CHAPTER 02
“พวกแก คืนนี้ที่เดิมเวลาเดิมห้ามเลท”
เจ้าแม่ปาร์ตี้ควีนอย่างชายนัดแนะทุกคนหลังจากที่เลิกเรียนคลาสสุดท้ายและกำลังเตรียมตัวจะแยกทางกลับบ้านกัน
“โอเคค่า~”
“ไว้เจอกันแป้ง ไว้เจอกันธารา”
“ไว้เจอกัน ๆ”
ปั้นแป้งกล่าวลากับฉันเสร็จก็ควงมือธาราเดินแยกออกไปส่วนชายก็เดินไปลานจอดรถหลังจากร่ำลากันเสร็จเรียบร้อย
ตอนนี้ที่ลานคณะเหลือแค่ฉันและชินที่เมื่อกี้ทะเลาะกันแทบตายแต่ตอนนี้ก็เหมือนเดิม
กลับมา ‘ตัวติดกัน’ อีกครั้งอย่างช่วยไม่ได้
“ทำอะไร?”
ชินถามเมื่อเห็นฉันกำลังหอบเอกสารที่อยู่ในมือด้วยท่าทีจริงจัง
“อ้อ... เมื่อกี้อาจารย์เวทวานให้เอาเอกสารไปวางไว้ห้องพักแก ชั้นสองกดลิฟต์ให้หน่อย”
พรึ่บ!
วินาทีต่อมาเอกสารกองหนึ่งในมือฉันก็ถูกชินแย่งไม่ถือไว้เอง
“เธอนั่นแหละกดลิฟต์”
“โอเค”
การถูกไอ้ชินแย่งของไปถือเอาไว้กลายเป็นเรื่องธรรมดาที่พบเจอได้ทุกวัน ฉันและชินเดินมาถึงห้องพักครู เคาะได้สองสามทีก็เปิดประตูออกมา
“เอกสารครับอาจารย์เวท”
ชินวางเอกสารลงบนโต๊ะอาจารย์หนุ่มไฟแรงที่ค่อนข้างป๊อบในหมู่นักศึกษาสาว
“ขอบใจมากครับ เธอสองคนนี้ตัวติดกันตลอดเลยนะ”
อาจารย์เวทมองฉันกับชินสลับกันแล้วเผยยิ้มสุภาพออกมา
“เพื่อนสมัยเด็กครับอาจารย์ แม่เบลล์ฝากฝังให้ผมดูแลลูกสาวแกอย่างดีครับ”
มือหนาของชินวางบนหัวฉันแล้วโยกคลอนไปมาราวกับกำลังทำเหมือนตัวเองเป็นพี่ชายที่หวงน้องสาว
“งั้นเหรอ น่ารักจังครับมีคนดูแลแบบนี้แม่น่าจะสบายใจ”
“แน่นอนครับ”
ตุ๊บ!
ทำตัวเหมือนพ่ออีกแล้ว!
ฉันศอกท้องชินเบา ๆ แล้วปัดมือเขาลงไปจากหัวของตัวเอง
“หมดธุระแล้วหนูขอตัวก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ”
“ครับ”
ชินและฉันเราเดินออกมาจากห้องพักครู มันเดินมาโอบคอฉันแล้วพาเดินไปยังลิฟต์ตัวเดิมที่เราขึ้นมา
“เดินดี ๆ ไม่เป็นหรือไงจะมาโอบคอฉันทำไม”
“เห็นสาวตรงนั้นป่ะ กำลังมองฉันอยู่เธอว่าฉันจีบดีมั้ย?”
วัน ๆ วุ่นวายอยู่แต่กับกี เป็นบ้าเป็นบออะไรมากมายหรือเปล่าเพื่อนฉันคนนี้
“อยากมุดกีก็เดินไปขอเอง! รำคาญ!”
ฉันสะบัดมือที่โอบไหล่ตัวเองออกไปอย่างรำคาญใจแล้วเดินจ้ำอ้าวไปที่ลิฟต์อย่างว่องไว
“พูดแค่นี้ทำเป็นโมโห”
คนที่เดินตามมายังคงหาเรื่องให้ฉันหงุดหงิดไม่เลิกละ ความสามารถพิเศษของชินคือการยืนมองหน้าฉันเฉย ๆ ก็สามารถทำให้ฉันรู้สึกโมโหเป็นฟืนเป็นไฟได้
"เลิกทำให้ฉันโมโหสักทีได้มั้ยชิน นายอยากตายหรือไง"
ฉันฟึดฟัด หัวเริ่มร้อนผุด ๆ จนแทบอยากจะขย้ำเพื่อนตรงหน้าให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย
วุ่นวายมาก วุ่นวายสุด ๆ ไปเลยให้ตายสิ
เสียงหัวเราะจากชินยิ่งทำให้ฉันหงุดหงิดแต่ฉันขี้เกียจต่อความยาวสาวความยืดเลยปล่อยให้มันกวนตีนไปคนเดียวก็พอ ไปกี่วินาทีต่อมาลิฟต์ก็ถูกเปิดออกอีกหน โดยหน้าลิฟต์เป็นนักศึกษาชายประมาณ 5-6 คน กำลังเดินเข้าลิฟต์มา
ฉันที่เคยยืนอยู่คนละฝากกับชินกลับถูกเขาดึงเข้ามาใกล้จนแทบจะแนบอกชินอยู่รอมร่อ
"ดึงทำไมเล่า ฉันไม่อยากอยู่ใกล้นาย"
ฉันยังเคืองที่มันทำให้หงุดหงิดแต่ดูเหมือนคราวนี้แววตาที่ติดเล่นในทีแรกนั้นหายไปแล้ว เหลือเพียงแววตาจริงจังที่ชินชอบใช้มองกันเวลาเขาเริ่มจริงจังขึ้นมา
"อยากไปยืนในดงผู้ชายหรือไง แรดเหรอ?"
ฉันจิปาก พยายามดันตัวเองออกมาแต่กลับถูกชินรั้งแขนเอาไว้แน่น เขาดึงเอวฉันให้ร่นถอยไปข้างหลังแล้วโอบเอาไว้จนขยับไปไหนไม่ได้
"ยืนนิ่ง ๆ เถอะน่า โมโหอะไรเดี๋ยวให้เอาคืนตอนถึงคอนโด"
คำพูดนี้เหมือนเป็นการซื้อใจให้ฉันยอมนิ่งลง
อย่าน้อยการที่มันบอกยอมให้เอาคืนก็เป็นเหมือนการประกาศว่ามันยอมแพ้ฉันแล้ว
เพียงแค่นี้ฉันก็สบายใจขึ้นแล้ว หายงอนไปโดยปริยายน่ะสิ
เวลาต่อมา
วันนี้วันศุกร์! ได้เวลางานรื่นเริงแล้ว ><
สวยขนาดนี้แห้งแล้งได้ยังไงกันเบลล์!
ฉันยืนอยู่หน้ากระจก จ้องตัวเองที่สวมชุดเดรสเกาะอกสีเทาเข้มที่ขับผิวขาวของฉันให้โดดเด่นขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ เป็นเดรสที่ลวดลายคล้ายยีน
ช่วงซิปตรงกลางลากยาวลงมาตั้งแต่ช่วงอกถึงเอว ชายกระโปรงสั้นพลิ้วไหวเล็กน้อยเป็นระบายอ่อน ๆ ตัดกับช่วงเอวขอดที่ถูกโบสีดำผูกเอาไว้ด้านข้างอย่างพอดิบพอดี มันเป็นชุดที่ให้กลิ่นอายความเซ็กซี่ที่ตัดกับใบหน้าหวานของฉันได้อย่างดีเลย
เป็นครั้งแรกเลยที่ใส่ชุดนุ่งสั้นขนาดนี้ อกอีเบลล์จะแตกเป็นเสี่ยง ๆ แล้วประเด็นคือวันนี้หนีบผมตรงก็เลยปล่อยยาวกลางหลังไปเลย
วันนี้แหละ ๆ ต้องมีคนจีบสักคน
แกร๊ก...
ในขณะที่กำลังชื่นชมตัวเองอยู่หน้ากระจกนั้น จู่ ๆ ประตูห้องฉันก็ถูกเปิดออกมา
เป็นใครไม่ได้เพราะมีคนเดียวที่มีคีย์การ์ดอยู่
“หัดเคาะประตูบ้างเถอะ”
ฉันหันไปแซะผู้ชายที่ยังยืนอยู่หน้าประตูห้อง
ชินกวาดสายตามองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะแค่นเสียงหัวเราะออกมาเบา ๆ
เดี๋ยวนะ!
สายตาเมื่อกี้คืออะไร?
สมเพชเหรอ?
“อะไร หัวเราะทำไม!”
ทำลายความมั่นใจฉันไปอย่างง่ายดาย
“นึกคึกอะไรถึงแต่งตัวแบบนั้น”
มันเดินตรงมานั่งปลายเตียงแล้วเลิกคิ้วมองอีกครั้ง
ฉันมุ่นคิ้วหันไปหาไอ้เพื่อนบ้าที่แสดงสีหน้ายียวนกวนประสาทกันไม่เลิก
“ไม่ต้องยุ่ง ฉันอยากแต่ง”
ฉันจ้องตาสู้ชิน วันนี้เขาออลแบล็คตั้งแต่หัวจรดเท้า
ชิ
แต่งยังไงก็ดูดีนี้คือสิ่งที่ฉันหงุดหงิดเวลามองไปยังคนที่สมบูรณ์แบบตั้งแต่หัวจรดเท้า
“ก็ไม่ได้อยากยุ่ง”
ชินไหวไหล่ด้วยท่าทีไม่สะทกสะท้าน เขานั่งไถ่มือถือระหว่างรอฉันเตรียมตัวออกไปผับพร้อมกัน
ตอนนี้เรียบร้อยแล้วแต่ขอถ่ายรูปเก็บเป็นที่ระลึกนิดนึง~
หน้ากระจกที่เห็นทั้งตัวนี้แหละปึ้งสุด
โพสต์เริด ๆ บิดเอวให้ดูหุ่นดีจากนั้นก็ แช้ะ~
ว้าว
ออกมาดูดีสมกับเทสที่ปั้นแป้งเลือกให้เลย แป้งเพื่อนฉันเทสดีสุด ๆ
ฉันยิ้มร่าให้กับรูปตัวเอง ยกมือถือเตรียมถ่ายอีกรูปแต่ทว่าคราวนี้กลับมีชินมายืนซ้อนหลังกันตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่อาจรับรู้ได้เลย
“ถ่ายด้วย”
เขากระซิบบอก เราสบตากันผ่านกระจกยาวตรงหน้า
ชินสวมกอดเอวฉันไว้แล้วเขาก็ถือวิสาสะวางคางตัวเองบนไหล่ฉัน
“ไม่เอา จะถ่ายคนเดียวมีนายอยู่ในรูปแล้วฉันจะขายออกยังไงเล่า”
ฉันโวยแต่ชินไม่แคร์ไง มิวายยังเอาคืนด้วยการกัดลงมาที่ไหล่ฉันเพื่อเป็นการปรามให้ฉันทำตามที่เขาสั่ง
“ไอ้บ้า เจ็บนะ : (”
กัดมาได้ แป๊บเดียวขี้นสีแดงเลย
“ก็ถ่ายไป อย่าพูดมาก”
แววตาชินเข้มขึ้น ยิ่งมองฉันกลับเห็นว่ามันดูดุดันขึ้นราวกับกำลังข่มขู่กัน
“รู้แล้วน่า”
พอเห็นแบบนั้นใช่ว่าฉันจะกล้าดื้อ
เห็นแบบนี้เวลาชินดุ ฉันจะตัวหดเหลือสองนิ้วเพราะเขาดุจริง
ฉันยกมือถือขึ้นมาเตรียมตัวถ่ายจากกล้องหลังผ่านบานกระจกที่เห็นเราทั้งตัว ชินตัวสูงกว่าฉันมาก
เขาสวมกอดฉันแน่นขึ้นแล้วขยับแก้มเข้ามาชิดกับแก้มฉันก่อนที่สายตาคู่นั้นจะตวัดขึ้นมองกล้องด้วยใบหน้าที่ไร้รอยยิ้มอย่างสิ้นเชิง
“ทำหน้าเข้มเพื่อ ยิ้มบางสิ”
ฉันดูรูปที่กดถ่ายไป เขาเกยคางลงมาหนุนบ่าฉันแล้วจ้องรูปในจอต่อ
“ใครเขายิ้มเวลาถ่ายมันไม่คูล”
ฉันถึงกับอึ้ง หันไปมองหน้าเขาด้วยใบหน้าเอือมระอาสุด ๆ
“ถามจริง นายจะเก๊กไปไหน”
ทำตัวคูลให้สาวกรี๊ด ชอบมากละสิเวลามีคนมารุมชอบ
ผู้ชายเจ้าชู้นี้มันอันตรายจริง ๆ
“ไม่ได้เก๊กแต่มันหล่อตั้งแต่เกิด”
“จ้าาา พอเถอะอัปรูปดีกว่า”
เป็นคนเจ้าชู้พอทนแต่ถ้าเป็นคนหลงตัวเองพอเลย
จะบ้าตายรายวันอัปรูปเดี่ยวลงสตอรี่ดีกว่า
หัวเราะอย่างชอบใจก็จิ้มรูปพร้อมใส่เพลงที่ให้ฟิลล์คลอ ๆ ทันที
ชินจ้องหน้าจอมือถือไม่ต่างกับฉัน ฉันที่อัปเสร็จเตรียมจะชวนชินไปผับกลับถูกเขาแย่งมือถือแล้วเปิดกล้องหน้าขึ้นมาก่อนจะยกขึ้นในมุม 45 องศา
“อะไรเล่า”
ชินแนบใบหน้าตัวเองใกล้กับหน้าฉัน เขาทาบฝ่ามือลงมาบนเนินอกกึ่งกลางที่พอเห็นแวบ ๆ แวม ๆ
“อัปรูปเธอกับฉันไงเผื่อฉันจะขายออกบ้าง ทุกคนต้องอิจฉาทีีเธอมีเพื่อนหน้าตาดีข้างกาย”
ห๊า?!
ถามจริง
ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง
ชินลงรูปแล้วแท็กตัวเองเสร็จสรรพ ฉันเองก็เหนื่อยจะเถียง
เอาเลย จะทำอะไรก็ทำไป!
Talk
เอาแล้วว เจ้าที่เตรียมแผลงฤทธิ์สุด ๆ
ครบ 5 เม้นมาอัปน้าา