CHAPTER 1
CHAPTER 1
แรงสั่นไหวของดอกทิวลิปสีขาวบริสุทธิ์ช่อใหญ่ที่อยู่ในอ้อมกอดอวยเอนไปมาเกิดขึ้นเป็นระลอกๆ ในขณะที่เท้าใหญ่ก้าวย่างเดินไปด้านหน้าอย่างมั่นคง
ผู้ชายตัวสูงโปร่งมีเรือนผมสีน้ำตาลเหลือบดำส่วนผิวกายขาวสะท้อนออกมาจากสูทราคาแพงนั้นสามารถสะกดสายตาของครอบครัวอื่นๆ ที่เข้ามาไหว้คนในครอบครัวของตัวเองที่ต่างล่วงลับไปแล้วในสุสานแห่งนี้ซึ่งผู้ชายคนนี้ก็หาสนใจไม่ เขาได้เพียงแค่กระชับช่อดอกทิวลิปเข้าไปในอ้อมกอดให้มากขึ้นแล้วก็เดินไปต่อยังจุดหมาย
~ฟิ้ว~
สายลมเย็นๆ พัดตีวนเข้ามากระทบใบหน้าผมเหมือนกับเป็นการส่งสัญญาณแห่งความดีใจทันทีที่ก้าวเข้ามาในบริเวณเนินเขาลูกใหญ่ สายลมต่างพัดวนอยู่รอบตัวเสมือนอ้อมกอดอันอบอุ่นต่างถักทอขึ้นเพื่อเป็นสายสัมพันธ์ระหว่างผมกับแม่
ใช่แล้วครับผมมาหาแม่...
ถึงในขณะนี้ผมกับท่านจะอาศัยอยู่คนละโลกกันแล้วก็ตามแต่ท่านก็ไม่ได้หายไปจากความทรงจำเลย
ผู้หญิงที่เหมือนนางฟ้ามีรอยยิ้มหวานอบอุ่นอันงดงามประดับไว้บนใบหน้าสวยรูปไข่ บอกเลยว่าเวลาที่เปลี่ยนไปมันไม่สามารถพรากความทรงจำอันดีระหว่างผมกับท่านไปแน่ ความทรงจำพวกนั้นมันฝังลึกลงไปที่หน้าอกข้างซ้ายของผมไปหมดแล้วจะลืมก็ต่อเมื่อผมหมดลมหายใจ
นานแล้วสินะ...
นานแล้วที่ผมไม่ได้มาหาท่านเลย...
ร่างสูงคุกเข่าต่อหน้าหลุมศพของผู้เป็นแม่พร้อมทั้งใช้มือปัดเศษใบไม้แห้งสองสามใบที่ร่วงหล่นออกก่อนจะวางช่อดอกทิวลิปแสนสวยลงไป
ดอกไม้ที่ท่านชอบ ทิวลิปสีขาว
นัยน์ตาสีเทามองไปยังรูปของแม่ด้วยความรู้สึกที่หลากหลายมันมีทั้งความสุขความดีใจที่ต่างอบอวนไปด้วยความรักจากนั้นไม่นานมันก็เปลี่ยนไปเป็นความโหยหาความหว่าเว้
“ผมกลับมาแล้วครับแม่ ขอโทษที่ไม่ได้มาหานานเลย...”
เสียงทุ้มขาดลงไปดื้อๆ เหมือนกับว่าเขาพยายามอดกลั้นความรู้สึกอยู่ทว่าไม่นานนักน้ำเสียงอันสั่นเครือก็มาดังขึ้นอีกครั้งซึ่งมาพร้อมกับหยดน้ำตาของลูกผู้ชาย
“เธอ... อึก เธอทิ้งผมไปแล้วครับ”
ร่างสูงทิ้งตัวนั่งลงพิงกับหลุมศพของผู้เป็นแม่เหมือนหมดอาลัยตายอยากกับทุกสิ่งที่มันเกิดขึ้นเพียงไม่นานนัก การระบายด้วยคำพูดผ่านสายลมให้เป็นสื่อกลางไปถึงแม่เป็นทางเลือกที่ดีเพราะมันแน่นเปี่ยมเต็มอกไปหมดการระบายจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุดถึงเนินหลุมศพของแม่จะตั้งอยู่ในที่สูงสามารถเห็นสภาพวิวทิวทัดธรรมชาติแบบสามร้อยหกสิบองศามันก็ไม่ช่วยเยียวยาสภาพจิตใจได้เลย
“เธอปฏิเสธผม...”
มนุษย์ทุกคนล้วนเกิดมาเพราะใช้กรรมที่ตนเองกระทำมันคงเป็นประโยคตายตัวสินะบนโลกใบนี้
คิน เป็นชื่อของผมเองครับ เกิดมาในครอบครัวที่มั่งมีด้วยเงินทองหรือเรียกกันว่าคาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิดมันเป็นแบบนั้นแหละ คนอื่นๆ วัยรุ่นต่างรู้จักในนาม 7 VILLAIN ที่มีทั้งเงินตราอำนาจดูเท่ในสายตาส่วนผมนั้นคิดว่าร่ำรวยแล้วไง? ร่ำรวยก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยผิดหวังไม่เคยอกหักไม่เคยเสียใจ ผมพึ่งกลับไทยมาเมื่ออาทิตย์ที่แล้วเพราะไปเรียนเฉพาะทางเกี่ยวกับสมอง อาชีพก็หมอนั่นแหละครับ
กลับมาก็ถูกปฏิเสธการแต่งงาน
“ลูกสะใภ้ที่ตั้งใจจะพามาหาแม่ไม่มีแล้วครับ...”
~ฟิ้ว~
สายลมพัดมาอีกครั้งปะทะเข้ากับตัวของผมเสมือนว่าแม่กำลังปลอบใจ ท่านคงรับรู้ว่าผมเจ็บปวดมากสินะก็แน่แหละในเมื่อเธอเป็นผู้หญิงที่ผมรักมากรักแบบอยากแต่งงานใช้ชีวิตด้วยกันทันทีที่กลับจากเรียนจบการตั้งครอบครัวมันก็เป็นสิ่งที่ผมประสงค์จะทำกับเธอเพียงคนเดียวแต่ไม่นึกว่ามันจะพังไม่เป็นท่า
“แต่แม่ไม่ต้องห่วงครับ แม่ก็รู้ว่าผมเข้มแข็งขนาดไหนแค่นี้ไม่ทำให้ลูกคนเก่งแม่เป็นอะไรแน่นอน ไม่เป็นอะไรแน่ครับ”
ยังไงทุกอย่างมันก็ต้องเดินหน้าต่อ ถึงมันจะเจ็บเจียนตายมากเพียงไหนก็ตามผมก็ต้องไม่เป็นอะไร โตแล้วผมต้องรับผิดชอบอีกหลายร้อยพันชีวิตแค่แผลหัวใจยังไงมันต้องรักษาให้หาย
“สักวันผมต้องรักษาใจตัวเองได้ครับแม่...”
อีกฟากหนึ่งสายฝนเม็ดเล็กกำลังโปรยปรายร่วงหล่นจากท้องฟ้ากว้างอย่างไม่ขาดสายราวกับรับรู้ความในใจของร่างเล็กที่กำลังเงยหน้ายืนโดดเดี่ยวมองพวกมันอยู่
นัยน์ตาสีน้ำตาลแดงมันมีทั้งความเศร้าความทุกข์ใจด้วยความระทมสักพักเดียวสายน้ำที่เอ่อล้นเต็มขอบตามันก็ไหลออกมาจากดวงตาคู่นั้น
น้ำตาแห่งการจากลา
หลังจากที่นกเหล็กลำนั้นเหินทะยานขึ้นสู่ฟ้าฟากเพียงไม่ถึงสองนาทีร่างเล็กสูงประมาณร้อยหกสิบที่มองด้วยสายตาอาลัยนั้นก็ตัดใจหันหลังเดินออกมาพร้อมกับสายน้ำตาและเสียงสะอึกสะอื้นไป ไม่รู้สิว่าทำไมฉันต้องร้องไห้ออกมาด้วยทั้งที่ควรจะยินดีกับน้องสาวฝาแฝดของตัวเองด้วยซ้ำกับเส้นทางการไปเรียนต่อต่างประเทศของนาชา
การเคารพการตัดสินใจเป็นสิ่งที่ควรทำถึงแม้ภายในใจมันจะเรียกร้องในทางตรงกันข้ามเพราะฉันรู้ดีไงว่าการตัดสินใจไปเรียนต่อครั้งนี้ของนาชาเธอเหมือนต้องการจะหนีใคร...
ความรวดเร็วในการเตรียมตัวแทบไม่มีอีกทั้งครอบครัวของเราก็ยังต่างมีเสียงคัดค้านจากคุณปู่คุณยาคุณพ่อและก็คุณแม่แต่เสียงของพวกเขาก็ต้องสงบลงเมื่อนาชาใช้ไม้แข็งที่ต่างทำให้ทุกคนยินยอมนั่นก็คือการไม่ยอมออกจากห้องไม่ยอมแตะอาหารสองวัน
การขับรถฝ่าสายฝนของฉันในวันนี้มันรู้หนาวเย็นจนจับขั้วหัวใจเพราะไม่มีเสียงชวนคุย ไม่มีร่างเล็กนั่งประจำที่นั่งคนขับเหมือนทุกๆ ครั้งบอกเลยว่าโคตรเหงายิ่งยามติดไฟแดงสายตามองออกไปนอกรถก็พบแต่ความมืดครึ้มของท้องฟ้าเสมือนว่ากำลังร้องไห้อยู่เช่นเดียวกันกับฉัน ความจริงแล้วการไปเรียนต่างประเทศก็เป็นความฝันของฉันเหมือนกันทว่าความฝันมันก็ยังเป็นความฝันอยู่วันยังค่ำในเมื่อการดูแลกิจการร้านเพชรของทางบ้านต่างหากที่เป็นความจริงยังไงเสียสถานการเป็นพี่สาวก็ยังค้ำคอให้ฉันต้องสืบทอดธุรกิจไม่เหมือนกับนาชาที่ต้องการเปิดร้านเสื้อผ้าเป็นของตัวเอง
สิ่งที่ฉันหลีกหนีไม่ได้นั่นก็คือดูแลธุรกิจของครอบครัว
Rr….
“คะแม่ ซีกำลังจะกลับบ้านคะแต่รถติดหน่อย”
ฉันกรอกเสียงไปตามสายอย่างเคยชินเมื่อสายตาเหลือบมองไปยังหน้าจอเป็นแม่ของตัวเอง ความสงสัยมีอยู่เต็มเปี่ยมเพราะแม่โทรมาหาทีไรมักมีเรื่องเกินความคาดหวังเสมอ
[ซีลูกแวะเอาเอกสารให้แม่หน่อยสิ]
นั่นไงล่ะ... เดาไว้ไม่มีผิด
“เอกสารเหรอคะ ได้ค่ะว่าแต่ที่ไหนคะแม่เดี๋ยวซีไปเอาให้?”
ยังไงก็อยู่ข้างนอกแล้วเข้าบ้านช้าหน่อยไม่เป็นอะไรมากยังไงวันนี้ฉันคงได้นอนที่บ้านใหญ่อยู่ดีอีกอย่างดีว่าไปนั่งเหงาอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมกว้างๆ
[ที่คุณอาไชยยัน]
“อาหมอ...”
[จ๊ะ... ไปที่โรงพยาบาลธัญญาเรศเลยนะลูกรัก]
โรงพยาบาลธัญญาเรศ!
“…”
[ขอบใจมากจ๊ะนาซีลูกรักของแม่...]
สายของแม่ตัดไปทิ้งให้ฉันอึ้งอยู่นานสองนานทำไมทุกอย่างมันถึงไม่ได้เป็นดั่งที่ใจคิดเอาไว้เลยนะ มันผิดพลาดไปหมดแล้วไม่น่าสัญญาว่าจะกลับไปนอนบ้านใหญ่เลยด้วยซ้ำไป
ฉันเดินทางผิดมาตั้งแต่ต้นจึงซวยมาตลอดทั้งวัน นาทีนี้ฉันจำเป็นต้องเลี้ยวรถตรงแยกด้านหน้าแล้วมุ่งไปโรงพยาบาลทันที โรงพยาบาลขนาดใหญ่รองรับผู้ป่วยทุกชนชั้นไม่แบ่งแยกถึงเป็นโรงพยาบาลเอกชนก็ตามแต่ยังมีนโยบายช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์จึงสามารถติดโรงพยาบาลขวัญใจของคนทั้งประเทศอีกทั้งยังขึ้นมาเป็นโรงพยาบาลแห่งแรกที่ได้รับการประเมินจากชาวต่างชาติให้เรื่องของเครื่องมือที่ทันสมัย
ฉันกลับมาอีกครั้งในรอบสามปีกว่า...
อาไชยยันเป็นพี่ชายของแม่ท่านทำงานเป็นหมอทางด้านสมองอยู่นี่ตั้งแต่เรียนจบจากต่างประเทศมาแน่นอนว่าโรงพยาบาลใหญ่แบบนี้ก็ต้องมีบุคลากรที่มีคุณสมบัติเริดไม่ต่างจากโรงพยาบาลเหมือนกัน
แหล่งรวมคนเก่งแสนเก่งไงล่ะ
ทันทีที่ก้าวเท้าเข้ามาด้านในกลิ่นเฉพาะตัวของโรงพยาบาลก็เข้ามาปะทะจมูกฉันบอกเลยว่าไม่ชอบเอามากๆ สำหรับกลิ่นนี้แล้วนี่ก็คือเหตุผลว่าทำไมฉันถึงไม่เรียนหมอทั้งๆ ที่สอบติดฉันปฏิเสธการเรียนหมออย่างเอาเป็นเอาตาย
“กลิ่นแบบนี้ตายแน่นาซีเอ้ย”
ร่างเล็กรีบค้นกระเป๋าเอายาดมหลอดโบราณสีเงินของคุณย่าขึ้นมาสูดดมเข้าเต็มปอดแบบไม่ปล่อยออกจากจมูกก่อนเดินตรงไปยังเคาน์เตอร์แผนกที่อาไชยยันประจำอยู่
“ขอโทษคะ อยากพบคุณหมอไชยยันคะ”