ฉันพยายามจะดีดดิ้นเพื่อให้หลุดพ้นการคุกคามที่อุกอาจของเขา ทว่าร่างกายกลับไม่ให้ความร่วมมือ นอกจากจะสู้แรงเขาไม่ได้แล้ว ยังเริ่มรู้สึกคล้อยตามการปรนเปรอของคนตรงหน้า
“อืม~” คุณธนินส่งเสียงครางเบาๆ อย่างพึงพอใจเมื่อยอดอกของฉันห่อตัวและค่อยๆ แข็งชันสู้เรียวลิ้นนุ่ม ก่อนจะย้ายริมฝีปากมาดูดดุนปลายถันอีกข้างราวกลัวว่ามันจะน้อยใจ
“อื้อ…พะ…พอแล้ว…อ๊ะ~” ไม่ว่าฉันจะร้องท้วงยังไง เขาก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดจนฉันเริ่มกลัวว่าร่างของตัวเองจะเกิดความต้องการที่ไม่สมควร
“นะ…นี่…ฉันเจ็บนะ!” ฉันโวยขึ้นเมื่ออยู่ๆ คุณธนินก็ใช้ฟันคมขบกัดปลายจุกของฉันแรงๆ มือหนาออกแรงบีบเคล้นความอวบรอบเต้าใหญ่อย่างหื่นกาม
ทั้งสัมผัสวาบหวามและความเหนื่อยจากการพยายามดิ้นทำให้ฉันเริ่มหมดแรงลงเรื่อยๆ แต่นั่นก็ยังไม่น่ากลัวเท่าความรู้สึกเคลิบเคลิ้มที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า
มือหนายอมปล่อยหน้าอกของฉันให้เป็นอิสระ ทว่ากลับเลื่อนมันลงต่ำแล้วหยุดอยู่ตรงจุดอ่อนไหวที่กำลังขมิบเกร็งตอบสนองสัมผัสของร่างสูง
นิ้วเรียวยาวปัดผ่านจุดอ่อนไหวไปมาผ่านกางเกงในตัวบางที่ค่อยๆ ชื้นแฉะจากน้ำหวานสีใส ฉันกัดริมฝีปากของตัวเองแน่นเพราะกลัวจะหลุดเสียงครางน่าอายออกมา ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการกระทำของเขาสร้างความเสียวซ่านให้ฉันมากเกินกว่าที่จะรับมือไหว
ภาพเหตุการณ์ในคืนที่เรามีอะไรกันครั้งแรกลอยเข้ามาในหัวลางๆ ใบหน้าพลันร้อนผ่าวขึ้น หัวใจกระตุกสั่นไหวอย่างรุนแรง อุตส่าห์หนีหน้าเขามาได้ตั้งนาน อย่าบอกนะว่าประวัติศาสตร์กำลังจะซ้ำรอยอีกรอบ
ไม่นะ…ไม่ได้…ฉันจะปล่อยให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นไม่ได้อีกอย่างเด็ดขาด เพราะคุณธนินเขากำลังจะแต่งงาน…
เผลอเพียงชั่ววูบเดียวคุณธนินก็แหวกขอบด้านข้างกางเกงในออกแล้วส่งนิ้วเรียวเข้ามาเกลี่ยรอยกลีบงามที่เหนียวเหนอะของฉันเป็นจังหวะ วินาทีนั้นท้องน้อยฉันเสียววาบและบิดมวน ภายในกายขมิบหลั่งน้ำหวานออกมาไม่หยุด ความหวามไหวก่อตัวขึ้นอย่างยากที่จะยั้ง
“อ๊า…ยะ…อย่าทำแบบนี้…อื้อ~” แม้ปากจะร้องห้ามเขาทว่าฉันกลับแอ่นหน้าอกแล้วเผลอร่อนสะโพกเพื่อสนองตัณหาที่รุนแรงของตนเอง
ทำไมร่างกายถึงไม่รักดีแบบนี้ หรือเพราะคิดถึงสัมผัสร้อนแรงจากเขากัน…
ยิ่งคิดฉันก็ยิ่งรู้สึกสับสน หลายความรู้สึกตีกันในหัวจนวุ่นไปหมด ไม่รู้ว่าควรสนใจกับอะไรก่อนดี
คุณธนินยอมผละริมฝีปากออกจากหน้าอกของฉัน ก่อนที่เขาจะนั่งคุกเข่าแล้วกดริมฝีปากลงดูดดุนติ่งเกสรสีแดงสดที่มันวาวล่อตา
ฉันเบิกตาโพลงพลางพยายามหนีบเรียวขาเข้าหากันแน่นด้วยความตกใจปนเขินอาย ไม่รู้ว่าคืนนั้นเขาทำแบบนี้ด้วยหรือเปล่า เพราะฉันจำไม่ได้ ความรู้สึกเลยเหมือนเพิ่งถูกเขาใช้ปาก…เลียเป็นครั้งแรก
“อ๊า…อ๊าง~ ยะ…อย่าทำแบบนี้…คะ…คุณมีแฟนแล้วนะคะ…” ฉันตัดสินใจโพล่งคำนี้ออกไปเผื่อเขาจะละอายและได้สติกลับคืนมา
และใช่…มันได้ผล
คุณธนินหยุดการกระทำทุกอย่างแล้วหยัดกายลุกขึ้นยืนจ้องหน้าฉันด้วยสายตาที่คล้ายกำลังค้นหาอะไรบางอย่าง
ฉันทั้งอับอายและขัดเขินได้แต่ยืนก้มหน้าหลบสายตาคมกริบคู่นั้นตัวสั่นเทิ้ม สองมือดึงบราเซียให้ลงมาปิดหน้าอกของตนเองไว้ดังเดิมพร้อมกอดมันไว้แน่นอย่างหวงแหน
“เมื่อกี้คุณพูดว่าอะไรนะ?” คิ้วหนาผูกเข้าหากันเป็นโบว์
“คะ…คุณไม่ควรทำแบบนี้กับฉันนะคะ…”
“เพราะ?”
“พะ…เพราะคุณกำลังจะแต่งงานไง…กะ…การนอกใจมันไม่ดีเลยนะคะ…”
“หึ” คุณธนินพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ ก่อนจะแค่นหัวเราะเชิงประชด “คุณพูดเหมือนเราไม่เคยรู้จักกัน ทั้งๆ ที่เอากันจนหลวม”
คำหยาบโลนของเขาทำให้ฉันลืมความหวาดกลัวแล้วเงยหน้าขึ้นจ้องอย่างไม่ชอบใจ เขาพูดบ้าอะไร ทำไมถึงหยาบคายได้ทั้งคำพูดและการกระทำแบบนี้!
“คุณพูดอะไรคะ”
“คุณนั่นแหละพูดอะไร สรุปจะแต่งไหมงาน?”
ฉันปวดหัวกับคนตรงหน้าจนคิ้วกระตุกตุบๆ นี่ฉันกำลังเผชิญหน้ากับเรื่องอะไรอยู่
การที่เราวนกลับมาเจอกันได้มันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเพราะโลกนี้มันกลม แต่ที่แปลกคือการที่เขาทำเหมือนเราสนิทสนมกันจนถึงขั้นขึ้นเตียงด้วยกันบ่อยๆ หนำซ้ำเมื่อกี้เขายังถามฉันอีกว่าจะแต่งงานหรือเปล่า
เขาพูดเหมือนกับว่าเรากำลังจะแต่งงานกันยังไงอย่างงั้น
“คะ…คุณพูดเรื่องอะไรคะ”
ปัง!
เฮือก!!
ฉันสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจเมื่อคุณธนินฟาดกำปั้นทุบผนังห้องอย่างรุนแรง โชคดีที่กระจกไม่ร้าวและไม่แตก ไม่อย่างนั้นต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ
บอกตรงๆ ว่าฉันไม่อยากให้ใครมาเห็นเราอยู่ในห้องด้วยกันสองต่อสอง ยิ่งเขากำลังจะแต่งงานแล้วด้วยยิ่งไม่ควร เพราะหากเรื่องเมื่อกี้หลุดรั่วออกไป ฉันคงจะถูกสังคมตราหน้าว่าชอบแย่งสามีของชาวบ้าน
“เป็นอะไรก็พูดมาตรงๆ ดิวะ จะหลบหน้า แอ๊บทำเป็นไม่รู้จักกันทำห่าอะไร!!” เขาเริ่มใช้อารมณ์และตะคอกเสียงใส่ฉัน ถึงจะโกรธที่เขาพูดจาแบบนั้นทว่าความกลัวกลับมีมากกว่า ฉันจึงก้มหน้าลงมองพื้นอีกครั้ง เพราะไม่กล้าสู้หน้าเขาจริงๆ
“ฉะ…ฉันไม่ได้แอ๊บจริงๆ นะคะ…”
“ถ้างั้นก็แหกตาดูนี่ซะ!” พูดจบเขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเปิดคลิปบางอย่างให้ฉันดู ด้วยความอยากรู้ฉันจึงตั้งใจเพ่งมองว่าเขาให้ดูอะไรกันแน่
และฉันก็เป็นต้องเบิกตากว้างพลางเอามือปิดปากด้วยความตกใจเมื่อเห็นว่าคลิปที่แสดงอยู่บนจอมือถือเป็นคลิปโป๊ของชายหญิงคู่หนึ่งที่กำลังมีเซ็กซ์กันอย่างเผ็ดร้อน ทว่านั่นยังไม่น่าตกใจเท่ากับเรื่องที่ผู้หญิงในคลิปนั้นมีหน้าตาเหมือนกับฉันไม่มีผิด
เหมือนกันราวกับเป็นฝาแฝด…
นะ…นี่มันเกิดอะไรขึ้น เป็นไปได้ยังไง ตั้งแต่จำความได้ฉันก็อยู่กับพ่อมาโดยตลอด ไม่เคยมีพี่น้องหรือญาติคนไหนให้เห็นเลยสักคน
หรือว่าจะเป็นแค่คนหน้าเหมือน…
“ขย่มฉันจนตัวปลิวขนาดนั้น สมองเธอจำผัวคนนี้ขึ้นมาบ้างได้หรือยัง!!”
“คะ…คนในคลิปไม่ใช่ฉันนะคะ” ฉันรวบรวมสติและส่ายหน้าปฏิเสธ
“จนถึงตอนนี้ยังจะปากแข็งอีกเหรอวะ!!”
“เนตรนี่แกเปลี่ยนชุดเสร็จหรือยังเนี่ย ฉันรอนานแล้วนะ” ระหว่างนั้นเสียงของฝุ่นก็ดังขึ้นจากทางหน้าห้อง
หัวใจฉันกระตุกวูบและเต้นระรัวอย่างรุนแรงเพราะกลัวว่าเพื่อจะเข้ามาเห็นฉันในสภาพที่เปลือยท่อนบนอยู่กับผู้ชายคนอื่น
“ใคร?” คุณธนินหันมองทางประตูครู่หนึ่ง แล้วหันกลับมาคาดคั้นฉัน
“พะ…เพื่อนฉันค่ะ…ระ…รบกวนคุณให้ฉันออกไปก่อนได้ไหมคะ…”
“ถ้าฉันปล่อยเธอก็หนีฉันอีกสิ”
“ละ…แล้วจะให้ฉันอยู่ทำไมล่ะคะ”
“เพราะเรามีเรื่องต้องคุยกัน”
“แต่ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับคุณค่ะ แล้วฉันก็รู้สึกว่าคุณจะจำคนผิดด้วย”
“จำคนผิด?” เขาเลิกคิ้วอย่างพร้อมดันลิ้นกับกระพุ้งแก้มอย่างหงุดหงิด “เหอะ! ฉันไม่ได้โง่นะ!!”
“ฉะ…ฉันพูดจริงๆ นะคะ ฉันไม่เคยรู้จักคุณ”
“ใส่เสื้อผ้าซะ แล้วไปเจอผมที่ชั้นหนึ่ง” คุณธนินออกคำสั่งก่อนจะจัดระเบียบเสื้อผ้าให้เรียบร้อย “รู้ใช่ไหมว่าถ้าคุณไม่มาอะไรจะเกิดขึ้น?”
“ขะ…เข้าใจแล้วค่ะ” ฉันพยักหน้ารับปากเพราะอยากให้เขาออกไปจากห้องนี้เร็วๆ
คุณธนินถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเดินออกไปจากห้องลองชุด ฉันรีบก้มหยิบเสื้อนักศึกษาขึ้นมาติดกระดุมให้เรียบร้อยทันที
หลังจากที่คุณธนินออกไปได้ไม่นานฝุ่นก็เดินเข้ามา โดยที่สายตาเธอยังมองตามแผ่นหลังคุณธนินออกไป
“เนตรเกิดอะไรขึ้น ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร” สีหน้าของฝุ่นดูกังวลและเป็นห่วงฉันมาก
“ขะ…เขาเข้าห้องผิดน่ะ” ฉันพยายามคุมน้ำเสียงและท่าทางของตัวเองให้เป็นปกติมากที่สุด เพื่อที่เพื่อนจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง
“แล้วเขาทำอะไรเนตรหรือเปล่าหน้าซีดเชียว ท่าทางเขาเมื่อกี้ดูเหมือนจะหงุดหงิดด้วย”
“ปะ…เปล่า…นะ…เนตรแค่รู้สึกไม่สบายน่ะ…ระ…เรากลับกันเถอะนะ” ว่าจบฉันก็ยื่นชุดให้ฝุ่นถือแล้วเดินออกไปจากห้องลองชุด ฝุ่นรีบเดินตามมาติดๆ โดยไม่ได้เอาชุดมาด้วย
“เนตรโอเคแน่นะ”
“อื้อ…แค่อยากกลับไปพักผ่อนน่ะ”
“โอเคงั้นเรากลับกัน เดี๋ยวชุดค่อยมาซื้อวันหลังก็ได้เนอะ”
ฉันไม่ได้ตอบอะไรเพียงพยักหน้ารับเบาๆ แล้วเดินไปขึ้นรถของบ้านฝุ่น โชคดีที่รถฝุ่นจอดอยู่ไกลจากที่คุณธนินนัดกับฉันไว้ ไม่งั้นความแตกแน่ๆ
ฝุ่นเห็นท่าทางของฉันดูไม่ค่อยดีเลยอาสามาส่งที่บ้าน ฉันพยายามจะปฏิเสธแล้วเพราะเกรงใจแต่ก็พ่ายแพ้ให้กับลูกอ้อนของเพื่อน
ฉันให้ฝุ่นส่งตรงหน้าปากซอยแล้วเดินเข้าไปเองเพราะถนนค่อนข้างเป็นหลุมเป็นบ่อเลยกลัวว่าจะทำให้รถหรูๆ ของเพื่อนมีตำหนิ
บ้านของฉันเป็นห้องพักธรรมดาๆ ไม่ได้หรูหราหรือไฮโซอะไร ก่อนจะถึงทางเลี้ยวเข้าเขตของหอพักก็ต้องเดินผ่านร้านข้าวขาหมูของเฮียเป๊ก
“เนตรมีคนมาหาแหน่ะ” เมื่อเห็นฉันเฮียก็ตะโกนทักทำให้ฉันต้องชะงักฝีเท้า หัวใจพลันหล่นร่วงลงไปกองที่ตาตุ่ม เมื่อได้ยินว่ามีคนมาหา
คะ…ใครกัน…ยะ…อย่าบอกนะว่าเป็นคุณธนิน…
ไม่ใช่หรอกมั้ง เขาจะรู้ที่อยู่ของฉันได้ยังไง ถึงจะสามารถใช้เส้นสายสืบหาได้ก็เถอะ แต่ทุกอย่างมันคงไม่รวดเร็วขนาดนั้นหรอก…
มั้ง…
“คะ…ใครเหรอคะเฮีย…” ฉันพยายามไม่ประหม่า ทว่าก็อดที่จะหวั่นกลัวไม่ได้ “…นะ…เนตรหมายถึงผู้ชายหรือผู้หญิง…”
ก้อนเนื้อในอกฉันเต้นไม่เป็นระส่ำขณะรอฟังคำตอบ หวังว่าที่คนมาคงจะไม่ใช่คุณธนินนะ ไม่อย่างนั้นคืนนี้ฉันคงต้องระเห็ดไปนอนที่อื่นแน่ๆ
ท่าทางเขาน่ากลัวขนาดนั้น ไม่อยากจะจินตนาการเลยว่าถ้าถูกจับได้เขาจะลงโทษฉันยังไง…
“ผู้หญิง มากันสองคน” คำตอบของเฮียทำให้ฉันลอบถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก อย่างน้อยๆ ก็ไม่ใช่เขา
“โอเคจ้ะเฮีย งั้นเดี๋ยวเนตรเข้าบ้านก่อนนะ พรุ่งนี้จะรีบมาช่วย”
“เอ้อๆ”
จากนั้นฉันก็เดินกลับห้องพักของตัวเองด้วยความสงสัย ใครกันที่มาหาฉัน จำได้ว่าไม่ได้รู้จักใครที่ไหนจนถึงขั้นต้องมาหากันในเวลาแบบนี้เลยนี่นา…
เมื่อมาถึงหน้าห้องพักฉันก็พบเข้ากับผู้หญิงสองคนยืนรออยู่ ทั้งสองแต่งตัวดูดีมีชาติตระกูล ทว่าสวมแว่นกันแดดและหน้ากากอนามัยสีดำราวกับไม่อยากให้ใครเห็นถึงใบหน้าที่แท้จริงของตนเอง
คนนึงดูท่าจะอายุประมานสี่สิบกว่าๆ ส่วนอีกคนคาดว่าน่าจะไล่ๆ กันกับฉัน หรือไม่ก็เด็กกว่าแก่กว่าไม่เกินหนึ่งปี
“ขะ…ขอโทษนะคะ…มะ…ไม่ทราบว่ามาหาใครคะ? ฉันเอ่ยถามด้วยความหวาดหวั่น ถึงทั้งสองจะไม่ใช่คุณธนินแต่การมีคนแปลกหน้ามารอเจอแบบนี้ก็ทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัยสักเท่าไหร่
ผู้หญิงวัยกลางคนรีบหันขวับมามองฉัน เธอถอดแว่นกันแดดและหน้ากากอนามัยออกแล้วคลี่ยิ้ม ก่อนจะตรงเข้ามาสวมกอดฉันแน่น
“เนตร! เนตรกลับมาแล้วเหรอลูก” คำทักทายแรกของผู้หญิงคนนี้ทำเอาฉันยืนสตั้นอยู่กับที่ไปชั่วขณะ ทว่าฉันก็ยังไม่รู้สึกช็อกเท่ากับการที่ได้เห็นว่าผู้หญิงอีกคนที่น่าจะอายุไล่ๆ กันถอดแว่นและหน้ากากออก เผยให้เห็นใบหน้าสะสวยที่เหมือนกันกับฉัน…
ราวกับฝาแฝด!!
นะ…นี่มันเรื่องอะไรกัน!!
“นี่แม่เองนะ โถเนตรลูกแม่ โตเป็นสาวแล้ว…”