“ผมรักคุณนะ เข้าเหตุผลของผมเถอะ ผมต้องเดินตามรอยครอบครัว ต้องหาคู่ครองที่คู่ควร และเหมาะสม ไม่ใช่นางแบบที่มัวแต่อวดเรียวขาโชว์คนอื่นเขา” ปกรณ์หันมองหญิงสาวที่ก้มหน้าก้มตาสะอื้นไห้ เขาก็รู้สึกผิดที่ต้องปฏิเสธความรักของพวงชมพู แต่อนาคตของคู่ครองเขาปฏิเสธผู้เป็นแม่ไม่ได้เสียด้วย มาคิดอีกทีก็ดีเหมือนกันที่ไม่ต้องมาทนเอาอกเอาใจพวงชมพู ที่มีความมั่นอกมั่นใจในตัวเองเกินกว่าเขา แถมเธอยังเรียนวิชาเอกหรือวิชาที่เลือกที่ทำได้คะแนนดีกว่าเขาเสียอีก จะมีผู้ชายสักกี่คนที่ยอมให้ผู้หญิงเก่งกว่าตนเองเกือบจะทุกเรื่อง
“ชมรักกรนะ เหตุผลแค่นี้มันยังไม่พออีกหรือไง แล้วที่กรบอกว่าจะรักชมคนเดียวตลอดไป กรแค่ต้องการจะหลอกเล่นหรอกเหรอ” พวงชมพูยิงคำถามรัว
“ผมต้องเรียน ป.โท การเมืองการปกครอง ที่เมืองนอก เราสองคนคงไม่มีเวลาให้กัน เข้าใจผมเถอะนะ” อธิบายจบ บรรยากาศในรถเต็มไปด้วยความเงียบสงัด
ไม่นานรถของปกรณ์ก็จอดหน้าบ้านหลังเล็กของพวงชมพู และเพื่อนสาวอีกสองคน ที่เธอซื้อด้วยเงินจากการเดินแบบ เธอเบื่อกับการอยู่คนเดียวจึงชวนเพื่อนสาวที่สนิทสนมกันมากอย่างลิซี่ และลิซ่า พี่น้องฝาแฝดคนละฝา
พวงชมพูจ้องใบหน้าของแฟนหนุ่มด้วยความรู้สึกหลากหลาย อยากทอดเวลานี้ออกไปเพียงเพื่ออยู่กับเขาต่ออีกนาทีก็ยังดี เธอวาดฝันอนาคตชีวิตคู่ไว้อย่างสวยงาม แต่แล้วกลับมาจบลงอย่างง่ายๆ
เธอก้าวลงจากรถอย่างหมดแรง ลึกๆเธอยังหวังให้เขาหันมาและโผล่เข้ากอดเธอเหมือนทุกครั้งที่เธอเสียใจ ยังไม่ทันที่พวงชมพูจะบอกฝันดี และบอกลาชายหนุ่ม รถยนต์ของปกรณ์ก็ออกไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งเพียงฝุ่นตลบอบอวลไว้ให้ระคายจมูก
พวงชมพูหันหลังมอง ก่อนถอนหายใจเฮือกใหญ่ หมดกันอนาคตที่หวังว่าจะหมั้นหมายและแต่งงาน อนาคตที่สวยต้องมาพังเพราะธุรกิจของครอบครัวซึ่งไร้หน้าตาทางสังคมงั้นเหรอ เธอเดินเข้าเปิดประตูด้วยความหมดหวัง เห็นสองพี่น้องนั่งดูละครซีรีส์อย่างสนุกสนาน
เสียงเปิดประตูเรียกความสนใจจากพี่น้องที่นั่งดูละครได้ดี รีบกรูเข้ามาถามเธอด้วยความตื่นเต้นว่าจะเป็นไปตามที่ทั้งคู่เดาไว้หรือไม่
“ชม เขาขอแต่งงานเลยหรือเปล่า” คนเป็นพี่อย่างลิซี่ยิงคำถามแทบจะ จุกอกของพวงชมพู
“หรือ เขาจะขอหมั้นแล้วให้แหวนเพชรเม็ดใหญ่ที่นิ้วนางข้างซ้ายจ๊ะ” ลิซ่าช่วยเสริมพี่สาว
“ไม่ ดูสภาพฉันตอนนี้เหมือนคนกำลังจะแต่งงานหรือไง” พวงชมพูพูดด้วยน้ำเสียงเนิบนาบไร้อารมณ์ ก่อนจะโห่ร้องออกมา “เขามาบอกเลิก หลอกนัดฉันไปเดตในร้านหรูที่แท้ก็เพื่อจะบอกเลิก”
“โอ้ แย่จัง ไม่เป็นไรนะชม เธอสวยขนาดนี้ รับรองมีผู้ชายดีๆเข้ามาอีกเพียบ” ลิซ่าพูดปลอบใจเพื่อน และสวมกอดให้กำลังใจ
“ไม่ต้องไปสนไอ้คนแก่ตัวพรรค์นั้นหรอก ที่ดีแต่หลอกผู้หญิงไปวันๆ” ลิซี่พูดโผงผางออกโดยไม่สนใจพวงชมพูที่ร้องไห้หนักเข้าไปอีก จนโดนลิซ่าปราบด้วยสายตา“ ฉันขอโทษชม ฉันไม่ได้หมายถึงเธอนะ” ลิซี่สั่นหัวไปมา
“เธอพูดถูกแล้วแหละลิซี่ ฉันมันโง่เองที่หลงรักเขาข้างเดียว คนบ้า คนนิสัยไม่ดี ไหนบอกจะรักฉันคนเดียวและตลอดไป ทั้งหมดนั้นมันคือคำโกหกจากผู้ชายเห็นแก่ได้งั้นเหรอ” จากเริ่มแรกที่เหมือนจะดูดีแล้วเชียว แต่พวงชมพูกับร้องไห้โห่พร้อมพ่นคำตัดพ้อต่อปกรณ์ พูดจบพวงชมพูก็รีบวิ่งขึ้นไปบนห้อง ทิ้งพี่น้องฝาแฝดส่ายหน้าด้วยความเห็นใจ
“อ้าว...ชม..”ลิซ่าเรียกเพื่อนไม่ทันก็รีบวิ่งกลับขึ้นไปซะแล้ว
“เธอคิดว่านายปกรณ์จะกลับมาหายายชมของเราไหม” ลิซี่เอ่ยถามความเห็นจากน้อยฝาแฝด
“ไม่แน่นอน แต่ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ” ลิซ่าส่ายหน้า เธอไม่เคยเห็นด้วยสักนิดตั้งแต่ปกรณ์ตามจีบพวงชมพู แต่เธอจะทำอะไรในเมื่อมันคือความสุขของเพื่อน
พอขึ้นมาบนห้องที่ถูกตกแต่งด้วยโฟนิเจอร์สีชมพูเสียส่วนใหญ่ หญิงสาวทิ้งตัวลงบนเตียงกว้าง ซบหน้าร้องไห้กับหมอน เธอไม่คิดเลยว่าปกรณ์จะเลือกคบคนเพียงแค่ฐานะทางสังคม แค่ความรักที่เธอมีให้ปกรณ์มันไม่พอหรือไง ทำไมเขาตัดเยื่อใยกับเธอช่างง่ายดายนัก ต่างจากความรู้สึกของเธอลิบลับ
นานนับชั่วโมงที่พวงชมพูขังตัวอยู่ในห้อง เธอสะอื้นจนแทบไม่มีน้ำตาไหลออกมาแล้ว
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! เสียงเคาะประตูดังถี่ๆคงจะเป็นใครอื่นไม่ได้นอกจาก ลิซี่และลิซ่าพี่น้องฝาแฝดที่มีความเหมือนแค่บางส่วนเท่านั้น ผู้เป็นพี่จะมีใบหน้าคม จมูกโด่งจนใครๆอิจฉา แถมยังสูงกว่าลิซ่าอีกหลายเซนติเมตร ส่วนลิซ่าถึงแม้จะไม่สวยคม เรียกได้ว่าเป็นสาวหวาน ทั้งใบหน้าและนิสัยที่ไม่ตรงไปตรงมาเหมือนคนเป็นพี่
“ชม เปิดประตูหน่อยซิจ๊ะ พวกเราสองคนเข้าครัวทำโจ๊กเองเลยน่า” เสียงเรียกของลิซ่ามาพร้อมกับกลิ่นโจ๊กลอยมาแตะจมูก
“ไปซะเถอะลิซี่ ลิซ่า ขอบใจนะ แต่ฉันขออยู่คนเดียวสักพัก” พวงชมพูตะโกนบอก ถึงกลิ่นอาหารจะหอมเพียงไหนก็ไม่กระตุ้นความอยากอาหารให้เพิ่มขึ้นสักนิดเลย
ลิซ่าที่ถือถ้วยโจ๊กอยู่หน้าห้องเบือนหน้ามาของความเห็นจากพี่สาวที่กำลังแบะปากส่ายหน้าเอือมระอากับพวงชมพู จากสาวที่มีความมั่นใจ น่ารัก สดใส กับปล่อยตัวเองโทรม
“ชมจ๊ะ ฉันรู้น่าว่าเธอเสียใจ แต่การที่นั่งร้องไห้อยู่ในห้องมันก็ไม่ได้ช่วยให้เขากลับมาหรอกนะ แล้วอะไรจ๊ะที่ทำให้สบายใจทุกครั้งเมื่อมีเรื่องไม่สบายใจ” ลิซี่พยายามชวนให้หญิงสาวที่จมทุกข์ออกมานอกห้อง
“ช๊อปปิ้ง หรือแดนซ์ให้กระจาย” ลิซ่าตอบอย่างเริงร่า เมื่อไม่มีเสียงตอบรับจากในห้องเผื่อพวงชมพูจะสนใจข้อเสนอของพวกเธอบ้าง
“ออกมาเถอะการที่นอนร้องไห้ในห้องไม่ให้เข้ากลับมาหรอกนะ” พูดจบไม่ถึงนาที จากที่คิดว่าพวงชมพูจะไม่ออกไปไหน หญิงสาวเปิดประตูออกมาด้วยสภาพที่โทรมเท่าที่พวงชมพูเคยเป็นมา มาสคาร่าเปรอะเปื้อนทั่วใบหน้าสวยๆของเธอ
“โอ้ เธอจ้า ดูสิดูไม่ดีเอาเสียเลย เธอควรล้างหน้าล้างตาก่อนนะ” ลิซ่าเตือนอย่างเป็นห่วงถ้าพวงชมพูออกในสภาพนี้มีแต่คนสมน้ำหน้าแน่นอน
“ใครคิดว่าพวงชมพูจะออกไปข้างนอกด้วยสภาพทุเรศแบบนี้ ฝันไปเถอะ” พวงชมพูพูดขึ้น พร้อมใบหน้าขึงขัง
“พวงชมพูของพวกเรากลับมาแล้ว” แฝดผู้น้องยิ้มกว้างเมื่อเห็นเพื่อนของตนกลับมาร่าเริงเช่นเคย
“กลับอาบน้ำแต่งตัว จากนั้นก็ถึงเวลาแดนซ์อย่างสุดเหวี่ยงของพวกเรา” ลิซ่าสรุปก่อนแยกย้ายไปแต่งตัวตามห้องของแต่ละคน
ส่วนพวงชมพูไม่มีอารมณ์ออกไปไหน แต่ในเพื่อนทั้งสองรบเร้าเธอก็ควรไปอย่างน้อยก็ดีกว่านั่งเศร้าให้ได้อะไรขึ้นมา บางทีการออกไปข้างอาจทำให้ลืมความเศร้าได้สักชั่วโมงก็ยังดี
หญิงสาวมองเสื้อผ้าที่แขวนเรียงรายอยู่ในตู้ เธอเลือกหยิบชุดสีส้มอ่อนยาวแค่เข่า ล้างเมคอัพก่อนจะแต่งเติมเล็กน้อย พร้อมเลือกกระเป๋าสีเดียวกันกับชุด
ผ่านไปแค่สิบนาทีเธอก็พร้อมสำหรับการออกไปข้างนอก
“อ้าว ชมทำไมวันนี้เธอไม่เลือกใส่สีโปรดของเธอล่ะจ๊ะ” ลิซี่ทักด้วยความแปลกใจเพราะพวงชมพูมักแต่งตัวเป็นเอกลักษณ์ด้วยสีชมพู
“ไม่ล่ะ วันนี้ขออะไรที่ใหม่แล้วก็พิเศษด้วย” เธอสั่นหน้าตอบเพื่อน
“มาแล้วทุกคน ไปกันเถอะ” ลิซ่าที่ดูใจเย็นช้ากว่าเพื่อน ไม่วายที่แฝดผู้พี่จะแขวะ
“ช้าตลอดเลยน่ะลิซ่าเนี่ย”
“เราไปกันเถอะ” พวงชมพูตัดบทเพื่อนทั้งสองที่กำลังติติงกันเอง
“อือ ไปกัน” สองแฝดประสานเสียงอย่างพร้อมเพรียงกัน เดินนำเธอลิ่วไปที่รถสปอร์ตคันหรู มุ่งหน้าไปสถานบันเทิงยามค่ำคืนสุดฮิตสำหรับคนนักท่องราตรี