อาสา

1958 Words
สรุปคืนนี้ฉันรอดตายมาได้เพราะนายคนนี้ ที่เขาเรียกฉันว่า ยัยจับกบ ซึ่งเจอมาก็สองครั้งแล้ว ฉันยังไม่เข้าใจเลยว่า จับกบ ของเขามันคืออะไร?! แต่ก็ช่างมันเถอะ พาฉันเข้ามาได้นี่ ก็ถือว่าเส้นสูงไม่ใช่น้อย แหงล่ะสิ! ไม่ให้เส้นใหญ่ได้ไง ..ก็เขาเป็นเจ้าของสถานที่บันเทิงหลังนี้นี่นา! “ขอบคุณมากนะคะคุณ...” “ซินครับ” ง่ะ -0- ซินที่แปลว่าบาปน่ะเรอะ! ใช่รึเปล่า? รึฉันเข้าใจผิด! “อ๋า..ค่ะ ยังไงก็ขอบคุณมากเลยนะคะคุณซิน ถ้าไม่ได้คุณ ฉันคงแย่แน่ๆ ขอบคุณจริงๆ ค่ะ” เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ที่ฉันคำนับเขาอยู่แบบนี้ แค่เขาพาเข้าผับ ทำอย่างกับเขาช่วยแย่งกระเป๋าออกจากมือโจรยังไงยังงั้นเลยอะ “เล็กน้อยน่า” เขาบอก ก่อนจะก้มลงมามองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วเลิกคิ้ว “คะ?” “ชุดเที่ยวผับ?” บางที...ฉันก็เบื่อตัวเองเหมือนกันนะ ที่อยู่ในสังคมแบบนี้ แล้วไม่คิดจะพัฒนาตัวเองสักที แต่ช่างมันเถอะน่า มันเรื่องอะไรของพวกคนที่มองกันล่ะ ฉันจะทำอะไรมันก็เรื่องของฉัน ใช่มั้ย เฮ่อ.. “พอดีจะนอนแล้วเพื่อนโทรตาม เอ๊ย จริงสิ!! คุณ ฉันไปแล้วนะ ขอบคุณมาก” “เดี๋ยวคุณ! คุณ ทางนั้นมัน...” พูดจบประโยคของตัวเอง ฉันก็วิ่งออกมาจากตรงนั้นเลยทันที ไม่ทันได้ฟังว่าเขาคนนั้นจะพูดกับฉันว่าอะไร ได้ยินแค่เสียงที่บอกว่าเดี๋ยวเท่านั้น แล้วตัวฉันก็หายเข้ามาในฝูงคน ฉันลืมไปซะสนิทเลยว่าเพียวมันกำลังแย่ ข้อความที่ส่งมาถามว่าถึงไหนแล้วนั้น ผ่านมาตอนนี้ก็ล่วงเลยมากว่าสิบนาที ไหนจะระยะเวลาตอนที่เดินทางมาอีก ถ้านับรวมกันแล้วก็ปาเข้าไปจะครึ่งชั่วโมง เสียงก่อนหน้านี้ที่ฉันจะมาเพียวเมามาก แถมร้องไห้ด้วย งั้นแสดงว่าตั้งแต่ที่ฉันวางสายเพียวไป เขาต้องรอ งั้นตอนนี้เขาอยู่ไหนล่ะ ฉันก็ลืมถาม แล้วทำไม..ต้องห่วงเขามากมายขนาดนี้ด้วยวะนิน เฮ้อ.. พลั่ก!! “ถอยไปยัยบ้า!” “โอ๊ย..” เพล้ง! นี่ฉันเดินไม่ระวังขนาดนั้นเลยรึไงนะ ถึงถูกคนเมาเซมาชนจนล้มได้น่ะ น่าโมโหจริงๆ เชียว หืมมมมมม.. แว่นฉันล่ะ ว่าแต่แว่นฉันอยู่ไหน! มันคงเป็นความตกใจอยู่ไม่น้อย หลังจากที่รู้สึกว่าแว่นหนาเตอะเพื่อนตายคอยนำทางฉันนั้น ไม่ได้อยู่บนใบหน้าของฉันแล้ว ฉันก็รีบควานหามันทันที ในลักษณะของคนที่กำลังจับกบอยู่จริงๆ และเมื่อเจอมัน ปรากฏว่า.. “ไม่นะ!” แว่นถูกเหยียบจนเลนส์แตก!! หัวใจเริ่มเต้นแรง เมื่อค้นพบว่าตอนนี้ฉันมองอะไรไม่ค่อยจะเห็น ภาพตรงหน้ามันไม่ชัด แถมแสงสีก็แยงตาซะจนมันเพี้ยนไปหมด สิ่งแรกที่ฉันกำลังจะทำคือ ลุกขึ้นจากตรงนั้น แล้วพยายามเดินไปในที่ที่มันลับตาคนให้เร็วที่สุด “โอ๊ย อะไรเนี่ย” “ใครมันมาโดนตัวฉัน” ถึงแม้ว่า บางทีฉันจะรู้สึกว่าตัวเองนั้นเป็นขยะน่ารังเกียจของคนในนี้อยู่ก็ตาม มันทำให้ฉันอยากจะร้องไห้ก็จริง แต่นั่นมันก็แลกมาด้วยความอยู่รอด ช่วยตัวเองให้หลุดพ้นจากตรงนี้ไปได้ ซึ่งฉันก็ได้แต่บอกตัวเองว่า ช่างมันเถอะ! แม้ในใจตอนนี้จะแสบร้อนอยู่ก็ตาม.. ...เพียว นายอยู่ไหนอะ ตอนนี้ฉันแย่กว่านายแล้วนะ.... นานแค่ไหนแล้วนะ ที่ฉันเดาทางมายืนพิงฝาผนังอยู่แบบนี้ ตรงที่ไม่ค่อยจะมีคนเดินผ่าน มันไม่ใช่ห้องน้ำ และมันก็ไม่ใช่ทางออก มันเหมือนกับบริเวณนี้สร้างไว้ เพื่อเป็นที่อะไรสักอย่างที่มันพิเศษกว่าลานโยกย้ายของพวกขาแดนซ์ที่ฉันเพิ่งจะไปประสบเหตุล้มลง ซึ่งบางทีเขาอาจจะห้ามคนนอกเข้าก็ได้ เพียงแต่ไม่ทันได้ระวังฉัน...รึเปล่า โทรศัพท์ฉันที่ถือมันไว้ตลอดอยู่ๆ มันก็ดับไปซะเฉยๆ เปิดเท่าไหร่ก็เปิดไม่ติด อาจจะเป็นเพราะแรงกระแทกตกลงพื้นในตอนนั้น ทำให้ฉันไม่สามารถติดต่อใครได้อีก และเพียวก็คงจะกลับไปแล้วด้วย นานขนาดนี้เขาคงคิดว่าฉันไม่มา และสิ่งที่มันอาจจะแย่ไปมากกว่านั้นต่อจากนี้ ก็คือฉันจะกลับบ้านยังไง.. เฮ้อ.. มาคิดๆ ดูแล้ว อันที่จริงคนในผับก็มีตั้งเยอะตั้งแยะ ก่อนจะมายืนสงบนิ่งอยู่ตรงนี้ ฉันก็พยายามช่วยเหลือตัวเองอยู่เหมือนกันนะ พยายามรบกวนคนอื่นให้ช่วยฉัน แต่เชื่อไหม..ไม่มีใครสนใจยัยขยะเน่าสวมชุดนอนเฉิ่มๆ อย่างฉันเลย เมาขาดสติจะไม่ว่า แต่นี่เมินฉันอย่างเห็นได้ชัด! คำว่าน้ำใจยังมีหลงเหลืออยู่ในจิตใจคนไหม ทำไมฉันไม่เจอเลยสักคน ฉันขาดแว่นมันก็ไม่ต่างกับคนตาบอดหรอกนะ “ใจร้ายชะมัด TT” “มายืนทำอะไรตรงนี้ ไหนว่าจะไปหาเพื่อน” พระเจ้า! เสียงสวรรค์ - 0 - ถึงฉันจะมองไม่ค่อยชัด แต่ฉันก็พอจะจำเสียงเขาได้ คุณซินเจ้าของผับใช่ไหม? ว่าแต่เขาอยู่ตรงไหนล่ะ “คุณ.. คุณซินเหรอ” เขาไม่ตอบรับคำถามของฉัน แต่ฉันพอจะสัมผัสจากเงาเขาได้ ว่าเขานั้นเคลื่อนไหวตัวจากข้างหลัง มาอยู่ที่ที่ใกล้กว่า นั่นคือ..ตรงหน้าของฉัน เพราะนอกจากจะรู้สึกถึงการเคลื่อนตัวเขาแล้ว น้ำหอมกลิ่นที่ค่อนข้างจะยั่วยวนคนสูดดมนี้ ฉันก็รู้สึกเหมือนกัน หอมจัง... “นี่คุณมองไม่เห็นเหรอ” ว่าแล้วเชียวต้องถามคำถามนี้ “เปล่าค่ะ..แค่สายตามันสั้น” “จริงด้วย คุณไม่ใส่แว่น” “ค่ะ -///-” อย่าเอาหน้าเข้ามาใกล้มากจะได้ไหม.. ฉันเกร็ง! “แล้วทำไมไม่ใส่ล่ะ” “มันแตก” ฉันบอกเสียงแผ่ว ด้วยอารมณ์ของคนเสียใจมาก พร้อมกับยื่นสภาพแว่นที่พังยับเยินไปให้เขาดู “มันหลุดออกไปจากหน้าฉัน เลยถูกเหยียบแตกค่ะ” “หือ” เสียงครางอย่างคนตกใจนั่น ไม่ได้ทำให้หัวใจฉันเต้นแรงเท่ากับสิ่งที่เขาทำกับฉัน “อะไรคะ” ฉันถาม เมื่ออยู่ดีๆ เขาฉวยข้อมือฉันขึ้นมาจากข้างลำตัว “มือคุณมีเลือด” “อ้าว ..” “อ้าวอะไรของคุณ นี่คราบเลือดเต็มมือเลย สายตาคุณสั้นมองไม่เห็นถึงขั้นไม่รู้เลยเหรอว่ามือไปกระแทกกับอะไรมา” “รู้ค่ะ รู้แค่ว่ามีคนเมามาชนฉันล้มลง แว่นเลยแตก แต่มือนี่ฉันไม่รู้ว่าไปโดนอะไรมา” แต่มันมีเสียงของตกแตกด้วยนะ หรือว่าคนเมาคนนั้นถือแก้วมาด้วย เลยตกพื้นแตก แล้วกระเด็นมาโดนฉัน โอ๊ย.. ช่างมันเถอะ! เอาเป็นว่า .. หาทางกลับบ้านให้ได้ก่อนดีกว่า “เอ่อ..คุณซิน” “...” “คุณช่วยพาฉันออกไปจาก... โอ๊ย!” ไม่ทันได้พูดจนจบประโยค ประโยคหลังฉันขาดหายไป เพราะตกใจ เมื่ออยู่ดีๆ คนตรงหน้านั้น ดึงตัวฉันให้เดินตามเขาไป “เดี๋ยวค่ะ อะไรกันคะ” “ตามมาเถอะน่า” ติ๊ด! หือ! เสียงอะไร .. “คุณจะพาฉันไปไหนคะ” มาตกใจจริงๆ จังๆ ก็ตอนที่รู้สึกตัวว่า มีอะไรบางอย่างพาฉันขึ้นไปชั้นบน นี่อย่าบอกนะ ว่าไอ้ที่ฉันพิงอยู่เมื่อกี้นี้ มันคือ.. ลิฟต์น่ะ “ไปทำแผลไง” จะว่ามันคือการบังคับให้ขึ้นมามันก็คงไม่ใช่ทั้งหมด ฉันเต็มใจเดินตามผู้ชายเข้าห้องก็คงไม่ใช่ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นตั้งแต่ตอนที่ฉันล้ม จนมาถึงตอนนี้ ต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดก็คงไม่ใช่ใครที่ไหนไกล แต่มันคือตัวฉันเอง.. ซื่อบื้อไม่เข้าเรื่อง ซุ่มซ่ามจนแว่นแตกแถมตายังพร่ามัวอีก เฮ้อ.. “คุณพักที่นี่เหรอคะ” ฉันเริ่มชวนคุยหลังจากที่เขาประคองฉันมานั่งรอบนโซฟา แล้วคิดว่ามันเงียบนานเกินไป “ชั่วคราวน่ะ เฉพาะเวลาเมากลับคอนโดไม่ไหว” “อ่อ..ค่ะ” “คุณจะดื่มน้ำอะไรมั้ย” เขาบอกก่อนจะเดินไปเปิดตู้เย็น หลังจากนั้นฉันได้ยินเหมือนเสียงเปิดฝาขวดด้วย และถ้าฉันเดาไม่ผิดนะ ถึงจะไม่ชัดแจ๋วก็เถอะ อาจจะเห็นแค่รางๆ แต่ฉันก็พอจะรู้ว่าท่อนบนของเขานั้นไม่ใส่อะไรเลย “ไม่ล่ะค่ะ ฉันอยากกลับบ้านมากกว่า” ฉันบอกเสียงแผ่ว หน้าเริ่มก้ม เพราะอายเขา “เดี๋ยวก่อนสิ ยังไม่ทันทำแผลเลย ขอจิบไวน์ก่อนแก้วหนึ่ง เดี๋ยวไปทำให้” แก็ก! พูดจบเขาก็วางแก้วลงบนโต๊ะ แล้วเดินมาทางฉันแทน “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไม่ได้เจ็บมากขนาดนั้น อีกอย่างเลือดก็แห้งแล้ว เดี๋ยวฉันไปทำที่บ้านฉันก็ได้ รบกวนแค่โบกแท็กซี่ให้ก็พอ” ฉันปฏิเสธรวดเดียวจบเพราะเกรงใจเขา แต่ทว่า.. ดูเหมือนเขาจะไม่ฟังฉันเลย แต่กลับเดินมาทิ้งตัวลงข้างๆ ฉันแทน “อุตส่าห์พามาถึงบนนี้นะ อยู่ๆ จะบอกว่าไม่ทำได้ไง ส่งมือมา” อ๋า... -///- กลิ่นน้ำหอมอีกแล้ว “แต่ว่า...” “ไม่อยากกลับบ้านรึไง ยิ่งชักช้ายิ่งดึกนะ” นั่นสิ! “ก็ได้ค่ะ” ฉันจำใจต้องยื่นมือไปให้เขา ทั้งๆ ที่หัวใจตอนนี้เต้นแรงจนอยากจะบ้า ถึงจะมองหน้าชัดๆ ไม่ได้ ก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะเขินไม่เป็นนะ ตอนนี้โคตรจะเกร็งเลย แถมอายชุดนอนที่ใส่อยู่ชะมัด โอ๊ย..นิน ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้ เธอมาอยู่ตรงนี้ได้ไง นี่มันผู้ชายแปลกหน้านะ เธอไม่เคยรู้จักเขาด้วยซ้ำ “สั้นมากเลยเหรอ” “คะ?” เขาถามว่าอะไรนะ มัวแต่คิดเรื่องอื่น ไม่ทันได้ฟัง “ตาคุณน่ะ มันมองไม่ชัดขนาดนั้นเลยเหรอ” ฟู่.. อ๋า เดี๋ยวสิ หน้าเราใกล้กันมากเกินไปแล้วนะคุณซิน... “ยังพอเห็นค่ะ แบบ..รางๆ” รางซะจนเห็นแววตาของเขา... ซึ่งตอนนี้มันใกล้มากจนฉันต้องหลับตาลง เพราะไม่กล้าหันหน้าไปทางอื่น เอาง่ายๆ แม้แต่จะพ่นลมหายใจออกมาดังๆ ยังไม่กล้าทำเลย อร๊ายยย ตายแล้ว! -///- “อะ เสร็จแล้ว” หือ!! ทำไมมันเร็วนักล่ะ เขาเสกเอาเหรอ ฉันพลิกมือกลับไปกลับมา ถึงรู้ว่ามันเสร็จอย่างที่เขาบอกจริงๆ ด้วย ก่อนจะยิ้มกว้างกลับไปให้ “คุณต้องตัดแว่นใหม่สินะ” ฉันไม่รู้ว่าเขาทำหน้ายังไงอยู่ในตอนนี้ ตอบได้แค่คำถามที่เขาถามมาเท่านั้น “ค่ะ คงต้องอย่างงั้น มันพังแล้วนี่คะ” “ผมจะตัดให้เอง” “คะ?” -0- ฉันถึงกับชะงักทันทีเมื่อได้ยินที่เขาพูด แต่ดูเหมือนเขาไม่ได้สนใจในสิ่งที่ฉันเป็น ลุกขึ้นยืนจากที่นั่งอยู่ แล้วเดินไปหยิบเสื้อมาใส่ “รับผิดชอบที่ลูกค้าในร้านผม ทำคุณเจ็บไง” “-0-” “ไปเถอะ ผมไปส่ง หวังว่ามองไม่เห็น แต่ยังจำทางได้นะ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD