แล้วภาพโมเมนต์ใกล้ชิดนั้นก็ไปปรากฏอยู่บนไอจีของปานวาด พร้อมแคปชันสุดหวานว่า
#Sweet time
และแน่นอนว่าต้องแท็กเฌอลิตาด้วย
จากนั้นทั้งหกคนก็ไปลงเรือชมพระอาทิตย์ตก ธรรศกรขับเจ็ตสกีที่ไม่ได้เล่นมานานและยังได้ทำกิจกรรมทางน้ำหลายอย่างทำให้เขารู้สึกสนุกกับทริปนี้ขึ้นมาบ้าง
“เท็ม พาน้องแตมนั่งไปด้วยสิลูก” คุณเมธาวีทำหน้าที่เปิดโอกาสอย่างต่อเนื่อง
“ครับ”
แล้วเฌอลิตาก็ได้นั่งซ้อนท้ายเจ็ตสกีที่มีธรรศกรเป็นผู้ขับ แขนเรียวสวยเกี่ยวรัดรอบเอวชายหนุ่ม โดยมีคนบนเรือนั่งยิ้ม พูดคุยกันถึงความเหมาะสม
“พี่เท็มขับเร็ว ๆ เลย”
สาวสวยโน้มตัวมากระซิบชิดใบหู
“ไม่กลัวแน่นะ”
เขาย้อนถาม
“ไม่กลัว แตมชอบความเร็ว แล้วก็มั่นใจในตัวพี่เท็ม”
“ได้ งั้นเกาะพี่ให้แน่น ๆ นะน้อง” ชายหนุ่มรู้สึกสนุกเพราะได้อยู่กับกีฬาที่ชื่นชอบจนใช้น้ำเสียงหยอกเย้ากับคนที่ซ้อนท้ายโดยไม่ได้คิดอะไรมาก แขนของเฌอลิตาจึงกอดเกี่ยวเอวเขาแน่นยิ่งขึ้นพร้อมกับแนบลำตัวเข้ากับแผ่นหลังกว้างของเขาจนแทบไม่มีช่องว่าง
“กรี๊ดดด” เสียงกรีดร้องอย่างสนุกสนานและถูกใจดังขึ้นเมื่อยานพาหนะทางน้ำขนาดเล็กออกตัวและเร่งความเร็วขึ้นจนแล่นด้วยความเร็วสูง
ภาพความสุขสนุกสนานถูกอัปโหลดขึ้นบนไอจีที่เปิดเป็นสาธารณะของปานวาดกับเฌอลิตา เพื่อนในแวดวงต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างคึกคัก
#ทะเลหวานมาก #ท้องฟ้าสีชมพู
ทางด้านกระยาหงัน เหตุการณ์เมื่อตอนเช้าก็ทำเอาอารมณ์ของเธอหม่นไปทั้งวันแต่ด้วยหน้าที่ก็ต้องเก็บทุกอย่างไว้ภายใต้ใบหน้าที่ยิ้มแย้มจนกระทั่งกลับมาอยู่คนเดียวในห้อง ทำอาหารกินคนเดียว นั่งคนเดียว นอนคนเดียว ก่อนนอนก็มีคนส่งรูปมาให้เธอผ่านแอปพลิเคชันหนึ่งสำหรับลงรูปภาพ พอเปิดดูรูปพวกนั้นกระยาหงันก็ถึงกับนิ่งไปเนิ่นนาน ภาพที่เขากำลังทาครีมที่หลังของหญิงสาว ภาพที่มีผู้หญิงกอดเอวซ้อนท้ายขณะขับเจ็ตสกี ภาพที่เขากำลังถ่ายรูปให้กับเฌอลิตา และอีกหลายโมเมนต์ที่มีรอยยิ้มของทุกคนในภาพเหล่านั้น
คนที่ส่งมาไม่ได้ปิดบังโพรไฟล์ เป็นรูปใบหน้าชัดเจนและเธอก็รู้ว่าเป็นใคร จึงกดเข้าไปดู เจ้าของโพรไฟล์มีคนติดตามหนึ่งพันนิด ๆ รูปที่อัปโหลดมีจำนวนมากมายแต่ละรูปเป็นการแสดงให้เห็นถึงการใช้ชีวิตที่หรูหราสมฐานะคนที่มีธุรกิจใหญ่โต รูปที่อัปล่าสุดวันนี้เป็นรูปของปานวาดกับสามีผู้ช่วยนักบินสุดหล่อ และอีกภาพก็เป็นภาพของธรรศกรกับเฌอลิตา
กระยาหงันกดเลื่อนดูทั้งที่หัวใจก็สั่นไหว เธอเห็นเขามีความสุขที่ได้ไปเที่ยว ส่วนคนที่อัปภาพเหล่านี้เธอก็พอจะรู้ว่าหล่อนต้องการจะบอกอะไรกับเธอ
ตัวเธอมีอะไรไปสู้กับคนพวกนี้
ขณะที่เขากำลังไปมีความสุข ในวันหยุดของเธอที่ต้องอยู่คนเดียวหญิงสาวจึงออกมาเดินเล่นที่ห้างสรรพสินค้าเผื่อว่าจิตใจที่ห่อเหี่ยวว่างโหวงอาจจะดีขึ้นบ้าง และวันนี้ก็บังเอิญได้เจอกับเชษฐวุฒิซึ่งเป็นคนที่ขอคอนแท็กต์เธอให้กับธรรศกรจนได้คุยกันมาจนถึงทุกวันนี้
“กิ้น”
เชษฐวุฒิเป็นคนเห็นและทักเธอก่อน
“คุณเชษฐ์ สวัสดีค่ะ”
กระยาหงันพนมมือไว้อย่างเคยชินกับทุกคน อีกฝ่ายรับไว้แล้วเอ่ย
“มาเดินคนเดียวเหรอ”
“ค่ะ”
ชายหนุ่มขมวดคิ้ว เพราะเขาไม่ทราบว่าทำไมเพื่อนรักถึงไม่มาด้วย หรือเรื่องที่มันเคยบอกวันนั้นจะจริงขึ้นมา
“ไอ้เท็มล่ะ”
“คุณเท็มไปพักผ่อนต่างจังหวัดกับคุณแม่ค่ะ”
“อ๋อ อืม ไปหาที่นั่งคุยกันมั้ย ผมมีเรื่องอยากจะคุยกับกิ้นนะ”
หญิงสาวมองตา เธอเองก็มีเรื่องอยากจะถามเพื่อนคนนี้ของเขาเหมือนกัน แล้วทั้งคู่ก็เดินเข้ามานั่งในร้านกาแฟภายในห้างซึ่งตกแต่งน่ารักน่านั่งร้านหนึ่ง เชษฐวุฒิเลี้ยงเครื่องดื่มหญิงสาวที่สั่งเป็นเพียวมัตจะส่วนเขาอเมริกาโนเย็น
“ตอนนี้กิ้นกับเท็มเป็นยังไงบ้าง ความสัมพันธ์ยังโอเคมั้ย”
ดวงตากลมเหลือบมองขณะที่ดูดเครื่องดื่มสีเขียวไปอึกหนึ่งก่อนจะวาง
“คุณเชษฐ์ถามแบบนี้แสดงว่าก็รู้สึกว่ามันไม่เหมือนเดิมใช่มั้ยคะ คุณเชษฐ์เป็นเพื่อนกับคุณเท็ม คุณเท็มคงต้องพูดอะไรให้ฟังบ้าง”
เชษฐวุฒิแสดงสีหน้าเห็นใจหญิงสาว
“ถ้ากิ้นเองก็รู้สึกได้และไม่อยากเหนื่อยในความสัมพันธ์นี้ก็จบกันมันก่อนก็ได้ ผมว่ากิ้นยังหาผู้ชายที่ดีกว่าเพื่อนผมได้อีกเยอะ การงานก็ดี อย่ามาเสียเวลากับคนที่หมดใจกับเราก่อนเลย”
ดวงตากลมหลุบมองต่ำ “กิ้นอยากรู้ว่าคุณเท็มพูดอะไรถึงกิ้นให้คุณเชษฐ์ฟังบ้างมั้ยคะ เขาเบื่อกิ้นเหรอ เขาไม่อยากมีกิ้นอยู่ในชีวิตแล้วใช่มั้ย”
ชายหนุ่มถอนหายใจ “ผมถามตรง ๆ นะ ไอ้เท็มเคยพากิ้นไปรู้จักกับครอบครัวมันบ้างมั้ย”
กระยาหงันส่ายหน้า
“ผู้ชาย ถ้ามันจริงใจกับผู้หญิงมันต้องพาเข้าบ้านบ้าง นี่ก็สี่ปีแล้วใช่มั้ยที่กิ้นอยู่กับไอ้เท็ม ครอบครัวไอ้เท็มมันเป็นนักธุรกิจใหญ่ ผมไม่รู้ว่ากิ้นจะทนรับความกดดันได้มั้ย ผมหวังดีกับคุณนะ ถ้าตัดใจตั้งแต่ตอนนี้ก็ถือเป็นการเปิดโอกาสดีในชีวิตให้เข้ามาได้เร็ว”
กระยาหงันพยายามหยิกมือตัวเองไว้เพื่อให้ความเจ็บปวดกลบความเสียใจที่ท่วมท้น
“คุณเท็มเขาบอกคุณเชษฐ์มั้ยว่าเขามีคนอื่นแล้ว” เธอรวบรวมความกล้าถามออกไป
“ไม่ได้บอกหรอก แต่มันก็คงต้องมีแหละ แต่มันบอกว่ามันยังสงสารกิ้นกลัวว่าถ้ามันบอกเลิกก่อนแล้วกิ้นจะอยู่คนเดียวไม่ได้”
ประโยคที่ได้ยินเหมือนถูกสายฟ้าฟาดลงกลางอกความชาหนึบกระจายไปทั่วทุกอณูร่างกาย
“สงสารเหรอคะ เขาสงสารกิ้นเหรอ”
“อืม สงสาร แต่ก็ไม่อยากเก็บไว้ให้เป็นภาระอีก ผมรู้ว่ากิ้นเองก็ไม่มีใครนอกจากไอ้เท็ม แต่การที่จะอยู่กับมันไปแบบนี้โดยที่มันอาจจะเจอผู้หญิงคนอื่นที่ครอบครัวมันยอมรับกิ้นจะยิ่งเจ็บปวด กิ้นจะคิดว่าผมอยากให้กิ้นเลิกกับไอ้เท็มก็ได้ เพราะผมคิดแบบนั้นจริง ๆ” เชษฐวุฒิพูดจากใจจริง
“ถ้าคุณไม่เชื่อที่ผมพูด ผมมีคลิปเสียงที่มันพูดอัดไว้ด้วยนะ อย่าหาว่าผมยุยงให้คุณเลิกกันเลย ผมแค่ไม่อยากให้คนดี ๆ อย่างคุณมาเสียเวลาและเจ็บปวดกับไอ้เท็มมัน”
“จริง ๆ ก็สงสารกิ้นนะ กลัวจะอยู่คนเดียวไม่ได้ นอกจากกูเขาก็ไม่มีใครแล้ว กูคงเลี้ยงเขาดีเกิน แต่อยู่กันไปก็เหมือนเป็นภาระที่กูต้องรับผิดชอบ”
“ตอนนี้เห็นเขาเป็นภาระ ทีตอนอยากได้เขาล่ะแหม ทุ่มสุดตัว ได้ทุกอย่าง”
“ก็แปลกตรงไหน มันก็ปกติมั้ยวะ ตอนอยากได้มันก็คืออยากได้ มันก็ต้องทำทุกอย่างอยู่แล้ว แต่กูไม่ได้ทำอะไรเยอะ เขาก็มากับกูเอง เหอะ”
^
^
^