บทที่ 2 อับจนหนทาง [2/2]

989 Words
ฉันเดินเลาะออกมาทางด้านหลังร้านด้วยอารมณ์ที่กำลังคุกรุ่นและฉุนเฉียวเต็มที่ พอมาถึงรถมอเตอร์ไซต์กึ่งเก่ากึ่งใหม่ที่จอดไว้อยู่หลังร้านก็ขึ้นควบทันที ซึ่งมอเตอร์ไซต์คันนี้พี่อ้อมกอดเก็บเงินซื้อมือสองมาให้ฉัน ฉันสวมหมวกกันน็อก เอาขาตั้งขึ้น สตาร์ทเครื่องเตรียมจะขับออกไป แต่ไม่ว่าจะพยายามสตาร์ทยังไงก็ไม่ติดสักที จนฉันเริ่มหมดความอดทน ตวัดขาลงจากรถมอเตอร์ไซต์และตัดสินใจจอดทิ้งมันไว้ที่นี่ ในเมื่อมันสตาร์ทไม่ติดก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่ฉันจะพยายามดั้นด้นต่อไป พรุ่งนี้ค่อยคิดหาทางว่าจะเอายังไงกับมันต่อดีละกัน ตอนนี้ฉันไม่สบอารมณ์กับสุดสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ เดินไปโบกพี่วินมอเตอร์ไซต์หน้าปากซอยให้ไปส่งที่บ้านดีกว่า ขณะที่กำลังเดินไปหน้าปากซอยก็คิดหาทางออกเรื่องเงินค่าเทอมที่ต้องหาให้ได้ไปด้วย คิดไปก็ปวดหัวไปด้วย อีกนิดก็จะหัวระเบิดแล้ว ทำงานรับจ้างล้างจานก็ได้วันละไม่กี่บาทกี่สตางค์ ร้านอาหารที่รับจ้างเสิร์ฟช่วงกลางวันก็ดันมาปิดช่วงนี้ ร้านโชห่วยใกล้บ้านก็เพิ่งลาออกไปเมื่อวันก่อนเพราะใกล้จะถึงวันเปิดเทอมแล้ว และอีกเหตุผลก็คือโดนยายเจ้าของร้านกดขี่ใช้งานอย่างหนักหน่วง พลั่ก! ฉันเดินเหม่อลอยพลางคิดว่าจะหาเงินมาจากไหนมาเรื่อย ๆ แบบไร้จุดหมาย แถมยังลืมเรื่องโบกวินมอเตอร์ไซต์ไปด้วย จนกระทั่งหลุดออกจากภวังค์ความคิดเมื่อชนเข้ากับใครบางคน “ขะ..ขอโทษค่ะ” พูดขอโทษพร้อมกับโค้งหัวให้อย่างรู้สึกผิด ก่อนดวงตาจะเบิกโพลงโตด้วยความตื่นเต้นดีใจ “มะ..อ้าวยัยใจรัก!” “เจ๊...บอลลี่!” เจ๊บอลลี่ คือรุ่นพี่สาวประเภทสองที่ครั้งหนึ่งเคยทำงานเสิร์ฟที่เดียวกับฉันเมื่อปีก่อน เราสองคนสนิทกันเพราะพูดคุยกันถูกคอ แต่ที่ห่างหายกันไปเพราะเจ๊บอลลี่เข้าเรียนมหาวิทยาลัยและย้ายไปทำงานพาร์ทไทม์ที่อื่น หลังจากนั้นฉันก็ไม่ได้ติดต่อกับเจ๊บอลลี่อีกเลย แอบได้ยินข่าวลือแว่ว ๆ จากพนักงานด้วยกันที่ร้านว่าเจ๊แกไปทำงานที่ผับนี่แหละ “อ๊ายยย เป็นยังไงบ้างยัยใจรัก เจ๊โคตรคิดถึ้งคิดถึงแกเลย ไม่ได้เจอกันนานมาก” “ก็เรื่อย ๆ อะเจ๊ เหมือนเดิม เพิ่มเติมคือมีเรื่องให้คิดหนัก” “มานี่ ๆ มาคุยกันหน่อยสักแป๊บ” เจ๊บอลลี่ลากแขนฉันมายืนคุยที่มุมหนึ่งหน้าร้านกาแฟที่ปิดไปแล้ว แต่ยังมีแสงไฟหน้าร้านที่เปิดสว่างไว้อยู่ “แกคิดหนักเรื่องอะไรยัยใจรัก เล่ามาให้เจ๊ฟัง เผื่อเจ๊ช่วยแกได้” ฉันลังเลเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นสีหน้าที่ดูตั้งอกตั้งใจรอฟังของเจ๊บอลลี่ฉันก็ตัดสินใจเล่าออกไปให้ฟังทั้งหมด แต่เป็นแบบย่อ ๆ รวบรัดนะ “ฉันอยากช่วยแกนะ แต่ฉันเองก็เพิ่งจ่ายค่างวดรถกับค่าเทอมไปเมื่อสองวันก่อน ตอนนี้บ๋อแบ๋มากยัยใจรัก” “ไม่เป็นไรเจ๊ ว่าแต่เจ๊พอจะมีงานที่ทำครั้งเดียวแล้วได้เงินทีละห้าหมื่นไหม?” ฉันถามออกไปแบบโง่ ๆ ทั้ง ๆ ที่คิดอยู่แล้วว่ามันคงไม่มีงานแบบนี้หรอก งานบ้าอะไรจะทำครั้งเดียวแล้วได้ตั้งห้าหมื่นถ้าไม่ใช่ดาราที่ออกอีเวนต์แค่งานเดียวก็ได้ค่าตัวเท่านี้แล้ว “มีมันก็มีแหละ ว่าแต่แกจะกล้าทำหรือเปล่าล่ะ” “งานอะไรเหรอ?” ฉันเอียงคอถามด้วยความอยากรู้ หูผึ่งตาลุกวาว “ขึ้นเตียงกับเสี่ยกระเป๋าหนักสักคน เอาไหมฉันจะดีลให้สักคน ฉันทำงานอยู่ที่บาร์ มีเสี่ยหนีเมียมาเหล่อีหนูเยอะแยะเลย” “หา!! ไม่เอาหรอก รักไม่เอาเด็ดขาด” ฉันรีบส่ายหัวเป็นพัลวัน ให้ตายก็ไม่มีทางทำงานแบบนั้น มันคือการขายตัวชัด ๆ และฉันก็ใจไม่กล้าพอที่จะทำ อีกอย่างมันผิดศีลธรรมด้วย “มันก็มีอยู่แค่งานนี้นี่แหละที่ได้ทีละหลายหมื่น แกคิดว่ามีงานสุจริตอย่างอื่นที่ทำได้ทีละห้าหมื่นอีกหรือไงล่ะ” แต่ก็จริงของเจ๊บอลลี่ เพราะถ้าไม่ทำงานแบบนี้หรือทำนองนี้ก็ไม่มีทางได้เงินทีละเยอะ ๆ อย่างแน่นอน นอกจากดารานักแสดงที่ฉันเพิ่งบอกไป เฮ้ออออ~ “ไม่ลองใจกล้าทำสักครั้งล่ะ แค่ครั้งเดียวเพื่ออนาคตข้างหน้าของแกไง ดีไม่ดีถ้าเสี่ยเอ็นดูและอยากเลี้ยงดู แกอาจจะสบายไปทั้งชาติก็ได้ ไม่ต้องลำบากทำงานงก ๆ ช่วยพี่สาวแบบนี้” “มันก็น่าสน (มั้ง) แต่รักยังซิงอยู่นะเจ๊” “สมัยนี้เขาไม่ซีเรียสกันแล้วจ้า โลกมันไปไกลแล้ว เอากีซิง ๆ ของแกมาหาเงินแทนเก็บเอาไว้ชิงโชคยังจะดีซะกว่า ดูมีประโยชน์กว่าตั้งเยอะ” ฉันคิดตามที่เจ๊บอลลี่พูดและอีกนิดเดียวก็จะเคลิบเคลิ้มตามไปแล้ว แต่โชคดีที่ยังพอมีสติยั้งคิดอยู่ “อย่าคิดมาก นึกถึงอนาคตของแกไว้สิ แกฝันว่าอยากเข้ามหา’ ลัยมากไม่ใช่เหรอ แค่ครั้งเดียวใจรัก” “……” “เงินห้าหมื่นอยู่แค่เอื้อม เพียงแค่แกตอบตกลงฉันก็จะจัดการให้ทันที...และนี่ก็คือสิ่งที่ฉันพอจะช่วยเหลือแกได้ใจรัก”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD