ตอนที่ 18 : เลือกสมบัติ

3128 Words
18 ภายหลังเรือนร่างบอบบางจากไปด้วยความเจ็บแค้นเคืองโกรธสุดแสนสาหัส ร่างระหงบนกายแกร่งจึงถอนหายใจโล่งอกถือวิสาสะทิ้งร่างอิงแอบแนบชิดกายแกร่งอย่างลืมตัว ทว่า...ไม่กี่อึดใจ พญาขาลก็ผุดลุกตีหน้าอึมครึมเย็นชา คนที่ไม่ทันตั้งตัวจึงเซถลานอนแอ้งแม้งหมดสภาพ ใบหน้างามพิลาสล้ำถูครืดไปกับฟูกตัวยาวทับซ้ำกับร่องรอยที่พึ่งถูกพิษรักแรงหึงพาลใส่จนเผลอร้องครางเสียงหลง “อ๊ะ!” “อุบาทว์แม่หญิงนางใดร้องโอดโอยเช่นนี้กัน” เสียงเข้มเอ่ยเสียงดุ “ก็แม่หญิงนางนี้นี่แหละจ๊ะ ไม่ร้องอย่างนี้จะให้ร้องยังไงละจ๊ะอ้ายขาลจ๋ามีสองคนแต่เลือกตบกระดังงาคนเดียวใช้ได้ที่ไหนกัน” หญิงสาวบ่นพึมพำ แน่นอนว่าคนที่เจ็บตัวอย่างไรก็ต้องเป็นเธอ หญิงสาวผู้นั้นไม่มีความกล้าที่จะตวัดฝ่ามือลงบนแก้มสากสีเข้มของอ้ายขาลอย่างแน่นอน ดูก็รู้แล้วว่าเป็นคนรักตัวกลัวตาย ขี้ขลาดตาขาว “หึ...ตามมา” “จะไปที่ไหนจ๊ะ” “ข้าบอกให้ตามมาไม่ได้หมายความว่าจะให้เอ็งสอดปากเอ่ยถามข้ากลับ” สีหน้าเหี้ยมเกรียมผุดผาดตวัดมองหญิงสาวที่เอ่ยถามซอกแซกชวนน่ารำคาญใจ “จ้า” กระดังงาขานรับเสียงอ่อนหวาน เจ้าของกายาแกร่งเดินมือไขว้หลังนำมายังเรือนนอนของตนเอง ภายในห้องมีเพียงเตียงตั่งฟูกนอนหนานุ่มและหีบไม้โบราณวางเรียงรายหลายใบ บรรยากาศอากาศถ่ายเทสะดวกทำให้เรือนนอนแห่งนี้เย็นยะเยือกตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นเวลากลางวันหรือกลางคืน มิหนำซ้ำยังมีกลิ่นหอมอ่อนของดอกลำดวนคาดว่าน่าจะมีต้นลำดวนอยู่ในทิศทางด้านหลังเรือน จะว่าไปแล้วตัวเธอเองนับตั้งแต่ยัดเยียดตนเองเข้ามาอยู่ในเรือนนี้ก็ไม่เคยเดินสำรวจทางด้านหลังเลยแม้แต่น้อย ไม่เดินไปเรือนน้าบุหงาก็นอนเล่นอยู่บนแคร่ข้างเรือน หวาดระแวงเจ้าพิรุณและเจ้ากำจายว่าพวกมันจะมาตะปบหลังยามใด “ไปเปิดหีบเลือกหยกมาสักก้อน” “ก้อนไหนก็ได้หรอจ๊ะ” ตาเฒ่าขี้งก! ไหนบอกจะให้ทองก้อน ริมฝีปากอิ่มเหยียดกระตุกอยากจะอ้าปากถามแต่จำใจต้องเก็บเอาไว้ในใจ “ข้าไม่ได้งก หยกก้อนบริสุทธิ์สีม่วงขายได้ราคาดีกว่าทองก้อนเสียอีก โง่เขลาไม่พอยังมาแสดงสีหน้าเหมือนหมูตกคลอกต่อหน้าข้าอีก มีตาแต่ไร้แวว!” พญาขาลกอดอกค่อนขอดนาง เขารู้ความคิดที่ออกมาทางสีหน้าโง่เง่าของนางดอก “ทำไมอ้ายขาลชอบใส่ร้ายกระดังงาจังยังไม่ทันพูดอะไรเลย ถ้ากระดังงามีใจคิดร้ายอ้ายขาลคงตายตกไปนานแล้ว” หญิงสาวแสร้งทำสีหน้าเศร้าสลดกลบเกลื่อนความคิดภายในใจ อีกใจก็หวาดระแวงว่าตาเฒ่าผู้นี้จะมีความสามารถรับรู้สิ่งคิดอ่านในใจตน “เลิกมารยาสาไถยแล้วรีบไปเลือกมาสักก้อนก่อนข้าจะเปลี่ยนใจ” “แต่กระดังงาก็ไม่ค่อยอยากจะได้เลยนะจ๊ะ ไม่ค่อยอยากจะได้เลยจริงๆ ติดที่ว่าอ้ายขาลอยากให้สินน้ำใจที่กระดังงานวดให้ กระดังงาฝืนรับไว้ก็ได้จ๊ะ” น้ำเสียงใสซื่อบริสุทธิ์เอื้อนเอ่ยแต่ไม่รีรอให้เขาตอบกลับ ร่างระหงก็แทบจะปลิวละลิ่วไปเปิดหีบสมบัติของพญาขาลทีละใบด้วยแววตาระยิบระยับเหมือนโจรสาวที่พึ่งเจอขุมทรัพย์ ตาเฒ่านี่ถือว่าเป็นสมิงผู้ร่ำรวยก็ว่าได้! หีบสมบัติหลายใบด้านในมีข้าวของเครื่องใช้ราคาแพงทุกยุคทุกสมัย อัญมณีหลากหลายชนิด เปล่งประกายอวดโฉมล่อตาล่อใจ แก้วแหวนเงินทองเพชรนิลจินดา หยกเขียว หยกขาว หรือแม้กระทั่งหยกม่วงที่ถือเป็นหยกยุพราชผู้คนตามหากันให้ควักก็มีเต็มหีบ ทองก้อนน่ะหรือดูไร้ราคาไปเลยเมื่อถูกหยกสีม่วงเบียดบังรัศมี ว่าแต่สมิงเฒ่าผู้นี้เสาะหาทรัพย์สมบัติมากมายมีราคาเช่นนี้ได้อย่างไร คราแรกที่เขาออกปากว่าจะมอบทองก้อนเป็นรางวัล เธอก็คิดว่าเขาคงจะไปขุดหาแร่ธรรมชาติมาให้เธอเสียอีก ไม่คิดว่าเขาจะวางหีบสมบัติโล่งโจ้งในเรือนนอนตนเองเช่นนี้ “งั้นกระดังงาหยิบหยกม่วงก้อนนี้นะจ๊ะ” หญิงสาวทำไขสือไม่รู้มูลค่าของหยกยุพราช จงใจเลือกก้อนที่ใหญ่ที่สุดขนาดโอบอุ้มกำลังดี แม้จะหนักแต่ต้องแสร้งทำเป็นโอบอุ้มสิ่งของเบาหวิว เกิดเขาเปลี่ยนใจขึ้นมาจะลำบาก ไหนๆ เมื่อครู่ก็บีบนวดจับเส้นสายเอาเป็นเอาตายเกินกำลังมาแล้ว “สายเลือดโจรที่ไหลเวียนในตัวเอ็งมันกำเริบเสิบสานหรืออย่างไรถึงได้ตาแหลมเลือกหยกก้อนนี้ หยกก้อนนี้จ่ายค่าจ้างบีบนวดให้หลายปีเชียวหนา” พญาขาลกระตุกยิ้มเย็นเยียบ มองหญิงสาวร่างระหงโอบอุ้มหยกยุพราชน้ำหนักราวสิบกิโล เขาจึงจงใจกลั่นแกล้งยืนคุยอยู่นานให้นางอุ้มหยกก้อนนั้นจนเหงื่อผุดพรายทั่วกรอบหน้า “หืมกระดังงาตาแหลมขนาดนั้นเชียวอย่าหลอกให้กระดังงาดีใจสิจ๊ะว่าแต่บีบนวดอย่างเดียวหรอจ๊ะ บีบอย่างอื่นไม่คิดจะจ่ายด้วยหรอจ๊ะอ้ายขาล!?” กระดังงาเอ่ยถามทำไขสือไม่รู้มูลค่าของหยกก้อนนี้ สีหน้าเจ้าเล่ห์เพทุบายชอบกล ถือว่าเป็นค่าน้ำนมของเธอเมื่อครู่ต่างหากเล่า! อย่างน้อยลงทุนเปลืองตัวก็ต้องได้อะไรกลับมาสมน้ำสมเนื้อหน่อยสิ “อ๋อ...บีบอย่างอื่นก็ต้องจ่ายด้วยเหรอ” ชายหนุ่มวัยกลางคนขานรับเสียงต่ำ นึกลอบปาดเหงื่อในใจ นี่นางรู้ว่าแค่บีบยังเก็บหนักถึงเพียงนี้ หากรู้ว่าเยื่อพรหมจรรย์ถูกเขาฉีกกระชากเรียบร้อยแล้วคงได้หอบหีบสมบัติไปแล้วอ้างเรื่องนี้แน่นอน หน้าเลือดนักกระดังงา! “หรือว่าติดใจคืนนี้อยากจะเข้ามาบีบอีกก็ได้นะจ๊ะ เห็นงับไม่ยอมปล่อยคงจะติดใจน่าดู ถ้ามาคืนนี้กระดังงาจะได้เปิดประตูไว้รออ้ายขาลโดยเฉพาะ จะจุดเชือกร่ำรมควันให้หอมฉุยเลยจ๊ะ” “จะได้หาข้ออ้างยึดหีบสมบัติเหล่านี้ตามใจชอบใช่หรือไม่ ในหัวสมองเอ็งมันมีแต่เรื่องอย่างว่าหรือสอนสั่งกันมาอย่างไร” พญาขาลส่ายหน้าเอือมระอา “ก็สอนสั่งให้มาเป็นเมียอ้ายขาลอย่างไรเล่าจ๊ะ แต่ว่าชุมโจรหมานคำถูกสาปอย่าว่าแต่ข้าวสารกรอกหม้อเลยจ๊ะ มีมันมีเผือกให้กินก็นับว่าเป็นบุญแล้ว ขายหยกก้อนนี้ได้กระดังงาจะได้ส่งเงินไปให้แม่ใช้ซื้อข้าวสารอาหารแห้งเสื้อผ้าผืนใหม่บ้าง” เธอหมายมาดจะแบ่งเบาความทุกข์ยากให้มารดาบ้าง จะได้กินอิ่มนอนหลับไม่ต้องพะว้าพะวงจนร่างกายทรุดโทรม ส่วนชาวบ้านเหล่านั้นจะเป็นตายร้ายดีเธอไม่สน ในเมื่อเธอเสียสละตนเองถึงเพียงเพื่อพวกเขาแล้ว ไม่สำนึกบุญคุญก็ดีจะชิงชังก็ช่าง เธอไม่สน! แม้ฝีปากของเธอจะยังคงยอกย้อนพูดคุยกับชายหนุ่มวัยกลางคน แต่ว่าอันที่จริงนั้นสุดแสนจะทานทนความเจ็บปวดและหนักอึ้ง หยกก้อนนี้ยังไม่ผ่านการเจียระไนจึงมีมุมแหลมคมบาดเฉือนเนื้อผิวนุ่ม “หึ...ไม่แคล้วข้าต้องยกหีบสมบัติพวกนี้มาจ่ายค่าปรนนิบัติกระมัง คนอย่างเอ็งมันหัวหมอเชี่ยวชาญหาทางลัดรวยทางลัด” พญาขาลเอ่ยเย้ยหยัน “บารมีคุณนายมันจับน่ะจ๊ะ” เขาไม่รู้ตัวเลยว่านับตั้งแต่ที่หญิงสาวก้าวขาเข้ามาเหยียบเรือนแห่งนี้ เขาก็กลายเป็นคนพูดมากยาวเหยียด จากปกติที่มักจะชอบหงุดหงิดรำคาญใจ เอื้อนเอ่ยเพียงไม่กี่ประโยคราวกับว่าการเปล่งวาจาทำให้เขาเหนื่อยหอบนักหนา ไม่คำรามขู่แยกเขี้ยวก็ดีแต่ใช้กำลังประทุษร้ายระบายอารมณ์ เจ้าไอยศูรย์เป็นไม้เบื่อไม้เมาเป็นกระสอบทรายให้เขาระบายอารมณ์มาตั้งหลายสิบปียังโอดครวญ ตอนนี้กลับมายืนเถียงคอเป็นเอ็นกับหญิงสาวอายุอานามเพียงเศษเสี้ยวอายุขัยของเขา “ว่าแต่อ้ายขาลไปเอาหีบสมบัติพวกนี้มาจากไหนหรอจ๊ะ ข้าวของเครื่องใช้พวกนั้นอีกของเก่าเก็บพวกนี้ราคาแพงหูฉี่จะตายถึงจะไม่เคยเห็นแต่ก็รู้ว่าคงเป็นของมีราคา” “สมัยก่อนข้าชอบฆ่าโจรที่ชอบชิงทรัพย์ผู้อื่นโดยมิชอบ ฆ่าเสร็จแล้วก็หุบสมบัติเปื้อนเลือดเหล่านั้นมาเก็บไว้เองยังมีในถ้ำอีกเป็นโหล” เขาเหยียดยิ้มเย็น “เจ้าพิรุณและเจ้ากำจายข้าก็ได้มาจากการกำราบหนึ่งในชุมโจรเหล่านั้น โจรที่มันเบียดเบียนสรรพชีวิตข้าชอบฆ่านักแล เอ็งว่าข้าทำถูกต้องหรือไม่...” “......” กระดังงายิ้มหวานแต่ไม่ขานตอบอะไร รีบเบี่ยงกายกลับเรือนนอนของตนเอง หญิงสาวรีบอุ้มพยุงหยกยุพราชกลับมายังเรือนนอน ก่อนจะวางหยกก้อนมหึมาสีสันสวยสดงดงามลงบนกล่องไม้ขนาดใหญ่ที่หามาได้ เตียนคำได้ยินฝีเท้าของนางน้อยจึงรีบโผล่ร่างโปร่งแสงออกมาพูดคุยซักถามว่ามีเหตุการณ์อันตรายอันใดบ้างหรือไม่ แต่กลับเห็นสีหน้าขาวซีดของนางน้อยจึงยั้งปาก ทันใดนั้นหางตาก็เหลือบไปมองเห็นหยกยุพราชที่มีขนาดมหึมามูลค่าสูง “นางน้อยไปเอาหยกก้อนนี้มาจากที่ใดกันเจ้าคะ” เตียนคำเบิกตากว้างแทบถล่นออกมาจากเบ้า จึงรีบตบกระบอกตาให้ลูกตาเข้าสู่ที่ถูกที่ควรเป็นการด่วน “อ้ายขาลให้กระดังงาเลือกมาหนึ่งก้อนก็เลยเลือกก้อนที่ใหญ่ที่สุด” หญิงสาวฝืนฉีกยิ้มกว้างให้กับสายตาหลักแหลมของตนเอง พลางขบคิดอยู่ภายในใจว่าจะแบ่งขายอย่างไร หากนำไปขายรวดเดียวคงจะถูกกดราคาเป็นแน่ หรือหากจะอยากขายก้อนใหญ่ทีเดียวก็ต้องเสาะหาร้านค้าหรือพ่อค้าที่จริงใจเสียหน่อย “โห…” “ตาเฒ่านั่นมีทรัพย์สมบัติมากมายเพียงนั้นเชียวหรือเจ้าคะนางน้อย เราเหมือนหนูตกถังข้าวสารเลยนะเจ้าคะ” เตียนคำลูบปาก อย่างน้อยเครื่องเซ่นไหว้คราวหน้าที่นางจะได้รับคงจะมีหมู เห็ด เป็ด ไก่ เป็นแน่ “ถ้ายุคของพี่เตียนคำก็คงร่ำรวยถึงขนาดเป็นเจ้าเมืองได้เลยแหละพี่เตียนคำ หีบทรัพย์สมบัติมากมายก่ายกอง กระดังงาว่าจะขายแล้วแบ่งส่วนหนึ่งส่งเป็นเงินกลับไปให้แม่เก็ตถะหวา” ทว่า...ที่มาที่ไปของทรัพย์สมบัติเหล่านั้นก็พลอยทำให้กระดังงารู้สึกกระอักกระอ่วนใจไม่น้อย ยามวัยเยาว์แม่เก็ตถะหวามักจะบอกเล่าเรื่องราวความเป็นอยู่ของชุมโจรหมานคำในอดีตให้เธอรู้คร่าวๆ ว่าสมัยก่อนนั้นชาวบ้านมักจะส่งลูกชายเข้าร่วมกองคาราวานชุมโจรขึ้นไปกอบโกยตักตวงผลประโยชน์จากสรรพชีวิตบนภูเขาจนเตียนแทบสูญพันธุ์ ซากสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นเป็นบันไดสู่ความมั่งคั่งร่ำรวย ทุกครัวเรือนมีข้าวสารอาหารแห้ง เนื้อหมู เนื้อวัว กินกันเป็นประจำจนเบื่อหน่าย แก้วแหวนเงินทองใส่อวดกันเป็นกระบุง หลังเกิดเภทภัยทำให้ชาวบ้านตกต่ำควักทรัพย์สินเหล่านั้นออกมาขายซื้อข้าวของต่างถิ่นมาประทังชีวิตจนเงินทองที่เคยมีเป็นกระบุงเริ่มร่อยหรอ แน่นอนว่าทรัพย์สินเหล่านั้นมีที่มาจากเลือดเนื้อของสรรพชีวิตบนภูเขา พญาขาลจึงไม่เคยคิดแตะต้องฮุบมาเหมือนชุมโจรอื่น เขารังเกียจเดียดฉันท์ชุมโจรหมานคำเพียงนั้น ไยเธอจะไม่รู้ อย่างน้อยก็สามารถใช้หยกก้อนนี้อย่างไม่รู้สึกละอายแก่ใจเป็นพอ “ชาวบ้านพวกนั้นรู้จะไม่อิจฉาตาร้อนหรือเจ้าคะหรือไม่ก็คงจะหน้าด้านหน้าทนมาขอส่วนแบ่ง” “อืม...ลืมไปว่าพวกชาวบ้านเห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้ งั้นทยอยส่งเป็นพวกเสื้อผ้าข้าวสารอาหารแห้งทุกเดือน จำนวนพอกินดีมั้ยจ๊ะพี่เตียนคำ” “ดีเจ้าคะนางน้อย” หญิงสาวตัดสินใจเดินย่องออกมาจากเรือนนอน กวาดสายตามองซ้ายขวาเห็นพญาขาลนอนเหยียดยาวอยู่บนฟูกนอนตัวเดิม ขาเรียวก้าวไปทางด้านหน้าสองสามก้าวก่อนจะก้าวถอยหลังอย่างไม่มั่นใจ เมื่อรวบรวมความกล้าได้จึงเอ่ยถามน้ำเสียงกระท่อนกระแท่นไม่เต็มเสียงว่า “อ้ายขาลวันนี้มีตลาดนัดพื้นบ้านหลายหมู่บ้านมารวมตัวขายของกัน เราไปเดินเล่นกันมั้ยจ๊ะ” กระดังงาหดคอกลับยามเอื้อนเอ่ย “อยากจะรีบไปขายหยกก็ว่ามาเถิด” “ก็ใช่จ๊ะ” หญิงสาวทำท่าเหนียมอายกลบเกลื่อนความอับอายเมื่อถูกเปิดโปง “ไปชวนตรีศูล ข้าไม่ชอบความวุ่นวาย คืนนี้ข้าจะเข้าป่าไปทิศบูรพา” “ไปหอบสมบัติกลับมาอีกแล้วหรอจ๊ะ” ดวงตาสีดำขลับเปล่งประกายระยิบระยับยามกล่าวขานถึงทรัพย์สมบัติ “ได้แล้วไม่รู้จักพอเค้าเรียกว่า โลภ คนโลภจุดจบมักจะไม่ดีนักเอ็งก็รู้ดีใช่หรือไม่” ชายหนุ่มวัยกลางคนเหยียดยิ้มเย็น “กระดังงาแค่ถามไม่ได้หมายความว่ากระดังงาอยากจะได้ของอ้ายขาลเสียหน่อย” หญิงสาวโผถลาเข้าไปถูศรีษระคลอเคลียเข้ากับท่อนแขนกำยำสีเข้ม ริมฝีปากขมุบขมิบแสร้งสะเทือนใจที่เขากล่าวหาเธอแบบนี้ ไม่อยากได้เล็กน้อยอยากจะหุบทุกหีบเลยต่างหาก นี่ถ้าหุบได้ทุกหีบเธอจะไปเปิดร้านเริงรมย์ผู้ชายขายน้ำเสียให้เข็ด หญิงสาวหัวร่อต่อกระซิกอยู่ภายในใจ “คิดกระไรอยู่ในใจ หน้าตาเอ็งส่อสันดานชั่วร้ายเหลือร้าย” “จะบ้าหรอจ๊ะอ้ายขาลเห็นกระดังงาเป็นคนยังไง ก็คิดว่าจะซื้ออะไรเข้าเรือนดีพวกของใช้จิปาถะจ๊ะ อ้ายขาลอยากได้อะไรเป็นพิเศษมั้ยจ๊ะ” หญิงสาวเอ่ยถามเสียงหวาน กระพริบตาถี่ให้ดูน่ารักสดใสสมวัย “เก็บคำโป้ปดเอ็งไว้ใช้กับชุมโจรหมานคำของเอ็งเถิด จะไปก็รีบไปมัวพิรี้พิไรข้ารำคาญ!” “งั้นกระดังงาไปแล้วนะจ๊ะ อย่าคิดถึงกระดังงาจนใจจะขาดเล่า” หญิงลุกพรวดแต่ไม่ลืมส่งสายตาอาลัยอาวรณ์หนหนึ่งให้เขา พญาขาลได้แต่ส่ายหน้าเอือมระอา วันเวลาแห่งความสงบสุขของเขาถูกนางทำลายในชั่วพริบตา วันๆ ต้องมานั่งรับมือกับลูกไม้มารยาสาไถยของนางไม่เว้นแต่ละวัน เหนื่อยหน่ายใจนักหนา คนที่คิดในใจกลับยกยิ้มมุมปากขึ้นมาไม่รู้ตัว กระดังงากึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามาหยุดอยู่หน้าเรือนไม้ทรงไทยโบราณหลังโอ่อ่า ริมฝีปากอิ่มตะโกนร้องเรียกสหายเพียงคนเดียว หางตาเฉี่ยวพลันเหลือบไปเห็นบิดาของตรีศูลที่ทอดมองมาทางเธอสายตามีเลศนัย “สวัสดีจ๊ะลุงไอยศูรย์ กระดังงามาชวนตรีศูลไปตลาดนัดพื้นบ้านเป็นเพื่อนจ๊ะ ตรีศูลอยู่ไหมจ๊ะ” “มันโดนแม่มันกักบริเวณอยู่น่ะแต่ถ้าไปตลาดกับเอ็งคงไม่เป็นไร รีบไปรีบกลับก่อนเมียข้ากลับเรือนก็พอ” “ขอบคุณจ๊ะ” “อืม...กินยาต้มแล้วเป็นไงบ้าง” ไอยศูรย์ปั้นหน้าเคร่งขรึมกลั้นรอยยิ้มกรุ่มกริ่มที่มักจะเล็ดลอดบริเวณมุมปาก ยาปลุกกำหนัดที่เขาแอบสับเปลี่ยนนั้นมีตัวยาว่านช้างผสมโขลงได้มาจากเจ้าคชคณและตัวยายอดสวาท ไม่ว่าผู้ใดก็ยากจะทานทนยามมันออกฤทธิ์ “กระปรี้กระเปร่าดีมากเลยจ๊ะ เนื้อตัวเบาหวิวไม่เหมือนคนป่วยเลยสักนิด ขอบคุณลุงไอยศูรย์กับน้าบุหงามากเลยนะจ๊ะ” “อ๋อ กระปรี้กระเปร่าเลยหรืออยากได้อีกสักชุดไหมเล่า ข้ามีเต็มกระบุงเลย ยาตัวนี้มันดีนักแลช่วยบำรุงร่างกายบำรุงผิวพรรณด้วยหนา” ไอยศูรย์หลอกเด็กสาวโดยที่น้ำเสียงไม่ติดขัดเลยสักเล็กน้อย “ไม่เป็นไรจ๊ะ ร่างกายกระดังงามันอึด ถึก ทน กินยาหม้อเดียวก็ดีขึ้นเยอะแล้วจ๊ะ” กระดังงายิ้มเจื่อน “ไม่ได้ๆ เดี๋ยวข้าเอาให้เอ็งกลับไปต้มกินจนกว่าร่างกายจะหายดี เดี๋ยวทางบ้านเอ็งจะหาว่าพวกข้าใจจืดใจดำไม่ดูแล” ไอยศูรย์รีบผุดลุกกุลีกุจอไปเสาะหายาต้มที่ว่าให้หญิงสาวเป็นการด่วน ยาต้มที่ว่าทำไอยศูรย์กะตือรือล้นไม่ใช่น้อย “เอ็งหายดีแล้วหรอ” ตรีศูลชะโงกหน้ามองลงมาเห็นเพื่อนสาวยืนพูดคุยกับบิดาของตน “อืม หายแล้วจะมาชวนไปเดินตลาดนัดพื้นบ้าน รีบๆ ลงมา” “ข้าก็อยากไปกับเอ็งอยู่ดอก แต่แม่ข้าไม่อยู่แล้วข้าก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ก้าวขาออกจากเรือนด้วย” นึกถึงไม้หวายที่ประเคนลงบนเนื้อหนาของเขาคืนวานยังเสียวสันหลังวาบไม่หาย แม่บุหงายามลงโทษเอาจริงเอาจังพ่อไอยศูรย์ยังไม่น่ากลัวเท่าเศษเสี้ยวของแม่บุหงาเลย “เออลงมาเหอะน่าเดี๋ยวฉันขอลุงไอยศูรย์ให้” “......” ได้ยินดังนั้นตรีศูลจึงดีดตัวขึ้นมาจากฟูกนอนความเร็วไวแสง ก้าวขาไม่กี่ก้าวก็มายืนประจบประแจงเอาใจเพื่อนสาวที่ตนเองเกือบพาไปตายอยู่ต่างหมู่บ้าน “พ่อข้าไปตลาดพื้นบ้านกับกระดังงานะเดี๋ยวข้าซื้อของมาฝาก” น้ำเสียงเจื้อยแจ้วเหมือนม้าดีดกะโหลกเอ่ย ไม่รีรอรีบคว้ากุญแจรถสามล้อพ่วงข้างสีแดงแจ๋เสียบเข้าไปบิดเร่งเครื่อง มือหยาบกวักมือเรียกสหายขึ้นมานั่งประจำที่ “เออ เอายาต้มนี่ให้นังหนูสหายเอ็งด้วย” ไอยศูรย์ห่อยาสมุนไพรใส่กระดาษนับสิบห่อส่งยื่นให้เจ้าลูกชายตัวดี พลางตีหน้าเข้มสั่งกำชับให้กระดังงาต้มดื่มกินทุกวันหลังหกโมงเย็น “สมัยนี้ใครเค้ากินยาต้มกันล่ะพ่อ” “อย่าขัด!” สายตาเจ้าเล่ห์เหลือร้ายกลิ้งกลอกมองฝุ่นควันสีแดงตลบอบอวลเป็นวงกว้าง ยามตรีศูลบิดเร่งเครื่องปาดซ้ายทีขวาที ตนเองล่ะชิงชังนักพวกขับขี่ม้าเหล็กบีบเสียงเร่งเครื่องรบกวนชาวบ้าน ทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยหงุดหงิดด่ากราดกลับกลายมาเป็นบุตรชายคนโตเสียเอง นี่แหละหนอเวรกรรม!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD