หลังจากที่ไกรสรหันมาต่อว่าพวงพยอมอย่างไม่ไว้หน้า ปาริชาติก็รีบเดินหลบฉากเข้าไปในครัว เธอไม่อยากเป็นต้นเหตุของความบาดหมาง และไม่อยากได้ยินคำพูดร้าย ๆ อีกแล้ว เมื่อเข้าไปถึงในครัว ป้าหน่อยก็มองเธอด้วยสายตาที่สงสารปนเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรนะคุณหนู” ป้าหน่อยรีบเข้ามาปลอบใจ “อย่าไปสนใจเลย”
ปาริชาติพยักหน้าเบา ๆ แต่ในใจกลับไม่เป็นไปตามนั้น คำว่า “เด็กนอกคอก” และท่าทีของพยอมทำให้เธอรู้สึกราวกับเป็นตัวประหลาดในบ้านหลังนี้ ลูกตาลที่ตามเข้ามาในครัวก็แอบกระซิบกระซาบกับคนอื่น ๆ อย่างออกรสออกชาติ
“เห็นไหมล่ะ” ลูกตาลพูดด้วยเสียงที่ดังพอให้ปาริชาติได้ยิน “ขนาดคุณมณีที่เป็นตัวจริงยังไม่ยอมรับ นับประสาอะไรกับพวกเรา”
ปาริชาติเม้มปากแน่น พยายามกลั้นน้ำตาที่กำลังจะไหลออกมา เธอรู้สึกเหมือนถูกตอกย้ำให้รู้ว่าสถานะของเธอมันช่างไร้ค่าเพียงใด เธอคิดว่าเธอกำลังเป็นตัวถ่วงให้กับไกรสรหรือไม่ที่เธอตัดสินใจมาในครั้งนี้ทำให้เธอนึกถึงป้าแม้นและอยากจะกลับไปใช้ชีวิตอย่างเดิม
ไกรสรเดินเข้ามาในครัวด้วยสีหน้าเคร่งเครียดทันที เขาเห็นปาริชาติที่กำลังก้มหน้าก้มตาเงียบ ๆ และลูกตาลที่กำลังซุบซิบกับคนอื่น ๆ ก็รู้ได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
“ถ้ายังทำงานไม่เสร็จก็กลับไปทำงานซะ!”
ไกรสรเอ่ยเสียงดัง ลูกตาลถึงกับสะดุ้งสุดตัวและรีบเดินหายไปทันที ไกรสรหันมามองปาริชาติด้วยสายตาที่อ่อนโยน
“อย่าไปใส่ใจคำพูดของใครเลยนะ”
ปาริชาติเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยความสับสนในแววตา “หนู… หนูไม่เข้าใจค่ะ”
ไกรสรนิ่งไปชั่วครู่ เขามองเข้าไปในดวงตาที่บริสุทธิ์ของเด็กหญิงตรงหน้าอย่างลึกซึ้ง “บางครั้งคนเราก็มีอดีตที่อยากลืม และบางครั้งอดีตก็กลับมาทำร้ายเราได้”
คำพูดของไกรสรไม่ได้ช่วยให้ปาริชาติเข้าใจอะไรมากขึ้น แต่กลับยิ่งทำให้เธอรู้สึกว่าระหว่างเธอกับเขานั้น มีความลับบางอย่างที่ถูกซ่อนไว้ และความลับนั้นก็เป็นต้นเหตุของความเจ็บปวดที่เธอกำลังเผชิญอยู่
เมื่อถึงยามค่ำคืน ไกรสรเดินเข้ามาในห้องของปาริชาติอย่างเงียบ ๆ เขาเห็นเธอนอนตะแคงหันหลังให้ เขาเดินไปนั่งข้างเตียงและใช้มือลูบเส้นผมของเธอเบา ๆ
“เรื่องในวันนี้… ฉันต้องขอโทษด้วย” ไกรสรเอ่ยเสียงแผ่ว “ที่ทำให้เธอต้องเจอกับเรื่องแบบนี้”
ปาริชาติพลิกตัวกลับมาเผชิญหน้ากับเขา ดวงตาของเธอแดงก่ำ "แค่ท่านเศรษฐีใจดีเมตตาปาริชาติก็มากเกินพอแล้วจ้ะ"ปาริชาติพูดจบเธอก็กอดเศรษฐีเอาไว้แน่นเหมือนกลัวว่าจะเป็นเพียงความฝันใบหน้าที่ดูเย็นชานี้แต่การกระทำแฝงไปด้วยความอ่อนโยน
"เด็กดีของฉัน เอาไว้พรุ่งนี้ฉันจะพาเธอไปดูโรงเรียนนะ" เศรษฐีไกรสรตั้งแต่วันแรกที่ปาริชาติก้าวเข้ามาในชีวิตของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงเขารู้สึกอยากจะดูแลปาริชาติให้ดีที่สุด และตลอดสัปดาห์รวมถึงวันและเวลานี้เขาก็ยังคงขึ้นมานอนกับปาริชาติและให้อ้อมกอดที่อบอุ่นกับเธอเสมอ
ไกรสรกอดตอบปาริชาติอย่างแนบแน่น กลิ่นหอมจาง ๆ ของแป้งเด็กจากตัวเธอทำให้เขารู้สึกสงบอย่างประหลาด เขาไม่รู้ว่าทำไมถึงอยากจะปกป้องเด็กคนนี้ขนาดนี้ ทั้งที่รู้จักกันได้ไม่นาน แต่ความรู้สึกที่เกิดขึ้นนั้นมันจริงแท้เสียจนเขาไม่อยากจะปฏิเสธมัน
เธอต้องเป็นเด็กดีของฉันและเชื่อฟังฉันนะปาริชาติเศรษฐีใช้มือลูกไปที่ปล่อยผมของปาริชาติเขาเห็นปาริชาติหลับตาพริ้ม
"พี่ตะวัน ปาริชาติคิดถึงพี่ตะวัน"คำพูดพูดละเมอออกมาอย่างไม่รู้ตัว ไกรสรไล้มือไปตามกรอบหน้าของเธออย่างแผ่วเบา เขารู้สึกหวงแหนปาริชาติแล้วใครกันที่ชื่อตะวัน
“มันเป็นใครกันแน่…คนที่อยู่ในใจเธอ” ไกรสรพึมพำกับตัวเอง เขารู้สึกถึงความเชื่อมโยงบางอย่างที่ยากจะอธิบายได้ เขาตัดสินใจจะขุดคุ้ยความจริงของเด็กคนนี้ และเขาก็เชื่อว่าความจริงที่กำลังจะได้รับรู้นั้นมันคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
เช้าวันต่อมา โรงเรียนนานาชาติชื่อดังที่ไกรสรพาปาริชาติมาดูในวันนี้ ดูหรูหราอลังการเสียจนปาริชาติไม่กล้าก้าวขาเข้าไป เธอคิดว่าที่นี่คงมีแต่เด็กที่มีฐานะร่ำรวยและมีหน้ามีตาในสังคม ส่วนเธอเป็นแค่เด็กนอกคอกที่คงไม่มีใครยอมรับ
“กลัวอะไรกัน” ไกรสรจับมือปาริชาติไว้แน่น “ฉันอยู่ตรงนี้ทั้งคน”
ปาริชาติหันไปมองเขา เธอเห็นความตั้งใจจริงในดวงตาของเขาและยอมเดินตามไปแต่โดยดี หลังจากที่ไกรสรจัดการเรื่องเอกสารต่าง ๆ เรียบร้อยแล้ว เขาก็พาทัวร์ดูรอบ ๆ โรงเรียนจนครบ
“ที่นี่คงจะดีมาก ๆ เลยสินะคะ” ปาริชาติเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ แต่แววตากลับส่องประกาย ไกรสรหันมามองและส่งยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน
“ใช่ ที่นี่จะทำให้เธอมีความรู้มากขึ้น มีเพื่อนมากขึ้น และเธอจะได้ใช้ชีวิตเป็นของตัวเองอย่างที่ควรจะเป็น”
“แต่ว่า... หนูคงจะไม่มีเพื่อนเหมือนที่ท่านเศรษฐีว่าหรอกค่ะ” ปาริชาติตอบด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย “หนูเป็นเด็กนอกคอก ไม่มีใครอยากจะคบหาด้วย”
คำพูดของปาริชาติทำให้ไกรสรชะงักไปชั่วครู่ เขามองเข้าไปในดวงตาที่เศร้าหมองของเธอ และความรู้สึกบางอย่างก็แล่นเข้ามาในหัวของเขาอย่างรวดเร็ว
“เธอไม่ได้เป็นเด็กนอกคอก” ไกรสรพูดด้วยน้ำเสียงที่เด็ดขาด “อย่าไปฟังคำพูดของใครทั้งนั้น ฟังฉันคนเดียว”
“ท่านเศรษฐีหมายความว่ายังไงคะ”
ไกรสรนิ่งไปชั่วครู่ เขาไม่รู้ว่าจะตอบคำถามของปาริชาติอย่างไรดี เพราะเขาก็ไม่แน่ใจในสิ่งที่ตัวเองกำลังจะทำ เขารู้เพียงแค่ว่าไม่สามารถปล่อยเด็กคนนี้ไปจากชีวิตได้อีกแล้ว
“เธอต้องเชื่อฉันปาริชาติ ฉันจะไม่มีวันทิ้งเธอไปไหน”เศรษฐีไกรสรที่เห็นใบหน้าหมองเศร้าของปาริชาติเขาก็อดเป็นห่วงสภาพจิตใจของเธอไม่ได้เขาจึงเอ่ยปากให้กำลังใจ
ไปเถอะฉันจะมารับมาส่งเธอทุกวันเองนับจากวันนั้นเศรษฐีไกรสรไปโรงเลื่อยและเป็นคนมารับมาส่งปาริชาติเข้าโรงเรียนทุกวัน
เย็นวันนี้เศรษฐีได้มารับปาริชาติด้วยตัวของเขาเองโดยมีคนขับรถขับมาให้เขาคนนี้เป็นทั้งมือปืนและคนขับรถในเวลาเดียวกันในสมัยนั้นมักจะจ้างมือปืนหรือมือดีมาคอยดูแลในเรื่องความปลอดภัยหากเป็นสมัยนี้คงเรียกว่าบอดี้การ์ด
นายครับคุณหนูปาริชาติกำลังออกมาแล้วครับเสียงของไอ้เข้มหันมาพูดกับผู้เป็นนายอย่างไกรสรที่กำลังนั่งดูตารางรายรับจากสมุดบัญชีในปีพ.ศ 2534 สมัยนั้นความทันสมัยยังไม่ได้เข้ามามากมายนัก
"อืมขอบใจมากไอ้เข้ม"
ไกรสรหยุดการทำงานทุกอย่างแล้วหันไปมองตามที่ลูกสมุนคู่ใจได้บอกเขาว่าปาริชาติกำลังเดินออกมาปาริชาติปรับตัวได้เร็วและมีเพื่อนสนิทเพิ่มขึ้นภายในเวลาหนึ่งเดือนเขารู้สึกว่าปาริชาติเป็นเด็กร่าเริงสดใสยังไงใครๆก็ต้องหลงรักเธอเหมือนเขาแน่นอน...