1
ในค่ำคืนที่หลายคนต่างนอนหลับพักผ่อน กลับมีอย่างไม่มีที่มาที่ไป ไม่มีแม้แต่การแจ้งเตือนล่วงหน้าว่าจะเกิดฝนฟ้าคะนองมากขนาดนี้ พายุรุนแรง สายฟ้าฟาดโหมกระหนำ ลมกรรโชกรุนแรง
"คุณยายทำไมอยู่ๆพายุก็เข้าแบบนี้ล่ะค่ะ"
คุณยายอรวียิ้มอย่างไม่ตกใจกับพายุเพราะภัยธรรมชาติมักไม่บอกกล่าวก่อนเสมอ แม้ทุกวันนี้จะมีการพยากรณ์ล่วงหน้าแล้วแต่ก็ใช่ว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามนั้น ดูอย่างครั้งนี้สิ ฝนตกหนักทั้งที่ในตอนกลางวันยังปรกติดีทุกอย่าง
"ยายมีอะไรจะให้" คุณยายอรวีหยิบกล่องกำมะหยี่ใบเล็กมาวางไว้พร้อมเปิดให้หลานสาวดู
"เครื่องเพชรชุดใหม่ของคุณยายใช่ไหมค่ะ" มณีรัตนพูดอย่างรู้ทันเพราะว่ายายของเธอชอบสะสมเครื่องเพชรไว้มากมาย
"ของหลานจ้ะ ยายฝันเห็นทับทิมพวกนี้พร้อมกับหลานก่อนที่แม่หลานจะท้อง แล้วจากเพียงไม่นานยายก็ได้มันมาอย่างง่ายได้เหมือนมันพร้อมจะมาอยู่กับยายอยู่แล้ว" คุณยายอรวีเริ่มเล่าถึงที่มาอันน่าแปลกใจรู้ในใจลึกๆว่าเครื่องประดับชิ้นนี้เป็นของใครและมาเพื่อให้เธอเก็บเอาไว้ให้หลานสาว
"แล้วยังไงต่อเหรอคะ?" มณีรัตนรีบถามด้วยความอยากรู้เกี่ยวกับเครื่องประดับชิ้นนี้
"ทับทิมมันเปร่งประกายสวยมากเมื่อหลานใส่เท่านั้น แต่ถ้าเป็นคนอื่นใส่มันไม่เปร่งประกายสักนิดจนเหมือนหินสีแดงธรรมดาเสียมากกว่านะ" คุณยายอรวีนึกถึงตอนที่ลองใส่ให้หลานสาวในวัยเด็กที่เธอน่าจะจำไม่ได้ แต่วันนั้นสร้อยและแหวนทับทิมนี้เปร่งประกายเจิดจรัสเล่นแสงอย่างสวยงาม แต่พอลองใส่เองกับไม่เป็นอย่างนั้น เธอไม่ได้ลองเพียงครั้งเดียวและผลออกมาแบบเดิมเสมอ นั่นทำให้เข้าใจว่าสร้อยได้เลือกคนใส่แล้ว
"หนูจำไม่ได้ค่ะ" มณีรัตนเกาหัวด้วยความมึนงงปนสงสัย เธอจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตอนไหนที่เคยใส่
"ตอนนั้นเรายังเด็กอยู่เลยนะ หลานกลับไปนอนเถอะ แล้วเอาทับทิมนี้ไปด้วยเลย ยายยกให้" คุณยายอรวีบอกหลานด้วยน้ำเสียงอบอุ่น แต่รู้สึกใจหายแปลกๆคล้ายว่าเราจะไม่ได้เจอกันอีก
"ค่ะคุณยาย" มณีรัตนเก็บชุดทับทิมใส่กล่องกำมะหยี่เสร็จก็กลับไปห้องตัวเองทันที ตอนนี้ดึกมากแล้วคุณยายควรจะได้พักผ่อนมากกว่านี้
เมื่อวางกล่องอัญมณีล้ำค่าจากคุณยาย เธอก็นั่งมองสักพักด้วยความสงสัยในเรื่องเล่า ผ่านไปไม่นานถึงเห็นความเปร่งประกายเล่นแสงระยิบระยับอย่างสวยงามมาก เธอมองด้วยความชั่งใจว่าจะเอายังไงต่อดี ก่อนจะตัดสินใจจะหยิบมาลองใส่ทั้งสร้อยและแหวนแล้วมองไปในกระจก แต่กลับมีบางอย่างทำให้ชะงัก หัวใจเต้นแรงและรู้สึกเหมือนถูกตรึงไม่ให้ขยับได้ เธอเห็นภาพตัวเองซ้อนทับกับอีกคนที่เหมือนกับเธอหมดทุกอย่าง คนในกระจกยิ้มให้อย่างอ่อนหวานปนซุกซนและไม่ได้มีท่าทางเหมือนจะทำร้ายกันเลย
ทุกอย่างดับวูบลงไปในทันที
เข้าสู่ความมืดมนไม่นานสติก็เลือนรางไป
ในค่ำคืนที่เงียบสงัด ท่านพ่อเฒ่านาซีได้ทำพิธีอันเก่าแก่และมีมนต์ขลัง บทสวดบูชาเทพเจ้าจนก่อเกิดเป็นพายุที่มืดฟ้ามัวดินได้อย่างอัศจรรย์ใจ หากแต่องค์ฟาโรห์ไม่ตกใจแม้แต่น้อยเพราะเคยเห็นพิธีกรรมแบบนี้เมื่อครั้งวัยเยาว์มาแล้ว พิธีกรรมนี้มีเพียงขุนนางบางคนเท่านั้นที่ได้เข้าร่วม แม่ทัพฮอร์รัส เสนาบดีเฟอเนีย ราชองครักษ์ซีนอร์ส ราชองครักษ์เรสฮิบและสุดท้ายท่านนักบวชโอเบร
"พิธีเป็นอันเสร็จสิ้นแล้ว หากว่าพวกท่านจงรักภักดีต่อองค์ฟาโรค์เทพเจ้าจักอวยพร แต่หากพวกท่านหลงระเริงในอำนาจเงินทอง คิดชั่วร้ายต่อองค์ฟาโรห์เทพเจ้าจักสาปแช่งเจ้า แลเทพอะนูบิสจักนำตัวเจ้าไปลงโทษในโลกหลังความตาย" ท่านพ่อเฒ่าร่ายคาถาบริกรรมต่ออีกไม่นาน ก่อนจะส่งน้ำจากแก้วทองคำให้ขุนนางดื่มเพื่อเป็นการสาบานตนว่าจะซื่อสัตย์ จงรักภักดี และปกป้ององค์ฟาโรห์จนกว่าชีวิตจะหาไม่
เปรี้ยง!! เปรี้ยง!! เปรี้ยง!!
เสียงฟ้าผ่าดังสนั่นหวั่นไหวอย่างรุนแรงสามครั้งติดกันจนสามารถรับรู้สึกแรงสั่นสะเทือนได้ ก่อนจะปรากฎเป็นแสงสว่างวาบในครั้งสุดท้าย ลมพายุสงบลงไปในทันทีราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นนั้นสร้างความปิติยินดีให้กับพ่อเฒ่าเป็นอย่างมาก
"เทพเจ้ารับรู้ถึงคำสาบานตนของพวกท่าน"
ท่านพ่อเฒ่าหันมายิ้มให้กับองค์ฟาโรห์อย่างนอบน้อม ก่อนจะขอตัวกลับเข้าที่พัก ขุนนางท่านอื่นก็ขอตัวกลับที่พักเช่นกัน ที่ตรงนี้เหลือเพียงแค่องค์ฟาโรห์และราชองครักษ์คนสนิท
"พวกเจ้าเห็นแสงนั้นหรือไม่?" ฟาโรห์เซเนติถามด้วยความประหลาดใจอย่างมาก
"เห็นขอรับ แต่ข้าท่านว่าพ่อเฒ่าน่าจะรู้เรื่องนี้ดี" เฟอเนียแสดงความคิดเห็น
"ข้าเห็นด้วย แววตาที่มององค์ฟาโรห์เมื่อครู่นี้ทำให้ข้าคิดว่าพ่อเฒ่านาซีน่าจะอยากให้พระองค์รู้เพียงผู้เดียวเลยไม่กล่าวหรือบอกอะไรเพิ่มเติม" ฮอร์รัสกล่าวสมทบด้วยสัญชาตญาณนักรบที่สายตาว่องไวและช่างสังเกตทุกอย่างรอบตัว
"พวกเจ้าไปพักเถิด ส่วนเรื่องนั้นข้าจักพ่อเฒ่าด้วยตัวเอง" ฟาโรห์บอกด้วยน้ำเสียงเรียบง่าย ซ่อนแววตาเปร่งประกายไปด้วยความสงสัยและเริ่มสนุกกับปริศนา แล้วเดินกลับไปยังห้องพักในทันที
"เทพเจ้าทรงมอบของขวัญให้ข้าเป็นแน่แท้" แม้ไม่รู้ว่าแสงวาววาบนั้นคืออะไร แต่ท่านพ่อเฒ่ายิ้มปริมขนาดนั้นคงเป็นเรื่องที่ดีมาก
ของขวัญที่มอบให้แก่ข้าคืออะไรกันนะ
หรือจะได้หัวเมืองมาเพิ่ม
เช้าวันต่อมาองค์ฟาโรห์เสด็จไปยังท้องพระโรงตามปรกติ แต่ว่าวันนี้กลับแปลกกว่าทุกวันที่ผ่านมา
"พระองค์จักไปท่องเที่ยวอีกแล้วหรือขอรับ?" ซีนอร์สถามด้วยความประหลาดใจ
"ใช่ เจ้าและเรสฮิปเตรียมตัวให้พร้อม ข้าต้องการไปแบบเงียบๆ ข้าจักปลอมตัวเป็นเพียงพ่อค้าธรรมดาเท่านั้น จงไปแจ้งท่านแม่ทัพทราบด้วย พรุ่งนี้ข้าจักออกเดินทาง"
ซีนอร์สและเรสฮิปโค้งรับคำสั่งก่อนไปเตรียมตัวและทหารองครักษ์ฝีมือดีเพื่อความปลอดภัยให้แก่องค์ฟาโรห์ที่จะเสด็จออกไปท่องเที่ยวอีกครั้ง
แต่นั่นสร้างความลำบากใจให้ใครบางคน
"เจ้าว่าอย่างไรนะ! องค์ฟาโรห์จักไปท่องเที่ยว!" แม่ทัพฮอร์รัสร้องด้วยความตกใจ
"ใช่แล้วท่านฮอร์รัส และพระองค์จักเดินทางวันพรุ่งนี้ ท่านแม่ทัพจงเตรียมทหารฝีมือดีไว้เทิดเพราะองค์ฟาโรห์ประสงค์จักปลอมตัวเป็นพ่อค้า" ซีนอร์สอธิบายต่อและแอบกลั้นหัวเราะสีหน้าท่านแม่ทัพ
"หากพระองค์อยากท่องเที่ยวแบบนั้นใครเล่าจะกล้าขัดพระทัย ข้าจักเตรียมทหาร อาหารและเสบียงให้พร้อม ข้าจักไปแต่จะคอยคุมกันห่างๆเท่านั้นเพื่อมิให้เป็นการแตกตื่นต่อผู้คนเกินไป"
"แล้วเจ้าล่ะเรสฮิปจักไม่พูออะไรสักหน่อยรึ?" ฮอร์รัสหันไปถามองครักษ์อีกคนที่มักไม่ค่อยพูดจาเท่าไรนัก แต่ฝีมือการต่อสู้ยากที่ใครจะเทียบเท่า
"ให้เป็นไปตามนั้นเทิด ข้าไม่มีข้อโต้แย้งใดๆทั้งสิ้น ข้าขอตัวก่อน" เรสฮิปบอกด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง แล้วเดินกลับไปตรวจตราตามปรกติ ก่อนจะไปดูทหารองครักษ์ที่ฝึกซ่อมอย่างหนัก