“พายเรียนจบโทกลับมาสามเดือนแล้ว อยากช่วยงานคุณพ่อ แต่คุณพ่อก็บอกว่าไม่ต้องทำอะไรค่ะ พายก็ไม่อยากอยู่เฉยๆ พายจะพูดกับคุณพ่ออีกครั้ง ถ้ายังไม่ยอมให้พายช่วยงาน พายก็คิดอยากทำธุรกิจเป็นของตัวเอง”
คุณหนูหันมาพูดกับเขาด้วยสีหน้างอนบิดา
“คุณพายจบด้านไหนมาครับ”
“แฟชันดิไซน์ค่ะ พายชอบแบบเสื้อผ้า”
“อืม ครับ” ชายหนุ่มรับคำแล้วเงียบ บนถนนในเมืองเวลานี้รถติดหนักแล้ว กว่าจะถึงภัตาคารที่นัดไว้ก็คงหกโมงพอดี เหมือนภายในรถจะมีแต่เสียงเจื้อยแจ้วของคุณหนูพายที่เล่าเรื่องนั้นเรื่องนี้ตอนเธอเรียนอยู่ต่างประเทศ และความชอบ ความฝันอยากจะทำอะไรต่อมิอะไรในอนาคต มีเสียงตอบรับทุ้มต่ำจากชายหนุ่มดังขึ้นบ้างบางจังหวะแต่ก็ไม่มีความคิดเห็นใด ๆ จากเขา ยิ่งกับนิชาลีที่นั่งตัวตรงไม่ขยับอยู่เบาะหลังยิ่งเหมือนไม่มีเธอมาด้วย
“รถติดจังเลยนะคะ ก่อนที่พายจะไปเรียนต่างประเทศ เมื่อหลายปีก่อนพายจำได้ว่ามีร้านเบเกอรีร้านหนึ่งอยู่ในซอย S อร่อยมาก ตั้งแต่กลับมาพายยังไม่ได้ทานเลย ถ้าขับผ่านรบกวนพี่จิ๋นแวะให้พายหน่อยได้มั้ยคะ พายจะลงไปซื้อ”
“ร้านอยู่ช่วงไหนครับ” เขาหันมาถาม
“อืม น่าจะอีกสองช่วงตึกข้างหน้าเนี่ยแหละค่ะ แต่ตอนนี้ ไม่แน่ใจว่าจะทันมั้ยถ้ารถติดขนาดนี้ ร้านปิดประมาณหกโมง”
เข้าทางใครบางคนที่นั่งอย่างไม่มีตัวตนอยู่ตั้งนานแล้ว
“ขออนุญาตนะคะ ถ้างั้นให้ดิฉันลงไปซื้อให้ก่อนดีมั้ยคะ รถติดไม่ขยับแบบนี้ อีกสิบนาทีเอง เกรงว่าจะไม่ทัน”
นิชาลีลองยื่นปากเข้ามาเสนอความช่วยเหลือ ยิ้มสวย ๆ พรนับพันหันมาส่งรอยยิ้มที่แค่ขยับปากเล็กน้อย ทำหน้าเกรงใจ เอ่ยว่า
“เกรงใจคุณเลขาจังเลยค่ะ ถ้าเดินก็ไกลอยู่นะคะ แต่ขนมก็อร่อยจริง ๆ พายไม่ได้ทานมานานแล้ว”
“ไม่ต้องเกรงใจค่ะ พอดีเลยดิฉันจะได้ถือโอกาสซื้อกลับไปทานด้วย ยังไงให้ดิฉันลงไปซื้อให้ก่อนนะคะ คุณพายอยากได้อะไรบ้าง”
เมื่อเลขาของเขาเสนอหน้าเข้ามาช่วยอย่างเต็มตัวแบบนี้ พรนับพันก็หันไปมองหน้าพลขับ
“ก็ดีครับ ให้เลขาผมลงไปซื้อให้ก่อนแล้วค่อยจอดแวะรับ”
“อุ๊ย ไม่ต้องแวะรับดิฉันก็ได้ค่ะเจ้านายจะทำให้รถติดเปล่า ๆ เดี๋ยวซื้อแล้วดิฉันจะตามไปที่ภัตตาคารเองนะคะ รับรองไม่นานค่ะ ว่าแต่ชื่อร้านอะไรเหรอคะ”
“อือ จำไม่ได้แล้วอะค่ะ มันนานมากแล้ว แต่เข้าไปก็เจอเลยนะคะ มีอยู่ร้านเดียว”
“อ้อ ยังงั้นเหรอคะ”
“ค่ะ”
ทั้งคู่สบตากันผ่านกระจกหลัง ก่อนที่จักรพรรดิจะปลดล็อกประตูให้นิชาลีลงไปซื้อของให้กับพรนับพัน ดูเหมือนการเดินในสถานการณ์ตอนนี้จะเร็วกว่าการนั่งอยู่ในรถที่ขยับไปทีละนิด ช้ากว่าการเคลื่อนไหวของสลอธเสียอีก จักรพรรดิกับนพรนับพันมาถึงภัตตาคารอาหารจีนที่นัดกับเสี่ยสุรเกียรติ บิดาของเธอที่มาถึงก่อนและเข้าไปนั่งรอในห้องอาหารแบบส่วนตัวที่จองไว้แล้ว
“คุณพ่อมาถึงนานรึยังคะ”
ลูกสาวสุดที่รักเพียงคนเดียวของเสี่ยใหญ่เข้ามากอดเอวฉอเลาะกับผู้เป็นพ่อ
“ก็นิดหน่อย รถติดมากใช่มั้ยล่ะ”
“ติดมากค่ะคุณพ่อ พายกับพี่จิ๋นออกจากห้างมาตั้งแต่ยังไม่ห้าโมงเลยนะคะ กว่าจะมาถึงนี่ใช้เวลาเป็นชั่วโมงเลย”
ลูกสาวบ่นอุบทำหน้างอนิด ๆ กิริยาน่ารักน่าเอ็นดู ในขณะที่หันไปมองจักรพรรดิที่ก้มหน้ากดโทรศัพท์ หลังจากที่ทักทายกันได้ไม่กี่คำ
“งานติดพันอยู่เหรอครับคุณจิ๋น”
“อ้อ ครับ ผมกำลังเช็กกับเลขาผมอยู่ว่าถึงไหนแล้ว”
สุรเกียรติทำหน้าสงสัยเมื่อเขาเอ่ยถึงเลขา ลูกสาวจึงอธิบายให้
“เลขาพี่จิ๋นลงไปซื้อบลูเบอร์รีชีสเค้กเจ้าอร่อยในซอย S ให้พายระหว่างทางน่ะค่ะ จะตามมาด้วยทีหลัง ไม่รู้ว่าตอนนี้อยู่ตรงไหนแล้ว พี่จิ๋นกำลังเช็กค่ะว่าเธอถึงไหนแล้ว”
“ซอย S อยู่ตรงนี้เอง เดี๋ยวก็คงถึงแล้วมั้งครับคุณจิ๋น” เสี่ยใหญ่พูดพร้อมรอยยิ้มประจำตัว
“ครับ”
ด้านนิชาลีหลังจากที่ลงมาจากรถหญิงสาวก็เดินไปตามเส้นทางที่พรนับพันบอก
“เดินไปสองช่วงตึก เข้าซอยอีกร้อยเมตรก็เจอร้านเลยค่ะ”
ร่างบางยืนบนรองเท้าส้นสูงอยู่บนทางเท้าหันซ้ายแลขวา เหมือนตรงนี้จะไม่มีร้านเบเกอรีอะไรเลยนะ ปากซอยเป็นร้านข้าวแกงรถเข็น ข้างในเป็นร้านอาหารกึ่งบาร์
“ผิดซอยรึเปล่าวะ ข้างในก็เป็นคอนโด...ฮึ”
หญิงสาวพึมพำกับตัวเองหน้ายู่ เสียงรอบข้างอึกทึก เมื่อมองดูแล้วไม่เห็นวี่แววเธอจึงเดินไปดูซอยข้างหน้า ซึ่งมันก็เป็นถนนที่รถวิ่งเข้าออกในซอยทั่วไป พอเดินข้ามทางม้าลายไปก็พบกับร้านขายอาหารหลายร้านแต่ไม่ได้มีร้านไหนหน้าตาเป็นเบเกอรีเลยสักร้าน มองลึกเข้าไปข้างในซอยก็จะเป็นโรงแรม ด้านหน้ามีวินมอเตอร์ไซค์ ปากซอยนี้เหมือนจะเคยมีเรื่องราวที่ไม่น่าจดจำของนิชาลีเกิดขึ้น แต่ก็นั่นแหละ ถ้าไม่น่าจดจำก็อย่าไปจำ
นิชาลีเดินจนหิวเลยตัดสินใจแวะร้านข้าวมันไก่ เลขาที่ไม่ได้มีส่วนสำคัญอะไรอย่างเธอจะไปช้าไปเลตก็ไม่มีใครเขาสนใจหรอก ขณะกลืนคำสุดท้ายก็มีสายโทร. เข้ามาจากจักรพรรดิ เขาคงโทร. มาเช็กว่าเธอได้ของที่คุณหนูพายคนสวยอยากกินแล้วหรือยัง
“ค่ะเจ้านาย”
{อยู่ไหนแล้ว ทำไมไม่มาสักที}
“อ้อ กำลังเดินหาอยู่ค่ะ ว่าแต่ไม่มีร้านที่คุณพายบอกเลยนะคะ ดิฉันเดินหามาสามจะแวะเข้าซอยที่สี่ดูแล้ว”
ได้ยินเสียงถอนหายใจเล็ดลอดออกมา เธอนึกถึงสีหน้าเขาออกว่ากำลังไม่พอใจ แต่ใครแคร์ ขอกินข้าวอิ่มก่อนค่อยไปก็แล้วกัน จะได้ไม่ต้องนั่งเกร็งเวลาจะหยิบตักอาหารกินกับคนใหญ่คนโต
{ไม่มีก็ไม่ต้องหา รีบมาได้แล้ว}
“ค่า จะรีบไปค่า รอแป๊บ” พลางยกน้ำแก้วน้ำขึ้นมาดูดแต่ตอนนี้มันเหลือแต่น้ำแข็งจึงได้ยินเสียงลม
{เสียงอะไร}
“ปะ เปล่าค่ะ จะรีบไปเดี๋ยวนี้”
จักรพรรดิขอตัวออกมาเข้าห้องน้ำจึงถือโอกาสโทร. ตามเลขาส่วนตัว พอได้เรื่องแล้วเขาก็กลับเข้าไปในห้องอาหารที่มีสองพ่อลูกนั่งคุยกันอยู่
“ลูกพายบอกว่าคุณจิ๋นก็จะไปงานเปิดตัวผู้บริหารใหม่ของอัครากรุ๊ปเหมือนกันหรือครับ” สุรเกียรติถามขึ้น
“ครับ” เขาตอบสั้น ๆ เพราะใจยังคงนึกหงุดหงิดคนที่ไปซื้อเค้ก แค่นี้ทำไมถึงชักช้าร่ำไรนัก
“คุณจิ๋นรู้จักคุณปรเมศวร์หรือเปล่าครับ” เสี่ยใหญ่ยังคงสนทนาต่อเนื่อง
“ก็ครับ เคยเจอกันหลายครั้ง”
“เป็นคนหนุ่มที่น่าจับตามองทีเดียว”
“ใช่ครับ”
ขณะที่คุยกันถึงตระกูลผู้ก่อตั้งห้างฯ รายใหญ่เก่าแก่ของไทยอีกเจ้าหนึ่งสักพักผ่านไปก็มีข้อความจากนิชาลีบอกว่าเธอมาถึงแล้ว จักรพรรดิจึงค้อมศีรษะเล็กน้อยตามมารยาทพร้อมกับบอกว่า
“ขออนุญาตโทร. บอกเลขาผมว่าพวกเราอยู่ห้องไหนก่อนนะครับ”
“ตามสบายครับ”
พรนับพันหันไปสบตากับบิดาเมื่อชายหนุ่มเอ่ยถึงเลขา
^
^
^
***โปรดติดตามตอนต่อไป คอมเม้นส่งหัวใจมาให้สนมนิมของเราด้วยนะคะ
ebook กำลังปั่นเหลือสองตอนสุดท้ายแล้ว สปอยส์ว่าคุณพรี่ได้กินอาหารหมา ที่เป็นของจริงแน่นวลค่า
ฝาก ebook เรื่องก่อนหน้านี้เลือกซื้อเลือกหาที่ meb เลยนะคะ