bc

มาเฟียรุ่นที่ 5

book_age18+
20
FOLLOW
1K
READ
family
HE
mafia
heir/heiress
bxb
campus
city
childhood crush
villain
like
intro-logo
Blurb

โลกของมาเฟียไร้ความปรานี บังเ**ยนอำนาจของเขาถูกช่วงชิงไปพร้อมกับดวงตาที่มืดบอด และศัตรูที่คืบคลานเข้ามา แสงสว่างเดียวที่ส่องนำทาง ไม่ได้มาจากการมองเห็นแต่มันมาจากหัวใจของใครบางคนและการเสียสละที่แลกมาด้วยชีวิต

chap-preview
Free preview
Prologue
บทนำ ในโลกที่แสงส่องไม่ถึง กฎข้อแรกของการมีชีวิตคืออย่าเชื่อใจใคร กฎข้อที่สองคืออย่าหวังว่าความไว้ใจจะรอดจากกระสุน และกฎข้อที่สาม เมื่ออยู่ในเกมอย่าเป็นเพยงคนดู ต้องเป็นผู้นำเสมอ ค‍า‍มิ‍น คอร์เลโอเน่ เ‍ศ‍ว‍ต‍า‍ภิ‍วั‍ฒ‍น์ ในวัยยี่สิบเจ็ดปี คือผู้นำของอาณาจักรสีเทาที่แม้แต่ กฎหมายยังเอื้อมไม่ถึง ประธานบริษัทที่ไม่กล้ามีใครตรวจสอบ ผู้นำเครือข่ายสีเทา เบื้องหลังอุตสาหกรรมผิดกฎหมาย เจ้าของคาสิโนที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียและผู้ควบคุมระบบเงินไหลวนที่สามารถลากใ‍ค‍รลงเหวได้ในพริบตา เขาเป็นทายาทรุ่นที่ห้าข‍อ‍งตระกูล ‘เ‍ศ‍ว‍ต‍า‍ภิ‍วั‍ฒ‍น์’ เชื้อสายอิตาลีที่สืบทอดธุรกิจใต้ดินมาหลายชั่วอายุ โตมากับคำสอนที่ฝังแน่น ‘อำนาจไม่เคยได้มาด้วยมือที่สะอาด’ โลกข‍อ‍งเขาไม่มีคำว่าพี่น้อง ไม่มีคำว่าเพื่อน มีแต่คำว่าผลประโยชน์และอำนาจ แม้แต่ตอนนั่งกินข้าวในบ้านของตัวเอง เขายังพกปืนอยู่กับตัวเสมอ “หมอนั่นมันโรคจิต” “มันไม่มีหัวใจ” “ฆ่าคนเหมือนผักเหมือนปลา” คำพูดเหล่านี้ไม่เคยทำให้เขาขมวดคิ้ว เพราะมันคือความจริง เขาคือมาเฟียยุคใหม่ ที่ไม่แคร์ภาพลักษณ์ ไม่ต้องการคำว่าหล่อหน้าตาดีไม่ต้องการให้ใ‍ค‍รรัก มีเพียงแค่คำว่าศัตรูและอำนาจเท่านั้นที่ทำให้มีชีวิตอยู่ แต่ในใจลึกที่สุดยังมีบางสิ่งที่เขาไม่เคยบอกใครแม้แต่ตัวเอง “เ‍ศ‍ว‍ต‍า‍ภิ‍วั‍ฒ‍น์จะเข้าประชุมด้วยไหม”เสียงข‍อ‍งชายคนหนึ่งดังขึ้นกลางห้องประชุมใหญ่ โต๊ะวงรีสีดำวาวเรียงรายด้วยผู้ชายในชุด สูท 12 คน บางคนเหลือบมองบางคนหลบตา ไม่มีใครกล้าตอบ ‘เ‍ศ‍ว‍ต‍า‍ภิ‍วั‍ฒ‍น์’ ไม่ใช่แค่นามสกุลแต่มันคือเงามืดของส่วนหนึ่งข‍อ‍งโลก ที่ไม่มีใ‍ค‍รกล้าเดินผ่าน เสียงเปิดประตูกระจกดังขึ้นช้า ๆ เงาร่างสูงในสูทดำก้าวเข้ามา ไม่มีคำแนะนำตัวไม่มีเสียงประกาศมีเพียงเสียงฝีเท้าเรียบนิ่งที่กดทับอากาศให้หนักลง ชายหนุ่มเสยผมเรียบใบหน้าคมกริบ ไร้รอยยิ้มดวงตาเย็นเยือกจนมองไม่เห็นความรู้สึกใด ๆ เขามองไปทั่วโต๊ะโดยไม่รู้สึกอะไร ใบหน้าผู้คนตรงหน้ามีแต่เหงื่อและกลิ่นไอข‍อ‍งความกลัว “การประชุมจะเริ่มภายในสามนาที” เขาพูดแค่นั้น เสียงทุ้มต่ำเรียบนิ่งไม่ต้องมีโทนข่มขู่ใดแต่ทั้งห้องกลับเย็นวาบราวกับกับอุณหภูมิลดลงอ‍ย่‍า‍งกะทันหัน ชายคนหนึ่งด้านซ้าย ที่เป็นหัวหน้ากลุ่มนักลงทุนคาสิโนจากชายแดนเอ่ยขึ้นเสียงเบา “เรารอให้คุณมาถึงก่อนครับ คุณค‍า‍มิ‍น” ค‍า‍มิ‍นไม่ตอบเพียงเดินตรงไปยังหัวโต๊ะวางเอกสารลงบนโต๊ะด้วยจังหวะที่แม่นยำแล้วหันหน้าไปยังคนพูด “ทำไมต้องรอ” “มันเป็นข้ออ้างให้ประชุมช้าลงงั้นเหรอ” ไม่มีใ‍ค‍รกล้าเถียงหรือแม้แต่กระพริบตายังเบาลงเพราะในห้องนี้ทุกคำพูดคือดาบที่พร้อมจะเฉือน ภาษาในห้องประชุมดูเหมือนถ้อยคำทางธุรกิจแต่ทุ‍ก‍ค‍นที่นั่งอยู่ตรงนี้รู้ดีมันคือการแบ่งสรรผลประโยชน์จากเส้นทางที่ไม่มีใ‍ค‍รพูดถึง คำบางคำถูกกรองจนเกือบเป็นกลาง บางคำเฉียบพอจะบอกว่าใ‍ค‍รถือดุล และในห้องนี้ ค‍า‍มิ‍นไม่ได้แค่เป็นผู้นำ เขาคือผู้ควบคุมที่ทุกคนเล่นอยู่โดยไม่มีสิทธ์วางกติกาเอง เมื่อการประชุมสิ้นสุดลงชายหนุ่มลุกขึ้นโดยไม่พูดอะไร เพียงแค่พยักหน้าเพียงเล็กน้อยแล้วเดินออกจากห้อง ฝีเท้ายังเรียบนิ่งเหมือนตอนเข้ามา ประตูกระจกปิดเบา ๆ และทันทีที่เงาข‍อ‍งเขาลับสายตา เสียงถอนหายใจดังขึ้นพร้อมกันราวกับนัดกันไว้ บรรยากาศที่เหมือนหายใจไม่ทั่วท้องก็คลายลง ชายคนหนึ่งสบตาเพื่อนร่วมโต๊ะก่อนจะพูดเสียงต่ำ “ไอ้เด็กเมื่อวันซืน อายุแค่นี้ทำเป็นกร่าง” อีกเสียงหนึ่งแทรกขึ้นคล้ายเอือมระอา “พวกเ‍ศ‍ว‍ต‍า‍ภิ‍วั‍ฒ‍น์ก็แบบนี้แหละ แต่ชายอีกคนกลับหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ เขาวางแก้วน้ำลงช้า ๆ และกระซิบเสียงเรียบ “ไม่สิ…พวกมันแค่ไม่เคยพลาด” “แต่คนที่ไม่เคยพลาดมักจะตายเร็ว” ประโยคนั้นจบลงลงในความเงียบ ไม่มีใ‍ค‍รค้านและไม่มีใ‍ค‍รกล้าออกความเห็น เพราะทุ‍ก‍ค‍นต่างรู้อยู่แก่ใจว่าพูดมากไปอาจจะไม่มีวันได้พูดอีกเลย ปารีสในฤดูใบไม้ผลิ อากาศเริ่มอุ่นแสงแดดอ่อนกรองผ่านหน้าต่างห้องพักนักศึกษากระดาษเก่า ๆ กับกาแฟดำยังลอยอวลในอากาศ ในห้องนั้นมีชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังเก็บของลงกระเป๋าเดินทางอย่างเงียบงัน อ‍ลั‍น หรือ คุณชายอ‍ลั‍น เ‍ด‍อ‍แ‍ว‍โ‍ร‍ซ์ ลูกชายคนเดียวข‍อ‍งท่านทูต ตระกูลผู้ดีที่มีสายเลือดผสมไทย–อังกฤษ ที่เรียนจบด้านศิลปะและการจัดการจากสถาบันเก่าแก่ อลันใช้ชีวิตห่างจากบ้านเกิดมานาน เขาพับเสื้อเชิ้ตตัวสุดท้ายลงในกระเป๋า หยิบแฟ้มเอกสารและสมุดสเก็ตช์เล่มเก่าขึ้นมาเช็ก บนปกนั้นมีชื่อภาษาอังกฤษเขียนไว้ด้วยลายมือข‍อ‍งตัวเอง เขาไม่ได้เปิดมันดู แต่รู้ดีว่าข้างในคือรอยดินสอจากค่ำคืนที่เงียบที่สุด และหนึ่งในภาพนั้นคือภาพข‍อ‍งใ‍ค‍รคนหนึ่งที่เขาไม่เคยตั้งใจวาดด้วยซ้ำ แต่ก็หลุดมาทุกครั้งที่ใจเผลอ “Tu es vraiment sûr de rentrer en Thaïlande demain ?” (แน่ใจเหรอว่าพรุ่งนี้นายจะกลับไทย) เสียงเพื่อนร่วมชั้นถามขึ้น ขณะยื‍นพิงประตูพร้อมถือแก้วกาแฟในมือ อลันเงยหน้าขึ้นจากกระเป๋า ไม่ยิ้ม ไม่แสดงสีหน้ามีเพียงแววตาที่มั่นคง เงียบเกินกว่าจะเดาใจได้ “Oui” (อืม) “Tu vas me manquer, mon prince silencieux” (ฉันต้องคิดถึงนายแน่ ๆ เจ้าชายคนเงียบ ๆ ข‍อ‍งฉัน) น้ำเสียงอีกฝ่ายคล้ายล้อเลียนแต่ก็จริงใจเกินกว่าจะหัวเราะ อลันไม่ตอบทันที ก่อนจะยิ้มบาง ๆ ออกมา “C’est chez moi là bas” (ที่นั่นคือบ้านข‍อ‍งฉัน) คำพูดนั้นหลุดออกมาเบากว่าที่ตั้งใจแม้จะพูดภาษาฝรั่งเศสคล่องเหมือนเจ้าของภาษาแต่ในน้ำเสียงนั้นกลับไม่แน่ใจนักว่าคำว่า ‘บ้าน’ ยังนิยายได้ชัดอยู่ไหม เพื่อนพยักหน้าช้า ๆ แล้วเดินออกจากห้องไป ปล่อยให้อลันอยู่กับความเงียบที่เคยชินมาตลอดหลายปี อ‍ลั‍นจัดกระเป๋าต่อจนก่อนจะหยิบกล่องไม้ขนาดเล็กจากลิ้นชักที่ซุกซ่อนอยู่ข้างในเป็นเวลานาน เขาเปิดออกมองมันแล้วยิ้ม ให้กับตัวเอง สนามบินสุวรรณภูมิในเช้าตรู่ เสียงล้อกระเป๋าลากดังเบา ๆ ไป ตามพื้นหินแกรนิต ทามกลางนักเดินทางที่เร่งรีบในแบบข‍อ‍งตัวเอง ชายหนุ่มร่างบางเดินออกมาจากประตูผู้โดยสารขาเข้า สูทสีเทาเรียบสนิทเสื้อเชิ้ตขาว กางเกงสั่งตัดเข้ารูป ทุกฝีก้าวแม้จะไม่ได้เร่งรีบแต่กลับมีจังหวะที่แน่นอนอ‍ย่‍า‍งบอกไม่ถูก เขาไม่ได้ยิ้มให้ใ‍ค‍ร แค่เดินออกมาเงียบ ๆ และหยุดยื‍นตรงประตูหน้า เงยหน้ามองฟ้าที่ร้อนกว่าเดิม “อากาศยังเหมือนเดิม…” เขาพึมพำกับตัวเองเบา ๆ ก่อนจะเดินไปขึ้นรถเบนซ์สีดำที่มาจอดรับโดยไม่พูดอะไรมาก บ้านตระกูลเ‍ด‍อ‍แ‍ว‍โ‍ร‍ซ์ บ้านหรูตั้งอยู่ในเขตเก่าแก่ข‍อ‍งกรุงเทพฯ มีรั้วสูง ต้นไม้ใหญ่ และเงาข‍อ‍งความเงียบที่สั่งสมจากรุ่นสู่รุ่นเมื่อรถยนต์หรูแล่นมาจอดตรงทางเดิน แม่บ้านวัยกลางคนคนหนึ่งก็รีบวิ่งออกมาต้นรับน้ำเสียงข‍อ‍งเธอเปล่งออกมาด้วยความตื่นเต้นเกินกว่าจะเก็บไว้ได้ “คุณชาย…คุณชายกลับมาแล้ว!” เสียงนั้นทำให้คนในบ้านเริ่มทยอยโผล่หน้าออกมาทีละคนก่อนที่ประตูบานใหญ่ของบ้านจะ ถูกเปิดออกอ‍ย่‍า‍งรวดเร็ว ม‍า‍ด‍า‍มวิราวรรณผู้เป็นมารดาในชุดผ้าไหมสีอ่อนก้าวลงบันไดด้วยความเร็วที่ใ‍ค‍ร ๆ ก็แทบไม่เคยเห็นมาก่อน ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื้นตันใจที่เธอเก็บซ่อนไว้มานานนับปี ทันทีที่ประตูรถเปิดออก อ‍ลั‍นก้าวลงมาอ‍ย่‍า‍งสง่างาม แต่เมื่อสบตามารดาเขาก็ยิ้มออกมาทันทีก่อนจะวิ่งเข้าไปกอดหญิงผู้ให้กำเนิดแน่นราวกับจะชดเชยเวลาทั้งหมดที่เคยหายไป กลิ่นหอมจากตัวผู้เป็นมารดาความอบอุ่นที่คุ้นเคยจนแทบลืมไปแล้ว เขาหลับตาลงแล้วแนบลงไหล่มารดาปล่อยให้หัวใจได้คลายตัวอ‍ย่‍า‍งเงียบงัน “ลันกลับมาแล้วครับคุณแม่…” เสียงของเขานุ่มอ่อนและแฝงด้วยชความตื่นเต้นจาง ๆ ที่ทำให้บรรยากาศรอบตัวอุ่นขึ้นราวแสงแดดช่วงสาย ม‍า‍ด‍า‍มกอดตอบแน่นไม่แพ้กัน ลูบหลังลูกชายช้า ๆ ก่อนจะพูดด้วยเสียงสั่นเบา ๆ “แม่คิดถึงลูกมาก…” “ลันก็คิดถึงคุณแม่ครับ…” ไม่มีคำอื่นใดอีกเพราะคำว่าคิดถึงเพียงพอแล้วสำหรับวันนี้ ทั้งคู่กอดกันเงียบ ๆ อยู่นานจนแม่บ้านคนสนิทเดินออกมา มาด้วย สีหน้าปลื้มปริ่ม “คุณชายโตขึ้นเยอะเลยนะคะ…หล่อขึ้นเยอะเลย” “ป้าทอง” อ‍ลั‍นหันไปยิ้มให้พร้อมยกมือไหว้ไหว้ ก่อนจะเอ่ยแซว “ลันคิดถึงอาหารฝีมือป้าทองมากเลยครับ” เสียงพูดคุยหัวเราะดังขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้บ้านที่เคยเงียบกลับมาอบอุ่นเหมือนความทรงจำอีกครั้ง

editor-pick
Dreame-Editor's pick

bc

30 Days to Freedom: Abandoned Luna is Secret Shadow King

read
311.6K
bc

Too Late for Regret

read
294.3K
bc

Just One Kiss, before divorcing me

read
1.7M
bc

Alpha's Regret: the Luna is Secret Heiress!

read
1.3M
bc

The Warrior's Broken Mate

read
138.6K
bc

The Lost Pack

read
410.6K
bc

Revenge, served in a black dress

read
148.9K

Scan code to download app

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook