LAST LOVE : 16

2298 Words
เวลาหมุนผ่านไปจนมาถึงวันสุดท้ายในสัปดาห์แรกของการทำงานที่แสนจะว่างเปล่า ถึงจะมีการทดลองเกิดขึ้นจริง แต่ฉันก็มั่นใจว่านี้ไม่ใช่จุดประสงค์หลักของโครงการอย่างแน่นอน ข้อมูลที่ได้จากเฮียไวน์ก็น้อยซะเหลือเกิน เพราะถึงเขาจะได้สิทธิ์เข้าเขตหวงห้าม แต่ก็ยังโดนจำกัดพื้นที่อยู่ดี แถมยังมีข้อปฏิบัติเยอะแยะไปหมด หนึ่งในนั้นคือห้ามนำอุปกรณ์สื่อสารทุกชนิดเข้า นั้นแปลว่าเขาตั้งใจป้องกันข้อมูลสำคัญรั่วไหลไว้เป็นอย่างดี และพวกเราทั้งหมดถูกแบ่งไปประจำตามห้องแล็บซึ่งทำหน้าที่ต่างกันออกไป โชคดีที่ฉันยังได้อยู่ในส่วนงานเดียวกับเพื่อนสนิท แต่ก็เท่านั้นแหละ… ลมหายใจถูกพ่นออกซ้ำๆ ด้วยความเบื่อหน่าย รู้สึกสิ้นหวังอย่างบอกไม่ถูก ไม่ได้ดิ้นรนเข้ามาเพื่อการทดลองต๊อกต๋อยพวกนี้ซะหน่อย “มึง มาดูนี่ดิ” ฉันละสายตาจากแฟ้มเอกสารสำคัญในมือและวางลงบนโต๊ะ ก่อนจะขยับไปยืนขนาบข้างเพื่อนรักพร้อมโฟกัสไปยังหน้าจอคอมพิวเตอร์จุดเดียวกับที่มันเรียกให้ดู “โครโมโซม?” ฉันทวนสิ่งที่ปรากฏด้วยความสงสัย “ใช่ ของR085” “ไหนบอกว่ามันป่วย” เหลือบตามองสัตว์ที่ถูกนำมาใช้การทดลอง วิ่งปรื๋อราวกับหนูแรกรุ่นที่แข็งแรงและมีกำลังวังชามหาศาล ทั้งที่ผลในตอนแรกไม่ได้เป็นแบบนั้น “อือ เหมือนมันได้รับสารบางอย่างด้วยนะ” “มีผลเทโลเมียร์ไหม” “มีอยู่” เพื่อนรักรีบลากเมาส์ไปคลิกที่ไฟล์ข้อมูลของR085 ต่อมาสิ่งที่ฉันถามหาแสดงขึ้นบนหน้าจอเด่นชัด ใช่เวลาอยู่พักใหญ่ในการวิเคราะห์ ก่อนจะได้ข้อสรุปที่ดูจะขัดกับความเป็นจริงที่เห็น “ในข้อมูลระบุว่ามันน่าจะอายุประมาณสามถึงสี่ปี” ฉันพูด พร้อมเหลือบเจ้าหนูในกรงกับผลบนหน้าจอสลับไปมา พลางยกแขนข้างหนึ่งขึ้นกอดอกส่วนมืออีกข้างลูบบริเวณปลายคางขณะใช้ความคิด “ทำร่างกายมันดูไม่น่าถึง” ประโยคที่หลุดออกมาจากปากคู่หู ตรงกับความคิดฉันเป๊ะเลย มันต้องมีอะไรบางอย่างผิดปกติแน่ๆ “นั้นสิ…” “หวัดดีสาวๆ” “โอ๊ะ!...บ้าเอ๊ย” เสียงอุทานหลุดออกมาจากปากเพื่อนรัก หลังจากที่บุคคลที่สามโผล่มาจากด้านหลังในระยะประชิด เราสองคนสะดุ้งโหย่งผละออกจากกันด้วยความตกใจ สติเตลิดหายไปในอากาศ ฉันยกมือทาบหน้าอกตัวเองแน่น “ซอรี่ครับ” ผู้มาเยือนใหม่รีบกล่าวขอโทษขอโพยสำหรับการกระทำที่ไม่สมควรของตัวเอง พี่ไนท์ หนึ่งในผู้ได้รับคัดเลือกเข้าโครงการ ซึ่งเขาเป็นคนพื้นที่แต่กำเนิด ดีกรีเกียรตินิยมอันดับหนึ่งจากมหาวิทยาลัยชื่อดังประจำเมืองหลวง แถมรูปลักษณ์ภายนอกยังอยู่ในขั้นเพอร์เฟค แต่เสียอย่างเดียว ทะเล้น และติดเล่นเยอะเกินไป อย่างเช่นเหตุการณ์ที่เขาเกือบทำฉันกับอีทิช็อกตายเมื่อกี้ และพอปรับอารมณ์ให้เป็นปกติได้ ฉันก็ถามถึงสาเหตุการมาปรากฏแบบไม่น่าให้อภัยของเขา “พี่ไนท์มีอะไรเหรอคะ” “อ้อ พอดีพี่จะมาชวนไปปาร์ตี้คืนนี้น่ะ” ชายร่างสูงที่อายุมากกว่าฉันไม่กี่ปี เอ่ยชวนอย่างยิ้มแย้ม “เออ…” ฉันยังไม่ทันได้ปฏิเสธ เขาก็แทรกขึ้นก่อน “ไปกันเยอะเลยนะ พี่พลอยใสก็ไป” แค่หยิบยกพี่สาวคนสนิทขึ้นมาฉันก็ลำบากในการปฏิเสธจะแย่ ไหนจะไอ้ตักข้างๆ นี่อีก “ไปเหอะมึง” อีทิเกาะแขนฉันเขย่าเบาๆ พลางกะพริบตาปริบๆ อย่างออดอ้อน ในที่สุดฉันก็ใจอ่อน “ไปก็ได้ค่ะ” บางทีการได้ไปดื่มคลายเครียดสักเล็กสักน้อยก็น่าจะดี… 20:30 น. @ TT BAR สถานที่พบปะในค่ำคืนนี้อยู่ชั้นสิบเก้าของโรงแรมหรูใจกลางเมือง ที่ให้บรรยากาศคล้ายผับกึ่งบาร์นั่งชิล ตกแต่งได้สวยและเก๋ มีกลิ่นอายบาร์ยุโรป ผู้มาใช้บริการกว่าครึ่งก็เป็นชาวต่างชาติ เสียงดนตรีจัดอยู่ในระดับดี ไม่ได้บีบอัดจนใจเต้นตุ๊บๆ ยังพอพูดคุยได้สบายๆ และยังคงเป็นพี่สาวคนสวยเช่นเคย ที่นำทางเด็กต่างจังหวัดอย่างเราสองคนมาถึงที่นี่ หญิงสาวในชุดเกาะอกสีดำสุดเซ็กซี่ ก้าวเดินนำไปยังจุดหมายราวกับพกความมั่นใจมาเกินร้อย ขณะที่ฉันและอีทิ ยังจับมือกันเดินแบบระแวดระวังขั้นสุด ฉันถูกบังคับให้คลี่ยิ้มบางทักทายเพื่อนร่วมทีมที่ไม่รู้จัก เนื่องจากมันเป็นมารยาททางสังคม พี่พลอยทิ้งตัวลงนั่งข้างพี่ไนท์บนโซฟาตัวยาวที่หันหลังชนกำแพง ส่วนฝั่งซ้ายมีสามสาวนั่งเต็มแล้ว เช่นเดียวกับฝั่งตรงข้าม เพราะฉะนั้นตัวขวาจึงเป็นที่ของฉันกับเพื่อนรัก และมันก้าวเข้าไปนั่งด้านในก่อน “แล้ว…” เพื่อนรักเอ่ยขึ้นลอยๆ พร้อมสอดส่องสายตาไปรอบๆ “คุณหมอไม่มาเหรอ” “พี่ไลน์ไปแล้วนะ แต่ไม่อ่านเลย น่าจะยังอยู่ในแล็บ เดี๋ยวคงตามมา” พี่พลอยใสตอบขณะส่งแก้วไวน์มาให้ คนถามพยักหน้าเล็กน้อย ในตอนที่รับแก้วไวน์แล้วส่งต่อให้ฉันอีกที “งานข้างบนคงจะเยอะนะคะ” สาวรุ่นพี่ที่นั่งฝั่งตรงข้ามออกความคิดเห็น ซึ่งฉันก็คิดแบบเดียวกับเธอ เพราะตั้งแต่เขาเริ่มขึ้นไปทำงานข้างบน ก็ไม่ค่อยได้เจอเขาเลย… “วันนี้คุณสวยมากนะ” ฉันปรายตามองเจ้าของประโยคบอกเล่าที่เพิ่งจบไปเล็กน้อย ก่อนจะหันไปหาเพื่อนสนิท เพราะไม่แน่ใจว่าหนุ่มลูกครึ่งที่นั่งโซฟาถัดไปเขาพูดกับใคร เพราะฉันเองก็ไม่รู้จักเขา “คุณนั่นแหละครับ” “...” ฉันชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง เพื่อยืนยัน ก่อนเขาจะพยักหน้าตอบพร้อมรอยยิ้ม “ขอบคุณค่ะ” ฉันกล่าวประโยคที่แสดงถึงความมีมารยาท “สวยขนาดนี้ แฟนคงหวงนะครับ” “ไม่มีแฟนค่ะ” แน่นอนว่านี่คงเป็นสิ่งที่เขาอยากรู้ แต่เป็นอะไรต้องอ้อมค้อม… “จริงเหรอครับ ถ้างั้นก็แปลว่าจีบได้น่ะสิ” “ไม่เสมอไปหรอกค่ะ” พูดจบฉันก็ดึงหน้าตึง เบี่ยงตัวหันไปหาเพื่อนรัก แล้วยกแก้วไวน์แดงขึ้นกรอกปากจนหมดในคราเดียว ด้วยความคิดที่ว่ามันคงเหมือนกับที่เคยดื่มมา ทว่ามันกลับแตกต่าง… ใบหน้าเปลี่ยนเป็นเหยเกทันทีที่กลืนแอลกอฮอล์ชั้นเลิศลงลำคอ ท่ามกลางความตกตะลึงจากผู้ร่วมทางทั้งสอง “ทำไมมันแรงขนาดนี้วะ” ฉันบ่นพึมพำ พลางหลุบมองแก้วเปล่าในมือด้วยความสงสัย หรือเพราะฉันไม่ได้สันทัดเรื่องแอลกอฮอล์สักเท่าไหร่ “แล้วทำมึงไม่ค่อยๆ จิบละ” “กูไม่รู้นี่หว่า” [Special Part -Wayuphat-] 22:20 น. ฝีเท้าชะลอลงหน้าประตูทางเข้าสถานที่อโคจรตามที่ได้รับจากรุ่นน้องคนสนิท ก่อนจะเลื่อนดูรูปถ่ายที่พอจะระบุโซนด้านในที่พวกเธออยู่ได้อย่างชัดเจน พร้อมกับดันประตูเข้าไป แต่ละรูปที่ส่งมาก็น่าหงุดหงิดชะมัด เหมือนมันตั้งใจถ่ายมายั่วโมโหโดยเฉพาะ มียัยน้องน้อยตัวแสบของผมอยู่ในทุกรูป สำคัญไปกว่านั้นคือเหมือนเธอกลายเป็นดอกไม้งามท่ามกลางฝูงต่อแตน มีแต่ผู้ชายพากันห้อมล้อมเต็มไปหมด คิ้วย่นเข้าหากันทันทีที่เดิมมาถึงโต๊ะ แต่มีเพียงพลอยใสที่หันมายกแก้วในมือขึ้นทักทายและเพื่อนร่วมทีมนั่งอยู่ไม่กี่คน “น้องละ” ผมเอ่ยปากถาม พร้อมกวาดสายตาไปรอบๆ ก่อนจะไปหยุดโฟกัสแผ่นหลังคุ้นตาในชุดเดรสสายเดียวสีครีมผ้าซาตินนั่งโงนเงนบนเก้าอี้บาร์ มือข้างหนึ่งยกวางขนาบบนโต๊ะ อีกข้างเอื้อมไปรับแก้วค็อกเทลจากบาร์เทนเดอร์หนุ่มด้านในที่เพิ่งผสมเสร็จใหม่ และหญิงสาวในชุดเซทกระโปรงสั้นสีเทาดำนั่นก็ ทิชา ซึ่งมีอาการไม่ต่างกัน “เมา?” ผมหันกลับมาหาพลอยใสอีกครั้ง เพื่อยืนยันว่าสิ่งที่เห็นเป็นความจริง เพราะปกติ มิเชล ไม่เคยดื่มหนักขนาดนี้ “อือ” ผมส่ายหน้าทันทีที่ได้คำตอบ และกำลังจะก้าวเดินไปยังจุดหมาย แต่ถูกรั้งแขนไว้ซะก่อน “เดี๋ยว ปล่อยไปก่อน นางก็อยู่กับเพื่อนนาง ไม่เห็นเป็นไรเลย” พลอยใสฉุดให้ผมนั่งลงบนโซฟาที่ว่างข้างๆ “นั่งๆ ไม่ได้ดื่มด้วยกันนานแล้วนะเราอะ” แต่ผมยังขืน ไม่วางใจ เพราะตรงนั้นยังมีผู้ชายหน้าไหนก็ไม่รู้สองสามคนนั่งอยู่กับพวกเธอด้วย “แต่มันมีผู้ชาย” “ก็คนในทีมทั้งนั้น ไม่มีอะไรหรอกน่า” พลอยใสชี้แจ้งพร้อมกับดึงรั้งอีก ผมยอมนั่งลงตามที่เธอต้องการ ก่อนแก้วเครื่องดื่มจะถูกยัดใส่มือ ลมหายใจถูกพ่นออกหนักๆ หนึ่งครั้ง พลางยกแก้วขึ้นกรอกปาก โดยที่สายตายังโฟกัสอยู่ที่เดิม ผ่านไปสักครึ่งชั่วโมง แอลกอฮอล์เริ่มร่อยหรอไปเยอะพอสมควร ในขณะที่สองสาวยังนั่งดูบาร์เทนเดอร์ทำการผสมเครื่องดื่มหลากหลายอย่างสนุกสนาน แตกขนานขนาดนั้น อีกไม่นานต้องล้วงแน่ๆ และมันจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย ถ้าบรรดาตัวผู้ทั้งหลายแหล่ไม่ทำการขยับย้าย เข้าใกล้ยัยตัวเล็กมากขึ้นเรื่อยๆ ปึก! แก้วเปล่าถูกกระแทกลงบนโต๊ะอย่างแรง ผมลุกพรวดขึ้นจากโซฟา ปรี่เข้าไปหาไอ้หนุ่มหน้าจืดหนึ่งในเพื่อนร่วมทีมกำลังจะเลื่อนมือขึ้นโอบไหล่น้องเล็กโดยไม่ได้รับอนุญาต แล้วกระชากคอเสื้อมันจากด้านหลังอย่างแรง ก่อนจะผลักเข้าไปที่แผงอกอีกที จนมันเสียหลังเซถอยไปชนกับคนที่อยู่ด้านหลัง “เฮ้ย! ไรวะ” มันโวยวาย และทำท่าจะพุ่งใส่ผมทันทีที่ตั้งหลักได้ แต่ถูกล็อกไว้จากเพื่อนมัน ส่วนผมก็ถูกล็อกไว้จากใครก็ไม่รู้เช่นกัน จังหวะนั้นผู้คนที่นั่งอยู่โต๊ะรีบลุกตามมา กระจายตัวออกเป็นสองฝั่งเพื่อลดแรงปะทะ ที่เราทำท่าจะพุ่งใส่กันไปแบบไม่มีใครยอมใคร “อย่า…มาเข้าใกล้คนของกู” ผมกดเสียงต่ำ ชี้หน้ามันอย่างเอาเรื่อง “เฮีย เป็นบ้าอะไรเนี่ย” เสียงอ้อแอ้ของคนที่เริ่มแปรสภาพดังขึ้น พร้อมกับแทรกร่างสะโหลสะเหลเข้ากลางวง “ทำไมทำตัวแบบนี้วะ” ผมคว้าแขนน้องเล็กออกแรงดึงเข้าหา ก่อนที่เธอจะเซไปทางไอ้เวรนั้น ซึ่งผมไม่ยอมให้มันได้สัมผัสแม้แต่ปลายเล็บของเธอเด็ดขาด “เราโตแล้ว เฮียไม่ต้องมายุ่ง” คนตัวเล็กงอแง พยายามแกะมือผมออก “ยิ่งโตนั่นแหละ ยิ่งต้องยุ่ง” “ปล่อยเรานะ” “เฮีย ใจเย็นก่อน” เป็นพลอยใส ที่เขามาช่วยน้องน้อยให้หลุดจากการกอบกุม สาวน้อยทำหน้ามุ่ยใส่ผมก่อนจะหันไปลากคอเพื่อนสนิทตัวเองกลับไปที่โต๊ะ “ไปมึง กินต่อ” “ดูเหมือนน้องมันน่าจะมีเรื่องเครียดนะ” พลอยใสว่า พร้อมกับดึงแขนผมตามไป แต่ผมยังหันไปตวัดตามองไอ้หน้าอ่อนนั้น ที่มันก็ถูกเพื่อนห้ามไว้เช่นกัน ออกมามีเรื่องกันเองแบบนี้คงไม่เหมาะ ถึงผมจะอายุไม่น้อย แต่ความใจเย็นไม่ได้เพิ่มขึ้นตามอายุ…บอกไว้ก่อนเลย ผมทิ้งตัวลงนั่งข้างคนตัวเล็ก พลางถอนหายใจแรง เพราะเธอยังดูสนุกกับการดื่มโดยไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น ดูท่านจะจริงอย่างที่พลอยใสพูด นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นมิเชลดื่มแบบไม่ยั้งขนาดนี้ “เป็นอะไรถึงดื่มเยอะขนาดนี้” ผมเอื้อมแตะแขนเล็กเพื่อปรามให้เว้นช่วงก่อนแก้วที่สองจะตามลงไป “ไม่ได้เป็น” เธอตอบห้วนๆ แล้วทำท่าจะยกดื่มต่อ แต่ผมหยิบแก้วออกจากมือเธอก่อน “เอาคืนมานะ” คนถูกขัดใจทำท่าฟึดฟัด พยายามจะแยกแก้วคืน ทั้งที่สภาพเริ่มดูไม่ได้ แต่ผมคิดว่าเธอยังพอมีสติ ถึงจะน้อยนิดก็เหอะ “บอกเฮียมาสิ มันเป็นยังไง” ผมถามอีกครั้ง ขณะกระเถิบไปใกล้มากขึ้น เลื่อนมือขึ้นลูบหัวคนตัวเล็กด้วยความเอ็นดู เธอนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะพ่นลมหายใจออกแรง ราวกับมีเรื่องให้หนักใจมากมาย ก้มหน้าลงเล็กน้อย แล้วตอบกลับเสียงอ่อย “เราแค่เหนื่อยอะ” แค่ประโยคเดียวสั้นๆ ทำใจผมกระตุกวูบ รั้งศีรษะเล็กเข้าหาตัวจนหน้าผากเธอแนบชิดกับแผงอก “อะไรที่ทำให้น้องเหนื่อยขนาดนี้” ผมถาม โดยที่ฝ่ามือยังลูบผมเธออย่างอ่อนโยน “เฮียไม่ต้องรู้หรอก” สำหรับ มิรินดา แอลกอฮอล์คงทำให้ร่างกายอ่อนลงได้เพียงอย่างเดียวสินะ ปากยังแข็งเหมือนเดิม “งั้นกลับไปพักผ่อนไหม” “เรายังไม่อยากกลับ” ข้อเสนอของผมถูกปัดทิ้งแบบไม่ไยดี เธอดันตัวออก ก่อนจะหันไปหาเพื่อนสนิท โดยที่มือผมยังประคองอยู่ไม่ห่าง กลัวว่าเธอจะกลิ้งลงไปกองอยู่กับพื้น จากการทรงตัวที่ไม่ค่อยจะตรงเท่าที่ควร
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD