เติมไฟ….5/1

1234 Words
เครื่องบินทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าที่สดใสไม่มีเมฆฝนใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงโดยประมาณก็จะถึงที่หมาย ระหว่างทางพนักงานต้อนรับก็ยังคงทำหน้าที่ของตัวเองในการดูแลผู้โดยสาร ในตอนที่เห็นธรรศกรเดินมาขึ้นเครื่องครั้งแรกหญิงสาวก็ดีใจทว่าพอสายตามองเห็นคนที่มาด้วยกันโดยเฉพาะผู้หญิงที่เขาบอกเป็นรุ่นน้องที่มาฝึกงานที่บริษัทหัวใจของเธอก็โหวงหวิวขึ้นมาทันที...พวกเขาไปด้วยกัน แอร์สาวเดินเสิร์ฟอาหารให้ผู้โดยสารในที่นั่งที่สั่งอาหารกับเครื่องดื่มไว้ รวมถึงผู้โดยสารแถวหน้าทั้งหกคนที่มีบริการพิเศษ เป็นน้ำดื่มและขนม เมื่อหญิงสาวยื่นขนมมาให้ตามหน้าที่ธรรศกรก็รับของจากเธอส่งให้คนข้างใน พอถึงเขาเสียงเข้มก็เอ่ยขึ้น “ผมไม่รับ” “ค่ะ” หญิงสาวเก็บขนมนั้นหันไปทางด้านของอานัส อีกฝ่ายยิ้มพร้อมกับรับขนมส่งให้คนที่นั่งริมหน้าต่างแต่ก็มีเสียงเอ่ยออกมาเช่นกัน “ฉันไม่รับค่ะ” อานัสจึงส่งให้ภรรยาที่มองเขาตาขวางขุ่นอย่างเก็บอาการไม่อยู่เลย “จะกินมั้ย” “ไม่” “งั้นผมกินเอง” แล้วชายหนุ่มก็หันไปพยักหน้าให้คนที่ยืนรอ บอกว่าพอแค่นี้กระยาหงันจึงนำที่เหลือไปเก็บก่อนจะกลับไปนั่งประจำที่ กระทั่งเครื่องลงจอดยังสนามบินปลายทางอย่างปลอดภัย ทันทีที่ได้ยินเสียงสัญญาณปลดเข็มขัดนิรภัยบนเครื่องผู้โดยสารหลายคนก็ลุกขึ้นเปิดช่องเก็บสัมภาระเหนือศีรษะเพื่อนำกระเป๋าและสิ่งของของตัวเองลงมา อานัสยืนขึ้นและก้าวไปหยิบกระเป๋าสัมภาระของผู้โดยสารคนเดิมลงมาให้พร้อมกับบอกว่า “กระเป๋าของคุณครับ ผมขออนุญาตนำลงมาให้แล้ว” “ขอบพระคุณมากนะคะ แหม หล่อแล้วยังใจดีมากเลย” ผู้ช่วยนักบินยิ้มจืด ๆ ก่อนหันกลับไปมองเบื้องหน้าแทนการมองหน้าภรรยาที่เอาแต่จ้องจับผิด แน่ล่ะ จากเหตุการณ์ก่อนหน้าที่ไม่ใช่แค่ปานวาดหรอกที่ประเมินได้ว่าทำไมสามีของเธอจึงช่วยยกกระเป๋าให้ผู้โดยสารคนนั้นถึงสองครั้ง ก็ถ้าไม่มีใครช่วยคุณป้าคนนี้ยกลงพนักงานต้อนรับภายในเครื่องก็ต้องเป็นคนทำ ซึ่งคนที่รับผิดชอบผู้โดยสารโซนหน้าก็คือกระยาหงัน ตอนยกกระเป๋าขึ้นเขาออกปากเองว่ากระเป๋าใบนั้นมีน้ำหนักมากคงไม่อยากให้ลำบากพนักงานต้อนรับที่เป็นผู้หญิงคนนั้น เมื่อเห็นตำตาขนาดนี้สีหน้าคนเป็นเมียอย่างปานวาดก็แทบจะสะกดอารมณ์หึงหวงไว้ไม่อยู่ตามประสาคุณหนูเอาแต่ใจ และดูหน้าสามีก็ทำอะไรไม่เกรงใจหล่อนเลย หากขณะนี้ไม่มีผู้โดยสารอยู่เต็มลำหล่อนคงอาละวาดไปแล้ว พอได้รับอนุญาตให้ลงจากเครื่องก็เป็นธรรศกรที่ก้าวขาออกจากเครื่องเป็นคนแรกโดยไม่มองหน้าเธอที่พนมมือไหว้กล่าวขอบคุณ ทั้งหกคนเดินทางมาถึงโรงแรม พนักงานก็นำคนที่เป็นแขกทั้งสี่คนเข้าพักในส่วนของรีสอร์ตที่เป็นพูลวิลลาขนาดใหญ่ซึ่งมีห้องนอนครบสำหรับสี่คน ธรรศกรลากกระเป๋ามาส่งมารดาในห้องพัก คนเป็นแม่จึงหันมาพูดกับลูกชาย “มันช่างบังเอิญจริง ๆ นะ สังเกตมั้ยล่ะว่าผู้หญิงคนนั้นเหมือนจะมีอะไร ๆ ไม่ธรรมดากับสามีของหนูปานวาดลูกสาวผู้บริหารสายการบิน หึ” “คุณแม่ก็ไม่ได้บอกผมก่อนนะครับว่าจะมีใครมาด้วย ถ้าผมรู้ว่าคุณแม่มีเพื่อนเยอะขนาดนี้ผมคงไม่มา” ตอนที่ขอให้ลูกชายมาเป็นเพื่อนมารดาไม่ได้บอกสักนิดว่ามีใครมาบ้าง พอเห็นหน้าเฌอลิตากับมารดาเขาถึงได้เข้าใจเจตนา “นี่ลูก แม่กำลังพูดให้ลูกตาสว่างที่โดนผู้หญิงคนนั้นสวมเขา หวังจะจับผู้ชายรวย อาชีพการงานก็ดีอยู่นะแต่ทำตัวน่ารังเกียจ เลิกได้ก็เลิกเถอะ รู้ไปถึงไหนอายเขาถึงนั่น ที่หนูปาดวาดฟึดฟัดตลอดทางลูกไม่สังเกตรึไง” ธรรศกรเบือนหน้าหนีมารดา ตาเขาไม่ได้บอด หูไม่ได้ดับ รับรู้ทุกอย่าง “ถ้าผมจะกลับกรุงเทพฯ ก่อนได้มั้ยครับ” “ไม่ได้ อย่าทำอะไรน่าเกลียดถึงขนาดนั้นนะ ถือว่าแม่ขอ” ชายหนุ่มมองหน้ามารดาที่ทำหน้าอ้อนวอนน้ำตาทำท่าจะหยดหากถูกปฏิเสธแล้วถอนหายใจ เดินออกจากห้อง “นี่จะไปไหน” “ก็ไปดูห้องผมไง หรือจะให้ผมกลับก่อนล่ะ” เขาหยุดเท้าผินกลับมาตอบก่อนจะเดินต่อ ด้านปานวาดกับสามี ผู้เป็นภรรยาที่หน้าตาบูดบึ้งมาตั้งแต่ขึ้นเครื่องจนกระทั่งถึงตอนนี้ก็ระเบิดอารมณ์ใส่ทันทีเมื่อประตูห้องปิดลง “สงสัยเรื่องที่ได้ยินมาคงจะจริง” “เรื่องอะไร” “ก็เรื่องที่คุณมีอะไรกับนังแอร์คนนั้นน่ะสิ” น้ำเสียงห้วนกระชากหน้าตาถมึงทึง อานัสนิ่วหน้า เขารู้ดีว่าปานวาดนั้นขี้หึง แต่อิทธิฤทธิ์ความหึงหวงของเธอนั้นรุนแรงมากขึ้นทุกที “อย่าหาเรื่องผม” “ไม่ได้หาเรื่อง ก็ฉันเห็นตำตา สายตาคุณมันบอกชัดเจน” “สายตาผมมันบอกขนาดนั้นเลยเหรอ คุณจ้องผมไม่คลาดสายตาเลยสินะ มิน่าผมถึงรู้สึกว่ามีอะไรทิ่มแทงอยู่ตลอดเวลา ที่แท้ก็สายตาคุณนี่เอง” เขาสวนกลับน้ำเสียงดุดัน “คุณนัส! ฉันจะทนไม่ไหวกับพฤติกรรมของคุณแล้วนะ” “ผมก็จะหมดความอดทนกับคุณเหมือนกัน จะเอายังไงก็ว่ามาเลย จับผิดไปหมดทุกอย่าง ขยับตัวไปทางไหนก็มีสายตาคอยจับจ้อง จะไปไหนก็ไม่ได้ คุยกับผู้หญิงก็ไม่ได้ อยู่ไปก็ประสาทจะกิน คุณจะให้ผมทำยังไง ผมเป็นนักบินนะไม่ใช่นักโทษ” สามีพูดใส่หน้าภรรยาที่จ้องเขาตาแดงก่ำอย่างหมดความอดทน หูตาของปานวาดในวีสกายแอร์ไลน์มีอยู่ทุกที่ อานัสรู้สึกเหมือนตัวเองไม่ต่างอะไรจากนักโทษอุกฉกรรจ์ที่ถูกควบคุมอย่างเข้มงวด “ผมว่าเราหย...” “ไม่ อย่าพูดแบบนั้นวาดรักคุณ รักคุณมาก วาดขาดคุณไม่ได้” ปานวาดขัดขึ้นทันที โผเข้ากอดสามี ซบหน้าสะอื้น ส่วนชายหนุ่มยืนนิ่งหลับตาด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่าย ระอากับการกระทำแบบนี้ของภรรยาซึ่งมันไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกและที่เขาแน่ใจคือมันจะไม่ใช่ครั้งสุดท้ายอย่างแน่นอน “ฉันขอโทษ ฉันแค่รักคุณมากไป ฮึก จริง ๆ นะคะ” หญิงสาวสะอึกสะอื้น มันก็เป็นอยู่อย่างนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า พอเขาจะเอ่ยปากขอหย่า หล่อนก็จะร้องห่มร้องไห้ขอโทษขอโพยแล้วบอกว่าจะไม่หาเรื่องทะเลาะแบบนี้อีก แต่ผ่านไปไม่กี่วันหากมีอะไรมาสะกิดเพียงนิดมันก็วนกลับมาลูปเดิมอีกจนได้ ^ ^ ^ ***ช่วยกดหัวใจให้ถึง 200 ดวงภายในวันนี้หน่อยนะคะ พลีสๆๆ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD