“ผมเป็นคนของผู้ช่วยเหวิน เพื่อส่งของให้คุณเยว่ครับ”
ชิงเกอจึงเปิดประตูออก ได้เห็นกล่องสินค้าพรีเมียมหลายรายการ แต่เธอไม่ได้ดีใจจนร้องว้าว! เพียงเหลือบมองอย่างไม่ใส่ใจนัก
“ผมจะยกเข้าไปข้างในให้นะครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“อ้าครับ โปรดเซ็นชื่อรับของตรงนี้”
“แล้วฉันต้องจ่ายเงินให้คุณไหม”
“ไม่ครับ! แค่ลงชื่อ” แต่ก่อนที่ชิงเกอจะทันได้เขียน เธอฉุกคิดบางอย่างจึงวางปากกาลง
“ฉันขอตรวจดูสินค้าก่อน ในนี้มีรองเท้า ฉันกลัวว่ามันจะใส่ไม่ได้”
“ครับ!” คนส่งของไม่เข้าใจ เพียงขยับหลบให้เธอแกะกล่องออก ชิงเกอรู้ว่าเขาเป็นแค่คนส่งของ ไม่มีเจตนาร้าย เธอจึงใช้ความระมัดระวังในการแกะ เมื่อรองเท้าคู่สวยปรากฏ มุมปากเธอยิ้มอย่างที่รู้ล่วงหน้า
“เป็นอย่างไรครับ ถูกต้องไหม”
“ไม่ถูกค่ะ ฉันใส่รองเท้าเบอร์สามสิบห้า แต่ในกล่องนี้เบอร์สามสิบเจ็ด เกรงว่าของทั้งหมดคงรับไว้ไม่ได้แล้ว ช่วยบอกขอบคุณความหวังดีของผู้ช่วยเหวินด้วย ที่ทำให้เขาต้องลำบากขนาดนี้”
พนักงานเกาหัวกลับไปอย่างเซ็ง เขาต้องแบกของกล่องเทอะทะลงไปเพื่อส่งกลับ ชิงเกอนั่งลงที่โซฟาสายตามีความดูถูก ใช่เธอไม่รู้ว่านายเหวินคนนั้นชอบเข้าข้างหลี่หยางหยาง เขาต้องการสร้างความลำบากให้เธอ หากเมื่อกี้เธอเซ็นรับ เขาจะบอกว่าเธอไม่รอบคอบไม่ตรวจสอบก่อน
อีกทั้งเป็นสินค้าที่มีมูลค่าสูง เธอไม่สามารถใส่มันได้ เธอจะกลายเป็นคนที่เรียกร้องอย่างเอาแต่ใจ ไม่ใช่เพราะเขาที่ซื้อมาผิด จะว่าไปเขาไม่ได้ซื้อผิด แต่จะทำให้ชีหวายอันเห็นว่าเธองี่เง่า สุดท้ายของพวกนั้นจะถูกมอบให้หลี่หยางหยาง
“ในเมื่อแกอยากได้ขนาดนั้น ก็เอาไปเถอะ ฉันไม่เคยต้องการแต่แรก เพียงอยากส่งรองเท้าสกปรกออกไป” ซึ่งชีหวายอันคือรองเท้าคู่นั้น
“เสี่ยวหยวนมานั่งนี่สิ” ถงหยวนเกาะประตูแอบมองเธอ ชิงเกอเห็นเขาสะท้อนในเงาทีวี จึงปรับอารมณ์ให้คงที่ก่อนจะเรียกเขา
“ฉันทำให้เธอตกใจหรือเปล่า”
“เปล่า เมื่อกี้ใครมาครับ เขาทำให้พี่ไม่สบายใจใช่มั้ย”
“เธอช่างสังเกตเหลือเกิน ใช่แล้ว แต่มันไม่ใช่ความผิดเขา เป็นคนอื่นต่างหากที่น่ารำคาญ”
“พี่ครับ ผมเห็นพี่มีคอมเก่าอยู่ ผมใช้มันได้หรือไม่”
ชิงเกอเห็นว่าเขารู้จักถามก่อนจึงไม่คิดมาก อีกทั้งเด็กสมัยนี้เกิดมาพร้อมกับเทคโนโลยี ย่อมสามารถใช้งานเป็น และเธอก็มีคอมสองเครื่อง ให้เขาเล่นอันเก่าจนพังก็ไม่เป็นไร
“ฉันจะให้เครื่องเก่าแก่เธอ เพราะตัวที่ฉันใช้ประจำมันมีไฟล์งานของบริษัท ไม่อาจเสี่ยงทำให้เสียหายได้”
“ยังไงก็ได้ แต่พี่สาวเชื่อถือเสี่ยวหยวนคนนี้ นอกจากจะไม่ทำพังแล้ว ยังจะช่วยพี่หาเงินอีกด้วย”
“โอ้! อย่างไรหรือ”
“ผมรู้จักสนามหุ้น เป็นอัจฉริยะก็ว่าได้”
ชิงเกอหัวเราะ เธอไม่ถือคำพูดนี้เป็นจริงจัง “ถ้าอย่างนั้นกินข้าวก่อนค่อยเล่น หรือจะไปอาบน้ำเปลี่ยนผ้า เธอตากฝนมาทั้งคืนแล้ว”
“ครับ ฉันไปอาบน้ำก่อน พี่จะได้พักเหมือนกัน” กล่าวจบก็วิ่งฉิวเข้าห้องเพื่อจัดการตัวเอง
ชิงเกอมองตามยิ้มเต็มใบหน้า เด็กคนนี้มักจะคิดเผื่อเธอเสมอ พื้นฐานเขามีจิตใจที่ดีงาม พ่อแม่พวกนั้นช่างใจร้าย ลูกที่ดีขนาดนี้เลี้ยงเพิ่มอีกคนไม่ได้หรือไง ไหนๆ ก็เลี้ยงดูจนขนาดนี้
ไม่นานเสียงกริ่งก็ดังขึ้น คราวนี้คือคนส่งอาหาร เธอให้ทิปสำหรับความเหนื่อยยากทุกครั้งที่ใช้บริการ แม้จะเจอพนักงานเหวี่ยงใส่โดยที่เธอไม่ผิด ก็ทำเพียงปล่อยผ่าน คิดว่าบางทีเขาคงเจอแต่เรื่องแย่ๆ แต่ถ้าคนไหนออกแนวคุกคามเธอจะจดจำไว้ แล้วกดยกเลิกเมื่อเจออีกครั้ง การหลีกเลี่ยงปัญหาอาจไม่ใช่ทางออก แต่มันช่วยไม่ให้เธอเจอเรื่องยุ่งยาก ตอนนี้เธออยู่ลำพัง มีคู่หมั้นก็เหมือนไม่มี แย่ยิ่งกว่าเลี้ยงสุนัข
รอถงหยวนแต่งตัวเสร็จ ในหัวคิดวางแผนไว้ร้อยแปด ถึงวิธีการถอนหมั้นโดยที่ชีหวายอันจะเป็นฝ่ายเสนอกับเธอเอง “ถ้าจะให้ดี ฉันควรได้ค่าชดเชยสำหรับหลายปีที่ผ่านมา”
ไม่สนหรอกว่าใครจะมองว่าเธอเป็นผู้หญิงหน้าเงิน เธอต้องเหนื่อยวิ่งไปวิ่งมาเพื่อดูแลเขา ดึกดื่นเข้านอนยังต้องลุกไปดื่มกับลูกค้าเป็นเพื่อน เพื่อให้งานของเขาราบรื่น แต่เพราะการไปบ่อยๆ ทำให้เธอรู้จักคนมากมาย
“ถ้าฉันมีแผนธุรกิจที่ดี คงเสนอขอความร่วมมือ น่าเสียดายที่ฉันขาดไอเดีย ไร้แหล่งเงินทุน” เธอไม่ได้คาดหวังธุรกิจใหญ่ แต่อยากมีกิจการเล็กๆ ไว้เผื่อที่ทำงานมีปัญหา การมีทางเลือกมันช่วยทำให้อุ่นใจขึ้น
“พี่ครับ ผมขอสมุดเล่มนี้ได้ไหม”
“เอ๋? ชิงเกอมองสมุดที่เก็บไว้นานจนเก่า เธอครุ่นคิดอย่างหนักว่าข้างในมีอะไร ถงหยวนไม่ปล่อยให้เธอสงสัย พลิกหน้ากระดาษให้เธอดู
“พี่ดูสิ รูปพวกนี้มันสวย พี่ทำงานในบริษัทออกแบบหรือครับ อยากได้สร้อยสำหรับเด็กผู้ชายที่ใส่แล้วไม่แก่ไม่ตลกจัง วาดให้ฉันหน่อยได้ไหม” ถงหยวนจับมือเธอแล้วอ้อน ชิงเกอคลี่ยิ้มออกมา กล่าวกับเขาอย่างใจดี
“ได้สิ เดี๋ยวฉันวาดให้ ถ้าถูกใจจะทำให้เธอใส่เล่นๆ ดีไหม มาเถอะนั่งลงกินข้าวก่อน”
ชิงเกอเกือบลืมไปแล้วว่า สมัยมัธยมเธอสนใจงานออกแบบมาก จึงหัดวาดไว้หลากหลาย จะหยุดทำก็ตอนตกลงคบกับชีหวายอัน เธอทุ่มเทเวลาเพื่อสนับสนุนเขา รวมถึงให้คำแนะนำด้านการพรีเซนต์เพราะเขาไม่ค่อยมีศิลปะในการนำเสนอผลงาน คำพูดไม่รื่นหูมีปัญหาตอนเข้าสังคม
กว่าจะเรียนจบมหาลัยก็แสนยาก ยังต้องทำงานเพื่อหาเงินจ่ายค่าเล่าเรียน เพราะเธอไม่อยากรบกวนพ่อแม่ ให้ขอเงินจากท่านไปช่วยแฟนมันเกินไป จึงแบ่งเงินส่วนหนึ่งช่วยเขาและนำมาจ่ายในส่วนของตัวเอง กว่าจะเรียนจบก็ทำให้เธอเหนื่อยล้า
แต่มันดีเมื่อเราหาเงินเอง เพราะเธอรู้จักวิธีใช้เงินอย่างไม่ประมาท ขณะที่เพื่อนของเธอเดินช็อปปิ้งซื้อกระเป๋าเสื้อผ้า เธอเรียนรู้ที่จะแลกเปลี่ยนแทนการซื้อในเพจซึ่งมีความชอบแบบเดียวกัน เธอจึงไม่ได้ซื้อเสื้อผ้ามานาน ทว่ามีชุดใหม่ๆ ใส่เสมอ ดังนั้นการทำงานในบริษัทที่โหดชนิดหลั่งน้ำตาเธอจึงสามารถปรับตัวได้ดี
ติ้ง! คุณมีข้อความใหม่…
…พรุ่งนี้ทำไฟล์สรุปงานของสัปดาห์ก่อนมาให้ฉัน
…จำไว้ว่าต้องเสร็จเท่านั้น
แคร่ก! ชิงเกอแทบพ่นข้าวออกจากปาก เธอสำลักจนถงหยวนต้องรินน้ำให้สองแก้วจึงค่อยดีขึ้น
“พี่ครับ พี่เป็นอะไรไป หน้าเขียวหมดเลย” เด็กชายถามอย่างไม่เข้าใจ
“อ๋อไม่มีอะไร ฉันแค่กดดันนิดหน่อย” ที่จริงเธออยากตะโกนด่าหัวหน้างานที่เอาแต่ใจ วันนี้วันหยุดแต่กลับเพิ่งมาสั่งงานเธอ ถ้ารีบขนาดนั้นทำไมไม่บอกตั้งแต่เมื่อวาน เธอจะลากสายน้ำเกลือไปทำให้ถึงบริษัท ว่าแล้วก็กัดฟัน ผู้ชายพวกนี้หาดีไม่ได้สักคน!
“นี่เสี่ยวหยวนจ๊ะ กินข้าวไปคนเดียวก่อนนะ ในตู้เย็นมีผลไม้กับแซนด์วิช ถ้าหิวนำออกมากินเลย เดี๋ยวพี่สาวจะสั่งขนมมาให้ พอเขามาส่งอย่าลืมหยิบเงินในกระปุกให้เขา”
“พี่จะไปไหนครับ?”
“เข้าห้องไปทำงานนิดหน่อย อยู่ที่นี่ให้สบายเถอะ ง่วงก็นอนพักไม่ต้องเกรงใจ รู้มั้ย” เธอลูบหัวเขาเบาๆ นัยน์ตาเปี่ยมไปด้วยความเอ็นดู
“ครับเข้าใจแล้ว”
ชิงเกอเห็นเขาไม่งอแงจึงโล่งใจ เด็กคนนี้รู้ความมากเขาไม่ทำให้เธออึดอัด ไว้ทำงานให้หัวหน้ามหาภัยเสร็จ เธอค่อยหาข้อมูลเรื่องโรงเรียนกับการรับอุปการะเด็ก มันอาจต้องดำเนินการวุ่นวายแต่เธอตั้งใจแล้วว่าจะเลี้ยงเขาเป็นน้องชาย
“เอาล่ะ ได้เวลาบู๊อีกแล้ว” การทำงานในบริษัทใหญ่แม้จะมีสวัสดิการดี มีวันหยุดให้ แต่โดยมากยังมีการมอบหมายงานให้กลับมาทำเสมอ แทบไม่มีวันได้พักดีๆ เธอกลับไม่คิดมากเท่าไร ขอแค่มีงานทำเลี้ยงดูตัวเองก็พอ แต่ตอนนี้เธอกลับมีความคิดใหม่ คือไม่ควรชะล่าใจ
คิดถึงคำพูดของถงหยวน เธอมีความคิดจะออกแบบงานอีกครั้ง อาจรับเป็นฟรีแลนซ์เพื่อเพิ่มโอกาสให้ตัวเอง ยังมีรายได้เสริม เธอคิดว่าจะค่อยๆ ถอยห่างจากความสัมพันธ์ที่มีต่อชีหวายอัน ไม่ไปเป็นแม่บ้านฟรีให้เขาอีก ยังไงซะเธอก็มีเหตุผลที่งอนเขา
เสียงกดปุ่มที่เบามากจนแทบไม่ได้ยินรัวติกๆ นานติดต่อกันหลายชั่วโมง ในที่สุดไฟล์งานต้นฉบับได้เสร็จสิ้น เธอได้ก๊อบปี้ใส่แฟลชไดรฟ์ไว้เช่นที่เคยทำทุกครั้ง นิสัยหัวหน้าเป็นอย่างไรเธอรู้ดี เขาชอบขโมยผลงานคนอื่นไปเป็นของตัวเอง ภายนอกเธอเชื่อฟังก็จริงแต่ก็เก็บหลักฐานไว้ป้องกันตัว ยังกำหนดอายุของแต่ละไฟล์ที่ส่งไปให้เขา
“เซฟแล้ว! เย้เรียบร้อย!” เธอไม่คิดจะทักไปบอกว่าคำสั่งของคุณสำเร็จ แบบนั้นเขาจะโยนงานใหม่ใส่หัวเธอแน่
“พรุ่งนี้ไปตอนเส้นยาแดงผ่าแปด เขาจะได้คิดว่าฉันเพิ่งทำเสร็จ” กลยุทธ์นี่พ่อเป็นคนสอนเธอ เกิดเป็นคนต้องไม่ซื่อและไม่แสดงตัวว่าฉลาดเกินไป มันจะทำให้เราอยู่ยาก ต้องทำตัวไปลำไผ่ที่พุพองไหวเอนตามลม ไม่มีมิตรแท้ที่เชื่อถือได้ ยิ่งคนที่สนิทมากยิ่งต้องระวัง จะมาซึ้งก็เจอชีหวายอันคนเลว
ดวงตาที่เคยหมองเศร้าค่อยๆ ส่องประกาย เปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นเพื่อตนเองเท่านั้น แม้เธอจะรักหวายอัน แต่เธอเห็นคุณค่าของชีวิตตัวเองมากกว่า หลายปีมานี้เธอทำเพื่อคนอื่นพอแล้ว ถึงเวลาที่ต้องทำเพื่อตัวเองจริงๆ
“พี่สาวครับ” ถงหยวนเคาะประตู เอ่ยเรียกอย่างลังเล
“เข้ามาสิ หาฉันมีอะไรหรือ แล้วนี่ได้งีบบ้างรึยัง”
“ฉันไม่อยากนอน กลัวว่าถ้าหลับกลางวันดึกจะนอนไม่หลับ อยากถามว่าสายชาร์จคอมอยู่ที่ไหน หาแล้วไม่เจอเลย” เขายืนเกาหัวอย่างจนปัญญา ชิงเกอจึงชี้ไปยังใต้ชั้นทีวี
“ตรงนั้นแหละ กดเข้าไปมันจะสามารถเปิดได้ มองผ่านๆ มันดูเป็นโต๊ะธรรมดา แต่อย่างที่บอกว่าฉันชอบเฟอร์นิเจอร์ที่มีลูกเล่น”
“เข้าใจแล้วครับ แต่..เอ่อ…”
“จะเอาอะไรอย่างนั้นหรือ”
“แหะๆ ฉันยืมเงินพี่หน่อยได้ไหมครับ”
“จะไปซื้อขนมล่ะสิ เอาเท่าไหร่จ๊ะ”
“สองพันหยวน”
“...!” จากที่จะหยิบให้สิบหยวนยี่สิบหยวน กลับต้องให้บัญชีหนึ่งที่สามารถโอนเงินได้สองพันหยวน เธอกลืนน้ำลายเหนียวลงคอ รู้สึกอยากร้องไห้เหลือเกิน ครันจะปฏิเสธเด็กก็อ้อนแสนอ้อน