เช้าวันต่อมา…
ฉันรู้สึกตัวตื่นเพราะเสียงไลน์แจ้งเตือนดังรัวไม่หยุด หงุดหงิดชะมัด มีเรื่องคอขาดบาดตายอะไรแต่เช้า รู้สึกเหมือนเพิ่งจะได้หลับสนิทไปแค่แป๊บเดียวเอง ฉันเอื้อมมือไปควานหามือถือเจ้าปัญหาบนหัวเตียงทั้งที่เปลือกตายังปิดสนิทและเริ่มกะพริบตาถี่เพื่อปรับให้เข้ากับแสงจากหน้าจอที่สาดส่องอยู่ตรงหน้าในเวลาต่อมา
จะเที่ยงแล้วหรอเนี่ย นี่ฉันหลับไปนานขนาดนั้นเลยหรอ…
แจ้งเตือนแรกที่ฉันเปิดเข้าไปดูก็คือแชทของเพื่อนสนิทตัวเอง ที่มันส่งมารัวๆ เพราะเรื่องที่เรานัดกันเมื่อคืนและข่าวงานแต่งที่ดูเหมือนจะจบไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ของฉันเมื่อคืน ขึ้นเต็มหน้าฟีดจริงๆ ด้วย แล้วแต่ดิ…ใครสนกัน
ฉันกดล็อกหน้าจอและวางมันคืนที่เดิมกะจะนอนต่ออีกสักหน่อยค่อยโทรไปนัดมันอีกที ก่อนจะเริ่มสังเกตว่ามีอะไรหนักๆ วางพาดบนหน้าท้องตัวเอง มือเล็กจับผ้านวมเลิกขึ้นทันที
อร๊ายยยยย!!!
แปะๆๆๆ
“นี่!!! ลุกออกไปเดี๋ยวนี้นะ ใครให้คุณมานอนบนเตียงฉัน ห๊ะ!!” ฉันฟาดรัวไปที่ท่อนแขนแกร่งและพยายามจะเอามันออกไปให้พ้นตัวด้วยมือเพียงข้างเดียว เพราะอีกข้างถูกยกขึ้นปิดหน้าอกที่อยู่ภายใต้ชุดนอนคอตตอน โดยไม่มีบราเซียปกปิดมันอีกชั้น ปกติฉันไม่ใส่บราเวลานอนและมันเป็นความเคยชิน อีกอย่างฉันล็อกห้องนอนแล้ว ไม่คิดว่าเขาจะเข้ามาได้…ดูเหมือนฉันต้องคิดใหม่เกี่ยวกับความสามารถแบบไม่ปกติของเขา
“อื้อ…” เสียงครางหลุดออกมาจากผู้ชายที่นอนอยู่ข้างฉันโดยไม่ได้รับอนุญาต เขารู้สึกตัวทั้งที่เปลือกตายังไม่เปิดดีพลางขยับอ้อมกอดแน่นขึ้นพร้อมกับตวัดแขนอีกข้างที่สอดรองใต้คอฉันตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ขึ้น ส่งผลให้ฉันหันหน้าเข้าสู่อ้อมกอดเขาโดยสมบูรณ์
กำปั้นเล็กถูกยกดันแผงอกโดยอัตโนมัติเพื่อไม่ให้เราใกล้กันมากไปกว่าที่ควร ถ้าใกล้อีกนิดเขาจะต้องสัมผัสได้ถึงบางอย่างที่มัน…มันไม่ใช่สิ่งปกติที่จะมาสัมผัสโดนกันได้ง่ายๆ
แต่ไม่ว่าฉันจะออกแรงดันเท่าไหร่ก็ไม่เป็นผล ดูผิวเผินเหมือนเข้าจะกลับเข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง แต่นี่มันคือการแสดงชัดๆ
“ได้…จะเล่นแบบนี้ใช่ม่ะ” ฉันฟาดมือลงบนแก้มเขาอย่างแรง
เพี้ยะ!!!
โอ๊ยยย…
“นี่เธอ ตบหน้าฉันอีกแล้วนะ” คนถูกตบดีดตัวขึ้นนั่งพลางยกมือลูบแก้มตัวเองที่ขึ้นสีระเรื่อ จ้องมองหน้าฉันที่กำลังลุกขึ้นนั่งอย่างคาดโทษ
“ก็คุณลวนลามฉัน” เหตุผลแค่นี้ก็มากพอแล้วที่จะทำให้เขาถูกตบ ใจจริงอยากทำมากกว่านี้ด้วยซ้ำ ฉันรีบดึงผ้านวมขึ้นปิดหน้าอกตัวเอง ความจริงเสื้อที่ฉันใส่อยู่ตอนนี้ก็ถูกออกแบบมาเพื่อปกปิดเวลานอนไม่ใส่บรานะ คือยังไงเขาไม่เห็นอยู่แล้ว แต่มันก็อดไม่ได้ที่จะมีความรู้สึกหวิวๆ
“ลวนลามบ้าอะไร เราแต่งงานกันแล้ว ผัวนอนกอดเมียเขาไม่ได้เรียกลวนลามซะหน่อย” เขาเถียง ซึ่งมันก็ถูก ถ้าตามหลักความเป็นจริง แต่สำหรับฉันกับเขา ทุกอย่างมันคือข้อยกเว้น รวมถึงคำเรียกแทนกัน บ้าๆ นั่นด้วย
“ห้ามใช้สรรพนามแบบนั้นเด็ดขาด! อีกอย่าง นี่มันห้องฉัน คุณไม่มีสิทธิ์เข้ามาถ้าฉันไม่ได้อนุญาต ออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ” ฉันยกมือผลักไหล่เขาเป็นเชิงไล่ก่อนจะชี้ไปทางประตูห้องนอนด้วยมือข้างเดียวกัน
“เดี๋ยวนะ นี่มันเรือนหอ ถ้าเธอไม่ให้ฉันนอนที่นี่ ฉันจะไปนอนที่ไหน”
“บ้านคุณไง”
“จะบ้าไง๊!” เขาพูดในโทนเสียงที่ดังกว่าปกติ จนฉันต้องถลึงตาใส่เขา หมอนี่กล้าดียังไงมาตะคอกใส่หน้าฉัน
“อย่ามาตะคอกฉันนะ!” ฉันตอกกลับในโทนเสียงที่ดังกว่าเขานิดหน่อย นั่นส่งผลในเขาพยายามลดวอลลุ่มเสียงลงเป็นปกติในประโยคต่อมา
“เธอลองบอกมาดิ ว่าพ่อแม่ฉันจะว่ายังไง ถ้าฉันกลับไปนอนที่บ้านทั้งๆ ที่แต่งงานแล้ว”
“พวกท่านรู้อยู่แล้ว ว่าเราแต่งงานกันเพราะอะไร” ไม่มีเหตุผลที่จะต้องเลี่ยงหรือทำให้พวกท่านเข้าใจว่าเราอยู่กันแบบไม่มีปัญหาอะไร เพราะพวกท่านรู้ปัญหาของเราตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
“แล้วจะทำให้ท่านสบายใจหน่อยไม่ได้รึไง แค่เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ท่านก็ปวดหัวกันจะแย่แล้ว” เขาอธิบายและมันน่าหงุดหงิดที่เหตุผลของเขาทำใจฉันหล่นวูบไปชั่วขณะ ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีแล่นมาตกอยู่ที่บ่าจนหนักอึ้ง ทำฉันหงอลงไปในทันที เพราะการที่ฉันฉีกหน้าแขกในงานเพื่อประชดแม่ของตัวเองดันทำให้ผู้ใหญ่คนอื่นๆ ได้รับผลกระทบไปด้วย
ฉันควรขอโทษเขาแล้วก็ขอโทษพ่อกับแม่ของเขาด้วยรึเปล่านะ
“ฉัน…” ฉันหยุดไว้แค่สรรพนามที่ใช้แทนตัวเองในจังหวะที่เขาเอียงคอจ้องมองมา คล้ายกำลังสงสัยว่าฉันจะพูดอะไรต่อ…แต่ฉันขี้ขลาดเกินกว่าจะพูดมันออกไปและเป็นฝ่ายหลุบตาหลบ
“งั้นก็นอนข้างนอก” ฉันวกกลับไปเรื่องที่เราคุยกันค้างไว้แทน
กล้าทำแต่ไม่กล้ารับ…ทำไมฉันกลายเป็นเด็กนิสัยไม่ดีแบบนี้นะ
“โซฟาเล็กๆ นั้นอะนะ” เขาชี้ไปที่ผนังห้องนอนที่ด้านนอกมันคือตำแหน่งที่ตั้งของโซฟาตัวที่ฉันเอ่ยถึง โซฟาชุดนั้นเรียกว่าเล็กหรอ…ฉันว่ามันใหญ่เกินกว่าที่จะนอนคนเดียวด้วยซ้ำ
“แล้วทำไมคุณไม่ซื้อแบบที่มีสองห้องตั้งแต่แรกละ”
“เรื่องอะไร ก็ฉันจะนอนห้องเดียวกับเธอ” เขาตอบกลับหน้าตายียวน
“ฝันไปเหอะ ฉันไม่อนุญาตให้คุณนอนในห้องฉัน” ฉันปฏิเสธทันควัน เขามันจอมวางแผนนี่เองซินะ…
“กฎกติการะหว่างเรามันจบไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว เพราะฉะนั้นอะไรที่ถูกตั้งขึ้นมาใหม่ ฉันไม่นับ”
“ไม่ได้!” ฉันยังยืนยันคำเดิมหนักแน่น
“ทำไม กลัวตัวเองจะแพ้หรอครับคุณหนู” เขานี่มัน…นักยั่วโมโหชั้นยอดและก็เก่งมากด้วยที่จับถูกจุดของฉันไปซะหมดทุกอย่าง แน่นอน…คนอย่างฉันฆ่าได้ หยามไม่ได้อยู่แล้ว
“เหอะ อย่างฉันเนี่ยนะ...จะกลัวคุณ มีอะไรต้องกลัว ได้…อยากทำอะไรก็เชิญเลย” พูดจบฉันก็พาตัวเองลงจากที่นอนคว้าผ้าขนหนูพุ่งตัวเข้าไปในห้องน้ำทันที ฉันเหนื่อยที่จะเถียงกับเขาอีกอย่างตอนนี้ฉันก็รู้สึกหิวมากๆ อีกด้วย
รู้สึกปวดจี๊ดๆ ที่ท้องมาหลายครั้งแล้วนะ หรือจะเป็นเพราะยังปรับตัวไม่ได้กับเวลากิน เวลานอนที่ต่างกัน เดี๋ยวสักพักก็คงชินไปเอง
…
…
ก๊อกๆๆ
ฉันกดปิดฝักบัวทันทีที่ได้ยินเสียงเคาะดังมาจากด้านนอก
“เธอจะกินอะไร ฉันจะสั่งข้าว” พอเสียงน้ำหยุดไหล เขาก็เริ่มประโยคคำถาม
“ไม่กิน ฉันจะไปข้างนอก” ฉันตอบ เพราะคิดไว้แล้วว่าจะนัดจ๊ะจ๋าไปหาอะไรกินข้างนอก วันนี้เขาน่าจะไม่ได้ไปทำงาน เพราะงั้นฉันต้องไม่อยู่ที่นี่
“ไปไหน”
“ไม่ใช่เรื่อง”
“ไปกับใคร”
“ยุ่ง!”
“งั้นฉันไปด้วย”
“ไม่ได้” อยู่ดีๆ จะมาอยากไปกับฉันทำบ้าอะไร มาไม้ไหนอีกนะ…ฉันเดาทางไม่ถูกแล้วนะ
“จะไป” เขายืนยันเสียงหนักแน่น ก่อนจะเกิดเสียงสลิปเปอร์กระทบพื้นดังขึ้นและค่อยๆ เบาลงจนเงียบสนิท นั่นแปลว่าเขาเดินออกไปจากห้องนอนแล้ว ฉันโคลงศีรษะไปมาเบาๆ ก่อนจะเปิดฝักบัวอาบน้ำต่อ นับจากวันนี้ไปชีวิตฉันไม่มีทางสงบสุขอีกแน่ๆ