CHAPTER 2

1701 Words
-CHAPTER 2- EVA TALK ฉันกําลังนั่งชื่นชมตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ที่เพิ่งซื้อมาด้วยความปลื้มปริ่ม ตุ๊กตาหมีสีนํ้าตาลผูกโบว์สีแดงตั้งอยู่มุมห้องนอน ตัวมันใหญ่จนฉัน ไม่สามารถเอาขึ้นมานอนบนเตียงด้วยกันได้ “หนูอีฟ ลงมากินข้าวลูก คุณพ่อรออยู่” “ค่ะ คุณแม่” ถึงเวลาอาหารเย็นคุณแม่ถึงขึ ้นมาเรียกฉันที่กําลังลังชื่นชมตุ๊กตา หมีภายในห้องนอนของฉันเอง บางทีอาจเป็ นที่ระบายอารมณ์ชั้นดีเลยก็ได้ ฉันจัดข้าวของต่ออีกนิดหน่อยแล้วค่อยเดินลงมาชั้นล่าง “ฮัลโหลลล คุณโนอาห์ คุณแฝด หนูอีฟมาแล้วค่ะ” ฉันเอ่ยทักทายสมาชิกครอบครัวที่น่ารักของฉันอย่างอารมณ์ดี เมื่อย่างกรายเข้ามายังโต๊ะอาหาร คุณโนอาห์คือคุณพ่อฉันเองส่วนคุณ แฝดคือพี่ชายฝาแฝดของฉัน พี่เอเดน พี่อดัม ฉันเป็ นลูกสาวคนเล็กของ บ้านหลังนี ้ “หนูอีฟมาแล้วเหรอลูก วันนี้มีอาหารของโปรดหนูทั้งนั้นเลย” “มีแต่ของโปรดน้อง แล้วของผมล่ะครับ” “โตแล้วกินอะไรก็ได้ น้องยังเด็กต้องบํารุงดีๆ” ฉันหันไปยิ ้มเยาะให้พี่ชายฝาแฝดอย่างผู้มีชัยชนะ... คุณพ่อเป็นมนุษย์ที่โอ๋ฉันที่สุดในโลก ทั ้งที่ฉันอายุยี่สิบปี แต่ทํา เหมือนฉันอายุสองขวบ แต่ถือว่าดีแล้วเพราะฉันโดนตามใจทุกอย่างขอ แต่พูดออกมามีหรืออีฟคนนี ้จะไม่ได้อย่างที่ต้องการ “คุณป๋าคะ คุณแม่คะ พรุ่งนี ้อีฟไม่กลับบ้านนะคะ ต้องทํา รายงานที่บ้านเพื่อนน่ะค่ะ” “ให้เพื่อนมาบ้านเราสิลูก” “นัดกันแล้วค่ะ อีฟไม่อยากผิดนัด นะคะๆ” ฉันอ้อนจนคุณพ่อคุณแม่ใจอ่อน ยกเหตุผลนานาประการมาอ้าง เพื่อนเหรอ? ฉันไม่มีหรอกจะมีทําไมให้เยอะแยะวุ่นวาย ฉันมีแต่พี่รหัส คนเดียวก็พอแล้วเพราะพี่รหัสฉันช่วยฉันได้ทุกอย่างแถมยังสวยมากด้วย เมื่อทานข้าวเสร็จจะเป็นช่วงเวลาครอบครัวสุขสันต์ต้องพูดคุยดู หนังหรือดูทีวีกันที่ห้องรับแขก ถือว่าเป็นธรรมเนียมของบ้านนี้เลยก็ว่าได้ หลังทานข้าวต้องอยู่ด้วยกัน บ้านฉันเป็นครอบครัวที่น่ารักมาก หลังจากพูดคุยกันเสร็จเราจะแยกย้ายกันเข้านอน ฉันเดินขึ ้น ห้องโดยการมีเงาฝาแฝดตามมาติดๆ เมื่อมาถึงหน้าห้องประตูห้องฉันก็ ถูกเปิดโดยฝี มือพี่ชายแล้วร่างฉันก็ถูกผลักเข้าห้องก่อนที่ประตูห้องจะปิด ลงแล้วตามมาด้วยพี่ชายทั้งสองคน “พรุ่งนี ้จะไปไหน?” “เที่ยว” “ที่ไหน” “ไม่รู้เหมือนกัน ก็หาเที่ยวไปเรื่อยอาจจะกลับเช้านะหรือยังไงดูก่อน เดี๋ยวบอกอีกที” ฉันยกมือสะบัดไล่พี่ชายพร้ อมกับหันหลังกระโดดขึ ้นเตียงนอน แผ่หลาอย่างสบายใจ ในบ้านนี ้คนที่รู้ ตัวตนที่แท้จริงของฉันเห็นจะมีแค่ พี่ชายฉันสองคนเท่านั ้นแหละ ฉันหลับตาลงโดยไม่สนใจอีกต่อไปว่าแฝด จะทําหน้ายังไงอยู่ หลับตาคิดว่าพรุ่งนี ้จะไปเที่ยวแก้เบื่อที่ไหนดี ที่ไหนก็ไปเถอะ นานๆเที่ยวสักที... ถามว่าไปกับใคร? ไปคนเดียวสิ... ตัวคนเดียวเฟี้ยวกว่าเยอะ... สองเท้าฉันยํ่าเข้าห้องนํ้าเพื่อชําระล้างร่างกายอย่างสบายใจ ฉันคิดหนีเที่ยวแบบนี้ไม่ได้บ่อยมากนะ แต่ก็ไม่ได้น้อยเลยเหมือนกัน แล้วก็ มีแต่แฝดเท่านั้นที่รู้ เมื่อก่อนพี่ชายฉันทั้งสองคนจะตามไปด้วยแต่ฉันไม่ชอบให้ใครมาตามติดเลยไปไหนมาไหนคนเดียว ฉันดูแลตัวเองได้ คอแข็งกับเรื่องแอลกอฮอล์มากไม่ต้องกลัวโดนมอมเหล้าเลย ศิลปะการต่อสู้ก็เป็นเลิศเพราะเป็นลูกสาวคนเล็กเลยต้องฝึกศิลปะการต่อสู้ตั้งแต่เด็ก คืนนี้เป็นอีกคืนที่ฉันหลับตาลงอย่างมีความสุขเพราะอยากให้ถึง วันพรุ่งนี้เร็วๆ จะได้มีเรื่องสนุกทํา การออกจากบ้านโดยให้เหตุผลเป็ นเท็จกับคุณพ่อคุณแม่เป็นเรื่องที่ไม่ดีนะอย่าเอาแบบอย่างเหมือนฉัน มันเป็นนิสัยเสียส่วนตัวของฉันเองเพราะโดนตามใจจนเคยตัว... วันต่อมา... ฉันมาเรียนพร้อมกับพี่เอเดน เราอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกันแต่บางวันเวลาเรียนอาจไม่ตรงกัน ฉันเรียนอยู่ปีหนึ่ง พี่ชายฉันอยู่ปีสี่ ฉันเรียนนิเทศ พี่เอเดนเรียนเศรษฐศาสตร์ พี่อดัมเรียนวิศวะแต่คนละมหาลัยกัน “อีฟเลิกเรียนกี่โมง” “เลิกเรียนห้าโมง แต่มีนัดสอบกับอาจารย์ต่อ” “ให้พี่รอไปส่งที่ผับไหม แล้วรอรับกลับ” “ไม่ต้องๆ ฉันไปเองกลับเองได้น่า ถ้ากลับไม่ไหวก็จะเช่าโรงแรมนอนก่อนค่อยกลับบ้าน ไม่ต้องทําหน้าเป็นห่วงขนาดนี้ได้ปะ ขนลุก” พี่เอเดนส่ายหัวให้ฉันอย่างเหนื่อยหน่าย ก่อนที่เราจะเดินแยก ย้ายกันไปเรียน ความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องของฉันก็เป็ นแบบนี ้แหละ ไม่ ต้องแสดงออกว่ารักกันให้มากมายแต่สัมผัสความผูกพันธ์ได้เสมอเพราะ เรามีกันแค่นี ้ มีกันแค่สามคนพี่น้องที่ดูแลกันมาโดยตลอด ไม่สิ ฉันโดนดูแลมาโดยตลอดต่างหาก... ช่างเป็นน้องที่ไม่ค่อยมีความดีเอาซะเลย... ฉันเดินแยกย้ายกับพี่เอเดนแล้วเดินตรงไปยังอาคารเรียนด้วย ท่าทางยิ้มแย้มแจ่มใส ลุคที่คนอื่นได้รับรู้คือฉันเป็นคนเรียบร้อยน่ารักซึ่ง ไม่มีใครรู้ หรอกว่าจริงๆฉันเป็นยังไง นอกจากแฝดแล้วตอนนี ้ไม่มีใครรู้ ตัวตนที่แท้จริงของฉันสักคน วิชาเรียนวันนี้ผ่านไปได้อย่างรวดเร็วโดยที่ไม่มีอะไรซึมซับเข้าหัว สมองฉันเลยแม้แต่น้อยเพราะฉันเผลอหลับไป จะเรียกเผลอได้ไหมนะก็ ฉันหลับตั้งแต่ต้นชั่วโมงจนหมดคาบ มหาลัยฉันไม่ได้มานั่งจํ้าจี้จํ้าไชว่า ใครจะหลับใครจะเรียน ถือว่าให้ความรู้เต็มที่แล้วใครจะรับได้แค่ไหนอยู่ที่ตัวนักศึกษาเองซึ่งวันนี้ฉันไม่ได้ความรู้อะไรเลย ฉันหลับไม่ได้บ่อยนะ นานๆที... ต้องดูที่อาจารย์ด้วยถ้าสอนเหมือนสวดมนต์ฉันก็ต้องเฝ้าพระอินทร์เพื่อเป็นเกียรติแก่บทสวดมนต์ของอาจารย์ นี่เป็นเรื่องที่ฉันคิดถูกต้องนะ... เมื่อจบวิชานี้ฉันจึงเข้าพบอาจารย์อีกวิชาหนึ่งเพื่อสอบเก็บคะแนนรายวิชา ครั้งที่เขาสอบกันฉันไม่สบายเลยไม่ได้มาเรียน อาจารย์จึงนัดให้ฉันมาสอบเดี่ยว ข้อสอบเป็นอัตนัยสามข้อเขียนเชิงวิเคราะห์เกี่ยวกับอารมณ์และ ท่าทางของมนุษย์พร้อมกับกระดาษอีกสิบแผ่น คะแนนขึ้นอยู่กับว่าเขียน เนื้อหาการวิเคราะห์ได้ดีและเยอะแค่ไหน เข้าใจขนาดไหน แต่สิบแผ่นนี่ ฉันจะเขียนยังไงให้ครบเนี่ย!! “มีเวลาสองชั่วโมงนะนักศึกษา” ฉันเริ่มละเลงความรู้ที่สั่งสมมาผ่านตัวหนังสือไปเรื่อยๆ ตรงไหน สามารถเขียนเยอะๆได้ฉันจะเขียนขนาดลายมือที่ปกติ แต่ถ้าตรงไหนที่เขียนออกมาได้น้อยฉันจะเขียนตัวใหญ่เป็ นพิเศษเพื่อกินเนื้อที่กระดาษ มันเป็นเทคนิค... มีตัวช่วยมือสํารองไหม? ฉันต้องการมาก!! แบบว่าเมื่อยแล้วมี มือเปลี่ยนอะไรแบบนั ้น นี่เขียนข้อสอบย่อยหรือเขียนวิทยานิพนธ์ทําไม มันเยอะขนาดนี ้ กว่าจะเขียนครบสิบแผ่นใช้เวลาสองชั่วโมงจริงๆด้วย นี่ อาจารย์ต้องกะเวลามาทรมานเด็กแล้วแน่ๆ โอ้ยยยยย ปวดมือ ฉันนั่งโอดครวญอยู่คนเดียวที่ร้านอาหารในห้างพร้อมกับนวดมือ ตัวเองไปด้วยระหว่างรออาหารที่สั่งมาเสริฟ กระเพาะฉันร้องเรียกหา อาหารอย่างหนักหน่วงเพราะยังไม่ได้กินข้าวเลย เรียนเสร็จก็มาสอบต่อ อีกสามชั่วโมง กิจกรรมก็เยอะ เรียนก็หนัก ขอลาออกจากการเป็ นตัวเอง ได้ไหม นี่ขนาดปี หนึ่งยังเหนื่อยแล้วต่อไปล่ะ ฉันชอบตัดพ้อตัวเองเวลาเหนื่อยทั ้งที่รู้ว่าตัวเองทําได้... จริงๆเป็ นอาการคนโมโหหิวนั่นแหละ!! อาหารวางลงบนโต๊ะไม่ถึงห้าวินาทีฉันจัดการตักเข้าปากด้วย ความหิวโหยอาหารญี่ปุ่นเป็นสิ่งที่ฉันเลือกจะฝากท้องด้วยมื้อนี้ไม่นาน ฉันก็รู้สึกอิ่มขึ้นมาจนไม่สามารถฝื นตัวเองให้กินต่อไปได้ สรุปคือฉันกินไม่หมดเพราะสั่งมาเยอะเกินกําลัง... [ Rrrrrrrr ] พี่อดัม... “ฮัลโหล” [อยู่ไหน] “อยู่ห้าง มากินข้าว” [ให้ไปรับมั ้ย?] “ไม่ต้อง เดี๋ยวฉันไปเอง” เมื่อวางสายจากพี่อดัมเสร็จฉันจึงเช็คบิลค่าอาหารก่อนจะเดิน ห้างเพื่อให้อาหารในกระเพาะมันย่อยสักหน่อย [ Rrrrrrrr ] พี่เอเดน... “ฮัลโหล” [อยู่ไหน] “อยู่ห้าง มากินข้าว” [ให้ไปรับมั ้ย?] “ไม่ต้อง เดี๋ยวฉันไปเอง” มันเป็นการเดจาวูชัดๆเลย เป็นแฝดกันจําเป็นต้องนึกถึงฉันในเวลาใกล้เคียงกันแบบนี้ด้วยเหรอ? แล้วคําพูดทําไมเหมือนกันขนาดนี้หรือเป็นธรรมชาติของแฝด ฉันว่าต้องใช่แน่ๆเพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่สอง คนนี้ทําอะไรเหมือนกันแบบนี ้ ทําอย่างกับฉันหนีเที่ยวครั้งแรกไปได้... ฉันเดินเข้าห้องนํ้าเพื่อทําการเปลี่ยนชุดจากชุดนักศึกษาเป็นชุดท่องราตรีที่ฉันเตรียมมาในกระเป๋าพร้อมกับชีทเรียน ยืนหมุนซ้ายหมุน ขวากับบานกระจกใหญ่ภายในห้องนํ้าเพื่อสํารวจตัวเอง โอเค พร้อม... ผับเปิดใหม่เป็นสถานที่ที่ฉันเลือกจะไปสิงสถิตอยู่คืนนี้ เห็นเขาว่าเพลงดีดนตรีมันส์เลยจะมาลองสักหน่อยว่าจะดีสมคํารํ่าลือจริงไหม END TALK
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD