“เอ้ย!”
“รถใครอะ น้าภัทร”
“โธ่....โอ๊ตมาแอบอยู่ข้างประตูทำไมเนี่ย น้าตกใจหมด” ธนภัทรเอามือลูบอกตัวเอง หลังตกใจเมื่อจู่ ๆ หลานชายตัวดีก็โผล่ออกมาจากหลังผ้าม่านข้างประตูยิ่งกว่าหนังระทึกขวัญ
“น้าภัทรไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องเลยนะฮะ ตอบคำถามผมมาก่อน”
“ก็รถเจ้านายเขาน่ะสิ”
“แล้วทำไมเขาถึงมาส่งน้าอะ” เจ้าโอ๊ตถามต่ออย่างกับเด็กขี้สงสัย ทั้ง ๆ ที่ปกติไม่เคยเป็นแบบนี้ หลานชายตัวเล็กจ้องหน้าธนภัทรราวกับจะจับผิดกัน หลังเห็นว่าน้ามีท่าทีอึกอักแถมวันนี้ยังกลับบ้านช้าอีก ทั้ง ๆ ที่ปกติเวลาน้าภัทรกลับบ้านช้าก็มักจะโทรมาบอกก่อนเสมอ
“ก็อยู่บ้านละแวกเดียวกัน บังเอิญเจอกัน เขาเลยใจดีมาส่งน้าไง” ภัทรตอบส่ง ๆ
“จริงอะ”
“เอ๊ะ! เราเป็นแม่น้าหรือไงเจ้าโอ๊ต ถามเซ้าซี้จัง” ภัทรว่าต่อ แสร้งทำเป็นโมโห หลังหลานชายตัวดียังคงจับผิดอยู่นั่นแหละ
“แน่ะ....มีโมโหกลบเกลื่อนอีกนะ” เจ้าโอ๊ตว่าอย่างรู้ทัน
“โอ๊ต....” คราวนี้เขาเรียกชื่อหลานชายตัวดีด้วยโทนเสียงต่ำ เป็นสัญชาตญาณเตือนว่าหากอีกฝ่ายยังสงสัยไม่เลิก อาจถูกบิดหู ข้อหาถามเซ้าซี้เกินเหตุแน่
“ก็ได้ฮะ ๆ ผมไม่ถามแล้วก็ได้ แล้วนี่น้าภัทรซื้ออะไรมาเหรอฮะ” หลานชายตัวดีเลือกที่จะเปลี่ยนหัวข้อ
“ขนมปังสังขยากับน้ำเต้าหู้ ตอนออกมาน้าซื้อมาฝาก ไปหาแก้ว หาจานมาเทใส่ไป” ภัทรว่า ก่อนจะยื่นถุงขนมปังสังขยาและน้ำเต้าหู้ไม่ใส่เครื่องและน้ำตาลให้หลานชายไปจัดการต่อ
“เออ โอ๊ตเดี๋ยวสิ!” จังหวะที่หลานชายจะเดินไปหยิบภาชนะในครัว ภัทรก็เรียกไว้เสียก่อน หลังเพิ่งนึกได้ว่าควรถามอะไรบางอย่างกับเจ้าโอ๊ต เพื่อเช็กให้แน่ใจว่าอีกฝ่ายไม่ได้เห็นอะไรที่ไม่ควรเห็น
“มีอะไรเหรอฮะ” เจ้าโอ๊ตหันมาถามน้าชายเสียงซื่อ
“ตอนที่เจ้านายเขามาส่งน้า.....โอ๊ตเห็นอะไรไหม”
“เห็น?”
“ในรถน่ะ” ภัทรขยายความ
“จะเห็นได้ไงล่ะฮะ รถติดฟิล์มดำขนาดนั้น”
“......”
“ว่าแต่น้าภัทรมีอะไรหรือเปล่าฮะ?” คราวนี้หลานชายตัวดีถามกลับบ้าง
“เปล่าหรอก....น้าไม่มีอะไรจะถามแล้ว โอ๊ตกินเสร็จแล้วก็อย่าลืมเช็กบานประตูหน้าต่างก่อนขึ้นนอนนะ เดี๋ยวน้าจะขึ้นห้องก่อน รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวแปลก ๆ”
“ได้ฮะ
ภัทรกลับเข้ามาในห้องด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม หลังนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนจะเข้าบ้าน นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้รู้สึกเช่นนี้ ครั้งล่าสุดก็น่าจะตอนมัธยมปลายที่ภัทรรู้สึกว่าชีวิตตัวเองมีสีสัน รู้สึกกระปรี้กระเปร่าอย่างบอกไม่ถูก
ในขณะเดียวกันความคิดมากที่มีตลอดทั้งวัน พอถึงตอนนี้ก็หายไป เพราะเราได้คุยเพื่อทำความเข้าใจตรงกันว่า สิ่งที่กำลังทำมันไม่ใช่หน้าที่ของเจ้านายและลูกน้อง คุณอาทิตย์สนใจภัทร ภัทรเองก็สนใจคุณเขา
ภัทรถูกดึงให้กลับเข้ามาในโลกแห่งความจริงอีกครั้ง เมื่อเสียงแจ้งเตือนทางโทรศัพท์ดังขึ้น เขารีบคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาดู เพื่อที่จะได้เห็นว่าไลน์ของเขาถูกเพิ่มเพื่อนจากทางหมายเลขโทรศัพท์ ไม่ต้องเดาภัทรก็รู้ว่าเป็นใคร ดังนั้นเขาจึงไม่รีรอที่จะกดเพิ่มเพื่อนกลับ แล้วกดดูรูปประจำตัวของคุณเขาอย่างขี้สงสัย
ความหลงมันน่ากลัวยังไง ภัทรไม่เคยได้สัมผัสหรอก จนกระทั่งวันนี้เขาถึงได้รู้ว่าความลุ่มหลงมันน่ากลัว ภัทรไม่รู้หรอกความลุ่มหลงที่กำลังก่อเกิดนี้ มันจะสิ้นสุดที่ตรงไหน แต่ที่แน่ ๆ ในตอนนี้เพียงแค่ได้เห็นรูปประจำตัวไลน์ของคุณเขา ภัทรก็ฉีกยิ้มกว้างแล้ว มิหนำซ้ำยังจ้องหน้าจอสี่เหลี่ยม มองดูรูปเดิมนานนับนาที ก่อนจะตัดสินใจกดบันทึกไว้ในเครื่องตัวเอง
ถึงจะมีไลน์กันและกันแล้ว แต่ไม่มีใครคิดจะทักกันก่อน ภัทรที่ยังอยู่ในชุดทำงานเฝ้ารออยู่หน้าจอโทรศัพท์มาได้เกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว หลังจากที่มีการแจ้งเตือนการเพิ่มเพื่อนทางหมายเลขโทรศัพท์
แต่ทว่าเขารอจนแล้วจนรอด คุณเขาก็ไม่ทักมาเสียที แต่ถึงอย่างนั้นภัทรก็ยังไม่หมดกำลังใจ ระหว่างรอให้คุณเขาทักมา เขาจึงเปิดเข้าทวิตเตอร์เช็กการแจ้งเตือนเพื่อฆ่าเวลาแทน
การแจ้งเตือนส่วนมากจะเป็นเรื่องการรีทวิตและแสดงความคิดเห็นต่าง ๆ ต้องยอมรับว่าพอบัญชีผู้ใช้ลูกไม้ป่ามีชื่อเสียงมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็มักจะดึงคนประหลาดเข้ามา ทั้ง ๆ ก่อนจะกดรับใคร ภัทรมักจะเช็กก่อนทุกครั้ง แต่ก็หลุดรอดสายตามาอยู่ดี
สุดท้ายภัทรก็เลือกที่จะมองข้ามการแจ้งเตือนไปอย่างเช่นทุกที เขาเลือกที่จะกดเข้าไปกล่องข้อความที่ถัดไปแทน เพื่อมีคนเข้ามาสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับผ้าลูกไม้หรือร้านค้าที่ภัทรซื้อมา
หนึ่งในบุคคลที่ภัทรจะไม่ละเลย ไม่ตอบไม่ได้นั่นก็คือคุณพี เมื่อเห็นว่าคุณพีทักค้างเอาไว้ ภัทรรีบกดเข้าอ่านข้อความที่อีกฝ่ายส่งมาทันที
แม้ในตอนนี้คุณภาสกรจะเป็นที่หนึ่งในใจของภัทร แต่คุณพีผู้ชายที่อยู่ในโลกออนไลน์ ภัทรก็ละเลยไม่ได้เช่นกัน ไม่อยากจะเป็นคนนิสัยแย่ ๆ เมื่อมีอะไรที่น่าสนใจกว่าก็ปล่อยให้คนในโลกออนไลน์เหงาอยู่เพียงลำพัง เพราะก่อนที่ภัทรจะเจอกับคุณเขา ก็มีคุณพีนี่แหละที่คอยเป็นเพื่อนคลายเหงาให้
“ผมอยากเห็นรูปคุณอีก”
“ครั้งก่อนผมเพิ่งถ่ายส่งไปให้ไม่ถึงสัปดาห์เองนะครับ”
หลังเห็นว่าคุณพีทักมาด้วยเรื่องอะไร ภัทรก็ไม่รีรอที่จะตอบกลับไป เริ่มอิดออดไม่อยากส่งให้อีกฝ่าย เพราะตอนนี้ภัทรไม่มีรูปที่ถ่ายเก็บไว้แล้ว
“แต่ผมดูทุกวันเลยนะ ผมดูจนเบื่อแล้วด้วย”
“เถอะนะครับ....ที่รัก คุณอย่าใจร้ายกับผมเลย”
ได้คืบจะเอาศอก เคยส่งให้ครั้งที่หนึ่ง ครั้งที่สอง ครั้งที่สามจึงร่ำร้องตามมาติด ๆ เพราะไม่มีแรงจูงใจ ไม่รู้ส่งไปแล้วจะได้อะไร ภัทรจึงไม่อยากส่งรูปไปให้อีก อีกทั้งยังไม่ได้แกะของใหม่มาลองด้วยจึงไม่รู้จะส่งอะไรให้ ถ้าจะเอาในเวลานี้ก็คงมีแค่ชุดทำงานนี่แหละ
พอภัทรมีเวลาได้คิด เขาก็เริ่มรู้สึกว่าเหมือนตัวเองกำลังถูกเอาเปรียบอย่างบอกไม่ถูก ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้าที่เขาจะพอใจที่ร่างกายตัวเองถูกเยินยอด้วยคำชมก็เถอะ
“ถ้าผมถ่ายส่งไป....ผมจะได้อะไรเหรอครับ?”
สุดท้ายภัทรก็ตัดสินใจถามกลับไป เริ่มอยากมีอะไรแลกเปลี่ยนขึ้นมา หากคุณพีตอบมาว่าไม่มี ก็อย่าหวังว่าวันนี้ภัทรจะส่งรูปอะไรให้อีก
ภัทรอยากคุยกับคุณพีต่อ แต่ในขณะเดียวกันเขาก็เริ่มรู้สึกไม่สบายใจที่ตัวเองเอาแต่ส่งรูปหาคุณพีอยู่ฝ่ายเดียวเช่นนี้
“ไม่ต้องกลัวว่าตัวเองจะเสียเปรียบหรอกนะครับ เพราะวันนี้ผมเองก็มีของมาแลกเหมือนกัน”
พอคุณพีกลับมาเช่นนั้น เจ้าของบัญชีลูกไม้ป่าก็เริ่มรู้สึกมีแรงจูงใจขึ้นมาบ้าง ภัทรคิดว่าเขารู้ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ แต่เพราะความอยากรู้ว่าของที่คุณพีจะมาแลกกันคืออะไรกันแน่ จึงทำให้เขาตัดสินใจลุกขึ้นนั่งดี ๆ
มือเรียวค่อย ๆ ปลดเปลื้องกระดุมเสื้อตัวเองออกจนถึงช่วงกลางอก เผยให้เห็นเนื้อตัวขาว ๆ ไร้เสื้อกล้ามปกปิด ก่อนจะนั่งอ้าขาทั้ง ๆ ที่ยังใส่กางเกงอยู่ จัดท่าทางให้พอเหมาะแล้ว วางกล้องในมุมเสย กดถ่ายรูปเรือนร่างตัวเองทั้ง ๆ ที่ยังอยู่ในชุดทำงานส่งไปให้คุณพีทันที
หลังจากที่ภัทรส่งรูปไปให้ตามคำขอของอีกฝ่าย คุณพีก็หายไปครู่หนึ่ง นั่นทำเอาคนที่ส่งไปก่อนเริ่มใจเสีย ก่อนว่าตัวเองจะถูกโกง เกือบจะโวยวายไปแล้ว แต่คุณพีก็ชิ่งตอบกลับมาเป็นรูปภาพเสียก่อน
รูปเรือนร่างท่อนบนไร้ซึ่งการปกปิด ทำเอาคนที่ได้รับถึงกับใจระส่ำ อยากจะเอานิ้วสัมผัสกล้ามเนื้อนั้นดู ท่อนบนของคุณพีอุดมไปด้วยมัดกล้าม บ่งบอกถึงการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะมุมกล้องหรือการปรับแต่งกันแน่ แต่ภัทรคิดว่ากล้ามเนื้อช่วงหน้าท้องของอีกฝ่ายดูงดงามจนไม่อยากมองผ่านหน้าจอสี่เหลี่ยมงี่เง่านี่ด้วยซ้ำ
“โอเคไหมครับ?”
“โอเคครับ ดีมากเลย”
“อยากลองจับดูจัง”
“คุณพีคงออกกำลังกายบ่อยเลยใช่ไหมครับ”
“ช่วงนี้ทำงาน ไม่ค่อยได้ออกหรอกครับ”
"ว่าแต่คุณเถอะ ถ่ายรูปแบบนี้ ทั้ง ๆ ที่ยังในชุดทำงาน ไม่กลัวเจ้านายเขาจับได้เหรอครับ?”
ช่วงประโยคสุดท้ายของคุณพีทำให้ภัทรได้ฉุกคิดอะไรบางอย่าง เพื่อที่จะพบว่าภัทรได้พลาดแล้ว..... หากคิดจะมาทางนี้ พูดคุยเชิงเรื่องใต้สะดือกับคนในโลกออนไลน์ เขาไม่ควรจะเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวในชีวิตจริงของตัวเอง แม้กระทั่งชื่อเล่นก็ไม่ควร แต่ตอนนี้เขากลับเปิดเผยชื่อบริษัทตัวเองเสียดื้อ ๆ
“คุณจะแจ้งทางบริษัทผมเหรอครับ”
ภัทรพิมพ์ตอบกลับไป หากถามว่ากลัวว่าคุณพีจะแจ้งทางบริษัทไหม ภัทรขอตอบเลยว่าเขากลัวมากและยิ่งไปกว่านั้น เขากลัวว่าคุณภาสกรจะรู้และผิดหวังในตัวเขา มันเป็นเรื่องง่ายที่เราจะหยุดความสัมพันธ์กันเสียตอนนี้ เพราะเราเพิ่งเริ่มต้นถึงได้ไม่ถึงสัปดาห์ ซึ่งภัทรไม่ต้องปรารถนาให้มันเป็นเช่นนั้น
“เปล่าครับ ผมก็แค่เป็นห่วง”
“อย่าแบบนี้ส่งให้ใครอีกนะครับ”
“เพราะโชคดีไม่ได้เป็นของคุณเสมอไป”