ผู้ต้องสงสัย 2

1455 Words
หวังเฟยหรงผู้อยู่ในเหตุการณ์ มองทุกฉากที่เกิดขึ้นพลางหัวเราะในลำคอ “หึหึหึ” การปะทะฝีปากกันของทั้งคู่ราวกับกำลังแสดงละครเร่ก็ไม่ปาน ใจอยากจะบอกให้โหยวซานซุนรีบกลับไปเสีย แต่ก็ติดที่ว่าเขามิใช่เจ้าของจวนแห่งนี้ ถึงอย่างนั้นจะกล่าวว่าโหยวซานซุนรักหน้าตนเองอยู่บ้างก็คงจะใช่ เพราะเขาเห็นอีกฝ่ายหันหลังเดินออกไปทันทีพร้อมกับบ่าวชาย และเขากลับหัวเราะหนักกว่าเดิมเมื่อเห็นเฉินลี่หลินยกโถน้ำชาสาดไล่หลังพร้อมกับพูดว่า ซ่าๆ! “ไปๆ ชิ้วๆๆ” “หึหึ ฮ่าๆๆๆ” โหยวซานซุนเดินออกมาจากจวนสกุลเฉินพร้อมกับความเจ็บใจ เขาสั่งคนขับรถม้าให้เดินทางไปหาบิดาของตนเองที่จวนหลักทันที พร้อมกับเล่าเรื่องราวที่ตนนั้นถูกเฉินลี่หลินขับไล่ออกมาจากจวนสกุลเฉิน ความโมโหแสดงออกไปอย่างรุนแรงจนบ่าวและสาวใช้วิ่งหลบซ่อนตัวกันจ้าละหวั่น พร้อมกับไม่ลืมที่จะบอกกับบิดาว่าตัวเขาจะไม่เข้าไปเหยียบสกุลเฉินให้เสียศักดิ์ศรีอีกเป็นแน่ “หากมีผู้ใดรู้เรื่องนี้ ข้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ใดขอรับท่านพ่อ ข้าเป็นถึงราชเลขาตราตั้งที่รอเข้าไปทำงานกับฮ่องเต้ หนทางของข้าก็ควรขาวสะอาดก่อนจะเข้าวังหลวง มิใช่ระหว่างทางมีแต่ข่าวลือเช่นนี้” ใบหน้าคมคร้ามแดงก่ำ มองบิดาอย่างตัดพ้อ คำสั่งเดิมของท่านคือเข้าหาเฉินลี่หลินจนครบเจ็ดวัน ให้เรื่องราวที่นางมาหมดสติในจวนพระราชทานของเขาจางหายไปโดยไม่มีความบาดหมาง ถึงยามนั้นเขาค่อยถอยห่างออกจากนาง...แต่เรื่องราวกลับกลายเป็นว่าสตรีที่เขาควรจะแสร้งทำเป็นขอโทษนั้นหาได้สนใจใยดีไม่ มิหนำซ้ำนางยังป่าวประกาศให้ใครต่อใครรู้ ว่านางมีหวังเฟยหรงเป็นคนรัก ช่างเป็นสตรีไร้ยางอายและน่ารังเกียจที่สุดในแคว้น “แล้วท่านพ่อรู้หรือไม่ว่านางมีบุรุษคนใหม่ที่นางรักแล้ว” “หวังเฟยหรงน่ะรึ เอาเถอะ หากเฉินลี่หลินไม่รักใคร่ใยดีและตัดใจจากเจ้าได้จริง เช่นนั้นเรื่องที่นางหมดสติในจวนพระราชทานของเจ้าก็ให้มันแล้วไปเสีย ดีเท่าไหร่ที่นางไม่สิ้นชีพอยู่ตรงนั้นให้เป็นมลทินแก่จวนเจ้า” โหยวต่วนลอบถอนหายใจที่ปัญหาของบุตรชายกับเฉินลี่หลินนั้นจบลง แต่ก็มิได้หมายความว่าจะจบไปทั้งหมดแล้วในเมื่อยังมีสตรีอย่างหวังซินเจียอยู่และแน่นอนว่าสตรีสกุลหวังก็มิใช่ทางเลือกที่เขาอยากจะส่งเสริมให้สมรสกับบุตรชาย “หลังจากเกิดเรื่องในจวนเจ้า คุณหนูหวังเป็นอย่างไรบ้าง” โหยวซานซุนที่เอาแต่คิดเรื่องวุ่นวายของเฉินลี่หลินถึงกับสะดุ้ง ‘ใช่สิ เขาลืมหวังซินเจียไปเลย’ นับจากวันนั้นที่หวังซินเจียกับเฉินลี่หลินไปที่จวนของเขาพร้อมกัน ผ่านมาได้สามวันแล้วที่เขาไม่พบหน้านาง “ท่านพ่อ ข้าคิดว่าสตรีที่ข้าควรจะเข้าหาควรเป็นหวังซินเจียมากกว่านะขอรับ นางงดงามมีมารยาท เป็นสตรีในห้องหอ สมควรที่ข้าจะส่งแม่สื่อไปสู่ขอนางมาเป็นฮูหยิน ท่านพ่อคิดเห็นอย่างไรขอรับ” โหยวต่วนเหลือบมองบุตรชายอย่างขัดใจ สติปัญญาของบุตรชายนับว่ามิเป็นรอง แต่เหตุใดบุตรของเขาจึงคิดไม่ได้ว่า ณ เวลานี้ตำแหน่งราชเลขานั้น หมายถึงการอยู่เคียงข้างฮ่องเต้ ย่อมหมายความว่าสตรีในรั้วในวังย่อมมีมาให้เลือก! “สกุลหวังเป็นสกุลพ่อค้าที่มีชื่อเสียงที่สุดประจำแคว้น นางเป็นบุตรสาวของฮูหยินเอก ย่อมเหมาะสมที่จะได้ตบแต่งเข้ามาเป็นฮูหยินให้เจ้า แต่เรื่องส่งแม่สื่อไปทาบทาม พ่ออยากให้เจ้ารอไปก่อน รอจนกว่าเจ้าจะเข้าไปรับตำแหน่งในวังหลวงและทำงานเคียงข้างฝ่าบาท แสดงความสามารถให้พระองค์ได้เห็น ถึงยามนั้นแม้แต่สมรสพระราชทานกับองค์หญิงสักพระองค์ก็คงไม่เกินเอื้อม เจ้าว่าจริงหรือไม่” ใจของผู้เป็นบิดา แต่เดิมที่สตรีสองสกุลหมายปองบุตรชายเขา แน่นอนว่าสตรีสกุลเฉินผู้เป็นบุตรสาวของรองแม่ทัพย่อมได้เปรียบ ในเมื่อเรื่องราวมิได้เป็นดังคาด เช่นนั้นแล้วสะใภ้ที่สมน้ำสมเนื้อย่อมต้องรอไปอีก ดังที่เขาบอกกับบุตรชายไปเมื่อครู่ ดวงตาของโหยวซานซุนสว่างวาบราวกับเห็นจุดหมายสูงสุด เขายกยิ้ม ^^ ก่อนจะคิดได้ว่าเรื่องของหวังซินเจียควรเป็นเรื่องหลังและเรื่องสตรีในวัง ย่อมต้องมาก่อน “บุตรโง่เขลา ขอบคุณบิดาที่ชี้แนะขอรับ” “บิดาย่อมอยากเห็นบุตรของตนมีความสุข” ^^ ราชเลขาคนใหม่นั่งวาดฝันไปไกลเกินกว่าจะคาด โดยลืมบอกบิดาไปว่า เมื่อครู่นี้ที่จวนสกุลเฉิน...เฉินลี่หลินกำลังวาดภาพของสตรีนางหนึ่งอยู่ &&&& คืนนั้น (20.00) เฉินลี่หลินนั่งมองภาพวาดของสตรีผู้วางยาในโถน้ำชาของนาง ด้วยอาการเหม่อลอย ภาพจากความฝันถูกถ่ายทอดผ่านภาพวาดในอิริยาบถที่สตรีผู้นี้กำลังเทผงอะไรบางอย่างลงในกาน้ำชา สถานที่ลงมือก็ยังเป็นห้องครัวของจวนราชเลขาโหยวซานซุน ในความหมายที่นางกำลังจะสื่อก็คงมีเพียงเสี่ยวจวงเท่านั้นที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับนางบ้าง เพียงแต่ว่านางจะกล่าวอ้างอย่างไรให้ภาพนี้เชื่อมโยงไปถึงความจริงได้อย่างแนบเนียน ในเมื่อมันเป็นเพียงภาพจากความฝันและนางมิได้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ด้วยตนเอง “คุณหนูเจ้าขา ภาพสตรีนางนี้ดูชี้ชัดได้ว่านางคือผู้วางยาคุณหนูใช่หรือไม่เจ้าคะ” เสี่ยวจวงเพ่งมองภาพวาดที่ก่อนหน้านี้ยังไม่ลงรายละเอียดอันใดนอกจากใบหน้า ต่างกับยามนี้ภาพของสตรีในโรงครัวนั้นปรากฏให้เห็นเด่นชัด กล่าวว่านางจำโรงครัวได้ก็ไม่ผิด จะผิดก็แค่สตรีผู้นี้ดูเหมือน “เดี๋ยวนะเจ้าคะ!บ่าวจำได้แล้ว สตรีผู้นี้เป็นคนยกน้ำชามาให้คุณหนูเจ้าค่ะ!” “นั่นอย่างไรเล่า ข้าเองก็ค่อนข้างมั่นใจว่านางคือผู้กระทำเรื่องนี้แน่ แต่ข้าจะนำภาพนี้ไปติดประกาศหรือไปแจ้งความจับนางคงไม่ได้ ในเมื่อข้ามิได้เห็นตอนนางวางยา” มันคือเรื่องที่นางกังวล แต่จะให้ถือกระดาษแผ่นนี้ไปสอบถามผู้คนด้านนอก สุดท้ายจะกลายเป็นนางเองที่ถูกเอาความ “เจ้าเชื่อข้าหรือไม่เสี่ยวจวง” เสี่ยวจวงมีสีหน้าหนักใจ แต่ถึงอย่างนั้นนางก็ตอบคุณหนูไปว่า “เชื่อเจ้าค่ะ จะว่าไปแล้ว ในตอนที่คุณชายโหยวมองเห็นภาพของสตรีผู้นี้ บ่าวเห็นคุณชายชะงักไปชั่วครู่นะเจ้าคะ” “ข้าก็เห็นเหมือนกับเจ้า โหยวซานซุนชังข้า เป็นไปได้หรือไม่ที่เขาจะเป็นผู้สั่งการสตรีผู้นี้” ยิ่งได้รับคำยืนยันจากเสี่ยวจวงว่าสตรีผู้นี้คือผู้ยกน้ำชามาให้ เฉินลี่หลินก็เริ่มมั่นใจเกินครึ่งว่าเรื่องในครั้งนี้โหยวซานซุนย่อมมีส่วนเกี่ยวข้องแน่นอน “เจ้าเป็นอะไรน่ะเสี่ยวจวง” ถามสาวใช้ที่จู่ๆ ก็ทำหน้าเศร้า เสี่ยวจวงน้ำตาคลอ “บ่าวผิดเองเจ้าค่ะคุณหนู ถ้าหากวันนั้นบ่าวมีสติและคิดได้ บ่าวคงจะบอกเรื่องที่คุณหนูถูกวางยาให้นายท่านโหยวต่วนทราบไปแล้ว มิใช่ตกใจจนทำสิ่งใดไม่ถูกจนเวลาล่วงเลยมาถึงวันนี้ หากจะย้อนกลับไปสืบหาหลักฐาน ผงยาพิษในน้ำชาก็คงถูกทำลายไปแล้วเป็นแน่เจ้าค่ะ” ทำหน้าเศร้า นึกย้อนกลับไปในวันที่เกิดเรื่อง ตัวนางเอาแต่ตกใจและร้องไห้เพราะเห็นคุณหนูหมดสติ ยามนี้จะให้ไปร้องขอความเป็นธรรมและหาตัวคนร้ายในจวนสกุลโหยวก็เกรงว่ามันจะสายเกินไปเสียแล้ว ‘ทำอย่างไรดี’
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD