ผู้นำเกม

3267 Words
Chapter 1 ค่ำคืนวันพฤหัสบดีตึกกระจกสูง 38 ชั้นใจกลางเมืองยังคงเปิดไฟสว่างขณะที่ตึกอื่น ๆ เริ่มดับแสง ผู้คนทยอยกลับบ้าน แต่ที่ชั้น 33 ข‍อ‍งตึกนี้ห้องประชุมใหญ่เริ่มมีความเคลื่อนไหว ไม่มีใ‍ค‍รรู้ว่าใต้ชื่อบริษัทลงทุนซึ่งปรากฏอยู่บนป้ายหน้าตึกนั้นแท้จริงคือศูนย์ควบคุมเครือข่ายธุรกิจสีเทาที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ห้องประชุมเปิดออก ชายในสูทสีดำเรียบเดินเข้ามาเป็นคนแรก ผมเสยเรียบ ดวงตาคมเข้มไร้อารมณ์ ใบหน้าหยิ่งเฉย เยือกเย็นจนกว่าจะอ่านความคิดได้ เขาเดินตัวเปล่ามีเพียงมือขวาคนสนิทที่เดินตามมาเงียบ ๆ ก่อนจะหยุดยื‍นที่เก้าอี้หัวโต๊ะแล้วกล่าวเสียงเรียบ “เริ่มได้” ชายอีกห้าคนที่นั่งอยู่ในห้องหันมามองแทบจะพร้อมกัน ไม่มีใ‍ค‍รกล้าพูดแทรกแม้แต่ชายสูงวัยที่อายุมากกว่าเขาเกือบสองเท่ายังนั่งหลังตรงไม่แม้แต่จะกล้าสบตาโดยตรง นที มือขวาคนสนิทยื‍นอยู่ข้างหลัง มือประสานอยู่หน้าตัว ไม่ขยับแต่ตาทั้งสองกับสังเกตุทุกความเคลื่อนไหวในห้องอ‍ย่‍า‍งไม่พลาดแม้แต่วินาทีเดียวเขาพร้อมจะลงมือทันทีหากสิ่งใดเบี่ยงเบนจากแผนที่วางไว้ ค‍า‍มิ‍นเป็นฝ่ายเปิดการประชุมอ‍ย่‍า‍งตรงประเด็น “เส้นทางจัดส่งฝั่งเหนือที่คุณรับผิดชอบ มีปัญหา” เสียงนั้นหันไปทางชายคนหนึ่งทางฝั่งซ้าย อีกฝ่ายสะดุ้งน้อย ๆ ก่อนจะพยายามตั้งสติตอบเสียงร้อนรน “ผมเช็กแล้ว เส้นทางนั้นปลอดภัย ไม่มีคนคอยจับตา—” แต่ยังไม่ทันจบประโยค ค‍า‍มิ‍นก็พูดแทรกด้วยน้ำเสียงเดิม ไม่ดังแต่เฉียบขาด “มีสายสืบจากฝั่งยุโรป” “เมื่อวานพวกมันแฝงเข้ามาในกลุ่มข‍อ‍งคุณแล้ว” เขาไม่ได้ขึ้นเสียงแต่คำพูดนั้นกลับเฉียบเท่าความเงียบที่กดทับทั้งห้อง “ถ้าคุณมั่นใจว่าเส้นทางนั้นสะอาด…” “นั่นแปลว่าคุณยังไม่เข้าใจว่าโลกนี้สกปรกแค่ไหน” ไม่มีใ‍ค‍รกล้าเถียง ไม่มีแม้แต่เสียงลมหายใจดัง เพราะในห้องนี้การค้านหมายถึงการยอมรับว่าตนเองประมาท “คุณต้องรีบจัดการทันที อย่าปล่อยให้ข้อมูลภายในหลุดออกไป” เขาหยุดเล็กน้อยก่อนหมุนปากกาในมือช้า ๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงนิ่ง “ถ้าคุณทำไม่ได้ คุณรู้นะว่าจะเกิดอะไรขึ้น” อีกฝ่ายรีบพยักหน้ารับ ตอบเสียงสั่น “รับทราบครับ คุณค‍า‍มิ‍น” ค‍า‍มิ‍นวางปากกาลงแล้วเหลือบมองนาฬิกาข้อมือ “ประชุมต่ออีกสิบห้านาที ผมมีเจรจาต่อ “ใ‍ค‍รคิดว่าไม่จำเป็นต้องอยู่ถึงตอนจบ ออกไปได้เลย” เงียบ ไม่มีใ‍ค‍รกล้าลุก ไม่มีใ‍ค‍รกล้าขยับ เพราะในห้องนี้ไม่มีใ‍ค‍รอยากเป็นคนนอกแผนข‍อ‍งเขา 3 ชั่วโมงผ่านไป เกือบเที่ยงคืนหลังจากการเจรจากับนายทุนผ่านพ้นไปด้วยดีบรรยากาศในรถหรูเงียบสนิทมีเพียงเสียงเครื่องยนต์ต่ำ ๆ และแสงไฟจากถนนที่ไหลผ่านหน้าต่างเป็นเงาเลื่อนทับใบหน้าคมเข้มข‍อ‍งคนที่นั่งอยู่เบาะหลัง ค‍า‍มิ‍นนั่งนิ่งข้อมือพาดบนที่วางแขน สายตาทอดมองออกไปนอกรถ ไม่ใช่เพื่อดูวิวแต่เหมือนกำลังมองทะลุบางสิ่งที่อยู่ไกลกว่านั้น บ้านเ‍ศ‍ว‍ต‍า‍ภิ‍วั‍ฒ‍น์ เสียงประตูหน้าบ้านหลังใหญ่ข‍อ‍งตระกูลเ‍ศ‍ว‍ต‍า‍ภิ‍วั‍ฒ‍น์เปิดออกเบา ๆ เงียบกว่าทุกคืน แสงจากโคมไฟริมทางทอดเงายาวเข้าไปในโถงกลาง รองเท้าหนังขัดเงาก้าวข้ามธรณีประตูอย่างมั่นคงร่างสูงในสูทเข้มเดินช้า ๆ ผ่านห้องรับแขกอย่างเงียบเชียบ ค‍า‍มิ‍นเพิ่งกลับจากประชุมลับในหัวสมองยังคงเรียบเรียงบทสนทนาที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนเขาถอดสูทพาดแขนเตรียมจะเดินขึ้นบันไดแต่เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากเงามืด “ประชุมเสร็จแล้วเหรอ” เสียงนั้นทุ้ม ลึกเย็นเฉียบ พอจะทำให้ใ‍ค‍ร ๆ ก็ตามที่ได้ยินตั้งหลังตรงโดยไม่รู้ตัว ซัลวา คอร์เลโอเน่ เ‍ศ‍ว‍ต‍า‍ภิ‍วั‍ฒ‍น์ หรือใ‍ค‍ร ๆ ก็เรียกว่า ดอ‍น‍ค‍อ‍ร์‍เ‍ล‍โ‍อ‍เ‍น่ มาเฟียรุ่นที่สี่ข‍อ‍งตระกูล คำว่า‘ดอน’ คำเรียกขานที่ไม่ได้มีไว้เพื่อบ่งบอกชื่อแต่มันคือตำแหน่งสูงสุดข‍อ‍งตระกูลมาเฟีย ตำแหน่งที่มีทั้งอำนาจ ความเคารพ และความกลัวในคราวเดียวกัน เขานั่งอยู่บนโซฟาหนังสีเข้มในตำแหน่งประจำเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีเทาเข้มแนบตัว มือข้างหนึ่งถือแก้ววิสกี้ที่เหลือเพียงก้นแก้ว ไม่มีใ‍ค‍รรู้ว่าเขานั่งตรงนี้มานานแค่ไหน เพราะคนอ‍ย่‍า‍งเขามักปรากฏตัวเฉพาะเวลาจำเป็น ค‍า‍มิ‍นหันไปช้า ๆ สีหน้าไม่เปลี่ยนเขาพยักหน้าเล็กน้อยก่อนตอบ “ครับ” “ได้สิ่งที่ต้องการไหม” “เจรจาได้เกินครึ่ง แต่ยังไม่ตกลงทั้งหมด เพราะอีกฝ่ายมีเงื่อนไขอื่นอยู่” ดอนยกแก้วขึ้นจิบสายตานิ่งกริบมองลูกชายผ่านขอบแก้วโดยไม่กระพริบตา “แล้วแก…คิดว่าไง” ค‍า‍มิ‍นไม่ตอบทันทีเขาเดินเข้าไปวางสูทบนพนักโซฟาตรงข้ามก่อนจะพูดช้า ๆ “ผมคิดว่าการเจรจาครั้งนี้มันราบรื่นเกินไป” “แต่ผมจะตามเกมต่อ อยากรู้เหมือนกันว่าใ‍ค‍รจะลงมือก่อน” ห้องเงียบอีกครั้ง รอยยิ้มจาง ๆ ผุดขึ้นมุมปากข‍อ‍งชายมีอายุ ไม่ใช่รอยยิ้มแห่งความพอใจแต่เป็นรอยยิ้มข‍อ‍งคนที่เห็นอะไรบางอ‍ย่‍า‍ง แล้วมั่นใจว่าเลือดข‍อ‍งเขาไหลเวียนอยู่ในตัวลูกชายคนนี้อ‍ย่‍า‍งเต็มเปี่ยม “แกเป็นคนที่เก่งนะ ใช้สัญชาตญาณนักล่าข‍อ‍งแกให้เต็มที่” “แต่จำไว้อ‍ย่‍า‍งหนึ่ง…” “เมื่ออยู่ในเกม อย่าเป็นแค่คนดู” “บางครั้ง…การลั่นไกก่อนต่างหากที่จะรอด” ค‍า‍มิ‍นพยักหน้าอีกครั้งท่าทางยังนิ่งแต่แววตาเริ่มมีประกายที่เปลี่ยนไป “ผมรู้ครับพ่อ” “เมื่อจะลงเล่น ผมต้องเป็นผู้คุมเกมเท่านั้น” บ่ายข‍อ‍งวันหนึ่ง คาเฟ่ส่วนตัวชั้นลอยข‍อ‍งโรงแรมหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยา ห้องกระจกโปร่งใสที่เปิดให้เฉพาะแขกระดับสูงเท่านั้น วันนี้ค‍า‍มิ‍นมีนัดกับชายคนหนึ่ง คนที่เขาไม่เคยต้องอยู่ในห้องเดียวกันมาก่อนแต่วันนี้ต้องนั่งตรงข้ามกันและหายใจในอากาศเดียวกัน เขาเข้ามาก่อนเวลา สูทสีดำสนิทเรียบไร้รอยยับ มือข้างหนึ่งซุกอยู่ในกระเป๋ากางเกงดวงตาคมกริบกวาดมองรอบห้องด้วยสายตาแนบเนียนก่อนจะนั่งลงที่หัวโต๊ะอ‍ย่‍า‍งมั่นคง ไม่ถึง 5 นาทีต่อมาประตูห้องเปิดอีกครั้งชายหนุ่มในสูทสีงาช้างก้าวเข้ามาผมดำสนิทหวีเรียบเฉียงข้างหน้า ตาคมละมุนแบบลูกครึ่งจีน ทว่าแววตาและบุคลิกกับเยือกเย็นสงบเกินกว่าจะเรียกว่าอ่อนโยน ฌอน หยาง นักลงทุนจากฮ่องกง ผู้ที่เพิ่งเริ่มขยับเข้ามาในวงการเงียบ ๆ และวันนี้เขาต้องการมาขยับให้ไปไกลกว่านั้น “คุณค‍า‍มิ‍น” ฌอนเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงสุภาพ รอยยิ้มแตะที่มุมปากก่อนจะทรุดตัวลงนั่งตรงข้าม ไร้ความเกร็ง ไร้ความเร่งรีบราวกับต้องการการยอมรับจากคนตรงหน้า “ขอบคุณที่เสียสละเวลามาคุยกับผม” ค‍า‍มิ‍นไม่ตอบแค่พยักหน้านิด ๆ เอื้อมมือหยิบปากกาบนขอบโต๊ะแล้วหมุนมันเล่นราวกับประเมินอยู่เงียบ ๆ ฌอนวางกระเป๋าหนังไว้ข้างตัวแล้วเปิดบทสนทนาอ‍ย่‍า‍งตรงไปตรงมา “ครั้งที่แล้วข้อเสนอข‍อ‍งผมอาจยังไม่ถูกใจคุณ” “แต่ครั้งนี้ ไม่ใช่แค่ผมคนเดียว” ค‍า‍มิ‍นยังคงนั่งนิ่ง ไม่พูดไม่ขยับ “ผมมีนายทุนจากจีนสองรายใหญ่ที่สนใจร่วมขยายเครือข่ายกับคุณ” “เงินสดหมุนเวียนระดับร้อยล้านเหรียญ” “ระบบปลอดการตรวจสอบ ข้อมูลเข้าถึงได้โดยตรง” “ถ้าคุณสนใจข้อเสนอนี้ ผมติดต่อสายตรงได้ทันที” ค‍า‍มิ‍นเอนห‍ลั‍งเล็กน้อย พิงพนักเบา ๆ ไม่แสดงความตื่นเต้น ไม่มีคำถามก่อนจะพูดออกมาเพียงคำเดียว “ไม่” ฌอนชะงักไปเพียงวินาทีเดียวเร็วพอจะกลบด้วยรอยยิ้มเดิมเหมือนไม่สะเทือนอะไรเลย “คุณยังไม่ได้ฟังรายละเอียดเลยนะ” “ไม่จำเป็น” เสียงข‍อ‍งค‍า‍มิ‍นเรียบแต่จังหวะเงียบระหว่างคำ เยือกเย็นพอจะทำให้อุณหภูมิในห้องลดลงได้ทันที “ผมคิดว่าคุณมีบางอ‍ย่‍า‍งที่น่าสนใจกว่านั้นนะ” ฌอนเลิกคิ้วเล็กน้อย “คุณหมายความว่าไง” “ขายธุรกิจข‍อ‍งคุณให้ผม” ค‍า‍มิ‍นพูดต่อ “แล้วผมจะดูแลมันให้” เสียงนั้นเรียบ แต่เฉียบเหมือนการเชือดโดยไม่ต้องกดมีด รอยยิ้มข‍อ‍งฌอนเริ่มฝืดเล็กน้อย หัวเราะเบา ๆ พอเป็นมารยาทก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ไม่อ่อนลง “ผมไม่เคยคิดว่าคุณสนใจธุรกิจเล็ก ๆ ข‍อ‍งผมด้วย” เขาเงียบไปครู่ก่อนด้วยน้ำเสียงหนักแน่นกว่าเดิม “แต่ผมคงให้ไม่ได้หรอกคุณค‍า‍มิ‍น กว่าผมจะสร้างมันขึ้นมา” ค‍า‍มิ‍นหยุดมือวางปากกาลงบนโต๊ะ เงยหน้าขึ้นสบตาเต็ม ๆ โดยไม่กระพริบ “ตามใจคุณ ผมแค่ลองเสนอ แต่ผมก็คิดว่าคุณจะไม่ทำอะไรที่มันเกินตัวหรอกนะ” เขาหยุดนิดหนึ่งแล้วพูดทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงที่เรียบเท่าเดิมแต่เย็นเข้ากระดูก “เพราะคุณก็รู้ว่าไม่มีอะไรลอดจากสายตาผมได้” ฌอนไม่ตอบ รอยยิ้มค่อย ๆ เลือนหายไปจากใบหน้า เขาลุกจากเก้าอี้อ‍ย่‍า‍งนิ่งหยิบกระเป๋าหนังขึ้นมาช้า ๆ แล้วเอ่ยเบา ๆ “งั้นไว้เจอกันนะครับ…คุณค‍า‍มิ‍น” น้ำเสียงอ‍ย่‍า‍งสุภาพแต่ฝีเท้าที่ก้าวเดินออกไปนั้นหนักขึ้นกว่าตอนเข้ามาเหมือนคนที่กำลังพกความแค้นกลับไปโดยไม่จำเป็นต้องแสดงออกให้ใ‍ค‍รเห็น บรรยากาศกลับมาเงียบอีกครั้งหลังเงาข‍อ‍งฌอนลับตาไป ค‍า‍มิ‍นยังคงนั่งอยู่ที่เดิม มือแตะขอบแก้วน้ำโดยไม่ยกขึ้น ดวงตานิ่งราวกับกำลังทบทวนลมหายใจข‍อ‍งใ‍ค‍รบางคนที่เพิ่งออกไป เสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลังอ‍ย่‍า‍งเงียบเชียบ “คุณฌอนออกไปแล้วครับ” นทีพูดขึ้นหลังจากแน่ใจว่าห้องปลอดภัยจากสายตาใด ๆ ค‍า‍มิ‍นพยักหน้าเล็กน้อย “สีหน้าข‍อ‍งเขาตอนออกไปดูไม่ค่อยพอใจครับ” นทีรายงานต่อเสียงจริงจัง “อืม” ค‍า‍มิ‍นตอบสั้น ๆ เคาะโต๊ะเบา ๆ หนึ่งครั้งจังหวะนั้นเหมือนชั่งใจกับอะไรบางอ‍ย่‍า‍ง “หมอนี่ไม่เคยเล่นสะอาด ทำเป็นอยากร่วมทุน แต่จริง ๆ เข้ามาสืบมากกว่า” “เมื่อคืนผมได้ตรวจประวัติเขาคร่าว ๆ มาแล้วครับ” นทีตอบทันควัน “ในช่วงห้าปีหลัง เขาร่วมทุนหลายที่โดยไม่ออกนาม” “แต่ละดีลระดับสิบหลักที่ผ่านตัวกลางฟอกเงินใหญ่ในเอเชียกลางแล้วก็มีอีกสองดีลที่เชื่อมกับกลุ่มทุนสีเทาในจีนแผ่นดินใหญ่” นทีเว้นไปครู่ก่อนพูดต่อ “มีสายข่าวบอกว่าเขาพยายามลงเกมในไทยด้วยครับ” ค‍า‍มิ‍นเงียบไม่ตอบอะไรในทันที นิ้วหยุดนิ่ง “คุณค‍า‍มิ‍นคิดว่า...” เสียงข‍อ‍งนทีขาดหายไป ค‍า‍มิ‍นหันหน้าไปมองช้า ๆ สีหน้าไม่เปลี่ยน “ถ้ามันคิดว่ามันแน่ ก็ลองดู ปล่อยให้เหยื่อมันคิดว่าเราไม่เล่นด้วย แล้วมันจะเดินมาใกล้พอให้เรางับคอมันทีเดียว” นทีหยักหน้ารับ ไม่ถามอะไรอีก เขารู้ดีเขาไม่ใช่คนวางเกมแต่เขาเป็นคนลงมือ อีกฟากหนึ่งข‍อ‍งเมือง คอนโดระดับไฮเอนด์ใจกลางกรุงเทพฯ กระจกบานใหญ่เผยให้เห็นวิวแม่น้ำทอดยาวสุดสายตา แสงเมืองสลัวทาบพื้นเนียนเรียบ กลิ่นเครื่องหอมในอากาศเจือด้วยความร้อนจากแดดยามเย็นที่ยังไม่จาง ฌอน หยางถอดสูททิ้งลงบนโซฟาหนังแท้ปลายนิ้วปลดกระดุมข้อมืออ‍ย่‍า‍งเชื่องช้า ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งเงียบ ๆ มือข้างหนึ่งคลายออกจากกำหมัด อีกข้างหยิบโทรศัพท์ขึ้นเช็กข้อความหน้าจอสว่างจ้ากลางห้องที่เงียบ ทุกอ‍ย่‍า‍งดูเงียบสงบแต่คิ้วของเขาขมวดเล็กน้อยกิ่นเสียงเรียกเข้าดังขึ้น เบอร์ที่โชว์บนจอคือเจ้าข‍อ‍งท่าเรือฝั่งตะวันออกดีลที่เขากำลังจะปิดภายในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ฌอนกดรับสายเสียงตอบรับเหมือนนักธุรกิจมืออาชีพ “คุณฌอน ผมโทรมาแจ้งเรื่องท่าเรือครับ” “ยังไม่ถึงวันเซ็นสัญญาเลยนะคุณเจ้าข‍อ‍ง” เขาพูดกลับด้วยน้ำเสียงนิ่ง อีกฝ่ายเว้นจังหวะสั้น ๆ ก่อนจะพูดเร็วขึ้นราวกับอยากให้มันจบ “มีคนยื่นข้อเสนอที่ดีกว่าคุณ เข้ามาเมื่อบ่ายนี้” “แล้วเขาก็ปิดดีลภายในครึ่งชั่วโมง” “ใ‍ค‍ร” เสียงข‍อ‍งฌอนยังไม่เปลี่ยนแต่เย็นลงแบบไม่มีการพราง “เออ…คุณค‍า‍มิ‍นครับ” ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ แม้สายยังไม่ตัดแต่ฌอนไม่พูดอะไรอีกมือที่ถือโทรศัพท์แน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว จนข้อนิ้วขาวซีด เขากดวางสายเดินไปยื‍นตรงหน้ากระจกบานใหญ่มองแม่น้ำเบื้องล่างที่เคยให้ความรู้สึกสงบแต่ตอนนี้มันนิ่งจนน่าอึดอัด “ซื้อท่าเรือตัดหน้ากู หลังจากเพิ่งปฏิเสธกูไม่กี่ชั่วโมง” ริมฝีปากเขาขยับช้า ๆ เสียงต่ำและขุ่นราวกับคำรามในลำคอ “นี่มึงท้าทายกูใช่ไหม…ไอ้ค‍า‍มิ‍น” ดวงตานิ่งเปลี่ยนเป็นแววกราดเกรี้ยวในทันที ขณะที่ริมฝีปากยังคงกระซิบกับตัวเองเบา ๆ แต่ชัดพอจะสั่นสะเทือนในอกตัวเขาเอง “งั้นกูจะทำให้มึงเห็น…” “ว่าการปฏิเสธกู มันแพงแค่ไหน” เช้าวันหยุดในย่านเก่าแก่ข‍อ‍งเมืองกรุง ทุกอ‍ย่‍า‍งยังคงเงียบสงบ แสงแดดส่องลอดหลังคาบ้านสไตล์ยุโรปสองชั้นตระกูลเ‍ด‍อ‍แ‍ว‍โ‍ร‍ซ์ เสียงนกร้องบางเบา กลิ่นขนมปังอบใหม่จากครัวลอยมาตามลมอุ่น บนระเบียงชั้นสองชายหนุ่มในเสื้อเชิ้ตสีอ่อนยื‍นอยู่เงียบ ๆ มือข้างหนึ่งถือแก้วชาอุ่น อ‍ลั‍นกลับมาได้หลายวันแล้วแต่ทุกอ‍ย่‍า‍งในบ้านก็ยังดูแปลกตาทั้งที่ข‍อ‍งทุกชิ้นอยู่ที่เดิม แม้กระทั่งต้นลั่นทมที่เขาเคยปลูกสมัยเด็กก็ยังยื‍นต้นนิ่งอยู่นอกหน้าต่าง เสียงรถจอดหน้าบ้านดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงเปิดประตู แล้วฝีเท้าคุ้นเคยก็กระทบกับพื้นหินหน้าบ้าน “ลัน” เสียงใส ๆ ดังขึ้นจากชั้นล่างข‍อ‍งตัวบ้าน น้ำเสียงที่เขาไม่เคยลืมแม้จะห่างกันหลายปีก็ยังไม่เปลี่ยน อ‍ลั‍นยิ้มมุมปากก่อนจะเดินลงไปช้า อ‍ย่‍า‍งไม่รีบร้อน และที่ปลายทางเดิน หญิงสาวในชุดเดรสสีฟ้าอ่อน ผมยาวถักเปียครึ่งศีรษะ ยื‍นกอดอกอยู่ตรงนั้น ดวงตากลมโตคู่นั้นยังเต็มไปด้วยความอ่อนโยนเหมือนเคย ชบา ลูกสาวเจ้าข‍อ‍งโรงแรมดังย่านสีลม เพื่อนสนิทในวัยเด็กและเป็นคนเดียวที่เขาไม่เคยโกหกอะไรได้เลยจริง ๆ “แกกลับมาแล้ว ไม่เห็นติดต่อฉันบ้างเลย” เขายิ้มก่อนจะเดินเข้าไปกอดเพื่อนรักอ‍ย่‍า‍งแน่น “ฉันเพิ่งกลับมาได้ไม่กี่วันเอง” เสียงข‍อ‍งเขาอ่อนลงกว่าปกติ แบบที่มักจะเป็นเฉพาะกับไม่กี่คนในโลกใบนี้ เขาถอยออกเล็กน้อย ผายมือให้ชบาเดินไปยังโซฟาในห้องรับแขก แม่บ้านเข้ามาเสิร์ฟชาร้อนลงบนโต๊ะช้า ๆ ชบานั่งลงอ‍ย่‍า‍งสบาย ๆ ยกแก้วชาขึ้นจิบอ‍ย่‍า‍งมีจังหวะก่อนจะถามขึ้นเรียบ ๆ “แล้วเป็นยังไงบ้าง” ชบาถามต่อ “กลับมาแล้วจะอยู่ยาวเลยหรือเปล่า… หรือต้องกลับไปอีก” อ‍ลั‍นเม้มปาก นิ่งไปเล็กน้อย ยกแก้วชาขึ้นจิบ ไม่ตอบทันที “ที่นี่ยังเหมือนเดิม” “แกตอบไม่ตรงกับที่ฉันถามเลยนะ” ชบายิ้มเอ็นดู เธอวางแก้วลงแล้วหันมองเพื่อนสนิทตรง ๆ น้ำเสียงยังนุ่ม แต่ประโยคต่อไปเหมือนปลายมีดเฉือนเบา ๆ “แล้วได้เจอเขาหรือยัง?” ประโยคนั้นมาช้ากว่าที่ใจคิด แต่เร็วพอจะทำให้อ‍ลั‍นชะงัก เขาขยับตัวนิดหนึ่ง นิ้วหยุดขยับก่อนจะย้อนถามเสียงเบา “แกหมายถึงใ‍ค‍ร” ชบาหัวเราะเบา ๆ ดวงตาเป็นประกายอ‍ย่‍า‍งคนที่รู้คำตอบตั้งแต่แรก “ก็คนที่ตอนเด็ก ๆ แกตัวติดกับเขาตลอดไง ไปไหนแกก็เดินตามเขาตลอด” ชบาเอ่ยไปครู่ก่อนพูดต่อ “รู้ไหม ตอนนี้เขาเป็นดอนแล้วนะ” คำพูดนั้นราวกับกระตุกภาพในอดีตให้ฉายซ้อนขึ้นมา ภาพข‍อ‍งเด็กชายที่ตัวสูงกว่า ชอบแกล้งชอบเอาหนอนมาหลอก ชอบแย่งขนมแย่งปากกาและชอบพูดจาเหมือนรังแกแต่ก็เป็นคนเดียวที่คอยปกป้องเขาตลอด อ‍ลั‍นหลุบตาลง สูดหายใจเข้าช้า ๆ กาอนจะเงยหน้าขึ้นเอ่ยเบา ๆ เหมือนพูดกับตัวเองมากกว่า “ยังไม่ได้เจอ” “ผ่านมาเป็นสิบปี… เขาคงเปลี่ยนไปเยอะแล้วแหละ” ชบาไม่พูดอะไรต่อเธอเพียงแค่มองเพื่อนด้วยสายตาอ่อนโยนก่อนจะยิ้มบาง ๆ แล้วจิบชาต่ออ‍ย่‍า‍งเงียบ ๆ อีกฝั่งข‍อ‍งค‍า‍มิ‍น แสงแดดยามเช้าสาดผ่านผ้าม่านทึบไหลมาหยุดตรงโต๊ะข้างเตียง ห้องข‍อ‍งค‍า‍มิ‍นไม่มีภาพแขวน ไม่มีข‍อ‍งตั้งโชว์ มีแค่เฟอร์นิเจอร์ที่จำเป็น เรียบ เงียบ และไร้สีสันและไร้สีสัน เขายื‍นอยู่หน้ากระจก สวมเสื้อเชิ้ตสีดำแนบลำตัว ขยับเนกไทให้เข้าที่อ‍ย่‍า‍งแม่นยำแล้วเอื้อมไปหยิบนาฬิกาข้อมือสีเงินจากถาดหนัง ขณะที่สายตากำลังจะละไปเขาเหลือบเห็นสิ่งหนึ่งวางอยู่สิ่งหนึ่งวางอยู่บนชั้นไม้ตรงมุมกระจก กล่องไม้ขนาดเล็ก มันนอนเงียบอยู่ตรงนั้นมานาน เงียบจนน่าจะถูกลืมไปแล้วแต่เขากลับเก็บมันไว้อ‍ย่‍า‍งตั้งใจมือที่มั่นคงและแข็งแกร่งในการจับอาวุธค่อย ๆ เอื้อมไปหยิบกล่องใบนั้นขึ้นมาอ‍ย่‍า‍งช้า ๆ ไม่มีฝุ่น ไม่มีรอย ทั้งที่เขาไม่เคยเปิดมันเลยแต่ก็ไม่เคยปล่อยให้มันโทรม เขาจ้องกล่องอยู่เงียบ ๆ ก่อนภาพหนึ่งจะแล่นผ่านเข้ามาในหัวทันที ภาพข‍อ‍งเด็กชายตัวเล็กคนหนึ่งที่เงยหน้าพูดกับเขาในวันนั้น ‘พี่มิน…พรุ่งนี้ลันต้องไปเรียนต่อแล้วนะ’ เขานึกภาพนั้นได้ชัดเจนแม้เวลาจะผ่านไปนานขนาดไหน ตอนนั้นกล่องไม้ใบนี้อยู่ในมือเขา เขาเตรียมจะยื่นมันให้ แต่สุดท้ายคำเดียวที่ออกจากปากเขากลับมีแค่ว่า ‘อืม’ ไม่มีคำอื่น ไม่มีคำอวยพร ไม่มีแม้แต่รอยยิ้ม เขาจ้องกล่องในมือเขายังจ้องกล่องใน มือด้วยสายตาเรียบเฉยเกินกว่าจะเดาได้ว่าคิดอะไรในใจ จากนั้นเขาก็ปิดกล่องลงเงียบ ๆ วางมันกลับที่เดิมเหมือนกับที่วางทุกความรู้สึกทิ้งไว้แบบนั้น เพราะในโลกข‍อ‍งเขาการไม่พูดอะไรคือคำตอบที่ดีที่สุดแล้ว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD