องค์หญิงลาเฟอร์แซนซุกซน
ตอน องค์หญิงลาเฟอร์แซนซุกซน
ณ เมืองเอรินเบีย ซึ่งอยู่ในประเทศทอมาเบีย ประเทศติดชายแดนไทยที่มีภูมิประเทศเป็นหุบเขา อากาศเย็นตลอดทั้งปี เป็นเมืองแห่งดอกไม้นา ๆ พันธุ์และขึ้นชื่อเรื่องอัญมณีล้ำค่า ทอมาเบียเป็นประเทศเล็ก ๆ ที่มีประชากรเพียง ยี่สิบล้านคน เป็นประเทศที่น่ารักจนหลาย ๆ ประเทศต่างชื่นชอบในความสดใสของภูมิประเทศนี้ และสาวงามของแห่งเมืองนี้....
“องค์หญิงลาเฟอร์เพคะ อย่าโกหกองค์ราชินีเลยนะเพคะ หม่อมฉันขอร้อง” วินเทียร่า สาวใช้ประจำพระองค์วิ่งเข้ามาขวางองค์หญิงลาเฟอร์ เมื่อทรงตรัสว่าอยากไปเที่ยวเล่นที่ประเทศไทยด้วยการโกหกไม่พูดความจริง โลเซฟพี่ชายของวินเทียร่าซึ่งเป็นองครักษ์ก็ต่างพยายามห้ามและขัดขวาง
“พวกเจ้าอย่าขัดใจเราได้ไหม... เราแค่อยากไปเมืองไทยก็เท่านั้น มันไม่เห็นจะเป็นเรื่องใหญ่โตเลย” ความแสนซนขององค์หญิงยังคงไม่ลดละ เมื่อต้องการจะไปก็จะไปให้จงได้ เธอมองคนที่กำลังยืนขวางด้วยความขุ่นเคืองใจ แต่ไม่คิดโกรธเพราะเข้าใจเจตนาของทั้งสอง พวกเขาก็เพียงทำหน้าที่ของตนเองเท่านั้น
“ทรงทูลความจริงสิเพคะ องค์ราชินีต้องให้ไปแน่ หม่อมฉันไม่อยากให้พระองค์ทรงตรัสเท็จนะเพคะ ได้โปรดเถอะ”
“กระหม่อมเห็นด้วยนะพะย่ะค่ะ” โลเซฟพยายามสนับสนุนความคิดและคำพูดของน้องสาว แม้จะรู้เต็มอกว่าองค์หญิงไม่มีทางฟังเป็นแน่แท้
“ไม่เอาหรอก” องค์หญิงตอบอย่างอารมณ์ดี ถ้าขอไปแบบปกติมันก็จะไม่สนุกน่ะสิ คนตอบคิดในหัว “พวกเจ้าเปลี่ยนใจเราไม่ได้หรอกนะ” และองค์หญิงแสนป่วนของทั้งสองก็วิ่งเข้าไปยังห้องขององค์ราชินี ทั้งสองตามเข้าไปก่อนจะคุกเข่าลงกับพื้น ไม่สามารถห้ามองค์หญิงลาเฟอร์ได้แล้วจริง ๆ
“ลาเฟอร์ ทำไมชอบวิ่งหนีวินเทียร่าเล่า ลูกเป็นองค์หญิงนะ” องค์ราชินีตำหนิ แต่องค์หญิงอย่างลาเฟอร์ก็ยังยิ้มแป้น “ไม่ได้ทำผิดอะไรใช่ไหมองค์หญิง”
“เปล่าเลย ลูกเป็นเด็กดีมากเสด็จแม่" คนตอบยิ้มหวาน " เสด็จแม่ ทรงจำเพื่อนของลูกที่ประเทศไทยได้ไหมเพคะ” องค์หญิงแสนซนเริ่มเข้าเรื่องที่ต้องการ
“อืม...ลูกส้มใช่ไหม”
“ใช่เพคะ คือลูกส้มจะแต่งงาน ลูกก็เลยจะทูลขอไปช่วยงานสักเดือนหนึ่งได้ไหมเพคะ” คนที่กระตือรือร้นอยากไปรีบเอ่ยถาม
“......” องค์ราชินีนิ่งฟัง มองหน้าองค์หญิงแสนที่แก่นแก้วเกินใคร หันมองวินเทียร่าที่ก้มหน้าก้มตาเงียบ
“ลูกส้มเป็นเพื่อนรักของลูกนะเพคะ ลูกอยากไปช่วยเตรียมงาน อยากไปเป็นเพื่อนเจ้าสาวซึ่งอาจจะต้องหาชุดที่เหมาะสม และลูกก็อยากที่จะ...”
“แม่อนุญาต แต่องค์หญิงต้องให้วินเทียร่ากับโลเซฟไปด้วย” คนเป็นแม่ตั้งข้อแม้ เพราะรู้จักลูกตัวเองดี
“แต่....”
“ถ้าลูกไม่โอเค แม่คงจะต้องให้ลูกไปหาองค์ราชา และคิดว่า....”
“ตกลงเพคะ” องค์หญิงลาเฟอร์รีบตกลง
เพราะพระองค์ทรงรู้ดีว่าเสด็จพ่อจะต้องซักถามจนตัวองค์หญิงจะต้องหลุดความจริงออกไป เมื่อลูกส้มเพื่อนรักแต่งงานไปได้สองปีแล้ว หรือหากไม่ องค์ราชาก็จะให้คนสืบจนรู้แน่ว่าองค์หญิงลาเฟอร์โกหก
วินเทียร่าและโลเซฟพลอยใจชื้นที่ได้ติดตามพระองค์ เพราะทุกครั้งที่เสด็จไปที่ใดคนเดียวก็จะทรงก่อเรื่องให้ต้องปวดหัวมาถึงองค์ราชินีเสมอ และครั้งนี้ทรงขอไปถึงหนึ่งเดือนคงมีเรื่องปวดหัวเป็นทวีคูณเป็นแน่
++++++++
"องค์หญิงเพคะ ทำไมต้องใส่ฉลองพระองค์แบบนั้นด้วยล่ะเพคะ แล้วนี่ทรงนั่งรถสองแถวได้ยังไงเพคะ ทำไมไม่ใช้รถส่วนพระองค์ล่ะเพคะ มันไม่สมพระเกียรติ...แล้ว"
"วินเทียร่า....." องค์หญิงลาเฟอร์พูดเสียงลากยาว เมื่อนางข้าหลวงคนสนิทประจำพระองค์บ่นตั้งแต่ถึงประเทศไทย ที่เธออยากมาเงียบ ๆ เพราะต้องการอยู่อย่างชีวิตชาวบ้านที่ไม่ต้องมีนางข้าหลวงคอยตามติด "เหตุผลหนึ่งที่เราไม่อยากให้เจ้ามา เพราะเจ้าจะบ่นเราแบบนี้ไงวินเทียร่า ดูสิ โลเซฟไม่เห็นบ่นเราสักคำ" องค์หญิงแสนซนพูดไปยังชายหนุ่มอีกคน
"ถึงกระหม่อมจะบ่น องค์หญิงก็ไม่ทรงเชื่อฟังอยู่ดี" โลเซฟพูดแทรกขึ้น ทำให้ใบหน้าองค์หญิงที่ไร้เครื่องสำอางยิ้มออกมา ได้ออกมาเที่ยวเล่นนอกวังที่ไม่มีใครรู้จัก มันเป็นเรื่องสนุกที่ทรงโปรด
"พวกเจ้านี่นะ เอาล่ะ ที่นี่ประเทศไทย ห้ามใช้ราชาศัพท์กับเรา เราจะเป็นเช่นสามัญชนคนธรรมดา เข้าใจไหม? " องค์หญิงลาเฟอร์ออกคำสั่ง ก่อนจะหันหน้าสู้กับลมหลังรถสองแถว เธอชอบชีวิตที่ไม่ต้องมีพิธีรีตอง ตอนมาเรียนที่ไทยเธอชอบมาที่ไร่ส้มของเพื่อนเป็นที่สุด ได้เป็นสาวชาวไร่แสนสนุก
"ทำไมล่ะเพคะ" วินเทียร่าตั้งคำถาม เธอจะทำตามที่เอ่ยขอร้องได้อย่างไรกัน
"อย่าถามมาก ทำตามที่เราบอกก็พอ ถึงแล้ว ๆ" องค์หญิงในชุดกางเกงยีนขาสามส่วน และเสื้อแขนยาวลายสก็อตเหมือนชาวไร่ชาวสวนกดกริ่งรถสองแถว และลงนำหน้าไปจ่ายเงินเช่นคนคุ้นเคย เธอรู้ดีว่าชีวิตแบบนี้ทำอย่างไรมากกว่าวินเทียร่าที่เกิดและอยู่แต่ในวัง
"ที่นี่ที่ไหนกันเพคะ" วินเทียร่าตั้งคำถามอีกครั้ง
"ถามใหม่" องค์หญิงหันไปเท้าเอวถาม ขณะยืนอยู่หน้ารั้วไร่ลูกส้ม มองเข้าไปเห็นต้นส้มปลูกยาวเรียงรายอย่างเป็นระเบียบสวยงาม
"ที่นี่ที่ไหนคะ"
"ดีมาก...ที่นี่ไร่ลูกส้มไง ไม่เห็นป้ายเหรอ" องค์หญิงชี้ไปที่ป้ายไม้ที่เขียนชื่อไร่ไว้ชัดเจน "ไร่ของลูกส้ม เดินอีกหนึ่งกิโลเมตรก็ถึงแล้ว"
"โห ทรง..." วินเทียร่าหยุดพูดเมื่อกำลังพูดคำราชาศัพท์ออกมา "จะเดินไหวเหรอคะ"
"ไหวสิ เราเดินประจำ ตอนที่ลูกส้มกลับบ้านช่วงวันหยุดเราก็เดินกับลูกส้ม สนุกมาก ๆ" และองค์หญิงลาเฟอร์ก็เดินนำอย่างสนุกสนานเข้าไปตามทางเดิน
เธอมาโดยไม่ได้บอกกล่าวเพื่อนอย่างลูกส้มให้ได้รับรู้ เพราะเธอตั้งใจมาเซอร์ไพรส์
ส่วนคนติดตามทั้งสองจะว่ากลัวการลำบากก็ไม่ใช่ ทั้งสองเพียงไม่คิดว่าองค์หญิงจะทำอะไรแบบนี้ เดินชายถนน แต่งตัวเหมือนหญิงสาวชาวบ้าน ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วสูงศักดิ์เป็นอย่างมาก
++++++++
ลูกส้มกลับเข้ามาในไร่ในช่วงสายของวัน วันนี้ทั้งเธอและสามีได้พาแขกมายังไร่ลูกส้มด้วย เพื่อนสนิทของสามีซึ่งต้องการที่พักผ่อนในที่เงียบสงบและสบายใจ
หม่อมราชวงศ์ภูวดล พระโอรสในหม่อมเจ้าภากูลและหม่อมแย้ม ชายหนุ่มเป็นเพื่อนสนิทของชัดเจนสามีของลูกส้ม เป็นเพื่อนในสมัยเรียนและเที่ยวเล่นด้วยกัน เขารู้สึกเบื่อหน่ายต่อชีวิตจนอยากปลีกวิเวกเพื่อหาที่พักจิตใจ เป็นจังหวะเดียวกับที่ชัดเจนพาภรรยาสาวไปกรุงเทพฯ เขาจึงขอติดสอยห้อยท้ายมาเที่ยวที่ไร่ด้วย
“เอ่อ หม่อมราช...”
“คุณลูกส้มเรียกภูวดลก็พอครับ อย่าพิธีรีตองเลย” ชายหนุ่มท้วง เมื่อภรรยาของเพื่อนสนิทพยายามที่จะเรียกพระยศตามศักดิ์ของตนเอง “และก็ขอร้องอีกเรื่อง ไม่ต้องบอกว่าผมเป็นใคร ผมอยากอยู่อย่างคนธรรมดา ไม่ต้องมียศศักดิ์ให้วุ่นวายใจ”
“ไอ้ดลก็เหมือนเพื่อนของคุณไงลูกส้ม ชอบเป็นคนธรรมดาเหมือนกัน” ชันเจนพูดแทรกขณะขับรถมาจอดเทียบหน้าบ้านตนเอง เมื่อครั้งแต่งงาน ภูวดลอยู่ต่างประเทศจึงไม่ได้มาร่วมงานและไม่ได้พบเจอกับองค์หญิงลาเฟอร์
“ใครวะ ชัดเจน”
“ก็องค์หญิง...พี่ชัดเจน!! องค์หญิงมา!!” ลูกส้มกระโดดดีใจลงจากรถ วิ่งไปกอดองค์หญิงเพื่อนรักที่ไม่ได้พบกันมากว่าสองปีหลังจากงานแต่งงาน ไม่ว่าจะแต่งตัวแบบไหนเธอก็ไม่มีวันลืมเพื่อนที่สูงส่งแต่ลดตัวมาคบมาสนิทสนมกับเธอ “ดีใจมากเลย คิดถึงมากด้วย ทรงเป็นอย่างไรบ้างเพคะ”
“อย่าใช้ราชาศัพท์” องค์ลาเฟอร์กระซิบ “สวัสดีค่ะคุณชัดเจน เอ่อ..” สายตาขององค์หญิงมองไปยังชายหนุ่มอีกคนที่ยืนข้างกายสามีเพื่อน
“สวัสดีครับ อ้อ นี่เพื่อนผมหม่อม....” ชัดเจนพยายามจะแนะนำ แต่ก็โดนเพื่อนสนิทกดบ่าไว้ทำให้รู้ว่าเพื่อนไม่อยากให้เอ่ยถึงพระยศ “เอ่อ...ภูวดลครับ”
“สวัสดีค่ะคุณภูวดล” องค์หญิงยกมือไหว้อย่างไม่ถือตัวเช่นเดียวกับการไหว้ชัดเจน แต่พระองค์ก็ไม่ได้สนใจเท่าไหร่ต่อชายหนุ่มที่เพิ่งรู้จัก “ นี่วินเทียร่า ส่วนนี่โลเซฟ พวกเราจะขอมาพักที่ไร่เธอหนึ่งเดือนนะลูกส้ม” คนตัวเล็กหันไปชี้แจงกับเพื่อน
“ได้เลยเพ..เอ่อ ได้อยู่แล้วค่ะ” ลูกส้มพูดยิ้ม ๆ ยังคงกอดเอวเพื่อนสนิทอย่างสนิทสนม เพราะรู้ว่าองค์หญิงผู้นี้ไม่ถือตัว
“จะไม่ให้ผมรู้จักคุณหน่อยเหรอครับ คุณผู้หญิง” ภูวดลพูดแทรกการสนทนาเมื่อเขายังไม่รู้เลยว่าผู้หญิงคนนี้ชื่ออะไร สายตาของเขามองความร่าเริงของลาเฟอร์อย่างต้องมนต์สะกด รอยยิ้มหวานของหญิงสาวที่มองไปยังทุกคนมันช่างมีเสน่ห์ เธอสดใสจนเขาไม่อยากเชื่อว่าเธอเป็นเพียงสาวชาวไร่ธรรมดา ๆ
“เราชื่อลาเฟอร์ พวกเราสามคนเป็นคนจากเมืองเอรินเบีย เคยเป็นคนงานของที่ไร่นี้แต่ต้องเดินทางกลับประเทศ ก็เลยกลับมาเที่ยวหาเจ้านายเก่าก็เท่านั้น” องค์หญิงทรงตอบเสียงหวานเป็นปกติ
แต่งเรื่องเป็นตุเป็นตะจนวินเทียร่าและโลเซฟต้องมองหน้ากันตาปริบ ๆ แต่แท้จริงแล้วเธอแค่บอกความจริงไม่ได้ก็เท่านั้น ไม่ได้อยากจะโกหกใคร
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ” ภูวดลยิ้มเมื่อสบตากับลาเฟอร์ เขาตกหลุมรักหญิงสาวคนนี้เข้าให้แล้ว
ชัดเจนมองเห็นสายตาของเพื่อนสนิท รู้ดีว่านี่ไม่ใช้สายตาแค่เห็นสาวสวยเท่านั้น แต่นี่คือการตกหลุมรักอย่างรุนแรง เขามองหน้าภรรยาอย่างพยายามสื่อสาร รู้ดีว่าทั้งสองคนก็ต่างไม่ใช่คนธรรมดาต่างคนต่างมียศศักดิ์ที่สูงส่ง แต่กำลังเล่นละครตบตาเป็นคนธรรมดา
ทั้งเขาและภรรยาจะทำอย่างไรเมื่อรู้ดีถึงสถานะทั้งคู่ และเป็นผู้อยู่ตรงจุดกึ่งกลางของทั้งสองคน