เรื่อง:พี่สาวคนสวยกับแฟนtype หมาเด็ก
ตอนที่.9 กฤษณะ
โดย:srikarin2489
“นัน...เขาเป็นใครหรือลูก?”
รสนันท์ยิ้มขำเห็นแม่จำกฤษณะไม่ได้เช่นกัน หันมาถามเธอด้วยสีหน้าแปลกใจปนสงสัย แล้วหันกลับไปดูชายหนุ่มแปลกหน้าอีก
“แม่ดูเขาดี ๆ สิคะ”
กฤษณะขยับเข้ามายืนชิดโต๊ะตัวยาว ที่เขาคุ้นเคยเวลามาวิ่งเล่นที่ตึกเล็ก บนโต๊ะมักเต็มไปด้วยวัตถุดิบสำหรับทำขนม และขนมที่ทำเสร็จแล้วเวลามาวิ่งเล่นที่นี่เขาจะได้ทานขนมอร่อยทุกวัน จากคุณยายผู้ใจดีเอ็นดูเขา ตอนยังเด็กเขาตัวเล็กสูงถึงแค่ขอบโต๊ะเท่านั้น ได้แค่เกาะขอบโต๊ะแหงนหน้าดูคุณยายทำขนม
“ปีนี้แม่อายุหกสิบแล้วนะนัน ความจำมันไม่เหมือนเดิม จำได้บ้างจำไม่ได้บ้างเขาเป็นใครหรือลูก? จะว่าเป็นแฟนใหม่นันไม่น่าจะใช่ เพราะยังดูเด็กอยู่เลย แต่ดู ๆ แล้วมีบางอย่างคุ้น ๆ อยู่นะ” รจนามองใบหน้ายิ้มละไมนั้น พยายามคิดว่าเป็นใคร
“รายงานตัวกับคุณยายเขาหน่อย”
รสนันท์หันไปบอกคนที่ยืนยิ้มสดใสอยู่ เมื่อเห็นว่าถ้ารอให้แม่จำได้เองน่าจะยาก เพราะกฤษณะเปลี่ยนไปมากขนาดเธอเจอครั้งแรกจำไม่ได้เหมือนกัน
“ผมกฤษณะครับคุณยาย”
“ห้ะ!...คุณนะจริง ๆ เหรอ”
รจนาอุทานตาโตจ้องมองใบหน้านั่น แล้วมองสำรวจทั่วร่างราวไม่แน่ใจ จนต้องวางมือจากกล่องขนมเดินเข้ามาหา
“คุณนะจริง ๆ หรือลูก?” เอื้อมมือไปจับแขนแล้วแหงนหน้าขึ้นถาม
“โตเป็นหนุ่มตัวสูงขนาดนี้เลยเหรอ” กฤษณะได้แต่ยิ้มเมื่อรจนาแหงนหน้ามามองหน้าเขา สายตายังเปี่ยมไปด้วยความเมตตาเหมือนเดิม
“แต่ก่อนตัวผอมบางนิดเดียว ตอนนี้สูงจนยายต้องแหงนหน้าคุยด้วย”
“คุณยายสบายดีหรือครับ?”
“ยายสบายดีลูก ไม่มีใครบอกยายเลยว่าคุณนะจะมาวันนี้ ยายรู้แค่ว่าคุณนะจะกลับเมืองไทย แต่ยังไม่มีกำหนดแน่นอน”
ระหว่างที่แม่ทักทายชื่นชมกฤษณะ รสนันท์เดินไปนั่งที่เก้าอี้หยิบขนมบนถาดมาทาน นั่งมองทั้งสองด้วยใบหน้าระบายยิ้มบาง ๆ
“ไปอยู่เมืองนอกสิบกว่าปี ยายนึกว่าคุณนะจะกลายเป็นฝรั่งไปแล้ว พูดไทยชัดไม่น่าเชื่อ”
“คุณกิตติจ้างครูสอนภาษาไทยให้คุณนะ พี่รินบอกว่าครูที่สอนทั้งภาษาไทยกับมารยาทธรรมเนียมแบบไทยให้คุณนะ เขาเคยเป็นครูตอนอยู่เมืองไทย”
“ไปนั่งก่อนลูก วันนี้ยายทำขนมรอบใหม่พอดี คุณนะไม่ได้ทานขนมของยายมานานแล้ว” กฤษณะหันไปยิ้มกับรสนันท์ เมื่อถูกรจนาจูงแขนพาไปนั่งที่เก้าอี้ แล้วไปจัดขนมใส่จานมาวางให้เบื้องหน้า
“วันนี้คุณนะโชคดีมีลาภปาก ขนมคุณยายน้อยไม่ใช่จะหาทานได้ง่าย ๆ นะ”รสนันท์ทำเสียงแซว เห็นแม่ดูแลเอาใจใส่กฤษณะเป็นอย่างดี
“คุณนะมาก็ดีแล้ว ยายจะทำอาหารอร่อยๆ ให้ทาน คุณนะอยากทานอะไรพิเศษ”
“แม่...คุณนะเพิ่งกลับมา คุณปู่เขาคงอยากทานข้าวกับหลาน” ลูกสาวเอ่ยขัด
“ผมทานอาหารกลางวันกลับคุณปู่แล้วครับ เดี๋ยวผมโทรไปบอกคุณปู่ว่าจะทานข้าวที่นี่กับคุณยายกับพี่นัน” รสนันท์เลยพยักหน้าตามใจ
“ไม่รอคุณนะก่อนหรือคะ?”
รสรินหันไปถามคุณกิตติ เห็นสั่งให้แม่บ้านตักข้าวทั้งที่ยังไม่เห็นกฤษณะมานั่งร่วมโต๊ะด้วย
“เขาขอทานข้าวที่ตึกเล็กกับคุณยาย พวกเขาไม่เจอกันสิบกว่าปีแล้ว”
รสรินพยักหน้ารับรู้แล้วเริ่มลงมือรับประทานอาหาร โดยไม่ลืมที่คอยดูแลตักอาหารใส่จานข้าวของคุณกิตติ เมนูอาหารค่ำรสรินจะสั่งให้แม่ครัวทำอาหารที่ย่อยง่าย ไม่เลี่ยนไม่มันมาก คอยดูแลอาหารการกินของคุณกิตติเป็นอย่างดี แม้อายุเจ็ดสิบกว่าคุณกิตติยังมีสุขภาพแข็งแรงไม่มีโรคประจำตัวอะไรเลย ถ้าพอมีเวลาจะออกกำลังกายที่เหมาะกับวัย
“คุณน้อยเขาเก่งเรื่องอาหาร ทั้งคาวทั้งหวานทั้งที่ไม่เคยเรียนมาก่อน”
“เรื่องทำอาหารทำขนมเก่งของแม่ มันมีที่มาค่ะ” คุณกิตติเงยหน้าจากจานข้าวของตัวเองมาเลิกคิ้วมองหน้ายิ้ม ๆ ของรสรินราวสนใจอยากรู้
“แม่ไม่เคยเล่าเรื่องของตัวเองให้ลูกฟัง คนที่เล่าให้รินฟังคือพ่อ ขณะที่เรื่องของพ่อคนเล่าให้รินฟังคือแม่ เรื่องราวของพ่อกับแม่ทำเป็นซีรีส์ได้เรื่องหนึ่งเลย”
“เล่าสู่ฉันฟังบ้างสิ” คุณกิตติบอกด้วยสีหน้าสนใจ
“เขาเจอกันตอนเรียนมหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยดังด้วยค่ะ แม่เข้ามาเรียนปี1ส่วนพ่ออยู่ปี4 แม่เป็นลูกเศรษฐีต่างจังหวัด มีพี่น้องเจ็ดคนแม่เป็นคนเล็ก พอตารู้ว่าแม่ชอบกับพ่อที่มีแต่ตัวไม่มีอะไรเลย เขาโกรธถึงขั้นไม่ให้แม่เรียนต่อ และหาผู้ชายให้เพื่อจะได้แต่งงาน แต่แม่ใจเด็ดหอบผ้าหนีตามพ่อเลย” น้ำเสียงของรสรินที่เล่าถึงแม่กับพ่อเต็มไปด้วยความรักและชื่นชมในความใจเด็ด
“คุณน้อยนี่ใจเด็ดไม่เบานะ” คุณกิตติว่ายิ้ม ๆ รู้สึกชื่นชมความใจเด็ดของแม่ยาย
“ส่วนพ่อแม่เคยเล่าว่าพ่อเป็นคนกรุงเทพฯ ปู่กับย่าของรินประสบอุบัติเหตุจนเสีย ชีวิตตั้งแต่พ่อยังเด็ก ต้องอยู่ในความดูแลของลุงซึ่งเป็นพี่คนละแม่ของปู่ ปู่กับย่าเสียชีวิตทิ้งทรัพย์สมบัติไว้เยอะ แต่พ่อยังเด็กดูแลเองไม่ได้ กว่าพ่อจะโตรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ถูกลุงยักย้ายถ่ายโอนไปเป็นของเขาหมด เขาแค่ส่งเสียให้พ่อเรียน แต่พอรู้ว่าพ่อมีเมียทั้งที่ยังเรียนไม่จบ เขาตัดความช่วยเหลือทุกอย่าง พ่อกับแม่เลยต้องต่อสู้ดิ้นรนปากกัดตีนถีบมาด้วยกัน ตอนแรกพ่อจะเลิกเรียนแต่แม่ไม่ยอม แม่ทำงานสารพัดเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว และส่งให้พ่อเรียนจนจบ แม่เคยทำงานในร้านเบเกอรี่ เขาถึงได้ทำขนมเก่งแม่เขามีพร สวรรค์เรื่องนี้ด้วยค่ะ” คุณกิตติฟังรสรินเล่าด้วยความสนใจ น้ำเสียงของรสรินเต็มไปด้วยความรักและชื่นชมต่อบุพการีทั้งสอง
“แม่เป็นลูกคนเล็กโตอยู่ในครัว ได้รู้เห็นการทำอาหาร ทั้งคาวหวานของแม่กับย่าของแม่มาตั้งแต่ยังไม่รู้ความ มันจึงซึมซับอยู่ในความทรงจำ เลยกลายเป็นสกิลส่วนตัว จากต้องทำงานรับจ้างเพื่อหาเงินเลี้ยงชีพ แม่ลองเปลี่ยนมาทำกับข้าวขาย ปรากฏว่าขายดีจึงทำอาชีพนี้มาตลอด จนพ่อเรียนจบได้ทำงานบริษัทเอกชน ชีวิตดีขึ้นเรื่อย ๆ แต่แม่ยังไม่เลิกทำกับข้าวขาย ช่วยกันทำงานหาเงินเพื่อจะซื้อบ้านเป็นของตัวเอง เขาสองคนเป็นคนขยัน ทั้งที่เป็นลูกเศรษฐีทั้งคู่เลย แต่กลับต่อสู้กับความลำบากแบบไม่ย่อท้อ พ่อขยันมากทำงานแล้วกลับมาช่วยแม่ทำกับข้าวขาย เขามีความฝันจะให้ลูกเมียมีชีวิตที่ดีให้ได้ แต่ชีวิตมันมักมีบททดสอบเสมอ ตอนรินสิบขวบนันห้าขวบพ่อถูกคนเมาขับรถพุ่งชน ขณะกำลังเดินข้ามทางม้าลาย อาการสาหัสก่อนพ่อเสียได้ฝากแม่กับน้องให้รินช่วยดูแล วันที่เผาพ่อรินได้ให้สัญญาต่อหน้าร่างพ่อ ว่ารินจะดูแลแม่กับน้องให้มีชีวิตที่ดีให้ได้ พ่อไม่ต้องห่วงรินจะสานฝันแทนพ่อเอง”
คุณกิตติเอื้อมมือไปไปตบไหล่ภรรยารุ่นลูกเบาอ่อนโยนให้กำลังใจ เมื่อเห็นแววตาคนเล่าเต็มไปด้วยความเศร้าสะเทือนใจ แต่น้ำเสียงเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
“พ่อเธอเขาคงหายห่วงแล้วล่ะ เธอทำได้ตามที่ตั้งใจ” รสรินยิ้มออกมาได้เมื่อสบแววตาอ่อนโยนให้กำลังใจพร้อมทั้งชื่นชมของสามี
“เธอเก่งและแกร่งได้พ่อกับแม่นี่เอง ตอนนี้ทุกคนในบริษัทเขายอมรับเธอหมด แล้ว เธอมีส่วนช่วยให้กิจการของบริษัทขยายตัวเติบโตขึ้น ตอนเธอเข้าไปทำงานใหม่ ๆ มีแรงต้านไม่ยอมรับ ฉันถึงต้องปล่อยให้เธอทำงานเพื่อพิสูจน์ตัวเองให้ได้ เธอไม่โกรธฉันนะที่แรก ๆ ฉันเหมือนไม่ปกป้องเธอ” รสรินมองสบตาสามีด้วยรอยยิ้มสดใส
“คุณกิตติทำแบบนั้นดีแล้วค่ะ เพราะรินต้องการพิสูจน์ตัวเองด้วยความสามารถ ไม่ใช่บารมีของคุณกิตติ ยอมรับว่าตอนนั้นเครียดมาก แต่พอมาถึงวันนี้มันคุ้มแล้วกับ
ความพยายาม” ทั้งสองยิ้มให้กันด้วยความเข้าใจ
“เรื่องความเป็นมาของพ่อกับแม่ นันไม่รู้หรอกค่ะ ตอนพ่อกับแม่เขาเล่าให้รินฟัง นันยังเด็กแต่เขาเป็นน้องที่ดี พร้อมจะเป็นกำลังเสริมให้รินทุกเรื่อง”
“น่าภูมิใจแทนพ่อกับแม่ของเธอ ลูกเติบโตได้ดีแค่นี้พ่อแม่ก็ดีใจมีความสุขแล้ว”
“คุณนัน...คุณ...?”
เลขาสาวเงยหน้าจากแฟ้มงานตรงหน้า เมื่อได้ยินเสียงเดินอันคุ้นเคยพบว่าเป็นรสนันท์ ร่างโปร่งบางอยู่ในชุดเดรสสั้นสีดำ แต่ส่วนคอปกและแขนยาวสีขาวดูเรียบแต่หรู แต่ที่ทำให้อุไรวรรณชะงักคำพูดคือ หนุ่มหล่อหน้าตี๋อินเตอร์ที่เดินตามหลังมาด้วย
“คุณมาด้วยหรือคะ?”
อุไรวรรณ์รีบลุกขึ้นยืน มองดูหนุ่มหล่อสดใสที่ยืนเยื้องอยู่ด้านหลังของรสนันท์ ร่างสูงโปร่งสวมสูทสีน้ำตาลเข้มเสื้อเชิ้ตข้างในสีขาวคอจีน แถมยังส่งยิ้มอ่อนมาให้อุไรวรรณ ทำให้เลขาสาวแทบใจละลายด้วยความปลาบปลื้มใจ ชื่นชอบผู้ชายหล่อสไตล์นี้อยู่แล้ว เจอคนจริงไม่ใช่การเห็นผ่านจอยิ่งทำให้แทบอยากกรี๊ด
“ขอแนะนำให้รู้จักกันก่อน อุ๊นี่คุณกฤษณะที่จะมาเป็นผู้ช่วยฉัน เขาเป็นหลานท่านประธาน คุณนะนี่อุ๊หรืออุไรวรรณเป็นเลขาของพี่”
“ยินดีที่ได้รู้จักอย่างเป็นทางการครับคุณอุ๊” กฤษณะยิ้มแย้มทักทายก่อนแต่คำ ว่าหลานท่านประธาน ทำให้อุไรวรรณได้แต่ยิ้มแหย ๆ ไม่กล้าแสดงออกมาก
“เข้าไปในห้องทำงาน เดี๋ยวตามเข้ามานะอุ๊ ฉันมีงานจะสั่ง”
“ค่ะคุณนัน” อุไรวรรณพยายามยิ้มด้วยเมื่อกฤษณะหันมายิ้มให้ก่อน
“ตายแล้ว!...หลานท่านประธาน” อุไรวรรณได้แต่พึมพำอยู่คนเดียว