ตอนที่2

2389 Words
อาการคนจะคลั่งรัก Writer : Aile'N ตอนที่ 2 อยากไปไหนอีกไหมครับ" ราเชนทร์เป็นฝ่ายถามขึ้น เขาหันไปมองคนข้างกายก่อนที่จะชะงักไปเมื่อมองเห็นริมฝีปากแดงช้ำอันเกิดจากฝีมือตน แต่แทนที่จะเห็นใจ เขากลับอยากรังแกซ้ำให้บวมมากกว่านี้ เกินเยียวยาแล้วจริงๆ "เอ่อ พรีนว่าจะแวะซื้อของหน่อยน่ะค่ะ คุณราเชนทร์จะกลับก่อนก็ได้นะคะ" ร่างบางพูดลองเชิงไปอย่างนั้น ความจริงเธออยากอยู่กับอีกฝ่ายให้นานกว่านี้เลยยกเรื่องซื้อของขึ้นมาอ้าง และทำทีเป็นไล่ให้เขากลับอย่างเกรงใจ จริงๆ กำลังวัดใจเขาต่างหากว่าเขาจะกลับหรือไปกับเธอ "ผมว่างครับ" คำตอบสั้นๆ ที่ตีความหมายได้ว่าอีกฝ่ายเสนอตัวจะไปด้วยกันทำคนฟังแอบยิ้มกริ่ม พยักหน้ารับเมื่อเขาผายมือให้เดินนำไปยังร้านที่ต้องการ ความจริงก่อนหน้านี้พรีนเคยเล็งๆ กระเป๋ากับแหวนเพชรคอลเล็กชันใหม่ของแบรนด์ที่ชอบไว้แต่ยังไม่มีโอกาสได้มาซื้อ เธอจึงใช้โอกาสนี้เสียเลย ร่างสองร่างที่สวยหล่อเหมาะสมกันเดินเข้าไปยังร้านจิวเวลรี่ชื่อดังเป็นที่สนใจของพนักงานและลูกค้าที่อยู่ในร้านไม่น้อย บ้างก็แอบถ่ายรูปและซุบซิบกัน แต่ทั้งคู่กลับไม่ได้สนใจ พรีนรินทร์เป็นคนมีชื่อเสียงเธอคุ้นชินกับสถานการณ์แบบนี้ดี ราเชนทร์เองก็ไม่ต่างกัน ถึงไม่ใช่ดาราแต่เขาก็เป็นนักธุรกิจชื่อดังที่ออกงานสังคมอยู่บ่อยครั้ง ขอแค่ไม่รุกล้ำพื้นที่ส่วนตัวหรือสร้างความเดือดร้อน เขาก็เลือกที่จะปล่อยผ่าน "สวัสดีค่ะคุณพรีน ไม่เจอเสียนาน วันนี้สนใจตัวไหนดีคะ" พนักงานทักทายร่างบางอย่างคุ้นเคยพลางมองเลยไปยังหนุ่มหล่อที่เดินตามมาอย่างอึ้งๆ เธอยิ้มรับและกวาดสายตามองเครื่องเพชรผ่านตู้กระจกที่แข่งกันอวดโฉม เปล่งประกายระยิบระยับสะท้อนแสงไฟจนแสบตา "สนใจแหวนคอลเล็กชันใหม่ค่ะ ขอดูทั้งหมดเลยนะคะ" เสียงหวานดึงสติพนักงานสาวที่มัวแต่ยืนอึ้งในความหล่อเหลาของคนข้างกายเธอ อีกฝ่ายยิ้มแห้งๆ รีบพยักหน้ารับและผละออกไปเอาแหวนคอลเล็กชันใหม่ของร้านมาวางเรียงรายให้ร่างบางเลือก พรีนรินทร์มองแหวนเพชรรูปทรงต่างๆ ด้วยแววตาวาววับ เธอเป็นคนชอบใส่และสะสมเครื่องประดับโดยเฉพาะแหวน เธอมาอุดหนุนแบรนด์นี้เป็นประจำด้วยดีไซน์เรียบหรูและสวยถูกใจ ไม่ว่าจะออกมากี่คอลเล็กชันเธอก็แวะเวียนมาอุดหนุนไม่ขาดจนกลายเป็นลูกค้าวีไอพีในที่สุด "อืม...อันนี้ก็สวย อันนี้ก็ดี" เสียงหวานพึมพำกับตัวเองอย่างคิดไม่ตก เธอถูกใจแหวนเพชรสองวงแต่ไม่อยากจ่ายเงินซื้อทีเดียวพร้อมกันเพราะราคาแรงไม่ใช่เล่น "คุณราเชนทร์คิดว่าวงไหนดีคะ" พอไม่รู้จะเอายังไง พรีนจึงหันไปถามคนข้างๆ เพื่อให้เขาช่วยเลือกโดยใส่แหวนทั้งสองวงโชว์ให้เขาดูด้วย "ทั้งสอง...วงอื่นด้วยก็ได้นะครับ ผมจ่ายเอง" ร่างสูงว่าพร้อมล้วงเอาแบล็คการ์ดพรีเมี่ยมออกมาวางสร้างความตื่นตะลึงให้ทั้งพรีนและพนักงานที่ได้ยินได้เห็นถึงความใจป้ำและร่ำรวยของเขา "ได้ยังไงล่ะคะ ของพรีน พรีนก็ต้องจ่ายเองสิ" ตั้งสติได้พรีนรินทร์ก็รีบส่ายหน้าปฏิเสธ แม้ในใจจะร้องกรี๊ดนำไปแล้ว แต่ภายนอกยังคงไว้ซึ่งความเกรงใจเพราะไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่เขาต้องมาจ่ายให้ แค่มาเดินด้วยก็ดีแล้ว "ผมซื้อให้ ถือว่าเป็นของขวัญสำหรับเดทแรก" ราเชนทร์บอกง่ายๆ อย่างไม่คิดอะไร แม้แหวนสองวงจะมีราคาถึงเจ็ดหลัก ร่างบางได้แต่มองเขาตาปริบๆ ในขณะที่เหล่าพนักงานต่างขวยเขินแทนจนตัวบิดไปมา "คุณราเชนทร์ใจดีกับสาวๆ ที่เดทด้วยทุกคนเลยหรือเปล่าคะ" เสียงหวานถามลองเชิง เพราะความใจดีนี้เขาอาจจะทำเป็นปกติกับผู้หญิงทุกคนที่เดทด้วย ถึงได้ดูเหมือนไม่รู้สึกอะไรแม้จะเสียเงินเป็นล้าน "เปล่าครับ...แค่พรีนคนเดียว" คำตอบอย่างตรงไปตรงมาทำคนฟังแก้มแดงเรื่อ ใจเต้นแรง แม้จะมีเปอร์เซ็นต์เป็นไปได้ที่เขาอาจจะโกหก แต่เธอกลับเลือกที่จะเชื่อ... "ขอบคุณนะคะ แต่พรีนให้คุณจ่ายแค่วงเดียวก็พอค่ะ อีกวงพรีนจ่ายเอง" เมื่อเขาพูดถึงขนาดนี้ร่างบางก็ไม่ปฏิเสธ แต่ก็ยังเกรงใจไม่ให้เขาจ่ายทั้งหมด ดีที่ราเชนทร์ยอมว่าง่ายไม่ดึงดันจะจ่ายให้ทั้งสองวง ไม่ทำให้ลำบากใจ ยิ่งเพิ่มคะแนนความพึงพอใจของเธอที่มีต่อเขามากขึ้นไปอีก พรีนรินทร์เดินพาคู่ดูตัวมาช้อปต่อที่ร้านกระเป๋าแบรนด์เนม ราเชนทร์เสนอตัวจะจ่ายให้อีกแต่เธอเกรงใจไม่ยอมรับ เถียงกันไปมาจนเขายอมล่าถอยเพราะเธอขู่ไปว่าถ้าไม่ยอมให้เธอจ่ายเอง เธอจะไม่ยอมมาเจอเขาอีก ไม่ใช่ว่าไม่ชอบนะผู้ชายนิสัยรวยอะ ชอบมากกกกก แต่เพิ่งจะรู้จักกันไหม รอเป็นแฟนก่อนเถอะ จะขูดรีดให้หมดตัวเลยคอยดู! "ขับรถดีๆ นะคะ" "เช่นกันครับ" เดทแรกจบลงอย่างเรียบง่าย พรีนขับรถมาเองจึงไม่จำเป็นต้องให้ร่างสูงไปส่ง แม้เขาจะอยากไปส่งก็ตาม ก่อนจากเราแลกช่องทางการติดต่อกันไว้เพราะต่างฝ่ายต่างอยากจะสานต่อความสัมพันธ์ ลับสายตาผู้ชายร่างบางก็รีบโทรไปกรี๊ดกับผู้จัดการอย่างอดใจไม่ไหว เมื่อคืนอีกฝ่ายอวยพรให้เจอผู้ชายที่ไม่เหมือนคนก่อนๆ และก็เป็นอย่างที่พูดไว้ สมพรปากจริงๆ! หลังจากที่โทรไปกรี๊ดกับผู้จัดการอย่างชนินแล้ว อีกฝ่ายก็ดูจะยังไม่พอใจ อยากซักไซ้ต่อจึงนัดเธอมายังร้านประจำ โต๊ะวีไอพีชั้นสองในเวลาสามทุ่มเป็นโต๊ะประจำที่เรามักจะมาสังสรรค์กันแทบจะทุกวัน วันนี้ก็เช่นกัน "แรงมาก! เจอกันไม่ถึงวันก็จูบกันแล้ว ไม้เรียวอยู่ไหน กูจะตีให้ก้นลายเลยเชียว!" หลังซักไปซักมาจนได้รู้ว่าเพื่อนรักเสียจูบให้คู่ดูตัวที่เพิ่งเจอ ชนินก็ชี้หน้าด่าพลางเอาอีกมือทาบอก ฟังผ่านโทรศัพท์ว่าตกใจมากแล้วได้ฟังต่อหน้าอีกครั้งก็ยังตกใจไม่หายกับการกระทำมือไวใจเร็วของอีกฝ่าย "โอ้ย แม่! ถ้ามึงได้เห็นเขานะ กลัวจะรีบจับกูใส่พานถวายน่ะสิไม่ว่า" ร่างบางแหวกลับอย่างหน่ายๆ กับท่าทีเกินเบอร์ เป็นเดือดเป็นร้อนเหมือนเห็นเธอเป็นเด็กน้อยหัดมีความรัก "พูดซะอยากเห็นเลย ถ้าทำให้มึงเป็นได้ขนาดนี้ ต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ พามาทำความรู้จักหน่อยดิ นะๆ" ร่างสูงโปร่งของผู้จัดการแปลงร่างด้วยความเร็วแสง กระแซะเข้ามาเกาะแขนทำตาปิ๊งๆ ประจบประแจงเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว "ใจเย็นน่า ยังไงก็ได้เจอแน่" พรีนรินทร์บอกพลางยกยิ้มน้อยๆ ตราบใดที่ราเชนทร์ยังไม่หายไปจากรอบตัวเธอยังไงชนินก็ต้องได้เจอในสักวัน และเธอมั่นใจว่ายังไงเขาก็จะไม่หายไปอย่างแน่นอน.. ชนินยอมรามือเมื่อคาดคั้นยังไงเพื่อนก็บอกให้รอไปก่อน ทั้งคู่นั่งดื่มกินกันไปเรื่อยๆ เนื่องจากนัดกันมาเพราะอยากรู้เรื่องส่วนตัววันนี้ชนินจึงไม่ได้นัดเพื่อนในกลุ่มคนอื่นๆ มา เลยมีกันแค่สองคน แต่ถึงอย่างนั้นทั้งคู่ก็ไม่เหงาเพราะมีเพื่อนขาประจำของผับที่ไม่ได้สนิทแค่เคยเห็นหน้าค่าตาเคยพูดคุยเวลามาดื่มแวะเวียนเข้ามาทักทายไม่ขาดสาย พรีนรินทร์กับชนินนอกจากจะเป็นคนดังแล้วยังเป็นสายปาร์ตี้เฟรนลี่เลยทำให้เป็นที่รู้จักของผู้คนมากหน้าหลายตา มีแต่คนอยากเข้ามาทำความรู้จัก "พวกมึง! นั่นมัน...น้องพรีนป้ะ?" อีกฟากหนึ่งของโต๊ะวีไอพีเบอร์สาม หนุ่มหล่อทรงจีนสะกิดเพื่อนนั่งข้างจนกางเกงแทบขาด เมื่อหันไปเจอสาวสวยคนหนึ่งที่คลับคล้ายคลับคลาว่าจะเป็นนางแบบสาวคนดังสุดเซ็กซี่ที่พวกเขากำลังติดตามไอจีอยู่ เสียงทักของเพื่อนเรียกความสนใจของบุคคลที่สามที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามให้หันมาสนใจแทบจะในทันที ครั้นเมื่อมองตามไปก็เห็นว่าใช่พรีนรินทร์จริงๆ "เออ ใช่จริงด้วยว่ะ โคตรโชคดีเลย ตัวจริงอย่างสวย" ภูมิและเจย์สองหนุ่มไทยจีนถึงกับนั่งก้นไม่ติดพื้นเมื่อแน่ใจว่าใช่พรีนรินทร์นางแบบสาวสวยจริงๆ ตัวจริงสวยมาก ไม่คิดว่าจะได้เจอง่ายขนาดนี้ "มึง ไปขอชนแก้วกัน!" ภูมิที่เป็นแฟนคลับตัวยงของร่างบางเร่งเร้าเพื่อนอยากจะไปทำความรู้จักกับอีกฝ่าย เพราะไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้เจอกันแบบนี้อีกเมื่อไร "จะดีเหรอวะ เขามาเที่ยวกับเพื่อน ก็ต้องอยากมีความเป็นส่วนตัวป้ะ" เจย์มีท่าทีลังเล พวกเขาสามคนนี่ก็ถือว่าอายุไม่น้อยแถมมีเมียมีลูกแล้ว หน้าที่การงานก็มีหน้ามีตา จะทำอะไรก็ต้องคิดหน้าคิดหลังให้ดี แต่เหมือนภูมิจะสลัดสิ่งเหล่านั้นทิ้งไปตั้งแต่ที่เห็นร่างบางจนไม่อยากรับฟังอะไรแล้ว "แต่กูก็เห็นคนอื่นเข้าไปทักเยอะแยะ ไม่เป็นไรมั้ง พวกเราก็ไปในฐานะแฟนคลับไง" ชายหนุ่มวัยสามสิบห้าหน้าตาคมเข้มงอแงอยากไปไม่ต่างจากเด็กสามขวบอยากได้ของเล่น "ไม่ต้องไปหรอก" เสียงกดต่ำดังขึ้นจากอีกฝากหนึ่งของโต๊ะทำคนฟังต่างหันไปมองด้วยความสงสัย เพราะ 'ราเชนทร์' ที่ทนมองเพื่อนทำท่าทางอุบาทว์ๆ เหมือนเด็กน้อยไม่ไหวพูดขึ้นมาอย่างไม่สบอารมณ์ มันไปกินรังแตนที่ไหนมาวะ...? "ไอ้นี่...ไม่ได้จะบังเอิญเจอกันได้ง่ายๆ นะเว้ย" ภูมิงอแงใส่เพื่อนที่ไม่มีใครเห็นดีเห็นงามจะไปด้วยสักคน ก็รู้หรอกว่าราเชนทร์มันไม่อินกับพวกดาราคนดังแต่ก็ไม่เห็นจะต้องอารมณ์เสียขนาดนี้ก็ได้ไหม "เดี๋ยวกูเรียกเขามาเอง" ราเชนทร์พูดโดยที่ยังไม่ละสายตาไปจากคนสวยขาที่กำลังนั่งโยกตัวไปมาตามจังหวะเพลงอย่างเย้ายวน สิ่งที่ภูมิไม่รู้คือเขาไม่ได้หงุดหงิดให้มัน แต่กำลังไม่พอใจร่างบางที่ถูกรายล้อมไปด้วยผู้คนทั้งชายและหญิงต่างหาก! "ฮะ!?" สองหนุ่มหันมองหน้าคนพูดคอแทบเคล็ด "อะไรของมึงเนี่ย? มึงรู้จักเขาเหรอ!?" คราวนี้สองหนุ่มนั่งก้นไม่ติดพื้นยิ่งกว่าเดิม เมื่อเพื่อนรักพูดเหมือนกับว่ารู้จักพรีนรินทร์โดยที่พวกเขาสองคนไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน ราเชนทร์ไม่ตอบคำถาม เพียงกดโทรศัพท์โทรออกเบอร์ที่เพิ่งบันทึกไว้เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้าและจ้องมองเจ้าของเครื่องไม่ละสายตา ร่างบางที่กำลังจะยกแก้วขึ้นดื่มเหลือบมองโทรศัพท์ที่ส่องแสงสว่างอยู่บนโต๊ะด้านหน้าด้วยความแปลกใจหลังเห็นชื่อที่บันทึกไว้ ครั้นจะกดรับตรงนี้ก็คงจะคุยกันไม่รู้เรื่องเพราะเสียงเพลงดัง เธอเลยตั้งใจลุกไปรับสายในห้องน้ำที่อยู่ไม่ไกล เธอชอบห้องน้ำที่นี่มากเพราะถูกสร้างแบบป้องกันเสียงรบกวนจากด้านนอกในกรณีที่ลูกค้าต้องการคุยโทรศัพท์ เผื่อใครมีธุระด่วนโทรมาจะได้ไม่ต้องออกไปรับนอกร้านให้เสียเวลา "ฮัลโหลค่ะ" เมื่อเคลียร์เสียงตัวเองและเสียงรบกวนจากภายนอกได้แล้ว พรีนรินทร์ก็รับสายด้วยหัวใจพองโต เธอยังจำสัมผัสลึกซึ้งของเราในโรงหนังได้อยู่และคงจะสลัดทิ้งไม่ได้ง่ายๆ ("คนสวยครับ มาดื่มด้วยกันหน่อยไหม ผมอยู่โต๊ะสาม") "คะ? คุณราเชนทร์อยู่ที่นี่เหรอคะ" คำสรรพนามที่เสียงทุ้มใช้เรียกกันว่าน่าตกใจแล้วแต่ประโยคถัดมาน่าตกใจยิ่งกว่า เพราะนอกจากเขาจะอยู่ที่นี่แล้วเขายังเห็นเธอก่อนด้วย ไม่รู้ว่าเผลอแสดงท่าทางไม่ดีออกไปให้เขาเห็นหรือเปล่า เสียงเขาจึงฟังดูนิ่งแปลกๆ ("อยากรู้ก็เดินมาสิครับ") ราเชนทร์ไม่ตอบคำถาม แต่เลือกที่จะหลอกล่อให้ร่างบางออกมาดูด้วยตาตัวเอง พรีนรินทร์ยังคงตกใจไม่หาย แต่ก็ยอมเดินออกมาชะเง้อคอมองไปยังโต๊ะวีไอพีเบอร์สาม จนได้สบตากับเขาจริงๆ ราเชนทร์ยกยิ้มมุมปากอย่างขบขันท่าทางตื่นๆ ของร่างบาง ก่อนกดวางสายและรอให้เธอเดินมาหา ร่างบางยิ้มให้เขาตามมารยาททั้งที่ในใจอยากจะร้องกรี๊ดและวิ่งไปลากชนินมาดูหน้า 'ว่าที่สามี' ในอนาคตอันใกล้ แต่ภายนอกทำเพียงเดินสวยๆ ไปบอกเพื่อนว่าเจอคนรู้จักขอไปนั่งคุยด้วยสักพัก และถือแก้วเหล้าเดินมาหาสามหนุ่มที่โต๊ะสาม เธอยิ้มให้เพื่อนร่วมโต๊ะของร่างสูงเล็กน้อย ก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งที่ว่างข้างๆ เขา ตวัดขาไขว้ห้างโชว์เรียวขาขาวไปหนึ่งกรุบ ภูมิกับเจย์ตอนนี้นั่งตัวแข็งค้างเป็นรูปปั้นไปแล้ว ยิ่งได้รับรอยยิ้มหวานๆ จากร่างบางสติก็ยิ่งเตลิด .. .. .. ..
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD