บทที่ 1
จากใจนักเขียน
นิยายเรื่องนี้เป็นพล็อตสั้น ๆ ที่นักเขียนคิดได้แบบปุ๊บปั๊บมากค่ะ ปัจจัยหลักเลยคือต้องการสื่อชีวิตของคนสองคนที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่ทว่าในความแตกต่างนั้นมันมีความเข้ากันได้และพวกเขาเติมเต็มกันและกัน
ตามฝัน เธอเป็นผู้หญิงสู้ชีวิตที่โดดเดี่ยวไร้ญาติขาดมิตร แถมคนรอบข้างก็ต่างไม่มีใครอยากยุ่งด้วย กับราเชนทร์หนุ่มหล่อลูกครึ่งที่เพียบพร้อมทุกอย่าง แต่เขากลับขาดไปหนึ่งสิ่ง นั่นก็คือความอบอุ่นจากคนในครอบครัว คนหนึ่งที่สู้ชีวิตแสวงหาใครสักคนเป็นที่พึ่งทางใจ กับอีกคนมองหาความหมายของชีวิต หวังว่าหลาย ๆ คนจะชอบเรื่องนี้กันนะคะ
ขอบคุณค่ะ ไอส์ลิต/Chwlit
? เ มี ย ข้ า ง ท า ง ?
??
ตามฝันเด็กสาวแสนอาภัพที่ไม่เคยสัมผัสชีวิตสุขสบายเหมือนอย่างเด็กคนอื่น พ่อแม่ตายจากตั้งแต่ยังวัยเยาว์ เคราะห์ซ้ำกรรมซัดพี่สาวเพียงคนเดียวก็ด่วนจากไปด้วยโรคร้าย ทิ้งไว้เพียงลูกน้อยวัยห้าเดือนไว้ดูต่างหน้า
และเพราะชีวิตต้องดิ้นรน ตามฝันจึงทำงานทุกอย่างเท่าที่เด็กสาวคนหนึ่งจะรับไหว
กระทั่งวันที่อับจนหนทาง คนตัวเล็กไร้ซึ่งปีกปกป้อง มือบางสั่นระริกยามที่เคาะกระจกรถคันหรูที่เธอคัดเลือกมาอย่างดี เธอกลั้นลมหายใจเมื่อคนด้านในลดกระจกลง
"คุณ...ช่วยซื้อหนูได้มั้ยคะ หนูขอร้อง"
สิ้นสุดน้ำเสียงตะกุกตะกักร่างแบบบางหลุบตาลงต่ำ ไม่สนใจด้วยซ้ำว่าบุรุษที่เธอเสนอขาย เขาจะหน้าตาเป็นเช่นไร จะอ้วนหรือผอม สิ่งเหล่านั้นมันสำคัญด้วยหรือในเมื่อเธอเลือกแล้ว
เลือกที่จะขายศักดิ์ศรีของตนเอง...
บทที่ 1
ตามฝัน เด็กสาววัยแรกแย้มใบหน้ากลมเปล่งปลั่งมีรอยยิ้มประดับมุมปากอิ่มเอิบเสมอ แม้หยดเหงื่อจะไหลเคลือบกรอบหน้าใส
“พวงมาลัยไหมจ๊ะพี่ พวงละยี่สิบจ้า ชานมเย็นก็มีนะจ๊ะ”
เสียงหวานตะโกนไม่ดังนัก นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนจับจ้องว่ารถคันไหนที่ลดกระจกลง หรือใครก็ตามที่สบตาเธอ แม่ค้าตัวน้อยก็พร้อมจะไปบริการถึงที่ ในขณะเดียวกันเด็กสาวก็คอยลอบมองไปทางจุดพักข้างทางที่มีแผงไม้เก่า ๆ สร้างเป็นโดมเล็ก ๆ ไว้กันแดดกันลม เมื่อเห็นว่าหนูน้อยวัยห้าเดือนนอนดูดนมขวดจิ๋วอยู่ในอ้อมแขนคนรู้จักที่ไว้ใจได้ ริมฝีปากบางจึงคลี่ยิ้มอ่อนด้วยความอุ่นใจ
ในช่วงสาย ๆ พวงมาลัยที่เตรียมไว้ก็พร่องไปอย่างน่าเหลือเชื่อ วันนี้ขายดีกว่าที่คิดไว้ซะอีก
ตามฝันยิ้มตาหยีเมื่อมองเงินในกระเป๋าสะพายข้างพลางนึกในใจ วันนี้มีเงินซื้อนมผงให้ตาหนูแล้ว ก่อนจะชักสายตากลับมาที่พวงมาลัยกุหลาบช้ำ ๆ พวงสุดท้ายห้อยโตงเตงที่แขนเล็ก น่าจะขายไม่ออกแล้ว มันเป็นดอกกุหลาบสดไม่ใช่ดอกไม้ปลอม ดังนั้นเมื่อถูกจับถูกเลือกบ่อยเข้าก็ส่งผลให้กลีบใบหลุดร่วง ไอ้ที่ไม่ร่วงก็ช้ำจนไม่น่าซื้อ
“เอาพวงหนึ่งครับ”
เสียงเข้ม ๆ ดังมาจากด้านหลัง ตามฝันรีบหันกลับไปพร้อมส่งรอยยิ้มหวาน ๆ ให้ลูกค้าคนสุดท้าย แล้วร้องว้าวภายในใจเมื่อพบว่าเจ้าของเสียงเข้ม ๆ ขับรถหรูยี่ห้อดังของต่างประเทศ
แววตาคู่ใสชะงักไปเสี้ยววิ
รถคันนี้คลับคล้ายคลับคลาอยู่ในความทรงจำเหมือนจะเคยเห็นที่ไหนมาก่อน แต่ก็นะ คนรวยมีล้นประเทศ
พอ ๆ กับคนจนนั่นแหละ ใช่ว่าเขาจะครอบครองเพียงคนเดียวเสียเมื่อไหร่
แต่ว่ารถหรูราคาหลายสิบล้านก็ซื้อพวงมาลัยไปแขวนเหมือนกันได้ใช่ไหม อันนี้ตามฝันไม่รู้จริง ๆ ลูกค้าส่วนใหญ่มักขับรถส่งของ รถกระบะ ไม่ก็รถสิบล้อคันใหญ่ ๆ แบบนี้ไม่เคยเห็น ไม่เคยเจอมาก่อนเลยจริง ๆ
“เหลือพวงสุดท้ายจ้ะพี่ ดอกไม้มัน...” เธอกำลังจะบอกตำหนิของมัน ทว่าเจ้าของเสียงเข้มก็แทรกขึ้นมาก่อน
“ไม่เป็นไรครับ”
พร้อมกับยื่นแบงก์พันให้ ตามฝันตาโตเท่าไข่ห่าน เธอไม่แน่ใจว่าเศษตังค์ทั้งหมดในกระเป๋าจะพอทอนให้เขาไหม
“เอ่อ หนูให้ฟรีเลยค่ะ พี่ไม่ต้องให้เงินหนู” เพราะหนูไม่มีตังค์ทอน...
“ไม่เป็นไรครับ ของซื้อของขาย รับไว้เถอะ” เขาเอื้อมมือมาคว้าพวงมาลัยอันสุดท้ายพร้อมทั้งยัดเงินใส่มือเล็ก เป็นจังหวะที่ไฟแดงสลับมาเป็นไฟเขียว ก่อนที่รถหรูจะพุ่งทะยานออกไป ทิ้งไว้เพียงแม่ค้าตัวน้อยที่อ้าปากค้างทำอะไรไม่ถูก ได้แต่มองธนบัตรใบสีเทาในมือด้วยความมึนงง...
อย่างนี้ก็ได้เหรอ?
อีกด้านหนึ่งภายในรถ...
“ให้ผมทำยังไงกับมันดีครับ”
พวงมาลัยดอกรักสดประดับกุหลาบดอกเล็กที่กลีบดอกช้ำจนเป็นสีคล้ำถูกวางไว้ด้านหน้าคอนโซลรถ
“ทิ้ง”
“ครับ”
สิ้นสุดคำสั่งสารถีหนุ่มก็ลดกระจกลงแล้วโยนพวงมาลัยราคาหนึ่งพันบาททิ้งออกนอกหน้าต่างทันที
ส่วนเจ้าของคำสั่งยังคงมีสีหน้าเรียบตึง นัยน์ตาคมดุสีฟ้าครามจดจ่อที่แล็ปท็อปในมือ แต่กลับไม่ได้สนใจเนื้อหาในนั้นเลยสักนิดเดียว
รอยยิ้มดำกฤษณาซ่อนความปรารถนาไว้อย่างแยบยล เพียงแค่ส่งเสียงครางผ่านลำคอ มุมปากหนาก็ยิ้มจางลง
ใช่แล้ว ไม่ผิดคนแน่ เขาจำใบหน้ากลม ๆ นั่นได้ จำได้ดีเสียด้วย
เธอขาย...จริง ๆ สินะ...
พวงมาลัยน่ะ...
ราเชนทร์ บรูคส์ หนุ่มใหญ่ลูกครึ่งนอร์เวย์ วัยสามสิบหกปี เขาประสบความสำเร็จด้านอสังหาริมทรัพย์ตั้งแต่อายุยี่สิบต้น ๆ กระทั่งก้าวสู่วงการนักลงทุนควบคู่นักปั้นมือทองเป็นตัวเต็งที่ใครต่างก็ยำเกรง บ้านตึกรกร้างที่ดินผีสิง สถานที่ติดวิญญาณหรืออะไรก็ตามที่ว่าเฮี้ยน ราเชนทร์สามารถพลิกแพลงและกอบโกยผลประโยชน์จากมันได้อย่างมหาศาล แม้แต่สิ่งอัปมงคลยังต้องพ่ายให้หนุ่มใหญ่ที่ครองชีวิตโสดมาอย่างยาวนาน
แม้อายุจะเข้าใกล้เลขสี่ แต่ใบหน้าคมสันแบบฉบับหนุ่มลูกครึ่งคล้ายถูกสตัฟฟ์ไว้ที่เลขสามต้น ๆ
ถ้าให้เปรียบเทียบกับเครื่องดื่ม ราเชนทร์คือเบอร์เบิ้น สัมผัสแรกหวานละมุนติดปลายลิ้น ขณะเดียวกันก็เผ็ดร้อนซาบซ่านไม่รู้ลืม จำพวกดีได้ก็ร้ายเป็นนั่นแหละเขาเลย แต่ถ้าไม่อยากติดแบล็กลิสต์บัญชีดำก็แนะนำว่าอย่าได้กระตุกหนวดเสือเชียว
ทว่าหลายวันที่ผ่านมามีคนใจกล้าอยู่คนหนึ่ง แถมยังเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ หน้าบ้าน ๆ โดยรวมแล้วไม่มีอะไรดีสักอย่าง แต่แปลกที่หนุ่มใหญ่ไม่อาจกำจัดเด็กคนนั้นออกจากความทรงจำที่ชัดเจนทุกชั่วขณะจิตได้
ถ้าให้เปรียบเทียบกับของในร่างกายเธอคือไส้ติ่ง ไร้ประโยชน์ ทว่าก็ทำให้ตายได้เช่นกันอย่างนั้นเลย
เสียงเคาะประตูหน้าห้องทำงานดังขึ้น ทำให้ราเชนทร์ดึงสติกลับมา เลขาคนสวยวางเอกสารการซื้อขายตึกพาณิชย์เก่าไว้บนโต๊ะทำงาน ราเชนทร์อ่านเนื้อหาคร่าว ๆ ด้วยความพึงพอใจ มุมปากหนาโค้งขึ้นเล็กน้อย สำเร็จไปอีกหนึ่งงาน ต่อจากนี้ก็เหลือแค่บูรณะใหม่และขายทอดสู่ตลาดในราคาที่มากกว่าเดิม
ทว่าเลขาสาวคนสวยไม่ได้ขยับเขยื้อนร่างกายไปไหน ตรงกันข้ามร่างเย้ายวนเดินนวยนาดอ้อมมาหลังโต๊ะทำงาน เป้าหมายของหล่อนคือการบีบนวดไหล่กว้างให้ผู้เป็นบอส
"นาอยากดูแลบอสจังเลยค่ะ เที่ยงนี้ให้นานวดให้นะคะ"
กลีบปากสีกุหลาบกระซิบแหบพร่าข้างใบหูขาวจัด พร้อมกับนิ้วเรียวสอดแทรกเข้าสาบเสื้อสะกิดเบา ๆ ที่ยอดอกที่แข็งเป็นตุ่มไตสู้นิ้วเธอ
ราเชนทร์หลับตาขบเม้มริมฝีปากเบา ๆ เขาไม่ได้เอ่ยสิ่งใดต่อ เลขาคนสวยจึงตัดสินใจได้ว่า เขาตกลง...
ช่วงพักเที่ยงที่สมควรได้พักกินข้าว จึงร้อนร้อนระอุด้วยไฟราคะ ไม่อิ่มท้อง แต่อิ่มอย่างอื่นน่ะใช่...
ต่างจากใครอีกคนที่เหงื่อไหลอาบตามกรอบหน้าใส เนื่องด้วยการเก็บข้าวของย้ายออกจากห้องเช่าอย่างกะทันหัน จู่ ๆ ก็โดนไล่ออกจากแหล่งที่พักอาศัยที่พึ่งสุดท้าย โดยที่เธอไม่ทันได้เตรียมตัวเตรียมใจมาก่อน ได้ความว่ามีพวกคนรวยซื้อตึกและพื้นที่ตรงนี้ไปบูรณะใหม่ นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงต้องย้ายออกโดยด่วน เดิมที่เจ้าของห้องก็ไม่ชอบขี้หน้ากันอยู่แล้ว ยิ่งมีคนมาซื้อตึกเก่าทรุดโทรมในราคาหลายบาทคงจะดีใจไม่น้อย ได้ทั้งเงินและได้ทั้งสลัดเธอออกไปพร้อม ๆ กัน
ข้าวของเครื่องใช้ของตามฝันมีไม่มากนัก ไอ้ที่มากก็เห็นทีว่าจะเป็นอุปกรณ์การเลี้ยงเด็กทารก เปลแกว่ง เครื่องล้างขวดนม และอื่น ๆ อีกจิปาถะ ส่งผลให้เด็กสาวเครียดอย่างที่สุด เธอไม่ค่อยรู้จักใครและก็ไม่มีใครอยากจะรู้จักเธอ ดังนั้นไม่รู้เลยว่าข้าวของที่เหลือจะพึ่งพาใครให้ช่วยขนไปได้บ้าง นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนหลุบมองเด็กน้อยวัยห้าเดือนที่หลับปุ๋ยในอ้อมแขนเล็กบอบบาง แต่อบอุ่นที่สุดสำหรับตาหนูตัวน้อย
ขอบตาเด็กสาวร้อนผ่าว เป็นอีกหนึ่งวันที่ไร้หนทาง เธอไม่รู้จะย้ายไปอยู่ไหน ญาติพี่น้องสักคนก็ไม่มี อาจจะมี...แต่แค่อยู่ที่ไหนบนโลกนี้สักแห่งเท่านั้นเอง และคิดว่าคงไม่มีใครอยากติดต่อกับเธอด้วยเช่นกัน
"ฝัน"
"พี่นุ" ตามฝันกดหน้าลงเล็กน้อยเพื่อเป็นการทักทายหนุ่มข้างห้อง
ภานุวัฒน์กวาดตามองข้าวของเครื่องใช้ที่วางเกลื่อนบนพื้นปูน สายตาเต็มไปด้วยความสงสัย
"ได้ที่อยู่ใหม่แล้วเหรอ"
ตามฝันเม้มปากแน่นก่อนจะส่ายศีรษะช้า ๆ
"ยังจ้ะ แต่เจ๊บอกให้ฝันย้ายออกเลย"
"ฮะ! ทำไมล่ะ? กำหนดย้ายมันตั้งอีกสิบห้าวันเลยนะ" ภานุวัฒน์ก็เป็นหนึ่งในคนที่ต้องย้ายออกเช่นกัน แต่เจ๊เจ้าของตึกบอกให้เขาอยู่ก่อนได้ เพราะกำหนดที่ต้องย้ายออกคือกลางเดือน
"พี่นุก็รู้ ไม่มีใครชอบฝันหรอก" ตามฝันยิ้มเจื่อน ๆ
"แต่พี่ว่าแบบนี้ไม่ถูกต้องนะ มา…ฝันไปกับพี่ พี่จะไปคุยกับเจ๊ให้" ภานุวัฒน์เตรียมจับข้อมือเล็ก แต่อีกฝ่ายกลับเบือนหนี
"ไม่ดีกว่าจ้ะ ถึงไม่ออกวันนี้ วันหน้าฝันก็ต้องย้ายออกอยู่ดี" แต่อันที่จริงเธอรู้คำตอบอยู่แล้ว ยังไงเจ๊ก็คงไม่ยอมให้เธออยู่ต่อ
"แล้วเราจะไปอยู่ไหน ยังไม่ได้ที่อยู่เลยไม่ใช่หรือไง แล้วไหนจะน้องต้อมอีก"
เด็กสาวเม้มปากอีกครั้ง บอกตามตรงเธอแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ แต่ไม่อยากให้ใครมารับรู้ถึงความอ่อนแอของตน ดังนั้นใบหน้าเด็กสาวจึงยังคงประดับรอยยิ้มเสมอ ถึงจะเป็นยิ้มที่ขมขื่นก็ตาม
"ฝันว่าจะไปอาศัยยายจี๊บก่อนน่ะจ้ะ ได้ที่อยู่ใหม่เมื่อไหร่จะรีบย้ายออกทันที"
ยายจี๊บเป็นคนที่ร้อยพวงมาลัยไว้ให้เธอไปขายตามไฟแดง และเป็นคนคนเดียวกับที่เธอเอามาอ้างในตอนนี้
ภานุวัฒน์มีสีหน้าที่เห็นใจอย่างชัดเจน ตามฝันเป็นเด็กที่สู้ชีวิตมากคนหนึ่งจริง ๆ แต่ชีวิตก็สู้เธอกลับอย่างไม่ไยดีเช่นกัน เขาเองก็ช่วยอะไรมากไม่ได้ ไอ้ที่ช่วยได้ก็เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น
"งั้นเดี๋ยวพี่ขับรถไปส่ง มาเดี๋ยวช่วยขนของ" พูดจบก็คว้าข้าวของไว้เต็มสองมือโดยที่ไม่รอให้เจ้าตัวปฏิเสธได้อีก
ตะวันเริ่มลับขอบฟ้าเปล่งประกายแสงสีส้มระยิบระยับ ภาพนกตัวน้อยโบยบินกลับเข้าสู่รัง ทั้งหมดทั้งมวลเป็นทิวทัศน์ที่ดียิ่ง
ทว่าจิตใจของคนมองช่างหมองหม่น หลังจากที่
ภานุวัฒน์มาส่งเธอกับต้อมที่บ้านไม้เก่าทรุดโทรมของยายจี๊บ โดนบ่นนิดหน่อยแต่ยายก็ไม่ใจร้ายพอจะไล่เธอกับต้อมน้อยไปนอนข้างถนน ยายจี๊บเอ็นดูเธอกับต้อมมาก ถึงแม้ว่าเราไม่ได้เกี่ยวข้องกันทางสายเลือดก็ตาม ถึงยายจะไม่ไล่ใช่ว่าตามฝันไร้ความวิตกกังวล อย่างน้อยในระหว่างนี้เธอต้องหาที่พักใหม่ให้เร็วที่สุด ก่อนที่หลานสาวของยายจี๊บจะกลับมา เป็นที่รู้กันว่า...นั่นแหละ ไม่มีใครชอบเธอกับต้อมหรอก...
บรรยากาศเหงา ๆ กับความรู้สึกเศร้าหมอง หวนให้นึกถึงอดีตที่ผ่านมา แม้มันจะเลือนรางแต่ความคิดถึงยังคงติดตรึงอยู่ในใจ เมื่อครั้งพี่สาวยังอยู่ชีวิตตามฝันไม่ได้ลำบากถึงเพียงนี้ แต่ก็ไม่ได้ดีเลิศเลออะไรนักหรอก...
จินดาเป็นหญิงสาวที่จัดว่าหน้าตาดีคนหนึ่ง ดังนั้นเพราะความหน้าตาดีจึงเป็นที่มาของรายได้ทั้งหมด ที่มาจากการขายเรือนร่างและรูปโฉมที่งดงาม น้ำพักน้ำแรงของพี่สาวทำให้ตามฝันได้เรียนจบ ม.6 แต่ก็ต้องแลกกับบางอย่าง
บางอย่างที่เสียไปแล้วไม่มีวันหวนกลับคืนมา หากย้อนเวลากลับไปได้ และเธอเฉลียวใจมากกว่านี้ สาบานได้ว่าเธอจะห้ามพี่ทุกวิถีทาง เพื่อไม่ให้ตัดสินใจทำในสิ่งที่ผิดพลาดเด็ดขาด ทว่าก็ทำได้เพียงคิด เพราะในชีวิตจริงเราไม่อาจเดินทางย้อนเวลากลับไปแก้ไขอดีตได้...
ดูเหมือนว่าวันนี้เธอจะฟุ้งซ่านมากเกินไปจนไม่ทันได้ยินเสียงอ้อแอ้ของคนในเปล ตามฝันหยุดแกว่งเปลค่อย ๆ อุ้มต้อมออกมาอย่างเบามือ หยิบขวดนมที่ชงไว้ด้วยอุณหภูมิที่กำลังดีจ่อที่ริมฝีปากอิ่มสีสด ทันทีที่ได้นมอุ่น ๆ ตาหนูก็เงียบกริบ ปากน้อย ๆ ดูดดึงคล้ายหิวโหย ดวงตากลมโตใสแจ๋วจ้องใบหน้าเด็กสาวที่ทำหน้าที่เสมือนแม่ให้กันทุกอย่าง
วินาทีนั้นเองที่ตามฝันไม่อาจกลั้นน้ำตาไว้ได้ อารมณ์ของเธอสวิงถึงขั้นสุด อาจจะด้วยเพราะความเครียดที่สะสม หรือปัญหามากมายที่ถาโถมเข้ามาเหมือนไม่ต้องการให้เธอได้พัก เป็นการร้องไห้ที่ไร้เสียง แต่อานุภาพความหน่วงในใจช่างรุนแรงเหลือเกิน เด็กสาวพยายามเบือนใบหน้าหนีด้วยไม่อยากให้เด็กน้อยตาใสจดจำภาพเธอในเวลานี้ แขนเล็กยกขึ้นถูไถหยาดน้ำตาออกจากใบหน้าแรง ๆ ทิ้งรอยแดงไว้ปื้นใหญ่ ก่อนจะก้มหน้าหลุบตาลงส่งยิ้มสดใสให้หนูน้อยวัยห้าเดือน เสมือนว่าเรื่องก่อนหน้านี้ไม่เคยเกิดขึ้น
ราเชนทร์เดินทางมาตรวจอาคารพาณิชย์ด้วยตนเองหลังจากที่ผู้คนเริ่มทยอยออกจากตึกไปได้ส่วนหนึ่ง นัยน์ตาสีฟ้าครามกวาดมองภาพรวมของตึกเก่าทรุดโทรมที่เคยเป็นอะพาร์ตเมนต์มาก่อน ความตั้งใจเดิมชายหนุ่มจะรีโนเวตเพื่อขายทอดตลาด แต่เมื่อไตร่ตรองอีกครั้งพื้นที่ตรงนี้ทำเลดีเอาเรื่อง ทั้งอยู่ใกล้โรงพยาบาล ด้านหลังตึกเป็นเนอสเซอรี ตรงไปอีกนิดก็ห้างสรรพสินค้า ควรค่าแก่การสร้างคอนโดหรูอย่างยิ่ง เขาค่อนข้างมองขาดทะลุปรุโปร่งกับสิ่งที่ตนมั่นใจ ฉะนั้นแผนเดิมที่ตั้งใจไว้จึงมีการเปลี่ยนแปลง
ซูเปอร์คาร์สีดำด้านขับเคลื่อนมายังสถานที่อโคจร เป็นหนึ่งในธุรกิจที่ราเชนทร์มีหุ้นส่วนอยู่ห้าสิบเปอร์เซ็นต์ ทุกวันศุกร์ของสัปดาห์ราเชนทร์จะมาแฮงเอาต์ที่นี่ หรือไม่ก็เปิดโรงแรมที่ไหนสักแห่งกับแม่สาวก้นอวบ ๆ สักคน ทว่าวันนี้แค่อยากมาดื่มคลายเครียดเท่านั้น
น่าเสียดายที่ใช้เวลาอยู่ในนั้นได้เพียงไม่นาน เขาก็รู้สึกเบื่อเสียแล้ว ราเชนทร์ขับรถออกจากไนต์คลับด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ยากจะเข้าใจ ลมหายใจอ่อน ๆ ถูกระบายออกมาอย่างไร้เสียง พอ ๆ กับสีหน้าที่ไร้อารมณ์ อีกไม่กี่เดือนข้างหน้าเขาก็สามสิบเจ็ดแล้ว อายุที่เพิ่มขึ้นกับอารมณ์ที่แปรปรวนบ่อย หรือเขากำลังเข้าสู่วัยทอง!
"เวร!" หนุ่มใหญ่ลูกครึ่งนอร์เวย์สบถถ้อยคำหยาบคายอย่างหัวเสีย วัยทองบ้าบอคอแตกน่ะสิ ฟิตปึ๋งปั๋งขนาดนี้!
ถนนเส้นทางค่อนข้างโล่ง การสัญจรที่เบาบาง ส่งผลให้ซูเปอร์คาร์คันหรูเคลื่อนตัวไปข้างหน้าอย่างช้า ๆ เปิดกระจกรถรับลมเย็น ๆ บางทีอาจทำให้หนุ่มใหญ่อารมณ์ดีขึ้น
ทั้งที่ไม่รู้ว่าตนเองหงุดหงิดอะไรด้วยซ้ำ
เอี๊ยดดด!
ราเชนทร์เหยียบเบรกกะทันหันจนล้อหลังบดถนนส่ายสะเปะสะปะ เขาเสียการควบคุมไปชั่วขณะ แต่เขาก็สามารถดึงสติกลับมาคุมสถานการณ์ได้
ต้นเหตุของการเหยียบเบรกจนล้อแทบขวิดคือหญิงสาวแต่งตัวซอมซ่อที่นอนฟุบอยู่กลางถนน โชคดีที่ไม่มีรถสัญจรไปมา ไม่เช่นนั้นคนที่เดดสะมอลเลจะเป็นเขาเอง!
ราเชนทร์ขับซูเปอร์คาร์เข้าข้างทาง ชายหนุ่มเปิดประตูก้าวลงจากรถอย่างหัวเสีย เมื่อไม่พบร่องรอยขีดข่วนของตัวรถ เขาก็กวาดตามองไปยังตัวต้นเรื่องแทน ดอกดาวเรืองกระจายรอบข้างหญิงสาว หญิงสาวก้มหน้าก้มตาจับข้อเท้าที่ดูเหมือนจะพลิก เธอรู้สึกเจ็บจี๊ดจนไม่อาจยันตัวลุกขึ้นมาได้...