หลังจากทานข้าวเย็นอย่างพร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งบ้านเสร็จ ทุกคนก็แยกย้ายกันไปพักผ่อนหรือทำภารกิจส่วนตัว
เมื่อเดินขึ้นมาบนชั้นสองของบ้านอริญรดาก็มองตามแผ่นหลังของสามีที่หายวับเข้าไปอีกห้อง ก่อนที่จะเดินเข้ามาในห้องนอนด้วยใบหน้าอิดโรย เนื่องจากสมิทธิ์ไม่แม้แต่จะย่างกายเข้ามาในห้องนี้หรือพูดคุยกับเธอเหมือนคู่สามีภรรยาทั่วไป
เห็นทีเธอคงจะต้องอยู่ในห้องนี้คนเดียวตลอดไป เพราะดูท่าแล้วเขาคงไม่ยอมเข้ามาใช้ชีวิตอยู่กับเธอฉันสามีภรรยาอย่างแน่นอน
เมื่ออาบน้ำชำระร่างกายให้สดชื่นแล้ว ลำคอที่แห้งผากและความรู้สึกกระหายน้ำทำให้ร่างบอบบางต้องเปิดประตูห้องออกมาหมายจะลงไปหาน้ำดื่ม แต่ทว่าก็ต้องผงะด้วยความตกใจเมื่อเห็นร่างสูงโปร่งเดินผ่านหน้าห้องพอดี
กลิ่นน้ำหอมฉุน ๆ และการแต่งตัวที่ดูยังไงก็เหมือนจะออกไปเที่ยวข้างนอก ทำให้ภรรยาสาวรีบสับเท้าเดินไปขวางหน้าสามีไว้ทันที
“หลบไป” สมิทธิ์ชักสีหน้าไม่พอใจเมื่อโดนขวางทางไว้โดยภรรยาร่างเล็ก
“เฮียสมิทธิ์จะไปไหนดึก ๆ ดื่น ๆ คะ?” เมินสิ่งที่เขาทำใส่แล้วถามออกไปตามที่ใจอยากรู้
“อย่ามายุ่ง”
ร่างสูงตวัดตาคมมองเคืองใส่ นึกขัดใจที่ถูกภรรยาที่ไม่ได้เลือกเข้ามาจุ้นจ้านหรือวุ่นวายกับตัวเอง
“อินเป็นเมีย มีสิทธิ์รู้ไม่ใช่เหรอคะว่าผัวตัวเองจะไปไหนมาไหน”
“กับคนอื่นน่ะอาจจะใช่ แต่ไม่ใช่สำหรับฉันกับเธอ เธอไม่ได้เป็นเมียที่ฉันต้องการ ฉันไม่จำเป็นต้องรายงานให้ทราบ”
เจ็บ...
นี่คือความรู้สึกของอริญรดาเมื่อได้ยินคำพูดที่เหมือนคมมีดเสียดแทงหัวใจของเธอ แต่กระนั้นก็พยายามกลืนก้อนเหนียวลงคอแล้วเปล่งเสียงพูดถามออกไปอยู่ดี
“จะออกไปเที่ยวข้างนอกเหรอคะ?”
“บอกว่าไม่ต้องยุ่งไงอริญรดา!” ตวาดใส่อย่างไม่พอใจ ยิ่งเห็นเธอดื้อรั้นจะถามให้ได้คำตอบก็ยิ่งทวีความหงุดหงิดในใจ
“...เฮียสมิทธิ์เกลียดอินมากขนาดนี้เลยเหรอคะ อินมันน่ารังเกียจมากเหรอคะทำไมถึงใจร้ายกับอินนัก”
อริญรดาสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดแล้วเอ่ยถามออกไปด้วยน้ำเสียงตัดพ้อปนเสียใจ ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าจะพร่ำถามออกไปทำไมในเมื่อรู้คำตอบอยู่แล้ว
“ตอนแรกก็ไม่เท่าไหร่ แต่พอเธอมายืนพูดฉอด ๆ แสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ เรียกร้องความเป็นเมียแบบนี้ก็โคตรเกลียดเลย บอกแล้วไงว่าอย่าถามเซ้าซี้บ่อย ๆ มันน่ารำคาญ!”
“......”
“กลับห้องของเธอไปซะ ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน!”
โดนตะคอกใส่จนสะดุ้งตกใจตัวโยน แต่กระนั้นเธอก็ทำใจดีสู้เสือ ช้อนสายตาขึ้นมองสามีด้วยแววตาสั่นระริก แล้วขอร้องไปด้วยน้ำเสียงเว้าวอน
“อินรู้ว่าตัวเองน่ารำคาญ แต่ขอร้องได้ไหมคะ อย่ายุ่งกับผู้หญิงคนอื่น อย่านอกกายอิน เพราะอินรับไม่ได้จริง ๆ”
เพียงแค่คิดว่าสมิทธิ์จะไปยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงคนอื่นข้างนอกบ้านเธอก็ทุกข์ระทมใจแล้ว เธอรับไม่ได้หากรู้ว่าเขาไปมีคนอื่น แม้เขาจะพร่ำบอกว่าไม่รักเธอเลยก็ตาม แต่คำว่าสามีภรรยากันก็ทำให้เธอต้องการให้เขาเป็นแค่เพียงของเธอคนเดียว
“ฉันไม่ใช่ผู้ชายแบบนั้นรู้ไว้ เธอดูถูกฉันมากเลยนะอริญรดา”
“อะ..อินขอโทษค่ะ แต่อย่าออกไปได้ไหมคะ วันนี้นอนกับอินนะคะ”
“ฉันเพิ่งพูดไปเมื่อคืน นี่เธอลืมแล้วเหรอ” ย้อนถามเสียงราบเรียบ แววตาแข็งกร้าวจนอีกคนรู้สึกร้อนรนในใจ
“อินไม่ได้ลืม แต่อินอยากนอนกับเฮีย อยากให้เราเป็นสามีภรรยากันจริง ๆ”
พูดไปน้ำตาก็รินไหลออกมาจากดวงตาคู่สวยเป็นสายน้ำ รู้ว่ามันดูน่าสมเพชเวทนาแต่เธอก็ไม่สนใจ เพราะเธออยากให้เขาอยู่กับเธอและมอบความอบอุ่นให้ แม้ว่ามันจะเบาบางมากก็ตาม
“......”
“นะคะ...”
“น้ำตากับคำอ้อนวอนของเธอไม่ได้ช่วยให้ฉันใจอ่อนหรือเห็นใจอะไรทั้งนั้น ไม่รักก็คือไม่รัก”
คนเป็นสามีพ่นลมหายใจกรุ่นร้อนออกมารัว ๆ ก่อนจะกระแทกเสียงตอบกลับไป ทำเอาภรรยาสาวถึงกับจุกแน่นในอก เงียบนิ่งเพราะพูดอะไรไม่ออกไปเกือบนาที ก่อนจะพยักหน้ารับออกมาเสียงอ่อย ใบหน้าจ๋อยลงจนแทบซีดเป็นไก่ต้ม
“...เข้าใจแล้วค่ะ”
“เข้าใจแล้วก็ไปอยู่ในที่ที่ของเธอ อย่ามาก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวหรือชีวิตฉัน”
ชายหนุ่มพูดจบก็เดินผ่านหน้าภรรยาสาวไปที่บันได แต่ยังไม่ทันที่จะได้ก้าวขาลงไปเท้าก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงมาดมั่นดังตามหลังมา
“วันนี้อินจะปล่อยไป แต่สักวันอินจะทำให้เฮียสมิทธิ์ยอมรับในตัวอินให้ได้”
“หึ จะรอดู” เอาลิ้นดุนกระพุ้งแก้มพลางตอบออกไปแบบไม่หันไปมองอีกฝ่าย ก่อนที่จะก้าวเท้าเดินลงบันไดไปอย่างไม่ไยดี
อริญรดายืนมองแผ่นหลังของสามีที่ค่อย ๆ หายลับไปจากครรลองสายตาด้วยหัวใจที่ปวดร้าว กัดเรียวปากแน่นจนแทบห้อเลือด มือเล็กกำเข้าหากันและบีบไว้แน่นด้วยความอัดอั้นตันใจ
“เมื่อไหร่เฮียสมิทธิ์จะเลิกใจร้ายกับอิน อินรักเฮียสมิทธิ์มากเลยรู้หรือเปล่า...”
หญิงสาวพึมพำเสียงเบากับตัวเอง ก่อนที่จะหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในห้อง อาการกระหายน้ำก่อนหน้านี้หายไปเป็นปลิดทิ้ง ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงกว้าง เอาใบหน้าซบลงบนหมอนแล้วปลดปล่อยน้ำตาให้ไหลพรากออกมาจนเปียกชุ่มเป็นวงกว้าง
ส่วนอีกฝ่ายเมื่อขับรถออกมาจากคฤหาสน์หลังโตก็มุ่งหน้าไปยังผับหรูใจกลางกรุงแห่งหนึ่งทันที
ไม่นานรถสปอร์ตสุดหรูก็แล่นเข้ามาจอดหน้าผับ มอบหมายให้พนักงานนำรถไปจอดยังที่จอดรถเสร็จก็เดินเข้ามาในผับ ปรายตามองผู้คนที่หลงใหลไปกับเสียงเพลงจังหวะหนัก ๆ อยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็สาวเท้าเดินขึ้นไปยังโซนพีไอพีของผับ
“ไงวะเพื่อนรัก สักคนไหม”
เมื่อเข้ามาในห้องวีไอพีสมิทธิ์ก็พบกับร่างหนาของ กันต์นที หรือ น้ำน่าน ซึ่งเป็นทั้งเพื่อนสนิทของเขาและเป็นถึงเจ้าของผับแห่งนี้ กำลังยกยิ้มมุมปากให้พลางเหล่ตาไปยังหญิงสาวที่มีหน้าที่เอนเตอร์เทนขาว ๆ สวย ๆ ที่นั่งประกบสองข้างอยู่
“ไม่”
สมิทธิ์เพียงแค่เหลือบตามองผู้หญิงพวกนั้นด้วยแววตาว่างเปล่า ก่อนที่จะตอบปฏิเสธออกไปแล้วหย่อนก้นนั่งลงบนโซฟาตรงข้ามกับเพื่อนสนิท
“แต่งงานมาสองวันแล้วเป็นยังไงบ้าง ทำไมไม่นอนกอดเมีย”
กันต์นทีเอ่ยถามพลางยกแก้วไวน์ขึ้นจิบเบา ๆ ดวงตาคมกริบมองตรงไปยังเพื่อนสนิทที่ใบหน้าดูไม่ค่อยสบอารมณ์สักเท่าไหร่ จึงพอจะเดาออกว่าเกิดอะไรขึ้น
“เมียที่ไม่ได้เลือกเองใครจะอยากกอด”
“น้องอินก็สวยหวานและน่ารักขนาดนั้น ไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอวะ?” หรี่ตาถามเสียงเย้าแหย่
“ไม่รัก” สมิทธิ์ตอบไปแบบไม่ต้องเสียเวลาคิด ในเมื่อไม่ได้รักหรือรู้สึกอะไรทั้งนั้นก็ไม่จำเป็นต้องฉุกคิดหรือลังเล
“แกจะเย็นชากับเขาแบบนี้ตลอดไปเหรอวะ เป็นผัวเมียกันนะเว้ย”
“ฉันจะขอหย่าถ้าถึงจุดอิ่มตัว ทนไม่ไหวเมื่อไหร่ก็แค่ลาขาดจากกัน”
“โคตรเย็นชา ไหนไอ้สมิทธิ์คนแสนดี ชอบช่วยเหลือคนตกทุกข์ได้ยากวะ”
กันต์นทีแทบไม่อยากจะเชื่อว่าคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อพระอย่างสมิทธิ์จะเย็นชาและใจดำได้เพียงนี้ เพราะก่อนหน้านี้สมิทธิ์ชอบช่วยเหลือคนอื่นเวลามีปัญหาหรือตกทุกข์ได้ยาก เรียกว่าเป็นคนแสนดีคนหนึ่งเลยก็ว่าได้
“กับคนอื่นยังเหมือนเดิม แต่กับผู้หญิงคนนี้กับครอบครัวฉันไม่ปรานี พวกหน้าเงิน!”
ชายหนุ่มเอ่ยออกมาอย่างขุ่นแค้นเคืองใจ เพียงนึกถึงใบหน้าของภรรยาสาวและครอบครัว ภายในอกของสมิทธิ์ก็ร้อนรุ่มดั่งไฟโลกันตร์
“เขาตกทุกข์ได้ยากก็เลยพึ่งใบบุญแกไง อย่าใจร้ายใจดำนักเลยเพื่อน”
“ฉันจะเห็นใจเฉพาะคนที่ฉันเต็มใจช่วยเหลือเท่านั้น ไม่ใช่คนที่มัดมือชกแล้วมาอ้อนวอนขอความรักจากฉันเว้ย!”
“แล้วแต่แกละกัน ระวังจะตกม้าตาย แพ้ทางเขาซะล่ะ ถึงตอนนั้นฉันไม่เป็นแพทย์สนามนะเว้ย คนที่แพ้ก็ต้องดูแลตัวเอง”
“พูดอะไรไร้สาระ ฝันกลางวันหรือไง!”
สมิทธิ์โวยวายกลับไปอย่างไม่พอใจเมื่อโดนปรามาสจากกันต์นที ขึงตาดุใส่แล้วสะบัดหน้าหนี อุตส่าห์หนีออกมาผ่อนคลาย แต่ใครจะไปคิดว่าจะต้องมาเสียอารมณ์กับคำพูดพล่อย ๆ ของเพื่อนสนิท
“หึ ๆๆ วันไหนโดนเมียทิ้งไปฉันจะสมน้ำหน้าให้ไอ้แก่เอ๊ย!”
กันต์นทียกยิ้มมุมปากอย่างเย้ยหยันให้สมิทธิ์ ก่อนที่จะโน้มใบหน้าไปหอมแก้มเด็กเอนเตอร์เทนข้างกายคนละฟอด