เสียงเครื่องปรับอากาศในออฟฟิศดังเบา ๆ ในเช้าวันจันทร์ มาธวีก้าวเข้ามาในบริษัทด้วยหัวใจที่เต้นแรง เธอพยายามบอกตัวเองให้สงบและทำเหมือนทุกอย่างปกติเหมือนที่ตกลงกับองศาไว้ว่า ‘สิ่งที่สมุยจะกลายเป็นเพียงความลับของเราสองคนเท่านั้น’
เมื่อมาถึงชั้นของผู้บริหาร มาธวีเห็นพี่ชไมพรนั่งทำงานอยู่ด้วยใบหน้าที่ดูสดชื่นและยิ้มแย้มต้อนรับเธอ
“สวัสดีค่ะพี่แก้ว หนูว่าวันนี้หนูมาเช้าแล้วนะคะแต่ก็ยังสายกว่าพี่แก้วอีกแล้ว”
“สวัสดีจ้ะผึ้ง พอดีว่าพี่ให้สามีมาส่งก็เลยมาเช้าหน่อยเพราะกลัวว่าเขาจะไปทำงานสายจ้ะ แล้วผึ้งล่ะเป็นยังไงบ้าง เหนื่อยไหม ไปทำงานที่สมุยกับคุณองศา”
“ไม่เหนื่อยเท่าไหร่ค่ะพี่แก้ว งานราบรื่นดีมาก คุณปีเตอร์ตกลงทุกอย่างเรียบร้อยค่ะ” มาธวีพยายามยิ้มให้เป็นปกติที่สุด
“ผึ้งช่วยงานพี่ได้เยอะเลย ถ้าสิ้นปีพี่ได้โบนัสพี่จะแบ่งให้นะเอาเป็นเงินหรือรางวัลอะไรดีล่ะ”
“ไม่เป็นไรค่ะพี่แก้ว หนูทำตามที่พี่สอนแต่ถ้าพี่แก้วอยากให้รางวัลจริง ๆ หนูขอแค่ให้ฝึกงานผ่านฉลุยก็พอค่ะ” มาธวีพูดแล้วส่งยิ้มหวานอย่างประจบ
“เก่งแบบนี้ยังไงก็ต้องผ่าน คุณองศาโทรมาบอกพี่ว่าผึ้งทำงานได้ดีมาก ๆ เลยนะและกำชับให้พี่สอนงานหนูเยอะ ๆ เพื่อตอนที่พี่ลาคลอดหนูจะได้ช่วยงานเขาได้ไม่ติดขัด” ชไมพรพูดพร้อมรอยยิ้ม
“หนูจะพยายามพัฒนาตัวเองและเรียนรู้ให้มากขึ้นค่ะ”
“ดีมากจ้ะ บางทีถ้าหนูเรียนจบเราอาจจะได้ร่วมงานกันจริง ๆ ก็ได้นะเพราะหลังจากคลอดพี่อาจทำงานได้ไม่เต็มที่เท่าไหร่ ตอนนี้พี่ต้องรีบฝึกหนูให้เก่งแล้วนะผึ้ง”
“หนูไม่หวังขนาดนั้นหรอกค่ะ”
“ทำไมล่ะ”
“ก็ถ้าคุณองศาอยากจะหาใครมาช่วยงานเลขาจริง ๆ เขาก็คงหาคนที่มีประสบการณ์มากกว่าเด็กจบใหม่อย่างหนู” มาธวีไม่อยากจะหวังว่าเธอจะมีโอกาสได้ทำงานที่นี่และถ้าหากได้ทำงานจริง ๆ เธอก็คงปฏิเสธเพราะการอยู่ใกล้ชิดกับองศามันคงไม่ดีกับตัวเธอเองแน่ ๆ
“แต่สำหรับพี่ไม่คิดแบบนั้นนะ การจะหาใครสักคนมาเป็นเลขาพี่ว่าต้องเป็นคนที่ทำงานเข้ากับเจ้านายได้ดีต่างหากล่ะ คนที่มีประสบการณ์อาจจำภาพเจ้านายคนเก่าและกว่าจะรู้ใจเจ้านายคนใหม่ก็อาจจะเสียเวลานะ ถ้าได้ทำงานที่นี่จริง ๆ ผึ้งคิดว่าไงล่ะ”
“หนูก็คงดีใจ” เธอตอบไม่เต็มเสียงเท่าไหร่เพราะนึกไม่ออกเลยว่าจะทำงานร่วมกับองศายังไง
ชไมพรไม่ได้ชวนคุยอะไรต่อเพราะมีเอกสารจากแผนกอื่นเข้ามาให้เธอรับจัดการก่อนจะส่งให้เจ้านายอีกที
ขณะที่มาธวีกำลังจัดแฟ้มเอกสารที่โต๊ะทำงานของเธอ ประตูห้องทำงานของประธานบริษัทก็เปิดออก
องศาเดินออกมาในชุดสูทสีเทาเข้มดูภูมิฐาน ใบหน้าของเขาดูเย็นชาราวกับสุดสัปดาห์ที่สมุยไม่เคยเกิดขึ้น สายตาของเขากวาดมองมาธวีเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น ก่อนจะเดินตรงไปที่ลิฟต์โดยไม่ได้พูดอะไรเลย
‘เป็นอย่างที่ตกลงกันไว้จริง ๆ ด้วย’ มาธวีรู้สึกโล่งใจที่เขาทำตามสัญญาแต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกหน่วง ๆ ในใจกับความเย็นชาที่เขาแสดงออก
เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง มาธวีพยายามจดจ่ออยู่กับงานจนลืมเรื่องราวส่วนตัวไปเกือบหมด จนกระทั่งมีโทรศัพท์ภายในโทรเข้ามาที่โต๊ะของชไมพร
“ค่ะท่านประธาน... ได้ค่ะ... เดี๋ยวพี่บอกน้องให้” ชไมพรวางสายแล้วหันมายิ้มกับมาธวี
“คุณองศาสั่งให้หนูชงกาแฟร้อนเข้าไปให้หน่อยนะ”
“แต่เมื่อกี้หนูก็เอาไปให้แก้วหนึ่งแล้วนะคะ”
“สงสัยคงจะง่วงมากน่ะสิ รีบไปชงเถอะ”
“ได้ค่ะพี่แก้ว” มาธวีตอบรับพยายามทำตัวให้เป็นปกติที่สุด
เธอชงกาแฟร้อนและเดินไปยังห้องทำงานขององศาหัวใจเต้นรัวอีกครั้งเมื่อนึกถึงความผิดปกติเพราะเขาไม่เคยดื่มกาแฟตอนบ่ายสองแก้วมาก่อน
มาธวีเคาะประตูห้องเบา ๆ ก่อนจะเปิดเข้าไป เธอวางถ้วยกาแฟไว้บนโต๊ะทำงานอย่างรวดเร็ว แล้วเตรียมหันหลังกลับทันที
“ขอบคุณ” องศาพูดเสียงเรียบ ดวงตาของเขายังคงจ้องมองอยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์อย่างตั้งใจ
“แฟ้มนี่ให้หนูเอาออกไปเลยไหมคะท่านประธาน” มาธวีถามอย่างเป็นทางการที่สุด
องศาเงยหน้าขึ้นอย่างช้า ๆ ดวงตาคมกริบคู่นั้นจับจ้องมาที่เธอเพียงครู่เดียวก่อนที่เขาจะเลิกคิ้วเล็กน้อย
“ผมบอกคุณเรียกผมว่าคุณองศาไม่ใช่เหรอ ถ้ายังเรียกผมว่าท่านประธานอีก คงต้องมีบทลงโทษกันบ้างแล้วล่ะ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงตำหนิเล็กน้อย
มาธวีรู้สึกเหมือนถูกแช่แข็ง เธอพยายามตั้งสติแล้วตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่นอบน้อมยอมจำนนต่อคำสั่ง
“ขออภัยค่ะคุณองศา”
องศายกยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปากเป็นรอยยิ้มที่ทำให้มาธวีรู้สึกเหมือนเขากำลังท้าทายเธออยู่
“ดีมาก เอาแฟ้มนี้ออกไปจัดการต่อได้เลยแล้วเย็นนี้มาหาผมที่ห้องทำงานหกโมงเย็น”
“หกโมงเหรอคะ?” มาธวีไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องนัดเธอเวลานั้นเพราะมันเป็นเวลาที่พนักงานแผนกอื่นกลับบ้านกันหมดแล้วยกเว้นก็แต่คนที่ทำงานล่วงเวลาซึ่งก็มีไม่มากเท่าไหร่
“อือ หกโมง มีปัญหาอะไรไหม”
“คุณองศาจะใช้งานอะไรหนูคะ ใช้มาตอนนี้เลยก็ได้ค่ะ งานข้างนอกไม่ยุ่งแล้ว”
“งานคุณไม่ยุ่งแต่ผมยังยุ่งอยู่”
“ให้หนูบอกพี่แก้วให้รอไหมคะ”
“ไม่ต้องเพราะเรื่องที่จะคุยเป็นรายละเอียดจากทางคุณปีเตอร์ซึ่งเรื่องนี้ผมว่าคุณน่าจะรู้ดีกว่าใครใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ” มาธวีรับคำก่อนจะหยิบแฟ้มแล้วเดินออกมาจากห้อง
หญิงสาวกลับออกมานั่งทำตามปกติแต่ไม่ค่อยมีสมาธิเท่าไหร่ เธอไม่แน่ใจว่าเย็นนี้องศาจะคุยกับเธอเรื่องงานจริงหรือเรื่องอื่นหญิงสาวอยากหายตัวไปจากตรงนี้แต่ถ้าเกิดเรื่องที่เขาจะคุยเป็นเรื่องงานจริง ๆ เธอก็คงจะเดือดร้อนแน่ ๆ
“เป็นอะไรหรือเปล่าผึ้ง” ชไมพรเห็นว่าเธอเงียบไปก็เลยอดถามไม่ได้
“เปล่าค่ะ พี่แก้วจะกลับแล้วเหรอคะ”
“ก็นี่มันห้าโมงแล้ววันนี้พี่ต้องติดรถสามีกลับบ้านแล้วงานเราก็เสร็จแล้วด้วย ผึ้งก็กลับพร้อมพี่ได้เลย”
“คุณองศาบอกให้หนูรอคุยเรื่องงานต่อค่ะ”
“ตายจริงพี่โทรบอกสามีแล้วด้วยว่าให้มารับเอาไงดีล่ะ เดี๋ยวพี่โทรบอกให้เขารอก่อนนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะพี่แก้ว คุณองศาจะคุยเรื่องงานที่สมุยค่ะ เขาบอกว่าพี่แก้วกลับบ้านได้”
“อ้อ ถ้าคุยเรื่องนั้นพี่ไม่ต้องอยู่คุยก็ถูกแล้วนะเพราะพี่ไม่ได้ไปด้วยและผึ้งก็ทำงานได้ดีมาก งั้นพี่ไปก่อนนะ”
“ค่ะพี่แก้วพรุ่งนี้เจอกันนะคะ”
เมื่อชไมพรกลับไปแล้วมาธวีก็นั่งทำงานของตัวเองต่อ เธอรวบรวมข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับงานที่สมุยเพราะเตรียมตอบคำถามขององศาเพราะคิดว่าถ้าตอบเร็วก็คงจะได้กลับบ้านเร็ว
หญิงสาวนั่งทำงานจนถึงเวลาหกโมงเย็นตามที่องศานัดไว้ เธอเคาะประตูห้องก่อนจะเปิดเข้าไป
“ตรงเวลาดีนะ”
“ค่ะ นี่คือรายละเอียดของงานทั้งหมดของคุณปีเตอร์ค่ะ”
“คิดว่าผมเรียกมาคุยเรื่องงานเหรอ”
“ก็คุณบอกหนูอย่างนั้น ถ้าไม่คุยเรื่องงานหนูขอตัวกลับก่อนนะคะ”
“จะรีบไปไหนล่ะ ไปกินข้าวเป็นเพื่อนผมก่อนแล้วผมจะไปส่งที่บ้าน”
“หนูว่าไม่ดีกว่าค่ะ วันนี้หนูเหนื่อยอยากจะรีบกลับไปพัก”
“ผมรู้ว่าคุณพยายามทำตัวให้ห่าง แต่มันยิ่งทำให้ผมอยากเข้าใกล้มากกว่าเดิม” เสียงของเขาเรียบแต่สายตาที่มองทำให้มาธวีหวั่นไหว
“เราตกลงกันแล้วนะคะ ว่าทุกอย่างจะจบที่นั่น”
“ผมพยายามแล้ว แต่มันไม่ง่ายเลย โดยเฉพาะเวลาเห็นคุณอยู่ตรงหน้า”
มาธวีเบือนหน้าหนี พยายามซ่อนสีหน้าของตัวเอง
“คุณองศา.... เราทั้งคู่ต้องรักษาความลับนี้ไว้ ไม่ใช่เหรอคะ”
“แน่นอน มันยังเป็นความลับของเราและทุกอย่างในห้องนี้มันก็เป็นความลับเหมือนกัน”
“คุณ......” มาธวีตกใจกับคำพูดของเขาเอกลัวว่าเขาจะทำอะไรเธอในห้องนี้
“ไม่ต้องกลัวหรอกน่า ถึงผมอยากจะนอนกับคุณมากแค่ไหนก็คงไม่ทำอะไรคุณในห้องนี้หรอกนะ” เขาเดินเข้ามาใกล้ จนเธอได้กลิ่นน้ำหอมจาง ๆ ที่คุ้นเคย
“หนูรู้ว่าประธานอย่างคุณไม่มีทางทำเรื่องแบบนั้นเด็ดขาดใช่ไหมคะ” หญิงสาวถามอย่างใจดีสู้เสือ
“ผมไม่ทำหรอก แต่คุณกำลังทำให้ผมอยากผิดสัญญา” เสียงทุ้มต่ำกระซิบชิดใบหูและแววตานั้นมันดูไม่น่าไว้ใจ
มาธวีต้องหลับตาแน่น พยายามห้ามหัวใจไม่ให้เต้นแรงไปกว่านี้
“คุณองศา... อย่าทำแบบนี้เลยค่ะ”
“ผมบังไม่ได้ทำอะไรเลย แค่อยากจะบอกว่าคิดถึง”
คำพูดเรียบง่ายแต่หนักแน่นนั้นทำให้เธอหัวใจเต้นแรง มาธวีรู้ดีว่าความสัมพันธ์นี้ไม่มีวันไปได้ไกล แต่หัวใจกลับไม่ยอมเชื่อฟังเหตุผลเลยแม้แต่น้อย
“ถ้ามีใครรู้....หนูจะเดือดร้อน”
“ผมสัญญาจะไม่มีใครรู้แต่คุณต้องสัญญากับผมเหมือนกันว่า คุณจะไม่หนีผมไปไหนและจะมาหาทุกครั้งถ้าผมบอกว่าคิดถึง” เขาเงยหน้าขึ้นสบตากับหญิงสาว
ถ้าไม่เข้าข้างตัวเองจนเกินไปมาธวีคิดว่าเธอเห็นบางอย่างที่เริ่มเติบโตอย่างช้า ๆ แม้จะเป็นความสัมพันธ์ที่ต้องซ่อนเร้นก็ตาม เธอรู้สึกว่าความสัมพันธ์ลับที่ตกลงกันไว้มันเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น