกับเมื่อเช้าแล้ว คนนี้หรือน้องสาวคนเดียวของพี่ป้อง เคยทราบมาว่านายแพทย์ปรมะมีน้องสาวที่อายุห่างกันหลายปี พัชระคุ้นเคยกันดีกับหมอหนุ่มรุ่นพี่แต่เขาไม่เคยเห็นหน้าอิงธารามาก่อน แถมผู้เป็นแม่หวงอย่างกับไข่ในหิน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD