“อะไรนะ..ยัยเด็กซื่อบื้อคนนั้นมันหายไปเหรอ แล้วมันหายไปไหน แกตามหาตัวมันจนทั่วหรือยังห๊ะตาฉัตร”
“ผมหาดีแล้วครับแม่ เมื่อคืนยัยนั่นมันบอกกับผมว่ามันจะไปเข้าห้องน้ำ แล้วหลังจากนั้นมันก็หายออกไปจากผับเลยครับ ผมกับเพื่อนช่วยกันหา แต่หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ และอีกอย่างเมื่อคืนผมก็เมามากด้วย ผมเลยคิดว่าจะปล่อยมันไปก่อน แล้วเดี๋ยววันนี้ผมจะลองไปง้อ และพูดดี ๆ กับมันใหม่อีกครั้ง รับรองว่าวันนี้ผมจะหลอกให้มันยอมเซ็นต์เอกสารสัญญาซื้อขายที่ดิน และบ้านของพวกมันที่แม่เตรียมเอาไว้ให้..ให้ได้อย่างแน่นอนครับ”
“เออดี..ยังไงแกก็รีบ ๆ ทำให้มันสำเร็จเข้าล่ะ ก่อนที่พวกมันจะจับได้ ว่าแกเป็นลูกติดของฉัน ผู้หญิงที่แย่งพ่อของพวกมันมา และมาหลอกเกาะพ่อของพวกมันกินอยู่ทุกวันนี้”
“ผมรู้แล้วแหละน่า แค่นี้ก่อนนะแม่ผมจะรีบโทรไปหายัยน้ำอิงก่อน”
“เออ..รีบ ๆ จัดการให้สำเร็จล่ะ”
‘ขออภัยค่ะ หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามาถติดต่อได้ในขณะนี้’
“หายไปไหนของเธอวะน้ำอิง ทำไมถึงโทรไปติด หรือว่าเธอกำลังปิดเครื่องเพื่อหนีฉันงั้นเหรอวะ..โธ่โว้ย” ณฉัตรแสดงท่าทางหงุดหงิดออกมา เมื่อเขาพยายามติดต่อ และโทรไปหาน้ำอิง แต่ก็ไม่สามารถติดต่อหาเธอได้
“นี่อย่าบอกนะ ว่ากูจะต้องถ่อไปหามึงถึงบ้าน..โธ่เว้ยย..หงุดหงิดเป็นบ้า!!!” ณฉัตรบ่นออกมาด้วยความโมโห ที่คิดว่าตนจะต้องตามไปง้อน้ำอิงถึงที่บ้านของเธอ พร้อมกับต้องเล่นละครเป็นคนดีตบตาทุกคนในบ้านของเธอ เพื่อไม่ให้ทุกคนในบ้านของเธอจับได้ว่าความจริงแล้วนั้น เขามันเป็นคนเลวมากแค่ไหน
“แกว่าอะไรนะ!!! พวกมันย้ายออกจากบ้านหลังนั้น และประกาศขายบ้านให้คนอื่นไปแล้วอย่างนั้นเหรอ..ตาฉัตรนะตาฉัตร..นี่แหนะ..นี่แหนะ..แกไปทำอีท่าไหนมาฮ่ะ พวกมันถึงได้หนีแกไปได้”
“โอ้ยครับแม่..ผมพยายามติดต่อ และโทรไปหายัยเด็กน้ำอิงนั่นแล้ว แต่มันปิดเครื่อง และบล็อกการติดต่อจากผมทุกช่องทาง แถมที่บ้านของมันตอนนี้ก็ติดประกาศขายไปแล้วด้วย”
“หรือว่าพวกมันจะไหวตัวทัน..แล้วนี่แกไปทำอีท่าไหนฮ่ะตาฉัตร ยัยเด็กน้ำอิงซื่อบื้อนั้นมันถึงได้กล้าทิ้งแกไป..หรือว่าตอนนี้พวกมันจะรู้ความจริงแล้วว่าแกเป็นลูกชายของฉัน?”
“เป็นไปไม่ได้หรอกครับแม่..โง่ ๆ แบบยัยนั่นจะไปรู้อะไร และผมก็ไม่เชื่อว่ายัยเด็กนั่นจะกล้าทิ้งผมไปแบบนี้จริง ๆ ยัยเด็กนั่นมันรักผมจะตาย มันต้องมีอะไรมากกว่านั้นแน่ ไม่อย่างนั้นพวกมันก็คงไม่ประกาศขายบ้าน และหอบผ้าหอบผ่อนหนีกันไปทั้งบ้านแบบนั้นแน่”
“พวกมันหนีไปแบบนี้..แล้วทีนี้ฉันจะทำยังไงล่ะ เงินก็ไม่ได้ ที่ดินก็ไม่มี ทรัพย์สมบัติอะไรก็ไม่เหลือติดตัวฉันสักอย่าง หนี้สินก็พะรุงพะรัง แถมฉันยังต้องเลี้ยงดูไอ้แก่นั่นที่ตอนนี้มันมีแค่ตัวอีกด้วย บริษัทของมันก็กำลังจะล้มละลาย”
“แม่เลิกกับคุณลุงสุกิจ พ่อของยัยน้ำอิงแล้วหาผัวใหม่สิครับแม่”
“เลิกหน่ะฉันเลิกแน่ แต่แกคิดว่าแก่ ๆ อย่างฉันนี่ ยังจะมีใครโง่มาเอาฉันอีกเหรอตาฉัตร”
“แม่ยังสวย แถมลีลายังเด็ดอีกด้วย ผมเชื่อ..ว่าจะต้องมีไอ้แก่หน้าโง่คนไหนสักคนที่มาหลงคารมของแม่อย่างแน่นอนครับ”
“ฉันว่าแกไปหาหลอกเงินจากผู้หญิงมาให้ฉันน่าจะง่ายกว่านะตาฉัตร”
“แม่หมายความว่าไง?”
“แกก็ใช้หน้าตา และหุ่นที่ยั่วใจสาวของแกให้เป็นประโยชน์หน่อยสิ..เดี๋ยวนี้ผู้หญิงน่ะมันร่านจะตาย แค่มีผู้ชายหล่อ ๆ หุ่นแซ่บ ๆ มาจีบ พวกมันก็พร้อมพลีกายแถมพร้อมจ่ายพร้อมเปย์ให้ไม่อั้นอยู่แล้ว”
“นี่แม่จะให้ผมไปขายตัวเหรอ?”
“แล้วแกมีวิธีไหนที่ดีกว่านี้ และหาเงินได้เร็วกว่านี้มั้ยล่ะ อีกอย่างแกก็ไม่ได้เสียอะไร แถมยังได้นอนกับผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าอีกด้วยนะ แบบนี้แกไม่ชอบหรือไง”
“แม่!!!” ณฉัตรมองหน้าเมยาวีแม่บังเกิดเกล้าของตัวเองด้วยความรู้สึกสะท้านในใจ เพราะไม่คิดมาก่อนเลยว่าผู้เป็นแม่จะกว่าแสดงความคิด และยื่นข้อเสนอแนะวิธีการแบบนี้เพื่อที่จะให้เขาหาเงินมาให้กับตัวเองด้วยวิธีขายตัวแบบนี้
“แกอย่ามาทำท่ารังเกียจฉันแบบนี้นะตาฉัตร แกอย่าลืมสิ ว่าเงินทุกบาททุกสตางค์ที่ฉันหามาได้ และเลี้ยงแกมาจนโตได้ขนาดนี้นั้น มันก็เงินที่ฉันขายตัว และเอาตัวเข้าแลก หรือบางทีก็ไปหลอกไอ้พวกผู้ชายแก่ ๆ และหน้าโง่มาทั้งนั้น เราสองคนแม่ลูกถึงได้รอดกันมาจนถึงทุกวันนี้ได้”
“ครับ..ผมไม่มีวันลืม”
“ถ้าแกไม่ลืม..งั้นตอนนี้ก็ถึงเวลาแล้วที่แกจะต้องตอบแทนบุญคุณของฉันบ้าง..ไปหาเงินมาให้แม่นะลูกรัก หามาให้ได้เยอะ ๆ แม่จะได้เอาเงินไปลงทุน และใช้หนี้..ต่อไปเราสองคนแม่ลูกจะได้สุขสบายยังไงล่ะครับ..ลูกชายคนเก่งของแม่”
เมยาวีเอื้อมมือไปลูบเบา ๆ ที่ใบหน้าหล่อของบุตรชาย พร้อมกับดึงณฉัตรมาสวมกอดเอาไว้อย่างทะนุถนอม ราวกับว่าเขาคือไข่ในหินที่เธอฟูมฟักมาเป็นอย่างดี
“เอาเป็นว่าผมจะพยายามตามหายัยเด็กนั่นให้เจอให้ได้เร็ว ๆ ก็แล้วกันนะครับแม่”
“ถึงแกจะตามหามันตอนนี้ ฉันว่ามันก็ไม่มีประโยชน์แล้วล่ะตาฉัตร เพราะตอนนี้นังนั่นมันประกาศขายบ้าน และที่ดินนั่นไปแล้วนี่”
“แต่มันยังขายไม่ได้นี่ครับ ถ้ามันยังไม่ได้ขายเราก็ยังมีโอกาสครับแม่”
ณฉัตรไม่รับปากว่าเขาจะทำตามคำเสนอแนะของผู้เป็นแม่บังเกิดเกล้า แต่สิ่งที่เขารับปากกับผู้เป็นแม่ของเขาไปนั้นก็คือ การตามหาตัวผู้หญิงที่ชื่อน้ำอิง ลูกสาวของคุณสุกิจสามีใหม่ของแม่ เพื่อที่เขาจะได้หลอก และบังคับให้เธอเซ็นต์มอบที่ดินผืนนั้นให้กับแม่ของเขาให้จนได้นั่นเอง
@จังหวัดเชียงใหม่
“เฮ้อ…!!!”
“จะถอนหายใจเสียงดังแบบนั้นทำไมคะพี่กัน”
น้ำอิงถามออกมาหลังที่ได้ยินเสียงถอนหายใจของพิงกันพี่สาวของเธอที่ตอนนี้กำลังช่วยคุณพิศมัยแม่ของเธอจัดเสื้อผ้า และของใช้ต่าง ๆ ให้เข้าที่เข้าทาง เพราะตอนนี้เธอ และครอบครัวได้ย้ายเข้ามาอยู่ภายในบ้านหลังใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากที่ทุกคนได้ตัดสินใจครั้งใหญ่ในการเดินทางไกล และหนีออกมาจากบ้านหลังเดิมเพื่อหนีจากปัญหาต่าง ๆ ที่รุมเร้าครอบครัวของเธอมาเป็นเวลานานหลายสิบปี
“พี่รู้สึกโล่ง..ตอนนี้มันเหมือนตัวเองได้ยกภูเขาออกจากอกยังไงก็ไม่รู้..อีกอย่างบรรยากาศที่นี่ก็ดีมาก ๆ แถมอากาศก็บริสุทธิ์มากจนทำให้พี่รู้สึกผ่อนคลาย ราวกับว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมาพี่ไม่เคยรู้สึกสบายใจแบบนี้มาก่อนเลย”
“อิงก็หวังว่าบ้านหลังนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ครอบครัวของเราทุกคนมีความสุข เหมือนกับครอบครัวอื่น ๆ เขาสักทีนะคะ”
“น้าอิงขา..คุณแม่ขา..คุณยายขาตอนนี้แพรไหมหิวแล้วค่ะ บ้านหลังนี้มีอะไรให้แพรไหมกินบ้างมั้ยคะ”
“ตายจริง..นี่ก็เย็นมากแล้ว มัวแต่จัดข้าวจัดของจนลืมเตรียมอาหารเย็นไว้เลย ทำยังไงดีล่ะ”
“นั่นสิ..แม่ก็ลืมเรื่องอาหารเย็นไปสนิทเลย..หนูแพรรอยายหน่อยนะคะ เดี๋ยวยายจะเดินออกไปดู ว่าแถวนี้พอจะมีร้านอาหารสดหรือตลาดบ้างมั้ย เดี๋ยวยายจะรีบไปหาซื้อของสดมาเตรียมทำอาหารเย็นอร่อย ๆ ให้หนูทานนะคะ”
“อย่าเลยค่ะแม่..เดี๋ยวมื้อนี้น้าอิงจะเป็นเจ้ามือ พาทุกคนไปเลี้ยงฉลองสำหรับบ้านใหม่ และชีวิตใหม่ของพวกเราดีมั้ยคะ”
“เย้ ๆ ดีค่ะน้าอิง”
“จะดีเหรอยัยอิง..หนูใช้เงินเก็บที่มีอยู่ไปเยอะแล้วนะ ไหนจะค่าเดินทาง ค่าขนย้ายของ และยังจะมีค่าดาวส์บ้านหลังใหม่หลังนี้อีกด้วย”
“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะคะแม่..ตอนนี้อิงยังพอมีเงินเก็บอยู่อีกก้อนค่ะ มันยังพอให้เราสี่คนอยู่กันได้อย่างสบาย ๆ ไปอีกสักระยะเลยค่ะ และอีกอย่างตอนนี้อิงก็ยื่นใบสมัครเป็นครูที่โรงเรียนอนุบาลในเมืองมาแล้วด้วย รอแค่เขาตอบรับมาก็เท่านั้นค่ะ”
“แต่แม่..”
“ไม่มีแต่แล้วค่ะแม่..ไปกันเถอะค่ะ เราออกไปหาอะไรอร่อย ๆ กินกันดีกว่านะคะ ตอนนี้แพรไหมเองก็คงจะหิวมาก ๆ แล้วด้วย จริงมั้ยคะหนูแพรไหม”
“จริงค่ะ..น้าอิงคนสวย และใจดีที่สุดในโลก”
“ช่างพูดนะเรา..งั้นเราไปกันเลยดีกว่าค่ะ”
ทุกคนต่างพากันยิ้มให้กับความน่ารัก และช่างพูดประจบเอาใจของหนูแพรไหม เด็กน้อยที่เป็นขวัญใจของทุกคนภายในบ้าน ก่อนที่ทั้งสี่คนจะพากันออกไปหาร้านอาหาร เพื่อทานอาหารเย็นนอกบ้านด้วยกันเป็นครั้งแรก หลังจากที่ได้ย้ายมาอยู่ในสถานที่แห่งใหม่ แห่งนี้
“เอ่อ..คุณลุงคะ ทำไมร้านอาหารมันถึงได้อยู่ไกลขนาดนี้ล่ะคะ..นี่ฉันกับครอบครัวนั่งรถของคุณลุงมาเกือบหนึ่งชั่วโมงแล้วนะคะ” น้ำอิงหันไปถามคนขับรถที่เธอจ้างให้พามาส่งที่ร้านอาหารด้วยความสงสัย เพราะตอนนี้เธอกับครอบครัวได้นั่งรถมาเกือบหนึ่งชั่วโมงแล้ว แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะมาถึงร้านอาหารเลยสักนิด และตอนนี้แพรไหมหลานสาวของเธอก็เริ่มจะงอแงเพราะความหิวแล้วด้วย
“แถวนี้ไม่มีร้านอาหารหรอกยัยหนู..ถ้าจะทานข้าวที่ร้านอาหารก็ต้องนั่งรถเข้าเมืองเกือบห้าสิบกิโลโน้นแน่ะ รออีกหน่อยนะ นี่ก็ใกล้จะถึงแล้ว”
“ถ้าร้านอาหารจะอยู่ไกลขนาดนี้ พี่ว่าต่อไปเรามาเปิดร้านอาหารกันซะเองเลยดีมั้ยยัยอิง” พิงกันที่คิดอะไรดี ๆ ขึ้นมาได้รีบเอ่ยถามความคิดเห็นกับน้องสาวของเธอออกมาทันที
“เป็นความคิดที่ดีมาก ๆ เลยค่ะพี่กัน แม่ครัวใหญ่ผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารของเราก็มีแล้วคือคุณแม่ครัวพิสมัย ส่วนพี่กันก็รับหน้าที่เป็นผู้จัดการคอยดูแลเรื่องขนมหวาน และเครื่องดื่ม”
“หนูแพรจะเป็นเด็กเสิร์ฟให้คุณแม่ และคุณยายเองค่ะ”
“เก่งมากค่ะหลานสาวของน้า”
“นี่เราสองคนไม่ได้พูดเล่นใช่มั้ย ยัยกัน ยัยอิง”
“ตอนนี้ทุกอย่างขึ้นอยู่ที่คุณแม่แล้วล่ะค่ะ ว่าจะเห็นด้วยกับความคิดของอิง และพี่กันหรือเปล่า”
“แม่เห็นด้วย..เพราะแม่เองก็ชอบทำอาหาร และแม่ก็ไม่อยากอยู่ว่าง ๆ ให้ลูก ๆ คอยเลี้ยงดูเป็นภาระของลูกอีกแล้ว ถ้าแม่พอจะช่วยอะไรลูก ๆ ทั้งสองคนได้ แม่เองก็ยินดีช่วย”
“อิงดีใจที่สุดเลยค่ะแม่..อิงหวังว่าต่อไปนี้เราจะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่กันแบบจริง ๆ ซะทีนะคะ”
“สู้ไปด้วยกันอีกสักตั้งนะลูก” คุณพิศมัยยิ้มให้กำลังใจบุตรสาวของท่านทั้งสองคน ก่อนที่ทั้งสี่คนจะเดินทางไปทานอาหารเย็นที่เกือบจะกลายเป็นอาหารค่ำด้วยกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในตัวเมืองของจังหวัดเชียงใหม่แห่งนี้ด้วยกันอย่างมีความสุขกับการที่จะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ของทุกคน