น้ำอิงยืนมองรอนอดีตพี่เขย และอดีตสามีของพิงกันพี่สาวแท้ ๆ ของเธอที่ตอนนี้เขาขับรถยนต์คันหรูที่พี่สาวของเธอพยายามดิ้นรนหาเงินจากน้ำพักน้ำแรงด้วยการทำขนม ไปส่งขายตามคาเฟ่ และร้านกาแฟต่าง ๆ เพื่อมาผ่อนรถคันนี้ต่อจากเขาที่เอาแต่เที่ยวเตร่ไม่ยอมทำการทำงานจนรถเกือบจะโดนยึด
จนวันนี้..วันที่พี่สาวของเธอพยายามผ่อนรถคันนั้นจนหมดได้อย่างสำเร็จ อดีตพี่เขยของเธอคนนี้ คนที่เคยทรยศต่อความรักของพี่สาวของเธอ และลูกสาวตัวน้อย ๆ ของเขาที่ไร้เดียงสา และแสนจะน่ารัก น่าชัง ก็ดันกลับมาแย่งรถคันนั้นไปอย่างหน้าด้าน ๆ ต่อหน้าต่อตาของเธอ และทุกคนในบ้านอย่างไม่รู้สึกละอายต่อการกระทำของตัวเองเลยสักนิด
“เขาได้ทำร้ายร่างกายอะไรพี่บ้างหรือเปล่าคะพี่กัน” น้ำอิงหันไปถามพี่สาวของเธอด้วยความเป็นห่วง
“เปล่า..เขาไม่ได้ทำร้ายพี่ แต่เขากลับมาเพราะเขาต้องการรถคันนั้น เขาบอกกับพี่ว่าเขาอยากมาขอรถของเขาคืน เพราะเขาเป็นคนออกเงินค่าดาวส์รถเพื่อเอาไปใช้รับส่งผู้หญิงคนใหม่ของเขาก็เท่านั้น”
“ให้เขาไปเถอะค่ะ เขาอยากได้อะไรก็ให้เขาไปให้หมดมันจะได้จบ ๆ กันไปซะที ของนอกกายถ้าไม่ตายเราก็หาใหม่ได้” พิงกันมองหน้าน้องสาวของเธอ ที่ตอนนี้ใบหน้าของน้ำอิงน้องสาวของเธอดูเศร้าหมอง จนดูผิดปกติผิดสังเกตไปจากเดิมมาก ๆ แถมตอนนี้ดวงตาของน้ำอิงก็แดงก่ำ และบวมราวกับว่าเธอผ่านการร้องไห้อย่างหนักมาก่อนหน้านี้แล้วนั่นเอง
“ว่าแต่เราเถอะยัยอิง เกิดอะไรขึ้นเหรอ..ทำไมเราถึงกลับมาบ้านเร็วขนาดนี้ ไหนเราบอกกับพี่ และคุณแม่ว่าเราจะไปงานเลี้ยงฉลองรับปริญญากับณฉัตรเขาไม่ใช่หรือไง” พิงกันถามออกมาด้วยความรู้สึกเป็นห่วงน้องสาวของเธอ จนแทบจะลืมความเจ็บปวดของตัวเองที่โดนชายคนรัก และพ่อของลูกหักหลังไปเสียสิ้น เพราะตอนนี้ความรู้สึกเจ็บปวดที่เขาทำไว้กับเธอนั้นมันได้กลายเป็นความด้านชาไปเสียแล้ว
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะพี่กัน อิงว่าเราเข้าไปดูยัยแพรไหมกับคุณแม่ในบ้านกันดีกว่านะคะ”
“ทะเลาะกับณฉัตรเขามาหรือไง ทำไมตาของเราถึงได้บวมเบ่งขนาดนั้นล่ะยัยอิง นี่เราร้องไห้มาใช่มั้ย” พิงกันไม่ยอมปล่อยให้น้องสาวของเธอเดินเข้าไปในบ้าน จนกว่าน้ำอิงน้องสาวของเธอจะยอมเล่าว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอบ้าง เพราะพิงกันไม่เชื่ออย่างเด็ดขาดว่ามันจะไม่มีอะไรอย่างที่น้ำอิงบอกกับเธอจริง ๆ
“อิงไม่ได้ทะเลาะกับพี่ฉัตรเขาหรอกค่ะพี่กัน แต่อิงบังเอิญไปได้ยิน และรับรู้ความจริงอะไรบางอย่่างเกี่ยวกับพี่ฉัตรมา ทำให้อิงรู้สึกว่าตัวเองโง่มานาน แต่ตอนนี้อิงหายโง่ และตาสว่างขึ้นมากแล้วล่ะค่ะ”
“นี่เราอย่าบอกพี่นะยัยอิง ว่าเราไปรู้ หรือไปเห็นมาว่าณฉัตรเขามีคนอื่น เหมือนกันกับไอ้ผัวเฮงซวยคนนั้นของพี่ด้วยอีกคน” พิงกันถามแบบเดาสุ่มออกมาอย่างคนมีประสบการณ์ที่เคยโดนสามีนอกใจอยู่เป็นประจำ ก่อนที่เธอจะตัดสินใจหย่าขาดกับสามีเพื่อที่จะยุติปัญหาทั้งหมดนี้เสียที
“พี่รอนเขามีแค่เรื่องนอกใจพี่กันไปมีคนอื่น แต่พี่ฉัตรเขาไม่ได้มีแค่เรื่องผู้หญิงอื่นแค่อย่างเดียวค่ะพี่กัน เพราะนอกจากเรื่องนอกใจไปมีผู้หญิงอื่นแล้ว มันยังมีอีกเรื่องที่อิงรับไม่ได้ และไม่มีวันรับได้ด้วยค่ะ”
“เรื่องอะไร? เล่าให้พี่ฟังได้มั้ย”
“เขาเป็นลูกติดของผู้หญิงแพศยาที่เคยแย่งคุณพ่อไปจากเราสองคนกับคุณแม่ค่ะ”
“ห๊ะ..ณฉัตรนี่นะ คือลูกติดของนังเมยาวี”
“ใช่ค่ะ”
“แล้วถ้าเขาเป็นลูกของยัยแพศยาเมยาวีนั่นจริง ๆ แล้วณฉัตรเขาจะมาคบ และเป็นแฟนกับอิงทำไมตั้งสามปีแบบนั้นล่ะ เขาทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร”
“ก็คงเป็นเพราะทรัพย์สินของคุณพ่อนั่นแหละค่ะ แม่ของเขาคงอยากได้ทรัพย์สิน และที่ดิน ที่คุณพ่อท่านเคยโอนมาให้เป็นชื่อของอิงกับพี่กันมังคะ เขาถึงได้อดทน และหลอกคบหากับอิงมาได้นานขนาดนั้น เขาคบกับอิงเพื่อหลอกให้อิง และทุกคนในครอบครัวของเราไว้ใจเขา”
“หึ..หน้าด้าน แย่งสามีคนอื่น และพ่อของพวกเราไปแล้วยังไม่พอใจอีกเหรอ แล้วนี่ยัยผู้หญิงหน้าด้านคนนั้นมันยังกล้าส่งลูกชายของมันให้มาหลอกให้เรารักอีกด้วยเนี่ยนะ เลว..เลวจริง ๆ พี่ไม่รู้ว่าพี่จะหาคำพูดไหนมาด่า และเปรียบเทียบความเลวของผู้หญิงคนนั้น และลูกชายของมันได้อีกแล้วล่ะ”
“ค่ะ อิงก็เหมือนกันค่ะพี่กัน”
“เห้ย..ทำไมเรื่องร้าย ๆ มันถึงต้องมาเกิดกับครอบครัวของเราแบบไม่รู้จักจบจักสิ้นด้วยนะ..แล้วนี่เราคิดว่าเราจะเอายังไงกันต่อไปดีล่ะยัยอิง เราช่วยพี่คิดหน่อยสิ ตอนนี้รถก็ไม่มีให้ใช้แล้วด้วย ถ้าให้พี่ทำขนมไปส่งขายที่ร้านกาแฟ และคาเฟ่เหมือนเดิมก็คงจะยาก เพราะกำไรค่าขนมมันคงจะหมดไปกับค่าเดินทางแน่ ๆ”
“อิงว่า เราขายบ้านหลังนี้ แล้วย้ายหนีพวกผู้ชายเลว ๆ และคนเลว ๆ พวกนั้นไปอยู่ในที่ไกล ๆ ที่ใหนสักแห่ง ที่ไม่มีใครรู้จักพวกเรากันดีมั้ยคะพี่กัน”
“ที่ไหนล่ะ..เราอยากไปอยู่ที่ไหน”
“เชียงใหม่!!!”
“ภาคเหนือเลยเหรอ มันจะไม่ไกลเกินไปใช่มั้ย”
“ไม่ไกลหรอกค่ะ”
“แล้วทำไมถึงต้องเป็นเชียงใหม่ด้วยล่ะ”
“เพราะครั้งหนึ่งเราเคยไปเที่ยวที่นั่นด้วยกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาทั้งคุณพ่อ คุณแม่ พี่กัน และอิง ตอนนั้นอิงจำได้ว่าอิงกับพี่กันเรามีความสุขกันมาก และตอนนั้นคุณพ่อก็ดูแลคุณแม่ กับเราสองคนพี่น้องเป็นอย่างดี อิงรู้สึกมีความสุขทุกครั้งที่ได้คิดถึงที่นั้น อิงอยากไปที่นั่นอีก และอยากไปอยู่ที่นั่น เพราะอิงคิดว่ามันเป็นที่ ๆ เดียวที่เราเคยได้อยู่่พร้อมหน้าพร้อมตากัน”
“พี่ตามใจอิง..แต่เราจะบอกกับคุณแม่เรื่องนี้ว่าไงดีล่ะ”
“บอกความจริงสิคะ อิงเชื่อว่าคุณแม่ท่านจะต้องเห็นด้วยกับพวกเราสองคนแน่ และอิงก็คิดว่าเราทั้งสามคนแม่ลูกควรทิ้งอดีตไว้กับที่นี่แล้วไปเริ่มต้นสร้างชีวิตกันใหม่กับสังคมใหม่ และผู้คนใหม่ ๆ ที่เราไม่เคยรู้จักกันเสียที”
“เอาไงก็เอากัน งั้นไป..เราไปคุยกับคุณแม่กัน ถ้าท่านเห็นด้วย พรุ่งนี้เราก็เตรียมเก็บของ และเตรียมย้ายไปอยู่ที่เชียงใหม่กันได้เลย”
พิงกันมีสีหน้ามุ่งมั่น และตั้งใจเต็มที่ ก่อนที่เธอจะหันไปมองจ้องตากับน้ำอิงน้องสาวของเธอที่ตอนนี้แววตาของน้ำอิงก็ดูมีความมุ่งมั่นมาก ๆ ไม่ต่างไปจากเธอเลยก็ว่าได้
สองพี่น้องชวนกันเดินเข้าไปภายในบ้านหลังใหญ่ที่ทั้งสองอยู่อาศัยด้วยกันมาตั้งแต่เล็กจนถึงปัจจุบัน เพื่อเข้าไปหาคุณพิศมัยผู้เป็นแม่ และเด็กหญิงแพรไหมบุตรสาวคนเดียวของพิงกันที่ตอนนี้กำลังนั่งวาดภาพอยู่บนโต๊ะอ่านหนังสือประจำตัวของเธอกับคุณพิศมัยผู้เป็นยายของเธอนั่นเอง
“น้าอิง..น้าอิงขา กลับมาแล้วเหรอคะ” เด็กหญิงแพรไหมตัวน้อยรีบวิ่งเข้ามาสวมกอดคุณน้าของเธอด้วยท่าทางออดอ้อน
“อ้าว..ยัยอิงกลับมาแล้วเหรอลูก แม่นึกว่าวันนี้เราจะกลับดึก หรืออาจจะไปนอกค้างกับเพื่อนซะอีก ไหนเราบอกว่าวันนี้ตาณฉัตรแฟนของเราเขาจะพาเราไปเลี้ยงฉลองรับปริญญากับเพื่อน ๆ ไม่ใช่หรือไง”
“ค่ะแม่ แต่พอดีว่าอิงกับพี่ฉัตรมีเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อยอิงเลยหนีกลับมาซะก่อนค่ะ”
“เข้าใจผิดกันแล้วทำไมถึงไม่เคลียร์กันให้รู้เรื่องล่ะลูก ทำตัวเป็นเด็ก ๆ ไปได้นะเรา ไม่พอใจอะไรนิด อะไรหน่อยก็หนีกลับบ้าน”
“แล้วนี่ตารอนเขากลับไปแล้วรึยัยกัน” คุณพิศมัยเอ็ดน้ำอิงลูกสาวคนเล็กของเธอเสร็จ ก็หันวกกลับมาถามพิงกันลูกสาวคนโตของเธออีกครั้ง
“กลับไปแล้วค่ะแม่..เอ่อ..แม่คะพอดีว่ากันกับอิงเราสองคนมีเรื่องจะปรึกษาแม่หน่อยค่ะ”
“มีเรื่องอะไรจะปรึกษาแม่เหรอ ทำไมถึงได้ทำหน้าเครียดกันแบบนั้น” คุณพิศมัยเงยหน้าขึ้นไปมองบุตรสาวของท่านทั้งสองคนสลับกันไปมาด้วยความสงสัย
“แม่คะ คืออิงกับพี่กันเราสองคนคุย และปรึกษากันว่าเราอยากจะขายบ้านหลังนี้ทิ้ง แล้วเราจะชวนแม่ย้ายไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยกันที่เชียงใหม่ แม่จะว่ายังไงบ้างคะ”
คำถามของน้ำอิงบุตรสาวคนเล็กของท่าน ทำเอาคุณพิศมัยคนเป็นแม่ถึงกับนิ่งอึ้งไปทันที เพราะท่านไม่คิดว่าวันหนึ่งบุตรสาวทั้งสองคนของท่านจะมาชวนท่านขายบ้านหลังนี้ บ้านที่ท่าน และอดีตสามี พ่อของลูก ๆ ทั้งสองคนช่วยสร้างกันมาอย่างยากลำบาก ก่อนที่อดีตสามีของท่านจะหลงเสน่ห์ผู้หญิงคนใหม่ และทิ้งท่านกับบุตรสาวทั้งสองไปอย่างไม่ใยดี แต่ก็ยังดีที่อดีตสามีของท่านยังมีแก่ใจยกบ้านหลังนี้ และที่ดินที่ร่วมสร้างกันมาให้เป็นมรดกของลูก ๆ ทั้งสองคนของท่าน แต่ก็ยังมีทรัพย์สินเงินทองอีกมากมายที่อดีตสามีของท่านเอาไปปรนเปรอให้กับเมียน้อยจนท่านถึงกับทนไม่ไหวต้องขอหย่าขาด และแยกทางกับอดีตสามีมาจนถึงทุกวันนี้นั่นเอง