-CHAPTER 4-
EVA TALK
เวรซ้ำกรรมซัดอะไรของฉันเนี่ย กําลังโยกอยู่ในผับตามจังหวะดนตรีก็มีตํารวจมาบุกผับ ฉันอุตส่าห์ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีพร้อมกับ เดินก้มหน้าก้มตาไม่สบตาตํารวจคนไหนเพราะกลัวว่าจะรู้จักพ่อฉันแล้วจะจําฉันได้ไปด้วย มันคงไม่ใช่เรื่องดีถ้ามีคนเห็นว่าฉันอยู่ที่ผับกลางดึกแบบนี้ยังไงก็หนีเที่ยวแล้วต้องทําให้แนบเนียนหน่อย
แต่จู่ๆมีไอ้บ้าที่ไหนไม่รู้ว่าลากฉันไปหาตํารวจแล้วบอกว่าฉันเป็นเด็กม.ปลายลักลอบเข้าผับ ซวยกว่านั้นคือบัตรประชาชนฉันหายคือฉันอยู่ปีหนึ่งก็จริงแต่ฉันอายุ20แล้วเพราะไปเรียนอยู่สวิสเซอแลนด์หนึ่งปี อีกอย่างฉันเกิดต้นปีด้วย
ตํารวจก็ทําหน้าที่ดีเหลือเกินไม่ฟังอะไรฉันเลย...
“พี่ มาประกันตัวที่โรงพักxxหน่อย ด่วนมาก”
คนแรกที่ฉันนึกถึงคือพี่ชายฝาแฝดของฉัน เมื่อดูเบอร์โทรล่าสุดเป็นพี่เอเดนฉันเลยกดโทรบอกพี่เอเดนทันที อะไรคือฉันต้องมานั่งเซ็งอยู่โรงพัก? ต้องมานั่งลงบันทึกประจําวันทั้งที่ฉันไม่ได้ทําอะไรผิดเนี่ยนะ!!
เพราะไอ้บ้านั่นคนเดียวเลย!!เมายาแล้วมาพาลฉันหรือยังไง น่าโมโหที่สุด!!! ฉันต้องมานั่งอยู่ที่โรงพักรวมกับผู้กระทําผิดคนอื่นแทนที่ฉัน จะได้ไปหาโรงแรมพักผ่อน นี่ก็เกือบเช้าแล้วนะดีที่ไม่มีเรียนต่อ
ฉันจําหน้ามันไว้แล้วอย่าให้เจออีกละกัน...
จะตามจองล้างจองผลาญไม่ได้ผุดได้เกิดเลย...
“พี่ชายมาประกันตัวแล้วหนู”
ฉันพาตัวเองวิ่งออกไปหาพี่เอเดนทันทีเพราะอยากกลับบ้าน พี่เอเดนกําลังยื่นเงินให้ตํารวจ? หลายคนด้วย? อะไรกันอีกเนี่ย แต่ฉันยัง ไม่ทันได้เอ่ยปากถามพี่เอเดนก็เอาแขนล็อคคอฉันแล้วลากขึ้นรถ
“รู้จักพ่อกันทั้งโรงพักเลย พอเห็นพี่เขาก็จําได้ว่าเป็นลูกชายคนโตยัดเงินไปแล้วคงไม่มีปัญหาอะไรว่าแต่บัตรหายเหรอ?”
“ใช่!!ไม่รู้เอาไปวางไว้ไหน แล้วกลับไปคุณป๋ าจะเห็นไหมเนี่ย”
“ยังไม่ตื่นหรอกเพิ่งตีห้า เดี๋ยวเข้าประตูหลังบ้านแล้วรีบวิ่งขึ้นห้องไปเลยนะ เรื่องพ่อเดี๋ยวพี่ช่วยพูดเอง”
พูดถึงบัตรหายแล้วก็นึกถึงหน้าไอ้ขี้ยานั่นอีกแล้ว ไม่ให้โอกาสฉันได้หาเลย มาถึงก็ลากฉันไปหาตํารวจแล้วบอกว่าฉันเป็นเด็ก จับได้ จังหวะที่บัตรฉันหายด้วยนะ
เห้ย!!หรือมันนั่นแหละขโมยบัตรฉันไป..
ใช่แน่ๆมันไม่บังเอิญไปหน่อยหรือไง? ทั้งที่ฉันตรวจบัตรไปแล้วแต่หลังจากเข้าห้องน้ำก็หาบัตรไม่เจอ อ๋อ นอกจากเป็นขี้ยาแล้วยังเป็ นมิจฉาชีพอีกเหรอ? เลวจริงๆ ต้องทํากันเป็นกระบวนการแน่ๆ
“รีบไป เดี๋ยวพ่อลงมา”
เมื่อรถจอดเทียบประตูหลังบ้านฉันจึงคว้ากระเป๋าแล้ววิ่งเข้าบ้านอย่างไม่คิดชีวิต วันนี้คงเป็นวันที่ฉันวิ่งขึ้นบันไดเร็วที่สุดอย่างกับชิงแชมป์โอลิมปิค ฉันวิ่งเข้าห้องอย่างโล่งอกที่ไม่มีคนเห็น
“เห้ย!! พี่อดัม ตกใจหมดเลยนึกว่าคุณป๋า”
“ไปทํายังไงให้โดนจับ”
“บัตรหาย พี่ไปนอนได้แล้วไปฉันจะนอนแล้ว ง่วง”
พี่อดัมนั่งกอดอกรอฉันอยู่บนเตียง แฝดคงบอกกันก่อนจะออกไปรับฉันนั่นแหละ พี่ชายฉันเดินมาผลักหัวฉันทีนึงก่อนจะเดินออกจากห้องไป แฝดต้องไม่ได้หลับได้นอนเพราะคอยเป็นห่วงฉัน
ไม่ใช่สิปัญหาเกิดจากไอ้บ้านั่นคนเดียวแท้ๆ..
ผลั ้ว ผลั ้ว!!
ระบายอารมณ์โดยการปล่อยหมัดหนักๆใส่ตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ที่นั่งยิ้มอยู่มุมห้องอย่างเดือดดาล จะชกกําแพงระบายอารมณ์ก็กลัวจะเจ็บ มือ มันเป็นวันที่น่าหงุดหงิดที่สุด ถ้ามีมีดอยู่ใกล้ๆไอ้หมีนี่พรุนแน่
“ย้าส์!!”
จบด้วยท่าสกายคิกส์...
เหงื่อออกแล้วรู้สึกดี ฉันซับเหงื่อที่ไหลตามไรผมและกรอบหน้าอย่างลวกๆก่อนจะเดินไปอาบน้ำแล้วกลับเข้าห้องมานอนด้วยความออ่ นเพลีย ปวดหัวต้บๆนิดหน่อยเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ยังหลงเหลืออยู่
รู้สึกเหมือนโดนสัมผัสที่หน้าผากและแก้มอยู่หลายทีจนฉันรําคาญจึงยกมือลูบหน้าแต่ดันจับโดนมือใครเข้าจึงทําให้ฉันลืมตาตื่นอย่างฝืนใจ เหมือนเพิ่งเข้าสู่นิทราได้ไม่นานนี ้เองนะ
“ลุกมากินข้าวแล้วก็กินยาหน่อยนะลูก แม่ทําข้าวต้มร้อนๆมา”
“คะ?”
กินยา? กินยาอะไร ฉันเห็นคุณแม่เอื้อมไปหยิบถ้วยข้าวต้ม กําลังจะยื่นมาให้ฉันแต่กลับได้ยินเสียงคุณพ่อดังขึ้นพร้อมกับเสียงเปิด ประตูห้องซะก่อน
“ไม่สบายเหรอลูก โถ่ หนูอีฟของพ่อ ไปหาหมอมั้ย?”
“ไม่สบาย?”
“เอเดนบอกว่าลูกไม่สบายเลยกลับมานอนบ้านตั้งแต่ตอนดึก ไม่ไหวก็นอนพักไปสักสองสามวันก็ได้นะลูก”
ประตูถูกเปิดอีกครั้งพร้อมกับร่างสูงของพี่เอเดนที่ยืนพิงกรอบ ประตูแล้วยักคิ้วให้ฉันยิกๆ โอเค ฝีมือพี่ชายฉันนี่เอง
“ทําเป็นเรื่องใหญ่ไปได้นะคุณโนอาห์ คุณทอปัด คุณหนูอีฟคน นี้แข็งแรงยิ่งกว่าป๊อบอายตอนกินผักโขมซะอีก แต่ตอนนี้ขอนอนก่อนนะ”
“พ่อว่าไปโรงพยาบาลเลยดีกว่า”
“คุณคะ!! ลูกไม่ได้ป่วยขนาดนั้นสักหน่อย ให้ลูกพักผ่อนเดี๋ยวก็หายแล้ว ไปๆปล่อยให้ลูกนอน”
“บ๊าย บาย คุณพ่อสุดหล่อ คุณแม่สุดสวยของหนูอีฟ”
ฉันยกมือโบกหยอยๆให้คุณพ่อคุณแม่ที่พากันเดินออกห้องไปพร้อมกับพี่เอเดน หันไปมองนาฬิกาตอนนี้เพิ่งจะแปดโมงเช้าเอง ฉันทิ้ง ตัวลงนอนอีกครั้งด้วยความง่วง
ถ้าใครเข้ามาขัดจังหวะการนอนอีกนะจะยิงทิ้งซะเลย...
ปัง
“วันนี้มีเรียนกี่โมง”
“พี่อดัม อยากตายเหรอ!! ไม่มีเรียน!ออกไปได้แล้วจะนอน!!”
หงุดหงิดหัวใจจริงๆ...
จ๊อกก ก ก
โว้ยยยย ดันมาหิวอะไรตอนนี้อีกเนี่ย ไม่ต้องนงต้องนอนมันแล้ว!! ฉันลุกขึ้นมานั่งอย่างหัวเสียก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบถ้วยข้าวต้มมา กินอย่างหิวโหย ตามด้วยยาที่คุณแม่เตรียมให้อีกหนึ่งเม็ด
“มองหน้าทําไมไอ้หมี หาเรื่องเหรอ?”
กับตุ๊กตาฉันก็ทะเลาะได้...
ไหนๆก็ไม่หลับแล้วฉันจึงเดินลงจากเตียงมาเปิดคอมพิวเตอร์เพื่อเช็คข่าวคราวซะหน่อย อยากรู้ว่าตามหน้าเว็บมีข่าวตํารวจลงผับเมื่อคืนไหมเท่านั้นเอง เพื่อความปลอดภัยของตัวฉันนั่นล่ะ
ไม่มีข่าวเกี่ยวกับเมื่อคืนเลยซึ่งเป็นเรื่องที่ดี...
ฉันยังคงนั่งเล่นอินเตอร์เน็ตไปเรื่อยอย่สักพักใหญ่ก่อนฤทธิ์ยาจะตีตื้นทําให้หนังตาฉันเริ่มปิด ฉันส่ายหน้าไล่อาการง่วงแต่รู้สึกว่าจะ ต้านทานไม่ไหวจึงปิดคอมพิวเตอร์แล้วหันกลับมานอนที่เตียงเหมือนเดิม
รู้สึกถึงแรงสัมผัสบนหน้าผากฉันอีกครั้งถึงมันจะแผ่วเบาแต่สามารถทําให้ฉันสะดุ้งตื่นได้
“คุณทอปัดคนสวยของหนูอีฟ”
“ดีขึ้นหรือยังลูก”
“โถ่ คุณแม่คะ อีฟไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย”
ฉันขยี้ตาแล้วบิดขี้เกียจก่อนจะขยัยหัวขึ้นไปนอนตักคุณแม่แล้ว กอดเอวไว้หลวมๆ มือเรียวสวยลูบผมฉันหลายทีอย่างทะนุถนอม
“อ้อนแบบนี้จะเอาอะไร?”
“ไม่ได้จะเอาอะไรสักหน่อย คุณแม่ก็”
“ลงไปกินข้าวเย็นกันเถอะลูก”
คุณแม่ดันตัวฉันให้ลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องไป ฉันหันมองนาฬิกาตอนนีเ้กือบทุ่มนึงแล้วเหรอ? นี่ฉันนอนอะไรนานขนาดนี้เนี่ย!! ฉันลุกไปเข้าห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตาให้สดชี่นขึ้นหน่อยก่อนจะเดินลงไปข้างล่างเพื่อกินข้าวกับครอบครัว
“ดีขึ้นไหมลูก ไปโรงพยาบาลไหม?”
“คุณพ่อ! หนูอีฟไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นนะคะ”
การโดนโอ๋มากเกินไปแบบฉันนี่ก็เหนื่อยใจเหมือนกัน เวลาฉันเป็นอะไรนิดหน่อยทุกครั้งมักจะเป็นเรื่องใหญ่มากถึงมากที่สุด โดยเฉพาะคุณพ่อฉันนี่แหละที่มักจะคิดว่าฉันเป็นเด็กเล็กอยู่เสมอ
“แฝดหายไปไหนคนนึง?”
“ไม่รู้ไปไหนเหมือนกัน พี่โทรไปมันไม่รับ”
พี่อดัมหายไปไหนนะ แต่ก็ช่างเถอะโตแล้วไปไหนมาไหนเองได้โดยไม่ต้องห่วง ผิดกันกับฉันที่คุณพ่อหวงมาก จะไปไหนแต่ละทีต้องมีพี่ชายไปด้วยอย่างน้อยหนึ่งคน หรือไม่ก็ต้องให้คนขับรถตามไปเฝ้าถ้าพี่ชายไม่ว่างฉันถึงยังต้องหนีเที่ยวเหมือนที่ผ่านมานี่ไง
ยังดีที่แฝดยังเข้าข้างฉันเสมอ...
บางทีต้องสนับสนุนการทําผิดของฉันอย่างจําใจ...
คําว่าลูกสาวคนเดียวเหมือนการกักขังฉันไว้ในกรงที่ไร้อิสระเท่าที่ควร แต่คําว่าน้องสาวคนเล็กคือการ์ดนางฟ้าที่พี่ชายต้องตามใจฉัน ยิ่งกว่าอะไร รู้ว่าฉันดื้อแค่ไหนก็ต้องรับให้ได้กับสิ่งที่น้องสาวคนนี้เป็น
มีน้องสาวดื ้อเงียบแบบฉันก็ต้องทําใจหน่อย...
END TALK
PHAPERNG TALK
ถึงวันนี้ผมจะไม่ได้ไปรับรันแล้วส่งไปเรียน แต่ตอนเย็นวันนี้ผมมาหาเธอได้ หลังจากตื่นผมก็นึกถึงรันเป็นคนแรกทําให้ผมต้องรีบอาบน้ำแต่งตัวเพื่อออกมาหาเธอที่มหาวิทยาลัยมาดูเธอซ้อมละครเวที
สวยจัง แฟนใครก็ไม่รู้...
ผมชอบผู้หญิงหน้าคมแบบนี้ สวยเป็นเอกลักษณ์สาวไทยแบบรันนี่แหละสเปคผมเลย ไม่แปลกใจทําไมเธอถึงได้รับบทเป็นนางเอก ละครเวทีเรื่องนี้ ปกติผมไม่ค่อยได้มาดูเธอซ้อมหรอกเพราะเราอยู่คนละมหาวิทยาลัยกัน เวลาก็ไม่ค่อยตรงกันเท่าไรแต่ผมแบ่งเวลาเพื่อรันได้เสมอ เพราะรันคือคนสําคัญของผม
“เหนื่อยมั้ย”
รันเดินมานั่งข้างผมแล้วรับขวดนํ ้าที่ผมยื่นให้ไปดื่มอย่างเงียบๆ เธอเป็ นคนที่ทุ่มเทกับการแสดงของตัวเองค่อนข้างมาก ใส่ใจในทุกๆ อย่างที่ทํา มวยไทยก็เก่ง เรียนก็เก่ง หน้าตายังสวยอีกต่างหาก
“ไม่เหนื่อยเท่าไหร่ แต่รันหิวแล้วอะเพลิงงงง”
เธอเอียงหัวมาซบไหล่ผมอย่างที่ชอบทําเป็นประจํา ผมยกมือขึ้นลูบหัวเธอเบาๆก่อนที่เธอจะผงกหัวแล้วหันมายิ้มหวานให้ผม
“ไปหาอะไรกินกันเถอะ”
ผมถือกระเป๋าให้เธอแล้วจับมือเธอเดินออกจากหอประชุมนี้ไป
[ Rrrrrrrr ]
“ฮัลโหล”
[พี่เพลิงอยู่ไหน? อยู่แถวม.พี่รันรึเปล่า?]
“อยู่ ทําไม?”
[พายอยู่ร้านกาแฟข้างม.พี่รันเนี่ย มารับหน่อยดิ หิวข้าวมาก]
น้องสาวตัวแสบของผมมาทําอะไรแถวนี้? ปกตินอกจากเวลาเรียนแล้วถ้าผมว่างผมจะตามน้องตลอด ถึงไม่ค่อยได้ไปรับไปส่งเวลาไป ไหนมาไหนเพราะผมต้องคอยรับคอยส่งรันแต่พะพายจะมีคนขับรถที่พ่อจ้างพาอยู่เสมอ แต่นี่คือมาคนเดียวสินะ
“พะพายอยู่หน้าม. เดี๋ยวแวะรับพายไปด้วยนะรัน”
“ไปสิ รันไม่ได้เจอพะพายนานแล้วด้วย”
เมื่อรถจอดเทียบริมฟุตบาทหน้าร้านกาแฟได้ไม่นาน ร่างเล็กของพะพายก็เดินออกมาจากร้านแล้วขึ้นมานั่งบนรถด้วยท่าทางไม่ค่อย สบอารมณ์สักเท่าไหร่ หน้าหงิกหน้างอมาเลย
“มาทําอะไรแถวนี้ ทําไมไม่ให้คนขับรถพามา มันอันตรายนะรู้มั้ย?”
“พายมาทําธุระแถวนี้ อย่าพูดมากได้ปะคนอารมณ์ไม่ดี ถ้าพี่เพลิงถามซอกแซกแม้แต่คําเดียวนะ พายจะบอกความลับให้พี่รันรู้ ให้ หมดเลย”
“เห้ยๆ อะไร ความลับอะไรพี่ไม่เคยมี”
ผมมีโอกาสพูดได้แค่นั้นแหละ พูดมากกว่านี้ไม่ได้ทั้งที่ก็อยากรู้ใจจะขาดว่าน้องมาทําอะไรแถวนี้ เจอผู้ชายหรือเปล่า แล้วธุระที่ว่าคือ อะไร แต่คําขู่กายสิทธิ์จากปากพะพายมันทําให้ผมไม่มีอะไรจะพูดเหมือนเสียงมันหายไปทันควัน ความลับของผมไม่ได้เยอะเท่าไรหรอก
แอบเปิดผับ...
นัวผู้หญิงอื่น...
เที่ยวกลางคืนเป็นประจํา...
ล้วนเป็นสิ่งที่ทําให้ความรักผมแตกหักได้ทั้งสิ้น!!
ดีที่รันไม่ใช่คนเซ้าซี้อะไร คงคิดว่าพะพายพูดเล่นนั่นแหละแต่หารู้ไม่ว่ามันมีความลับจริงๆ เอาเถอะ พะพายไม่กล้าตลบหลังผมหรอก
“เพลิงอยากกินอะไรวันนี้?”
“อืมมมม อยากกินก๋วยเตี๋ยว”
ผมตอบรันไปพร้อมกับจับมือเธอเดินไปทางร้านก๋วยเตี๋ยวภายในห้าง พะพายเดินข้างผมอีกข้างเพราะผมล็อคคอน้องให้เดินตามมาและยังคงสอดส่องสายตาตัวผู้ทั้งหลายที่มันจ้องมองมายังแฟนและน้องสาวผมไม่ได้หรอก ผู้หญิงสองคนนี้ผมหวงมาก!!
“ล็อคคออยู่ได้รําคาญจริงโว้ย พายอยากกินแกงกะหรี่ร้านนั้นไปกันเถอะพี่รัน”
“เห้ย!! แต่พี่อยากกินก๋วยเตี๋ยว”
“พี่ก็ไปสิ”
พะพายดึงแขนรันให้หลุดจากผมแล้วลากเดินไปทางร้านข้าวราดแกงกะหรี่ คือใครเป็นพี่ใครเป็นน้องกันแน่วะเนี่ย สรุปผมก็ต้องเดินตามรันกับพะพายไปกินข้าวราดแกงกะหรี่อย่างจําใจ