เครื่องบินทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าที่สดใสไม่มีเมฆฝนใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงโดยประมาณก็จะถึงที่หมาย ระหว่างทางพนักงานต้อนรับก็ยังคงทำหน้าที่ของตัวเองในการดูแลผู้โดยสาร ในตอนที่เห็นธรรศกรเดินมาขึ้นเครื่องครั้งแรกหญิงสาวก็ดีใจทว่าพอสายตามองเห็นคนที่มาด้วยกันโดยเฉพาะผู้หญิงที่เขาบอกเป็นรุ่นน้องที่มาฝึกงานที่บริษัทหัวใจของเธอก็โหวงหวิวขึ้นมาทันที...พวกเขาไปด้วยกัน
แอร์สาวเดินเสิร์ฟอาหารให้ผู้โดยสารในที่นั่งที่สั่งอาหารกับเครื่องดื่มไว้ รวมถึงผู้โดยสารแถวหน้าทั้งหกคนที่มีบริการพิเศษ เป็นน้ำดื่มและขนม
เมื่อหญิงสาวยื่นขนมมาให้ตามหน้าที่ธรรศกรก็รับของจากเธอส่งให้คนข้างใน พอถึงเขาเสียงเข้มก็เอ่ยขึ้น
“ผมไม่รับ”
“ค่ะ” หญิงสาวเก็บขนมนั้นหันไปทางด้านของอานัส
อีกฝ่ายยิ้มพร้อมกับรับขนมส่งให้คนที่นั่งริมหน้าต่างแต่ก็มีเสียงเอ่ยออกมาเช่นกัน
“ฉันไม่รับค่ะ”
อานัสจึงส่งให้ภรรยาที่มองเขาตาขวางขุ่นอย่างเก็บอาการไม่อยู่เลย
“จะกินมั้ย”
“ไม่”
“งั้นผมกินเอง”
แล้วชายหนุ่มก็หันไปพยักหน้าให้คนที่ยืนรอ บอกว่าพอแค่นี้กระยาหงันจึงนำที่เหลือไปเก็บก่อนจะกลับไปนั่งประจำที่ กระทั่งเครื่องลงจอดยังสนามบินปลายทางอย่างปลอดภัย
ทันทีที่ได้ยินเสียงสัญญาณปลดเข็มขัดนิรภัยบนเครื่องผู้โดยสารหลายคนก็ลุกขึ้นเปิดช่องเก็บสัมภาระเหนือศีรษะเพื่อนำกระเป๋าและสิ่งของของตัวเองลงมา อานัสยืนขึ้นและก้าวไปหยิบกระเป๋าสัมภาระของผู้โดยสารคนเดิมลงมาให้พร้อมกับบอกว่า
“กระเป๋าของคุณครับ ผมขออนุญาตนำลงมาให้แล้ว”
“ขอบพระคุณมากนะคะ แหม หล่อแล้วยังใจดีมากเลย”
ผู้ช่วยนักบินยิ้มจืด ๆ ก่อนหันกลับไปมองเบื้องหน้าแทนการมองหน้าภรรยาที่เอาแต่จ้องจับผิด แน่ล่ะ จากเหตุการณ์ก่อนหน้าที่ไม่ใช่แค่ปานวาดหรอกที่ประเมินได้ว่าทำไมสามีของเธอจึงช่วยยกกระเป๋าให้ผู้โดยสารคนนั้นถึงสองครั้ง ก็ถ้าไม่มีใครช่วยคุณป้าคนนี้ยกลงพนักงานต้อนรับภายในเครื่องก็ต้องเป็นคนทำ ซึ่งคนที่รับผิดชอบผู้โดยสารโซนหน้าก็คือกระยาหงัน ตอนยกกระเป๋าขึ้นเขาออกปากเองว่ากระเป๋าใบนั้นมีน้ำหนักมากคงไม่อยากให้ลำบากพนักงานต้อนรับที่เป็นผู้หญิงคนนั้น
เมื่อเห็นตำตาขนาดนี้สีหน้าคนเป็นเมียอย่างปานวาดก็แทบจะสะกดอารมณ์หึงหวงไว้ไม่อยู่ตามประสาคุณหนูเอาแต่ใจ และดูหน้าสามีก็ทำอะไรไม่เกรงใจหล่อนเลย หากขณะนี้ไม่มีผู้โดยสารอยู่เต็มลำหล่อนคงอาละวาดไปแล้ว
พอได้รับอนุญาตให้ลงจากเครื่องก็เป็นธรรศกรที่ก้าวขาออกจากเครื่องเป็นคนแรกโดยไม่มองหน้าเธอที่พนมมือไหว้กล่าวขอบคุณ
ทั้งหกคนเดินทางมาถึงโรงแรม พนักงานก็นำคนที่เป็นแขกทั้งสี่คนเข้าพักในส่วนของรีสอร์ตที่เป็นพูลวิลลาขนาดใหญ่ซึ่งมีห้องนอนครบสำหรับสี่คน ธรรศกรลากกระเป๋ามาส่งมารดาในห้องพัก คนเป็นแม่จึงหันมาพูดกับลูกชาย
“มันช่างบังเอิญจริง ๆ นะ สังเกตมั้ยล่ะว่าผู้หญิงคนนั้นเหมือนจะมีอะไร ๆ ไม่ธรรมดากับสามีของหนูปานวาดลูกสาวผู้บริหารสายการบิน หึ”
“คุณแม่ก็ไม่ได้บอกผมก่อนนะครับว่าจะมีใครมาด้วย ถ้าผมรู้ว่าคุณแม่มีเพื่อนเยอะขนาดนี้ผมคงไม่มา”
ตอนที่ขอให้ลูกชายมาเป็นเพื่อนมารดาไม่ได้บอกสักนิดว่ามีใครมาบ้าง พอเห็นหน้าเฌอลิตากับมารดาเขาถึงได้เข้าใจเจตนา
“นี่ลูก แม่กำลังพูดให้ลูกตาสว่างที่โดนผู้หญิงคนนั้นสวมเขา หวังจะจับผู้ชายรวย อาชีพการงานก็ดีอยู่นะแต่ทำตัวน่ารังเกียจ เลิกได้ก็เลิกเถอะ รู้ไปถึงไหนอายเขาถึงนั่น ที่หนูปาดวาดฟึดฟัดตลอดทางลูกไม่สังเกตรึไง”
ธรรศกรเบือนหน้าหนีมารดา ตาเขาไม่ได้บอด หูไม่ได้ดับ รับรู้ทุกอย่าง
“ถ้าผมจะกลับกรุงเทพฯ ก่อนได้มั้ยครับ”
“ไม่ได้ อย่าทำอะไรน่าเกลียดถึงขนาดนั้นนะ ถือว่าแม่ขอ”
ชายหนุ่มมองหน้ามารดาที่ทำหน้าอ้อนวอนน้ำตาทำท่าจะหยดหากถูกปฏิเสธแล้วถอนหายใจ เดินออกจากห้อง
“นี่จะไปไหน”
“ก็ไปดูห้องผมไง หรือจะให้ผมกลับก่อนล่ะ”
เขาหยุดเท้าผินกลับมาตอบก่อนจะเดินต่อ
ด้านปานวาดกับสามี ผู้เป็นภรรยาที่หน้าตาบูดบึ้งมาตั้งแต่ขึ้นเครื่องจนกระทั่งถึงตอนนี้ก็ระเบิดอารมณ์ใส่ทันทีเมื่อประตูห้องปิดลง
“สงสัยเรื่องที่ได้ยินมาคงจะจริง”
“เรื่องอะไร”
“ก็เรื่องที่คุณมีอะไรกับนังแอร์คนนั้นน่ะสิ” น้ำเสียงห้วนกระชากหน้าตาถมึงทึง
อานัสนิ่วหน้า เขารู้ดีว่าปานวาดนั้นขี้หึง แต่อิทธิฤทธิ์ความหึงหวงของเธอนั้นรุนแรงมากขึ้นทุกที
“อย่าหาเรื่องผม”
“ไม่ได้หาเรื่อง ก็ฉันเห็นตำตา สายตาคุณมันบอกชัดเจน”
“สายตาผมมันบอกขนาดนั้นเลยเหรอ คุณจ้องผมไม่คลาดสายตาเลยสินะ มิน่าผมถึงรู้สึกว่ามีอะไรทิ่มแทงอยู่ตลอดเวลา ที่แท้ก็สายตาคุณนี่เอง”
เขาสวนกลับน้ำเสียงดุดัน
“คุณนัส! ฉันจะทนไม่ไหวกับพฤติกรรมของคุณแล้วนะ”
“ผมก็จะหมดความอดทนกับคุณเหมือนกัน จะเอายังไงก็ว่ามาเลย จับผิดไปหมดทุกอย่าง ขยับตัวไปทางไหนก็มีสายตาคอยจับจ้อง จะไปไหนก็ไม่ได้ คุยกับผู้หญิงก็ไม่ได้ อยู่ไปก็ประสาทจะกิน คุณจะให้ผมทำยังไง ผมเป็นนักบินนะไม่ใช่นักโทษ”
สามีพูดใส่หน้าภรรยาที่จ้องเขาตาแดงก่ำอย่างหมดความอดทน หูตาของปานวาดในวีสกายแอร์ไลน์มีอยู่ทุกที่ อานัสรู้สึกเหมือนตัวเองไม่ต่างอะไรจากนักโทษอุกฉกรรจ์ที่ถูกควบคุมอย่างเข้มงวด
“ผมว่าเราหย...”
“ไม่ อย่าพูดแบบนั้นวาดรักคุณ รักคุณมาก วาดขาดคุณไม่ได้”
ปานวาดขัดขึ้นทันที โผเข้ากอดสามี ซบหน้าสะอื้น ส่วนชายหนุ่มยืนนิ่งหลับตาด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่าย ระอากับการกระทำแบบนี้ของภรรยาซึ่งมันไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกและที่เขาแน่ใจคือมันจะไม่ใช่ครั้งสุดท้ายอย่างแน่นอน
“ฉันขอโทษ ฉันแค่รักคุณมากไป ฮึก จริง ๆ นะคะ” หญิงสาวสะอึกสะอื้น
มันก็เป็นอยู่อย่างนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า พอเขาจะเอ่ยปากขอหย่า หล่อนก็จะร้องห่มร้องไห้ขอโทษขอโพยแล้วบอกว่าจะไม่หาเรื่องทะเลาะแบบนี้อีก แต่ผ่านไปไม่กี่วันหากมีอะไรมาสะกิดเพียงนิดมันก็วนกลับมาลูปเดิมอีกจนได้
^
^
^
***ช่วยกดหัวใจให้ถึง 200 ดวงภายในวันนี้หน่อยนะคะ พลีสๆๆ