HUNTED STEP 03-01
COFFEE BEAK
11.25 น.
ONGSA TALK
ผมโกรธจนหน้าสั่นไปหมด คนอย่างองศาโดนผู้หญิงคนเดิมเททิ้งเทขว้างถึงสองครั้ง บ้าเอ๊ย เล่นตัวนักนะยัยแอมแปร์ดูสิ ตอนนี้ก็ติดต่อไม่ได้เลย แบบนี้ตั้งใจหนีหน้าผมชัดๆยัยตัวแสบ
นี่เท่ากับผมแพ้รึเปล่า? ไม่ชอบความรู้สึกโดนเทแบบนี้เลย เข้าใจไหมว่ามันเสียหน้า แล้วผมไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อยเธอไม่มีสิทธิมาทิ้งผมแบบนี้ ทั้งที่อยู่ด้วยกันวันนั้นมันก็ดีมาทั้งวัน แต่อยู่ๆผมก็โดนทิ้งให้ยืนรอเป็นชั่วโมงซะอย่างงั้น ไม่เคยมีใครทำให้ผมเสียเซลฟ์ได้เท่าเธอมาก่อนเลย
สวยซะเปล่า นิสัยแย่ชะมัด...
เธอคงเห็นผู้ชายเป็นของเล่น จากเท่าที่ผมสังเกตดูเธอน่าจะคิดแบบนี้ เธอคุยกับผู้ชายหลายคนแทบจะตลอดเวลา มีความเป็นตัวของตัวเองสูงมาก แต่ผมชอบเธออย่างหนึ่งคือเธอเป็นผู้หญิงที่วางตัวเก่ง นิ่งมาก เก็บอารมณ์ได้ดีพอสมควร ดูจากการที่เธอเจอปัญหาเรื่องครีมอะไรของเธอนะ ไม่แสดงอาการเครียดออกมาให้ผมรู้สึกเกร็งเวลาที่อยู่ด้วยเลย แม้แต่ตอนที่มีผู้หญิงคนนั้นเข้ามาพูดจาแย่ๆใส่ แอมแปร์ยังคงระงับอารมณ์ตัวเองได้ดีทั้งที่โมโหอยู่ เธอทำเพียงตอกกลับไปด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งแต่ช่างเจ็บแสบ
แต่ประเด็นตอนนี้คือผมจะเจอเธออีกครั้งได้ยังไง มันคาใจอะ ผมจะเอาชนะผู้หญิงคนนี้ไม่ได้จริงๆเหรอ? ไม่มีทางหรอก นี่มันเพิ่งเริ่มต้นต่างหาก อย่างน้อยผมก็ได้รู้แล้วว่าเธอมีธุรกิจอะไร ทำงานยังไง พักอยู่ที่ไหน นิสัยใจคอเบื้องต้นเป็นแบบไหน จะว่าไปผมรู้จักเธอเยอะเหมือนกันนะ แอมแปร์ไม่ใช่คนปิดตัวเองแต่ก็ค่อนข้างเข้าถึงยากพอสมควร คนแบบนี้เวลามีความรักจะเป็นยังไงนะ ผมอยากจะรู้จริงๆ
อ่อ พูดถึงความรักของเธอ ผู้ชายที่ดูท่าทางอวดรวยคนนั้นคือแฟนเก่าที่ผมแอบสอดแนมทางอินเทอร์เน็ตไว้เป็นข้อมูลเมื่อคราวก่อน แต่ผมไม่ยอมยกเธอให้ใครหรอกนะถ้าผมยังไม่ได้เธอ เลยเสนอหน้าไปว่าผมเป็นแฟนใหม่ต่อหน้าแฟนเก่าเธอ เรื่องหน้าด้านขอให้บอกเพราะผมมีเยอะเหลือเกิน
ถึงผมปูทางว่าเป็นแฟนใหม่ แต่ถ้ายัยนั่นมันจะไม่เล่นด้วยกับผม ผมก็คงทำอะไรไม่ได้ งั้นคงต้องหาอีกทางดักไว้เลยดีกว่า
หมับ
“พี่องศา เหม่ออะไรคะเนี่ย อบเสร็จตั้งนานแล้วนะ”
“เอ่อ พี่คิดไรไปเรื่อยเปื่อยน่ะ”
มัวแต่คิดถึงเรื่องยัยนั่นเพลินไปหน่อย ลืมไปเลยว่าผมอบแป้งเค้กอยู่ นี่ถ้าวาโยไม่มาเขย่าตัวผมคงลืมไปเลยว่าทำอะไรค้างเอาไว้ วันนี้ผมมาอยู่ที่ร้านกาแฟของผมนี่แหละ ไม่ได้มานานแล้ว วันนี้เลยเข้ามาช่วยน้องมันดูร้านหน่อย ที่นี่มีแต่พนักงานผู้หญิง ผมเองก็ปล่อยร้านมานานกลัวว่าน้องๆจะมองผมไม่ดี
เมื่อเรียกสติกลับมาได้ผมจึงจัดการนำแป้งที่อบออกจากเตาและปาดครีมลงบนเค้กอย่างประณีต เห็นผมเจ้าชู้ประตูดินแบบนี้ผมชอบทำอาหารนะจะบอกให้ แต่ถนัดทางเบเกอรี่ กาแฟ อะไรแบบนี้มากกว่า แค่รู้สึกว่าชอบมองคนนั่งกินอาหารที่ผมทำ แต่ไม่ใช่ว่าเก่งอะไรหรอกนะ ก็แค่ทำเป็นและขยันฝึกฝนจนคล่องแคล่ว
กุ๊งกิ๊ง...
“สวัสดีค่ะ รับอะไรดีคะ”
“ช่วยรับความรักจากผมได้ไหมล่ะครับ”
เสียงลูกค้าหนุ่มหยอกล้อกับพนักงานร้านผม ทำให้ผมต้องชะเง้อออก
ไปมอง ปรากฏว่าไม่ใช่ใครที่ไหนหรอก
“ไอ้โบ๊ท มาถูกวันเลยนะมึง กูเข้าร้านวันนี้พอดี”
“เออ วันนี้กูหยุด”
“วาโยทำเค้กแทนพี่หน่อยนะ”
เมื่อร่างของโบ๊ทปรากฏขึ้นก็เหมือนสวรรค์มาโปรดผมเช่นกัน ผมรู้แล้วว่าจะหาเรื่องเจอแอมแปร์ได้ยังไงสองมือรีบถอดผ้ากันเปื้อนแล้วยื่นให้วาโยทันทีก่อนที่ผมจะออกมานั่งตรงข้ามเพื่อนสนิทอย่างตื่นเต้นกว่าทุกครั้งที่เจอกัน
“ยิ้มอะไร? มีอะไรก็พูดมาไอ้นี่”
“มึงช่วยรักษาเคสนี้ให้กูหน่อย กูกำลังคิดจะล่อกับเจ้าของเครื่องสำอางแบรนด์นี้อยู่”
ผมรีบเปิดโพสต์ที่ผมแชร์เมื่อวันก่อนให้เพื่อนดูเป็นการนำเสนอประกอบสิ่งที่คิด ภาพหญิงสาวคนหนึ่งมีผดผื่นขึ้นบนใบหน้าพร้อมแคปชั่นเด็ดว่าแพ้เครื่องสำอางของแอมแปร์
“ไอ้องศา กูเป็นหมอหมาโว้ยจะให้รักษาหน้าคนได้ไง ไอ้บ้า!!”
“กูรู้ แต่มึงเป็นหุ้นส่วนคลินิกพวกนี้ไม่ใช่เหรอ? กูจำได้ มึงเคยมาปรึกษากูอยู่ นะ ช่วยกูหน่อย กูอยากได้คนนี้จริงๆ”
“มึงเนี่ยนะจะตามตูดผู้หญิงต้อยๆแบบนี้ ทุกทีเห็นสาวเดินตามเป็นขบวน”
“กูแค่อยากเอาชนะเธอ ตกลงช่วยกูใช่ปะ?”
โบ๊ทคว้ามือถือผมไปดูรูปแล้วเงียบไป ผมได้แต่มองหน้ามัน
ด้วยความหวัง เพราะถ้ามีคนเสนอตัวที่จะช่วยรักษาหน้าของคนที่แพ้เครื่องสำอางของเธอ ผมคิดว่าแอมแปร์น่าจะต้องออกตัวเพื่อขอบคุณคลินิกนั้นแน่ๆ เพราะคลินิกของเพื่อนผมเนี่ย เธอไม่มีทางรู้จักแน่นอน แล้วตามมารยาทแล้วคนไม่รู้จักมาทำดีด้วยก็ต้องขอบคุณใช่ไหมล่ะ เธอต้องออกมาขอบคุณ มาเจอถึงคลินิกเลยล่ะ
แล้วยังไงต่อน่ะเหรอ ผมก็จะได้เจอเธอโดยมีผลประโยชน์ พูดได้เต็มปากว่าเนี่ยผลงานของผม เผื่อทำให้ยัยนั่นใจอ่อนลงมาได้บ้าง ผมไม่อยากจะไปหาเธอโดยพลการที่คอนโด เดี๋ยวเธอจะได้ใจคิดว่าผมอยากได้เธอจนตัวสั่น
“ไอ้องศา! กูเรียกมึงสองรอบแล้วเนี่ย นั่งยิ้มอะไรของมึง”
“ห้ะ มึงจะบอกอะไรกูล่ะ”
“กูบอกว่าตกลง เดี๋ยวกูจัดการติดต่อและประกาศให้ว่ารับเคสนี้มา ดีเหมือนกันจะได้โปรโมทคลินิกด้วย แต่แลกกับเบอร์น้องวาโยคนสวยนะ”
“เห้ย สงสารน้องมัน วาโยยังเด็กอยู่นะมึง”
“ได้หรือไม่ได้?”
ไอ้โบ๊ทกดเสียงต่ำก่อนจะยื่นมือถือคืนผม สายตาของมันเผยความเจ้าเล่ห์แบบทีเล่นทีจริงกับสิ่งที่มันพูดแต่วาโยเป็นเด็กฉลาดพอสมควร ไม่น่าจะโง่โดนไอ้หมอโบ๊ทนี่หลอกได้หรอกมั้ง
“ได้ งานเสร็จค่อยมาเอาเบอร์น้องมัน กูขอด่วนเลยนะ จัดการตอนข่าวนี้มันยังเป็นกระแสอยู่ กูจะได้เจอกับยัยนั่นไวๆ”
“อยากเจอก็ไปหาสิวะ อยากได้ก็ต้องรุกหนักๆ”
“มึงไม่เข้าใจกูหรอก ยัยนั่นไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่น”
ถ้าเป็นเหมือนผู้หญิงทั่วไปผมคงไม่ต้องเหนื่อยขนาดนี้ ทั้งที่ผมเป็นผู้ชายในอุดมคติของสาวๆเลยนะ หน้าตาดี อ่อนโยน ตรงไปตรงมา แต่ยัยนั่นไม่หลงเสน่ห์ผมสักนิดเลยเหรอ? ทิ้งผมให้รอซ้ำซาก ไม่พอนะ ตอนนี้ยังติดต่อไม่ได้อีก ไม่เข้าใจว่าจะหนีหน้าผมทำไม ผมก็ไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย ทำแบบนี้ผมยิ่งอยากเอาชนะ
“มึงไม่คิดจะเอากาแฟมาให้กูสักแก้วเหรอ?”
“น้ำๆ ทำกาแฟให้เพื่อนพี่แก้ว คาปูเย็นไม่หวาน”
ผมวานพนักงานในร้านอีกคนทำแทน จริงๆก็ญาติห่างๆของผมเองแหละ น้ำเป็นลูกพี่ลูกน้องและยังสนิทกับอิงฟ้าน้องสาวผม ผมจึงไว้ใจให้จัดการดูแลทุกอย่างในร้านและน้องมันดูแลได้ดีเลยทีเดียว ทำบัญชีร้าน เก็บเงิน ไม่เคยงุบงิบไปสักบาทเพราะผมไล่เช็กทุกอย่างทีหลัง ที่ไม่ค่อยเข้าร้านเพราะไม่ห่วงอะไรแล้วไง เค้กก็ทำเป็นกันแล้ว หมดห่วง
“กูบอกเพื่อนกูแล้วนะ เดี๋ยวมันติดต่อน้องที่หน้าพังไปแล้วจะกระจายข่าวทางโซเชียลให้ วันสองวันนี้คงเสร็จ”
บอกแล้วว่าไอ้โบ๊ทเหมือนสวรรค์มาโปรด มันช่วยผมได้จริงๆแม้จะเป็นหมอหมาแต่เพื่อนวงการแพทย์ของมันค่อนข้างกว้างขวาง แค่นี้ยัยแอมแปร์
คงจะสำนึกความดีของผมไม่ทันแล้วล่ะ
ผมอยากจะขย้ำยัยนั่นให้เสร็จก่อนที่อิงฟ้าจะเปิดเทอม เพราะถ้าน้องสาวผมอยู่ด้วยล่ะก็ผมจะไม่ค่อยมีเวลาไปตามสาวที่ไหน ตามแต่อิงฟ้าก็เหนื่อยจะแย่ หนุ่มๆรุมจีบน้องสาวผมเยอะแยะไปหมด
ผมนั่งคุยกับโบ๊ทต่ออีกสักพักก่อนที่มันจะขอตัวกลับ ส่วนผมต้องอยู่ดูร้านจนร้านปิด
“พี่องศา น้ำว่าแป้งเค้กไม่น่าจะพอสำหรับอาทิตย์นี้นะ จะให้น้ำไปซื้อหรือว่าขายเท่าที่มีดีคะ?”
“จดรายการซื้อมา เดี๋ยวพี่จัดการเอง กลับบ้านได้แล้วสาวๆเดี๋ยวค่ำกว่านี้จะอันตราย”
“งั้นวากลับก่อนนะคะพี่องศา น้ำ วาไปก่อนนะ”
เด็กสาวโบกมือลากันอย่างน่ารักท่ามกลางสายตาของผมที่มองด้วยความกระชุ่มกระชวยหัวใจ ชายวัยเกือบสามสิบอย่างผมเห็นอะไรน่ารักแบบนี้ก็พอใจแล้ว
“นี่รายการที่ต้องซื้อนะพี่องศา ให้น้ำไปช่วยขนไหม? เยอะอยู่นะเนี่ย”
“ไม่ต้องเลยเราน่ะ กลับบ้านได้แล้ว”
Rrrrrrr
ใครวะ เบอร์แปลกๆ
“ฮัลโหล สวัสดีครับ”
[องศา...]
“อะ แอมแปร์เหรอ..”
ไม่อยากจะเชื่อ ผมจำเสียงเธอได้นะ มั่นใจว่าใช่เธอแน่ๆ
[มารับฉันออกจากคอนโดเดี๋ยวนี้ รับผิดชอบกับสิ่งที่นายทำด้วย]
“ทำไมอะ เกิดอะไรขึ้น?”
[แฟน..เก่า มารอฉันอยู่ที่หน้าห้องเป็นวันๆแล้ว เพราะนายนั่นแหละทำให้ฉันมีภาระเพิ่ม]
“ฉันไม่ว่าง”
ผมเล่นตัวไปนิดหน่อยเพื่อไม่ให้ดูเป็นผู้ชายใจง่ายจนเกินไป
[โอเค]
อ้าวเห้ย!! วางสายไปแล้ว? ไม่ง้อผมหน่อยเหรอ ง้ออีกนิดผมก็ไปรับแล้วเนี่ย อะไรวะ ผู้หญิงอะไรออดอ้อนผู้ชายไม่เป็นเอาซะเลย หยิ่งยโสชะมัด
แล้วนี่ผมควรไปหาเธอหรือไม่ไปดีล่ะ?
ผมมองมือถือสลับกับรายการซื้อของในมืออย่างชั่งใจ ควรจะเลือกสาวหรืองานก่อนดีวะองศา คิดทบทวนเพียงเสี้ยวอึดใจจึงกดโทรกลับหาเธอทันที ทว่ากลับกลายเป็นสายซ้อนซะงั้น แต่ผมก็รอนะ
ห้านาทีผ่านไป...
สิบนาทีผ่านไป...
ก็ยังกดโทรออกหาเธอซ้ำๆอยู่อย่างงั้นถึงแม้ว่าจะเป็นแค่สายซ้อนก็ตาม พอดีว่าผมไม่ชอบยอมแพ้อะไรง่ายๆ มือหนึ่งถือโทรศัพท์แนบหู อีกมือก็จัดการปิดร้านไปด้วย กว่าเธอจะรับสายของผมได้ผมก็พาตัวเองเข้ามาอยู่บนรถเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
[ว่าไง]
“เดี๋ยวไปหา”
[ฉันนัดคนอื่นไว้แล้ว]
“งั้นก็คอยดูว่าใครจะไปหาเธอได้ไวกว่ากัน”
ทำไมผมต้องจ้องจะเอาชนะคนอื่นตลอดเลยวะตั้งแต่รู้จักกับเธอมาไม่กี่วันนี้ ไอ้ความรู้สึกอยากเอาชนะนี่มันมีทุกครั้งที่เจอ
Rrrrrrrr
ผมกดยิ้มต่ำเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ตัวเองดังขึ้นอีกครั้งหลังจากรถเคลื่อนตัวออกมาได้ไม่ไกล นี่ยัยแอมแปร์คงเปลี่ยนใจอยากจะเจอผมไวๆใจจะขาดแล้วสิท่า หึ
นิ้วโป้งกดเลื่อนหน้าจอรับสายด้วยอารมณ์ที่ดีเป็นพิเศษ
“คิดถึงรึไงยาหยีของพี่องศา”
ตอบรับสายด้วยเสียงกวนประสาทให้เธอรำคาญเล่นๆ
[ค่ะ อันนาคิดถึงพี่องศา ช่วงนี้หายไปเลยนะคะงานยุ่งเหรอ? ให้อันไปช่วยงานที่ร้านได้นะคะ อยากเจอ..]
อันนา...ช่วงนี้ผมไม่ได้ติดต่อกับน้องเขาเลยนี่หว่า เสียงหวานดูหงอย
ปนอ้อนของอันนาที่กรอกผ่านปลายสายทำให้ผมรู้สึกผิดขึ้นมาเล็กน้อยที่ละเลยผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นแฟน(มั้ง)ของผม
“พี่ไม่ค่อยว่างเลยค่ะคนดี เอาไว้พรุ่งนี้พี่ไปรับนะ เราไปทานข้าวกันดีกว่าเนอะ”
[พรุ่งนี้จริงๆนะคะ]
เสียงใสเริ่มมีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้งจนผมอดที่จะยิ้มตามไม่ได้ อันนาเป็นเด็กน่ารัก ซึ่งผมรู้ว่าผมควรเอาใจน้องยังไง
“สัญญาครับ พี่คิดถึงเราจะแย่”
[อันก็คิดถึงพี่องศาค่ะแต่ไม่อยากกวน]
“งั้นเจอกันพรุ่งนี้เนอะ แค่นี้ก่อนนะพี่ขับรถอยู่”
[พี่กำลังจะไปไหนเหรอคะ?]
“ไปซื้อของเข้าร้าน ไว้เจอกันพรุ่งนี้ค่ะคนดี”
ผมชิงกดวางสายไปก่อนที่อันนาจะถามอะไรไปมากกว่านี้แล้วตั้งหน้าตั้งตาขับรถไปหาแอมแปร์ที่คอนโดให้ถึงก่อนผู้ชายคนอื่นที่เธอนัด ผมจะไม่ยอมไปช้าแน่ ไม่ยอมให้โดนยัยนั่นเทอีกเป็นครั้งที่สามหรอกคอยดูสิ
นี่ผมยอมเสียค่าทางด่วนเพื่อไปหาเธอเลยนะ...
หวังว่าแฟนเก่าเธอจะไม่งัดห้องเข้าไปปล้ำยัยนั่นหรอกนะ แต่อย่างยัยนั่นโดนปล้ำก็คงชอบล่ะมั้ง ดูเล่นตัวไปอย่างงั้นแหละ แต่แหม ถ้าผมได้ลองกับเธอสักครั้งจะตั้งใจทำเลยเอ้า!
ใช้เวลากว่าครึ่งชั่วโมงกว่าผมจะมาถึงคอนโดของเธอเป็นที่เรียบร้อย น่าแปลกที่คราวนี้พนักงานไม่ได้ถามอะไรมากมายเหมือนครั้งก่อนที่มาจึงทำให้ผมแปลกใจ
“ทำไมปล่อยผมขึ้นไปข้างบนง่ายจังล่ะครับรอบนี้”
ช้อนสายตามองพนักงานต้อนรับสาวที่เคาน์เตอร์ด้วยนัยน์ตาแวววับ มันคือแววตาใสซื่อที่ผมประดิษฐ์มันขึ้นมาเพื่ออ่อยสาวๆนั่นเอง ขอบอกอย่างมั่นใจว่ามันใช้ได้กับผู้หญิงทุกคนยกเว้นแอมแปร์ ที่ผมลองมองเธอยั่วยวนแค่ไหนยัยนั่นก็ตอบรับผมกลับมาแค่หางตาเท่านั้น
“คุณแอมแปร์บอกว่าถ้ามีผู้ชายที่ชื่อองศามาหาให้ขึ้นไปได้เลยค่ะ แต่ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นให้โทรไปบอกเดี๋ยวเธอจะลงมาหาเองค่ะ”
อุ๊ตะ แบบนี้เรียกว่ามีใจรึเปล่านะ...
ผมอดยิ้มไม่ได้กับสิ่งที่ได้ยิน หรือยัยนั่นจะเปิดใจให้ผมแล้ว? ทำไมผมถึงมีสิทธิขึ้นไปหาเธอถึงห้องได้แค่คนเดียวทั้งที่เธอก็นัดผู้ชายคนอื่นไว้ อดเข้าข้างตัวเองไม่ได้เลยว่ะ
สองเท้าพาตัวเองขึ้นไปยังหน้าห้องของเธอซึ่งมีผู้ชายคนหนึ่งนั่งพิงประตูด้วยท่าทางหมดอาลัยตายอยาก จะใครซะอีกล่ะ ก็ไอ้พี่ซีอะไรนั่นที่เป็นแฟนเก่าเธอไง เห็นแบบนี้ก็ยิ่งอยากจะรู้ว่าพวกเขาเลิกกันเพราะอะไร เอาจริงๆในความรู้สึกผมก็พอจะสัมผัสได้ว่าพวกเขายังคงรักกันอยู่ ไม่สิ ไม่แน่ใจหรอกว่ายังรักกันแต่ผมว่าคงจบกันไม่ดี
“ขอโทษนะครับ หลีกหน่อย ผมจะเข้าไปหาแฟนผมข้างใน”
ดวงตาคมของเขาเบิกกว้างก่อนละลุกขึ้นยืนประชันหน้ากับผมเต็มความสูง
“มึงกลับไปซะ แอมป์เป็นของกู”
น้ำเสียงที่กดต่ำลงแสดงถึงความโกรธและความเย็นชาของเขาเล่นเอาซะผมขนลุกไปหมดแล้วเนี่ย ทำหน้าตาเหมือนหมาขู่ กลั๊วกลัว ดูสิขนลุกตั้งแต่ปลายผมไปยันขนตูดเลย