CHAPTER 02 แม่บ้าน

3814 Words
CHAPTER 02 แม่บ้าน วิบากกรรมของฉันแท้ๆ เมื่อก้าวเท้าเข้ามาในคฤหาสน์ของภคินปุ๊บ หัวหน้าแม่บ้านของที่นี่ก็พามาดูห้องนอนเล็กๆของฉัน พร้อมทั้งยื่นชุดเมดสีดำตัดขาวมาให้ห้าชุด “หนูไปเปลี่ยนชุดเป็นชุดเมดออกมาก่อน เดี๋ยวรอคำสั่งจากนายท่านแล้วจะมาบอกว่าให้ทำอะไรบ้าง” “ได้จ้ะป้า เอ่อ ป้าชื่อ..” “ป้าชื่อพร อยู่ที่นี่ต้องรับมือกับนายท่านไว้ให้ดีล่ะ แม่บ้านสาวๆพากันลาออกไปหมดแล้ว เหลือแต่แก่ๆที่ยังรอด” “ฉันไม่กลัวเขาหรอก” “อื้มจ้ะ เดี๋ยวก็รู้” ป้าพรพูดทิ้งท้ายด้วยสีหน้าเอือมระอาก่อนจะเดินออกไป ในห้องเล็กๆที่ฉันจะต้องกินนอนอยู่ที่นี่ไปสักพักมีเพียงฉันยืนมองตัวเองในกระจกด้วยแววตามาดมั่น ไม่รู้หรอกว่าฉันต้องเจอกับอะไรบ้างแต่ฉันจะสู้ให้ถึงที่สุด เชื่ออย่างหนึ่งว่าฉันไม่เหมือนกับคนอื่นๆในบ้านหลังนี้ที่ก้มหัวทำงานงกๆตามใจคนเป็นนาย อันไหนที่ควรทำฉันจะทำ อันไหนนอกเหนืองานที่ฉันต้องทำฉันก็ไม่ทำ แต่..ก็คงต้องตามใจเจ้าของบ้านไปสักพักเพื่อให้ตายใจว่าคนอย่างฉันน่ะเลี้ยงเชื่อง หารู้ไม่ว่าเลี้ยงงูเห่าไว้ในบ้าน ชุดเมดถูกสวมลงบนตัวด้วยความทะมัดทะแมง มองตัวเองผ่านกระจกเงาแล้วรวบรวมสติถามตัวเองว่ามาที่นี่ต้องได้อะไรกลับไปบ้าง อย่างน้อยต้องได้หลักฐานอะไรสักอย่างเกี่ยวกับความเลวของเขา แม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องการวางระเบิดใต้เวทีคราวก่อน แต่ฉันเชื่อเหลือเกินว่ามันต้องมีเรื่องเลวๆซ่อนอยู่อีกหลายเรื่อง ฉันเดินออกจากห้องไปเพื่อชดใช้ชะตากรรมการเป็นแม่บ้านของที่นี่ด้วยงานๆแรก ซึ่งก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร งานคนใช้มันก็มีล้างจาน กวาดบ้าน ถูบ้าน ซักผ้า รีดผ้า แม่บ้านมีตั้งหลายคนช่วยกันทำคงไม่เหนื่อยมากนักหรอก “ยัยหนูที่มาใหม่น่ะ มารับสายนายท่านหน่อย โทรมาพอดี” ป้าพรชี้ไปทางโทรศัพท์บ้านที่ฉันจึงเดินไปรับสายตามคำสั่ง “ฮัลโหล ค่ะ” เกือบลืมลงท้ายด้วยค่ะอีกแล้ว “ยัยคนใช้คนใหม่ใช่ไหม? ชื่ออะไรนะ?” “มัดไหม” “นั่นชื่อหรือคำถาม?” “ชื่อฉันเอง” แล้วเขาล่ะ เล่นมุกหรือกวนบาทาฉันอยู่ไม่ทราบ? “งานต้อนรับเด็กใหม่ของเธอวันนี้คือ ตัดหญ้าที่สวนหน้าบ้าน เอาดอกไม้จากกระถางลงดิน เข้าไปเรือนเพาะชำที่เรือนกล้วยไม้แล้วจัดการใส่ปุ๋ย พรมน้ำ แล้วก็ทำความสะอาดห้องนอนฉัน ดูดฝุ่น เปลี่ยนชุดเครื่องนอนใหม่ ทำให้เสร็จก่อนที่ฉันจะกลับไปล่ะ ฉันจะได้นอนสบายๆหน่อย” “นั่นงานคนสวน ไม่ใช่งานคนใช้” “แต่เธอต้องทำ” ไม่ทันที่จะต่อรองอะไรเพิ่มเติม ภคินก็วางสายไปซะก่อน เหอะ คิดจะรับน้องด้วยการให้ฉันทำงานหนักใช่ไหม พอทำไม่ไหวก็หาเรื่องไล่ฉันออกล่ะสิ นี่เป็นตำรวจนะ เลือดนักสู้มีเต็มร้อย งานหนักแค่ไหนก็ทำได้ย่ะ ทำได้ทุกอย่างแหละแต่จะเสร็จวันไหนก็อีกเรื่องหนึ่ง ชอบจังเลยความท้าทาย ภคินกำลังท้าทายฉันอยู่สินะ ขณะที่ฉันถลึงตาใส่โทรศัพท์บ้านนั้น ป้าพรกับคนใช้คนอื่นก็เดินปรี่เข้ามาหาพอดี “นายท่านว่าไงบ้าง” “ก็สั่งงานค่อนข้างเยอะ เขาเป็นคนบ้าอำนาจแบบนี้เหรอ?” “จิ๊ ยัยหนูนี่ เพิ่งมาทำงานอย่าว่าคุณๆเขาแบบนั้น นายท่านก็จะนิสัยค่อนข้างดุ แต่ลึกๆใจดีนะ ขออย่างเดียวอย่าขัดใจท่านก็พอ ส่วนคุณหนูภภีมค่อนข้างเอาแต่ใจตามประสาวัยรุ่น ห้ามขัดใจเหมือนกัน” เหอะ คนใช้บ้านนี้หัวอ่อนชะมัด ทำตัวต่างชั้นกันเกินไปเพราะเจ้าของบ้านมันบ้าอำนาจไง “เราจะยอมทุกอย่างไม่ได้นะป้า” “ก็เป็นคนใช้เขานี่ เอาใจเขาแล้วได้อยู่ที่นี่สุขสบาย ดีกว่าขัดใจเขาแล้วเราเดือดร้อน มาใหม่ก็อย่าดื้อให้มากนะยัยหนู นายท่านจะไม่ชอบขี้หน้าเอา” “ฉันดูเหมือนชอบหน้าเขาเหรอ” “ยัยหนูนี่!!” ป้าพรรีบตะครุบปากฉันเพราะไม่อยากให้ใครได้ยินคำพูดท้าทายอำนาจมืด คนใช้คนอื่นหน้าเหวอไปเลย จะว่าไปที่นี่ไม่มีคนใช้สาวๆเลยแฮะ แต่ช่างเถอะ ฉันต้องทำงานที่ได้รับมอบหมายให้เสร็จ อยากจะเห็นหน้าเขาตอนกลับมาเจอทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยจะทำหน้ายังไง คงคิดไว้ว่าฉันจะทำไม่เสร็จแล้วกลับมาคงเตรียมด่าทอฉันอยู่ล่ะสิ หึ รู้จักฉันน้อยไป “ป้า ฉันต้องการเครื่องดูดฝุ่น กับชุดเครื่องนอนชุดใหม่ห้องภคิน ต้องไปหยิบตรงไหนเหรอ?” “ว้าย เรียกชื่อนายท่านแบบนั้นห้วนๆไม่ได้นะ ทุกคนในบ้านหลังนี้ต้องเรียก ท่านว่านายท่าน แล้วเรียกน้องชายท่านว่าคุณหนูเท่านั้น อย่าพูดให้พวกบอดี้การ์ดได้ยินนะ ไอ้พวกนี้น่ะขี้ฟ้อง” พิธีเยอะจริงๆ จะเชิดชูใครสักคนควรจะต้องเป็นคนดีไหม? นี่ทุกคนเทิดทูนคนเลวที่มันลอบวางระเบิดให้งานคนอื่นเสียหายซะสูงส่งเนี่ยนะ? หรือว่าคนพวกนี้ไม่รู้ว่าเขาเลว “เอ่อ นายท่านเขาทำงานอะไรเหรอป้า ดูร้วยรวย” “นักธุรกิจน่ะสิ ทำหลายอย่างมากเลยล่ะ” “ไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมายเหรอ” “ไม่ นายท่านเป็นคนดี ทำงานสุจริต” โอ๊ย อะไรทำให้ทุกคนตาบอดได้ถึงขนาดนี้? เอาเถอะ สักวันฉันจะเปิดโปงเขาเอง สำหรับงานที่เขาสั่งให้ทำวันนี้ ฉันเลือกที่จะทำความสะอาดห้องก่อนเป็นอย่างแรก แล้วค่อยไปเรือนกล้วยไม้ พอแดดร่มค่อยตัดหญ้าที่สวนหน้าบ้าน แต่ให้ตายเถอะ พื้นที่หน้าบ้านของเขากว้างมากจนปลูกบ้านได้อีกหลังเลยนะ ฉันเดินหิ้วเครื่องดูดฝุ่นและผ้าปูต่างๆไปยังห้องนอนเขาอย่างคล่องแคล่ว ต้องช่วงชิงโอกาสที่คนอื่นง่วนทำงานกันอยู่จะได้ไม่มีใครสนใจฉัน ทีนี้ฉันก็จะมีเวลาค้นห้องเขาไง เผื่อเจอหลักฐานเด็ดจะได้ไม่เสียเที่ยว กึก ทันทีที่ล็อกประตูห้อง สายตาจึงลอบมองไปทั่วห้องแต่แล้วความฝันของฉันต้องดับวูบเมื่อเห็นกล้องวงจรปิดสองตัวอยู่ที่มุมห้อง “บ้าเอ๊ย!” ในห้องนอนยังต้องติดกล้องอีกเหรอ? ไม่เป็นไรมัดไหม ใจเย็นๆ มีเวลาอีกตั้งหลายวันที่จะหาหลักฐานในบ้านหลังนี้ คิดได้ดังนั้นจึงยิ้มหวานให้กล้องหนึ่งทีแล้วก้มหน้าก้มตาทำความสะอาดต่อไป งานบ้านงานเรือนมันไม่ได้หนักหนาอะไรสำหรับฉันหรอกนะ ฉันไม่ได้ลูกคุณหนูขนาดนั้น ปกติฉันก็ทำแบบนี้ล่ะตอนอยู่หอพักตอนเรียนตำรวจ พื้นหินอ่อนถูกทำความสะอาดรวมถึงชั้นวางของต่างๆ ฉันจัดการได้เนี้ยบไม่มีที่ติ งานสุดท้ายในห้องนี้เหลือแต่เตียงเท่านั้น ผ้าปูที่นอนสีกรมท่า ต้องเปลี่ยนชุดเครื่องนอนใหม่เป็นสีกรมท่าเหมือนเดิม เห็นป้าพรบอกว่าเขาจะใช้แต่สีนี้นอนเท่านั้น พรึ่บ ตุบ ขณะที่ฉันแกะมุมผ้าปูทั้งสี่ด้านเสร็จก็ดึงมันออกมา ทว่ามีบางสิ่งบางอย่างร่วงลงพื้นให้ประจักษ์แก่สายตาฉัน มันคือหนังสือโป๊ห้าเล่มที่เขาซุกไว้ใต้หมอน ทุเรศ ชะมัด ของส่วนตัวทำไมไม่เก็บให้พ้นตาคนอื่น ฉันพู่ลมหายใจออกมาเพื่อควบคุมสติแล้วปล่อยหนังสือพวกนั้นให้อยู่บนพื้นไปก่อน จนกระทั่งจัดการกับชุดเครื่องนอนชุดใหม่เสร็จจึงก้มลงหยิบหนังสือพวกนั้นขึ้นมาทีละเล่ม ปกแต่ละเล่มนี่วิตถารพอตัว โซ่ แส้ กุญแจมือ กักขัง นายภคินนั่นคงหัวรุนแรงกับเรื่องแบบนี้ใช่ไหม “นี่มันคราบ... น่าจะใช่” เล่มสุดท้ายที่ฉันหยิบขึ้นจากพื้นมันมีคราบบางอย่างสีขาวแห้งกรัง เลอะเทอะอยู่ที่หน้าปก โดยภาพของปกเป็นชุดผู้หญิงใส่ชุดเมด เปิดหน้าอกให้เห็นอะไรทะลักออกมา ฉันก็โตพอจะรู้ว่ามันคือคราบน้ำอะไร เขาคงจะเปิดด้านในดูแล้วก็..เอ่อ..นั่นแหละ พอดีไม่ใช่ผู้หญิงวี้ดว้ายรับไม่ได้กับเรื่องแบบนี้ มันก็เป็นเรื่องธรรมชาติของผู้ชาย แต่ไม่ค่อยจะธรรมชาติกับฉันเท่าไหร่ ฉันวางหนังสือพวกนั้นไว้บนเตียงแล้วเก็บอุปกรณ์ออกมานอกห้อง เตรียมจะไปเรือนกล้วยไม้ต่อ จ๊อกกกก หิวข้าวชะมัดเลย สองขาย่างก้าวลงมายังชั้นล่างของคฤหาสน์หรูด้วยอาการสั่งเล็กน้อย “ป้าๆ ฉันหิวข้าว กินข้าวได้ที่ไหน” “หลังครัวโน่น คนใช้ใหม่รึ ชื่ออะไรเอ็งน่ะ” “มัดไหมจ้ะป้า” “อือๆ ไปกินข้าวก่อนไป” เอ่ยถามป้าแม่บ้านที่กำลังเช็ดราวบันไดทันทีที่เห็น ป้าๆที่นี่ใจดีเหมือนกันนะ ไม่เห็นเหมือนในละครเลยที่ป้าแม่บ้านรุ่นเก่าจะคอยเบ่งอำนาจแกล้งคนใช้ใหม่ด้วยความหมั่นไส้ คนที่บ้าอำนาจในคงจะมีแต่นายภคินคนเดียวล่ะมั้ง ฉันเดินตามทางที่ป้าเขาชี้จนมาเจอห้องครัว เห็นป้าพรกำลังนั่งกินข้าวอยู่พอดีจึงเข้าไปหา “หิวจังเลยป้า มีอะไรกินเหรอจ๊ะ” “เยอะเลย วันนี้นายท่านทานน้อย” “นี่เราต้องกินกับข้าวเหลือจากเขาเหรอ?” “ทำกับข้าวมื้อนึงเกือบสิบอย่าง ทานไม่หมดกันสักมื้อหรอกทั้งนายท่านทั้งคุณหนู เหลือก็เสียดาย ของดีๆทั้งนั้น” “คนนึงจะกินสิบอย่างหมดได้ยังไง ทำไมไม่ทำให้เขาแค่สองสามอย่างพอล่ะป้า เสียดายของ” “เอาน่ะ อย่าบ่นนักเลย ไม่กินก็ทอดไข่เอาละกัน นายท่านไม่ได้บังคับให้กินหรอกแต่พวกป้าเสียดายเลยกินต่อ” “ไม่ได้กินต่อเขาแล้วได้บุญเหมือนเพลพระสักหน่อย ฉันไม่กินหรอก ดีไม่ดีติดโรคทางน้ำลายเขากันจะทำยังไง ถ้าตานั่นเป็นผีปอบก็ต้องกลายเป็นปอบกันทั้งบ้านแล้วล่ะ” “เอ๊ เพ้อเจ้ออะไร เป็นบ่าวก็อยู่ส่วนบ่าว อย่าหัวรั้นมาก ยังไม่เคยเจอตอนนายท่านดุ เดี๋ยวโดนแล้วจะดื้อไม่ออกยัยหนูเอ๊ย” แล้วฉันก็ไม่ยอมกินอาหารต่อเขาจริงๆ มองดูแล้วก็เสียดายเหมือนกันนะ เรื่องนี้ฉันว่าเขาก็เกินไป รู้ว่ารวยมากแต่กินแบบคนปกติดีกว่าไหมล่ะ ทำไมต้องทำ อาหารมาเยอะเกินพอดีแบบนี้ แต่ช่างเถอะ นายนั่นไม่ใช่คนดีอะไรอยู่แล้วนี่ เรื่องดีๆคงนึกไม่ได้ กับข้าวมื้อแรกของวันของฉันคือไข่เจียวที่ฉันทอดเองกับมือ ฉันยกจานมานั่งกินข้างป้าพรอย่างเอร็ดอร่อย ก่อนที่จะสังเกตเห็นป้าเขามองหน้าฉันแปลกๆ คล้ายว่ากำลังอยากจะถามอะไรสักอย่าง “จะถามอะไรฉันรึเปล่า?” “ป้าอยากรู้ว่าทำไมถึงไม่ชอบหน้านายท่าน คนที่นี่รักนายท่านมากนะ ป้าไม่อยากให้หนูคิดไม่ดี เดี๋ยวจะอยู่ได้ไม่นาน” “เขาจับนมฉันน่ะป้า มีอย่างที่ไหนเดินดุ่มๆมาบีบนมคนอื่น” “เอ้า ป้าก็เคยโดน” พรวดดด “แค่กๆๆ อึก ป้าว่าไงนะ” คำตอบของป้าพรทำให้ข้าวในปากของฉันพุ่งพรวดออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ แถมยังสำลักจนต้องดื่มน้ำตามลงไปหลายอึก “ผู้หญิงที่อยู่บ้านหลังนี้ก็โดนทุกคนนั่นแหละ” “แต่ป้าอายุปูนนี้แล้วนะ เขาเป็นหลานป้าได้เลยนะ แล้วป้าก็ยอมให้เขาทำทุเรศๆแบบนั้นเหรอ?” “อืม คิดซะว่าให้ลูกให้หลานจับเล่น นายท่านยังวัยรุ่นอยู่น่ะตอนนั้น ฮอร์โมน คงพลุ่งพล่านล่ะมั้ง ป้าเข้าใจ” “ยังไปเข้าใจเขาอีก! บ้ากันไปใหญ่แล้ว!!” คนที่นี่ทำไมช่างหัวอ่อนแบบนี้ แล้วเรื่องเมื่อกี้มันเรื่องบ้าอะไรกัน ฉันไม่เข้าใจมากว่าเขาไล่จับหน้าอกคนแก่ในบ้านทำไม? ไอ้บ้าเอ๊ย ถ้าจับหน้าอกฉันหนึ่งที ฉันก็จะลูบเป้าเขาคืนเหมือนกัน เจ้าของบ้านจะทำอะไรกับคนในบ้านก็ได้งั้นเหรอ? มันไม่ใช่ ลองเจอคนใช้อย่างฉันทำรุ่มร่ามกับเขาบ้างเป็นไง อย่างน้อยๆเขาต้องอายลูกน้องบ้างล่ะที่มีคนกล้าทำอะไรแบบนั้นกับเขา คนอื่นอาจไม่กล้า แต่ฉันกล้า! เรื่องราวที่ฉันรับรู้ทำให้อาหารมื้อนี้เกิดความพะอืดพะอมขึ้นมาทันที แต่ก็ต้องฝืนกินให้อิ่มเพื่อจะได้มีแรงทำงานต่อไป นี่แค่วันแรก ฉันต้องรับมือกับเขาให้ได้ทุกวิถีทาง คนอย่างนั้นถ้าได้อ่อนข้อให้จะยิ่งได้ใจ “แล้วนี่นายท่านให้ทำอะไรต่ออีกหรือเปล่า” “ให้ไปพรมน้ำกล้วยไม้อะไรของเขาไม่รู้ ว่าแต่เรือนกล้วยไม้อยู่ไหนเหรอจ๊ะป้า? มีกล้วยไม้เยอะไหม?” “เยอะสิ เรือนจะอยู่หลังบ้านฝั่งโน้น มีรถกอล์ฟขับเข้าไป โดนนายท่านรับน้องซะแล้วยัยหนูเอ๊ย แล้วงานมีอะไรต่ออีกไหม?” “มีให้ตัดหญ้าหน้าบ้านต่อด้วย แต่ฉันเห็นเขามีเครื่องตัดหญ้านี่ เดินเข็นไปชิลๆน่ะป้า ฉันน่ะทำได้สบายมาก” “เอาการเอางานก็ดี ถ้านายท่านเห็นว่าขยันเดี๋ยวก็ไม่โดนแกล้งแล้ว” หมอนั่นไม่น่าจะทำเป็นแกล้งฉันหรอก ที่สั่งให้ทำงานหนักๆเพราะเป็นคนนิสัยไม่ดี ชอบเอาเปรียบกดขี่ข่มเหงคนอื่นอยู่แล้วต่างหากล่ะ “แล้วเขาจะกลับมากี่โมงเหรอป้า?” “เย็นๆแหละมั้ง ปกติกลับบ้านไม่เกินหนึ่งทุ่ม นอกจากไปต่างประเทศน่ะนะ หรือติดคุยลูกค้าอาจกลับช้าหน่อย” “งั้นฉันไปพรมน้ำกล้วยไม้ก่อนนะจ๊ะป้า” สองเท้าย่ำออกมานอกตัวคฤหาสน์เพื่อหารถกอล์ฟที่สามารถนำพาฉันไปยังเรือนกล้วยไม้ได้ ว่าแต่ไม่เห็นจะมีสักคันเลยล่ะ ฉันยังคงชะเง้อมองไปรอบๆจนสายตาสะดุดเข้ากับมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์คันโก้จอดอยู่ริมรั้ว ของใครไม่รู้ ขอยืมก่อนแล้วกันนะ… ในเมื่อเสียบกุญแจรถค้างไว้แบบนี้ก็ถือว่าอนุญาตให้ผู้อื่นหยิบยืมได้แหละมั้ง ตอนนี้ฉันไม่สนว่าใครจะอนุญาตหรือไม่ เป้าหมายอันดับหนึ่งคือต้องทำงานที่นายภคินสั่งให้ได้ครบครันเพื่อไม่ให้เขาหาข้อบกพร่องมาไล่ฉันออก ฉันไม่ยอมไปจากที่นี่ง่ายๆหรอกนะ นี่แค่วันแรกเอง คิดได้ดังนั้นฉันก็ควบบิ๊กไบค์คันงามพร้อมทั้งสตาร์ทและออกตัวทันที ปลาย ทางคือเรือนกล้วยไม้ที่ฉันก็ไม่ทราบได้ว่าอยู่ตรงไหน เห็นว่าอยู่ทางด้านหลังจึงขับตามทางมาเรื่อยๆ จะว่าไปบ้านใหญ่เกินแบบนี้ก็ไม่ดีเลยนะ ทั้งที่เจ้าของบ้านมีอยู่แค่สองคนคือภคินกับน้องชายเขา ฉันจะปั่นหัวให้ลูกน้องวางแผนจับเขามาเค้นหาความจริงดีไหมนะ เอี๊ยดดดด “โอ้โห.. ใหญ่ชะมัด” มันกว้างขวางจนเกือบสุดลูกหูลูกตาเลยก็ว่าได้ ฉันลงจากรถและเดินเข้าไปยังด้านในของเรือนกล้วยไม้นี้ทันที พอได้มาอยู่ท่ามกลางดอกไม้สวยๆแบบนี้มันรู้สึกดีจังเลย ผู้หญิงกับดอกไม้นี่มันของคู่กันจริงๆนะ แอบเดินสำรวจหาสปริงเกอร์เพื่อเปิดมันให้จ่ายน้ำไปทั่วบริเวณ มันมีหลายจุดมากๆฉันจึงไล่เปิดไปทีละอัน แก๊ก แก๊ก เอ๊ะ น้ำไม่ออก? หลังจากเปิดสปริงเกอร์น้ำอย่างเพลิดเพลินมาได้เกินครึ่งหนึ่งของเรือนกล้วยไม้ ก็ดันมาเจออันที่เสียซะได้ ทว่ามันไม่ได้เสียอันเดียวนี่สิ ฉันลองเปิดบริเวณนี้หมดแล้วปรากฏว่าเสียทั้งแถบเลย ฉันจึงแก้ปัญหาโดยการต่อสายยางจากก๊อกน้ำเพื่อใช้ละอองน้ำจากสายยางฉีดรดน้ำกล้วยไม้ที่เหลือ แต่.. สายยางมันยาวไม่พอที่ จะรดน้ำในแถวที่ลึกๆ “อยู่นี่เอง..” เสียงนุ่มของใครบางคนดังขึ้นที่หน้าเรือนกล้วยไม้นี้ ขณะที่ฉันกำลังเก็บสายยางอยู่นั้นจึงหันมามอง เป็นจังหวะที่เขามองมาทางฉันพอดี ผู้ชายร่างสูง ใบหน้าหวานของเขาช่างน่ามอง ประกอบกับรอยยิ้มทรงเสน่ห์ที่ส่งมาให้ฉันมันทำให้นึกถึงพี่กวินขึ้นมาเลย “มีอะไรรึเปล่าคะ?” “คุณขับรถผมมาเหรอ? มาใหม่ใช่ไหมครับผมไม่เคยเห็นหน้าเลย” หูยยยย พูดเพราะซะด้วย “ค่ะ ฉันหารถกอล์ฟไม่เจอ เห็นรถคันนี้จอดเสียบกุญแจอยู่เลยขับมา ไม่รู้ว่าเป็นของใคร ว่าแต่คุณคือ..” “ผมชื่ออินทร์ครับ เป็นลูกพี่ลูกน้องเฮีย พอดีมาหาเขาแต่เขาไม่อยู่ทั้งพี่ทั้งน้องเลย” “คุณอินทร์สุภาพจังเลยค่ะ ไม่น่าเป็นญาติกับคนแบบนั้นเลยนะคะ อุ๊บ” มือใหญ่ของเขารีบตะครุบที่ปากฉันทันที พร้อมทั้งมองซ้ายมองขวาเพื่อดูลาดเลา ว่าแต่เขาตัวหอมจัง ขนาดใส่แจ็คเก็ตหนังตัวนอกคลุมอยู่แท้ๆยังมีความหอมทะลุเสื้อผ้าออกมาอีก ฉันชอบผู้ชายแบบนี้จัง “นี่คุณ อย่าไล่พูดแบบนี้ให้ลูกน้องเฮียได้ยินนะ พวกนั้นน่ะขี้ฟ้อง ว่าแต่คุณชื่ออะไรเหรอครับ?” “ฉันชื่อมัดไหมค่ะ เพิ่งมาทำงานที่นี่เป็นวันแรก” “โอเคครับ ผมขับรถกอล์ฟมาแลกกับรถของผมแล้วนะ คุณก็ขับรถกอล์ฟกลับก็แล้วกัน ไปก่อนนะครับ บ๊ายบาย” เขาโบกมือเล็กน้อยก่อนจะขึ้นรถของเขาและขับออกไป ฉันเองก็หาบัวรดน้ำแล้วจัดการกับกล้วยไม้ที่เหลือด้วยความเหน็ดเหนื่อยตามบทบาทบ่าวในเรือนคุณหลวง สองชั่วโมงผ่านไป.. วู้ว..เหนื่อยจัง ขนาดฉันรีบทำแล้วนะก็ยังเสร็จช้าอยู่ดี มัวแต่มองดอกไม้เพลินตาไปหน่อย แต่กล้วยไม้พวกนี้สวยจริงๆนะ บางสีฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันมีอยู่จริง แบบนี้ส่งออกไปขายคงเงินดีน่าดูเลย ฉันเลือกที่จะขับรถกอล์ฟกลับเข้าบ้านมาดื่มน้ำดื่มท่าให้หายเหนื่อย นั่งพักตากแอร์ให้สดชื่นก่อนจะทำงานอย่างสุดท้ายที่ได้รับมอบหมายคือตัดหญ้าที่สวนหน้าบ้าน “ป้าพร สปริงเกอร์ที่เรือนกล้วยไม้มันเสีย ฉันต้องแจ้งใครเหรอ” “อ๋อ มันเสียเมื่อวาน ช่างน่าจะมาทำวันจันทร์” โล่งอก อย่างน้อยต่อไปฉันก็ไม่ต้องแบกบัวรดน้ำมาคอยรดทีละต้นเหมือนวันนี้ หากซ่อมเสร็จมันจะเบาแรงได้เยอะมากเลย “รถตัดหญ้าอยู่ไหนเหรอจ๊ะป้า” “ป้าเพิ่งเข็นไปเก็บที่โรงเก็บของข้างโรงรถน่ะ อ้อ นายท่านกลับมาได้สักพักแล้วนะ นั่งเล่นอยู่สวนหน้าบ้าน ยังไงตัดหญ้าก็ระวังด้วย” ฉันพยักหน้ารับรู้และเดินออกไปยังโรงเก็บของทันที รถตัดหญ้าขนาดกำลังดีคืออุปกรณ์ที่ฉันจะใช้ชิ้นสุดท้ายของวัน ฉันเข็นมันมายังสวนหน้าบ้าน ที่มีเขานั่งไขว่ห้างอ่านหนังสืออยู่ไม่ไกล ฮึ่มๆๆ เสียงรถตัดหญ้าดังขึ้นทำให้เขาเหลือบตามามองเล็กน้อย ฉันจัดการเข็นลงสนามหญ้าไปช้าๆเพื่อให้ใบมีด้านล่างตัดหญ้าให้เรียบเตียนอย่างที่เขาต้องการ ฉันเดินเข็นรถตัดหญ้าวนอยู่ในสวนโดยสนใจแต่พื้นหญ้าเบื้องหน้า จนกระทั่งสายตาเหลือบเห็นเขามายืนอยู่ตรงขอบสนามหญ้าและมองมาทางฉันตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ หึ ไม่คิดว่าผู้หญิงตัวเล็กอย่างฉันจะทำงานหนักอย่างที่เขาสั่งได้น่ะสิ รู้จักมัดไหมน้อยไปนะ ฉันหันไปมองหน้าเขาและแสยะยิ้มอ่อนแบบกวนประสาทไปให้เขา ซึ่งเขาก็มองฉันไม่ละสายตาเช่นกัน ภคินยืนล้วงกระเป๋าและเหมือนพูดอะไรสักอย่าง ฉันไม่ได้ยินจึงดับเครื่องรถตัดหญ้าและเพ่งมองไปยังเขาว่าเขาพูดอะไรกับฉันหรือเปล่า จนกระทั่งใบหน้าคมคายนั่งขมวดคิ้วมองฉัน “มองหน้าหา -O-” อ้าว ทำปากเป็นรูปตัวโอขนาดนี้ไม่ต้องเดายังรู้เลยว่าประโยคเต็มๆที่เขาตั้งใจพูดกับฉันคืออะไร ก็เห็นยืนพูดอยู่คนเดียวก็นึกว่าคุยกับฉัน ไม่ได้มองนี่ว่าที่หูของเขามีหูฟังบลูทูธอยู่ด้วยและเขากำลังคุยกับคนในสาย จะคุยก็คุยไปสิมามองหน้าฉันทำไม “พ่อง” ฉันแอบพูดเติมเต็มประโยคนั้นตอนกำลังสตาร์ทรถตัดหญ้าอีกครั้งเพื่อให้มันกลบเสียง นี่เขาเป็นผู้ชายประเภทไหนที่หาเรื่องผู้หญิงได้เพียงแค่มองหน้ากัน เป็นบ้าเหรอ น่าหงุดหงิดชะมัด ตึก ตึก ตึก “เมื่อกี้ยอกย้อนฉันเหรอ?” ภคินเดินมากระชากตัวฉันแล้วถามด้วยสีหน้าเอาเรื่อง “ก็นายว่าฉันก่อนรึเปล่าล่ะ” “ฉันว่าเธอได้ แต่เธอห้ามว่าฉัน!!” “เอ้า ทำไมฉันต้องยอม..” เสียงปลายประโยคของฉันหายไปพร้อมกับริมฝีปากหยักประกบเข้ามารุนแรง มือใหญ่ของเขาโอบรัดตัวฉันแน่นไม่ยอมให้หนี รู้สึกได้ถึงความหยาบโลนกับการกระทำของเขา มันไม่ใช่การจูบที่มาจากความลุ่มหลง ทว่ามันคือการบดจูบหนักหน่วงคล้ายเป็นการลงโทษ “ถ้ายังดื้อ คราวหน้าฉันจะจูบเธอให้หนักกว่านี้อีก จำไว้!!” “จูบแค่นี้ ใครกลัว” ยอกย้อนเขากลับไปทันทีที่เขาขู่ ฉันไม่ชอบตกเป็นรองใครบ่อยๆและฉันก็เป็นคนคิดแล้วก็พูดเลยแบบนี้แหละ “งั้นคราวหน้าอาจจะมากกว่าจูบ” สายตาหยาบกระด้างของเขามองฉันตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าด้วยความเหยียดหยัน ฮึ้บไว้มัดไหม อดทนหน่อย อย่าลืมว่าตัวเองมาที่นี่เพราะอะไร ถือซะว่าได้เรียนรู้พื้นฐานสันดานของศัตรูก็แล้วกัน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD