CHAPTER 01 นักธุรกิจ
MADMAII TALK
นี่มันเรื่องบ้าบออะไรกัน ไอ้หมอนี่เป็นใคร กล้าดียังไงมาลักพาตัวฉันแบบนี้!! คนที่ลอบวางระเบิดในงานของคนอื่นมีสิทธิมาจับตำรวจอย่างฉันได้ยังไง ฉันได้แต่นั่งฟึดฟัดอยู่บนหน้าตักกว้างของเขาอย่างทำอะไรไม่ได้ เขารัดฉันแน่นเกินไป และฉันขัดขืนอะไรไม่ได้เลยเมื่อต้องอยู่ในที่แคบแบบนี้ฉันเองก็ต่อสู้ไม่ถนัด
ท่ามกลางความเงียบบนรถที่มีมนุษย์เพศหญิงเพียงคนเดียวอย่างฉันมันช่างอันตราย เราไม่รู้จักกัน ไม่เคยเจอกันมาก่อน แล้วพี่กวินของฉันล่ะเขาจะยังรอฉันอยู่ที่งานรึเปล่านะ?
ฉันพร่ำคิดสะระตะจนรถคนหรูเลี้ยวเข้ามาจอดนิ่งสนิทในคฤหาสน์แห่งหนึ่ง ไอ้โรคจิตนี่ไม่พูดพร่ำทำเพลง เขาเอื้อมมือไปเปิดประตูรถก่อนจะกระชากฉันลงไปด้วย
ผลัวะ
“โอ๊ย จับเธอให้ได้!!”
เมื่ออยู่ในที่กว้างฉันจึงเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น ฉันยกเท้าถีบเข้าที่ข้อพับขาของเขาจนหมอนี่ล้มลงกับพื้น ก่อนจะรีบถอดรองเท้าส้นสูงแล้วถือวิ่งออกมาอย่างไม่คิดชีวิต มืออีกข้างจัดการถกกระโปรงที่รุ่มร่ามขึ้น ฉันนี่แหละม้าเร็วของรุ่นเลยนะ ผู้ชายที่ว่าแน่ยังวิ่งเร็วไม่เท่าฉันเลย
กึก
ประตูมันเปิดออกไปตรงไหนหว่า...
ฉันเหลียวหลังไปมองชายฉกรรจ์ชุดดำกำลังวิ่งกรูกันเข้ามาหาจึงตัดสินใจได้ในทันที เมื่อหาที่เปิดประตูไม่ได้ก็ต้องปีนข้ามไปนี่แหละ สองมือโหนประตูเหล็กบานใหญ่ก่อนจะใช้ขาถีบตัวเองขึ้นไปอย่างรวดเร็วชนิดที่ว่าลิงยังอาย
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ ถ้าไม่หยุดฉันปล่อยไฟฟ้าใส่แน่”
“ปล่อยสายฟ้าอะไร เป็นปิกาจูเหรอ ไอ้บ้า”
หมับ
ชายกระโปรงด้านหลังถูกดึงจากใครสักคนที่อยู่ด้านล่าง
“ถ้าฉันปล่อยไฟฟ้าที่ประตูเมื่อไหร่ เธอเกรียมแน่ ลงมา!”
ฉันก้มลงมองผู้ที่บังอาจมาแตะต้องชุดของฉันด้วยความขุ่นเคือง แต่ก็จะเป็นใครซะอีกล่ะถ้าไม่ใช่เขา
“ไม่ลง ฉันจะกลับบ้าน จะให้ฉันอยู่ทำไม?”
“ที่นี่น่ะ เข้าง่ายแต่ออกยากรู้ไว้ซะ”
“เฮ้ย!!”
แล้วเรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อเขาออกแรงกระตุกชายกระโปรงของฉันจนส่วนที่ปกคลุมท่อนบนเลื่อนหลุดลงมาถึงเอว หน้าอกที่ปกปิดเพียงบราไร้สายตัวจิ๋วกำลังประจักษ์สู่สายตาผู้ชายนับสิบคน สองมือที่ก่อนหน้านี้จับกรงประตูแน่นยิ่งกว่าแบงค์พันตอนนี้ปล่อยทุกอย่างแล้วปิดหน้าอกตัวเอง
มันเลยทำให้...
ตุ้บ
ร่างของฉันร่วงหล่นจากที่สูงลงมาสู่คนที่รอรับด้านล่างพอดี ไอ้บ้านี่หัวเราะชอบใจ เขาอุ้มฉันพาดบ่าแล้วเดินเข้าตัวบ้านด้วยท่าทางเร่งรีบ สองมือของฉันยังคงกอบกุมหน้าอกตัวเองและไม่สามารถต่อสู้ใดๆกับเขาได้เลย
บ้านนายนี่รวยมากเลยนะเนี่ย...
ฉันลอบสังเกตภายในบ้านจนสะดุดกับร่างชายคนหนึ่งนั่งเช็ดปืนอยู่ที่โซฟา บนโต๊ะกระจกใสเบื้องหน้าของเขามีอาวุธครบมือ ทั้งดาบ มีดสั้น สนับ และเขาจ้องมองมาที่ฉันเช่นกัน
คำถามที่ตามมาคือพวกเขาเป็นใครกันแน่ มีหน้าที่การงานอะไร รวยขนาดนี้ด้วยวิธีไหน ฉันตั้งคำถามสารพัดภายในหัวตามสัญชาตญาณตำรวจที่ได้ร่ำเรียนมา จนทุกอย่างที่คิดมันต้องชะงักเมื่อเขาพาฉันเข้ามาในห้องนอนส่วนตัวของเขา ประตูห้องถูกปิดอย่างรวดเร็วก่อนที่ร่างของฉันจะปะทะเข้ากับที่นอน
ฉันรีบหยัดตัวลุกขึ้นนั่งทว่าเขากลับใช้มือดันหน้าผากของฉันรุนแรงจนต้องหงายท้องกลับไปนอนบนเตียงอีกครั้งโดยไม่ทันตั้งตัว
“เฮ้อออออออออ...”
จู่ๆเขาก็มองฉันแล้วถอนหายใจพรืดใหญ่ออกมา หน้าคมมองมาที่ฉันอีกครั้งอย่างไม่สบอารมณ์
“อะไรของนาย”
“ที่อยู่บนหน้าอกเธอน่ะ เรียกนมได้ด้วยเหรอ?”
“วะ ว่าไงนะ”
เมื่อเขาพูดถึงหน้าอก ฉันจึงรีบคว้าผ้าห่มผืนใหญ่มาปกคลุมร่างกายไว้ให้พ้นสายตาเขา
“ฉันหมายความว่า เธอน่ะโตขนาดนี้แล้วทำไมไม่มีนม เคยดูนมคนอื่นบ้างไหมว่าเขาเป็นยังไง โว้ะ ไปๆ ใส่เสื้อผ้าแล้วกลับบ้านไปซะเถอะ เธอทำฉันเสียอารมณ์มาก”
นี่ฉันไม่มีหน้าอกมันเป็นความผิดพลาดขนาดนั้นเลยเหรอ ให้ตายสิ ไม่เคยมีผู้ชายที่ไหนมาพูดกับฉันแบบนี้เลยนะ ครั้งนี้ฉันรู้สึกเสียหน้าชะมัด
“นายน่ะ ชื่ออะไร ทำงานอะไร”
ฉันรีบจัดการแต่งตัวจนมิดชิดแล้วเอ่ยถามเขาไป ทว่าคำตอบที่ได้มาคือสายตามองเหยียดเพียงเท่านั้น เอาสิ ถ้าไม่ตอบฉันก็ไม่ไปไหน จะยืนอยู่ตรงนี้แหละ
“ภคิน เป็น..นักธุรกิจ รู้แล้วก็ออกไปสักที ฉันไม่ค่อยชอบคุยกับผู้หญิงไม่มีนม”
พูดตรงนี้เลยว่าฉันไม่เคยรู้สึกเสียหน้าขนาดนี้มาก่อน ในความเป็นจริงหน้าอกฉันมันก็พอมีนะ
“ฉันไม่เน้นปริมาณ ใหญ่เล็กไม่สำคัญ ฉันเน้นคุณภาพ”
ว่าแล้วฉันก็สะบัดหน้าหนีเขาทันที ก่อนจะค่อยๆเดินมายังประตูเพื่อจะเปิดมัน แต่แล้วเสียงทุ้มของเขาก็ดังขึ้นมาซะก่อน
“ไม่ไปส่งนะ เธอก็หาแท็กซี่กลับเอง”
นายภคินอะไรนี่ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงโดยไม่หันมามองฉันสักนิด แต่เขาพูดแบบนั้นมันก็ไม่ถูก
“อ้าว แล้วฉันจะเอาเงินที่ไหนนั่งแท็กซี่? ก็จับตัวฉันมาแบบนี้ ข้าวของก็หล่นหายไปไหนหมดแล้วก็ไม่รู้ นายต้องให้คนไปส่งฉันที่งานเดี๋ยวนี้! ฉันไม่สนหรอกว่านายเป็นใครแต่นายมาลักพาตัวคนอื่นแบบไร้เหตุผลมันไม่ถูกต้อง...”
ผลัวะ!
“หุบปากสักที ฉันรำคาญ!!”
หมอนใบใหญ่กระทบใบหน้าของฉันเต็มๆโดยฝีมือของเขานั่นเอง ผู้ชายคนนี้นิสัยเสียมากเลยนะ ไม่ให้เกียรติผู้หญิงทั้งวาจาและการกระทำ เดี๋ยวเถอะ แม่จะจับติดคุกให้หัวโตเลย
“ลงไปข้างล่างแล้วบอกเด็กๆให้ไปส่ง”
อยากจะบ่นให้ยาวกว่านี้ ด่าเขาให้มากกว่านี้ แต่ที่นี่มันไม่ใช่ที่ของฉันน่ะสิ ตัวเขาใหญ่อย่างกับควายถึกแบบนี้ฉันจะไปสู้อะไรเขาได้ล่ะ คนอย่างมัดไหมถนัดใช้สมองมากกว่า
สองเท้าฉันเดินออกมาจากห้องนอนเขาอย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัว ขณะที่ก้าวลงบันไดนั้นสายตาก็กวาดมองไปยังชั้นล่างเพื่อหาลูกน้องของเขาอย่างที่เขาบอก ทว่าภายในโถงใหญ่ของบ้านขณะนี้มีเพียงผู้ชายตัวเล็กคนหนึ่งนั่งอยู่บนโซฟาเท่านั้น
เอาล่ะ เขาคือคนที่จะพาฉันออกไปจากที่นี่...
เมื่อเดินเข้าไปใกล้เขาเรื่อยๆเผยให้เห็นว่าเบื้องหน้าของเขามีอาวุธมากมายวางบนโต๊ะกระจก ส่วนตัวเขานั้นนั่งพิงโซฟาเล่นเกมที่ต่อเข้ากับจอทีวีเสียงดังลั่นบ้าน
ไม่ธรรมดา.. บ้านหลังนี้มันต้องทำอะไรผิดกฎหมายแน่นอน
“เจ้านายคุณบอกให้คุณไปส่งฉันหน่อยน่ะค่ะ”
“เธอเป็นใคร?”
เออ แล้วฉันเป็นใครล่ะ เขาเหยียดตามองมาเล็กน้อยก่อนจะสนใจเกมที่จอทีวีต่อ
“ฉันเป็นตำ.. เอ่อ ฉันเป็นคนที่เจ้านายคุณลักพาตัวมาค่ะ แล้วตอนนี้เขาไล่ฉันกลับ ฉันเลยจะรีบกลับค่ะ”
“ไอ้เฉินนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน!!!”
ห้ะ อะไรเหยินๆ? บอกตรงๆว่าฉันตกใจที่อยู่ๆเขาก็ตะโกนขึ้นมาสุดเสียงแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย แต่แล้วเพียงไม่กี่วินาทีผู้ชายร่างสูงใหญ่รีบเดินเข้ามาหาเขาอย่างสุขุม
“ครับคุณหนู”
นายก้ามปูที่เพิ่งเดินเข้ามาโค้งคำนับเล็กน้อยให้ชายหนุ่มที่นั่งเล่นเกมอยู่บนโซฟา เอ่อ ฉันชักจะงงกับความสัมพันธ์ของคนที่นี่เล็กน้อย นายตัวเล็กนี่คงจะเป็นเจ้านายของบ้านอีกคนสินะเห็นถูกเรียกว่าคุณหนู แต่ขอโทษทีที่ฉันนึกว่าเป็นลิ่วล้อของนายภคิน
“คือว่านายภคินบอกให้ฉัน...”
“เฉิน มึงไปส่งเด็กเฮียที”
“ครับคุณหนู เชิญทางนี้ครับ”
ฉันยังไม่ได้อธิบายอะไรเลย แต่ก็ขอบคุณมากที่ไม่ไถ่ถามอะไรฉัน เพราะฉันไม่รู้ว่าจะตอบยังไงเช่นกัน ฉันเป็นเพียงผู้หญิงคนหนึ่งที่เจอคนที่ฉันแอบชอบแล้วกำลังจะเดินไปทาลิปสติกเพื่อเสริมความมั่นใจให้ตัวเองก็เท่านั้น แล้วฉันมาทำอะไรอยู่ตรงนี้...
“ให้ไปส่งที่บ้าน หรือที่งานครับ?”
“งานค่ะ ฉันต้องไปเอารถกลับบ้าน”
ผู้ชายคนนี้ดูสุขุมและสุภาพมาก ไม่น่าเชื่อว่าคนหยาบกระด้างอย่างนายภคินจะอบรมลูกน้องได้เนี้ยบขนาดนี้ แต่ใครจะเป็นใครก็ช่างหัวมันเถอะ ตอนนี้ฉันต้องรีบกลับไปที่งาน เผื่อว่าพี่กวินยังรอฉันอยู่
ทุกวินาทีที่รถเคลื่อนไปตามท้องถนน ตัวฉันเองจดจ่ออยู่ที่ถนนเบื้องหน้าแทบจะตลอดเวลาเพราะอยากจะถึงงานเต็มทีแล้วเหมือนกัน ฝ่ารถติดจนแล้วจนเล่ากว่าจะมาถึงบริเวณหน้างานนี่อีกครั้งหัวใจฉันก็ฝ่อเมื่อผู้คนมายืนออกันที่หน้างานกันหมดแล้ว นี่งานคงเลิกและทุกคนกำลังเตรียมตัวกลับบ้านแล้วสินะ
ฉันรีบลงจากรถมาโดยลืมขอบคุณนายก้ามปูที่ขับรถมาส่งไปเลย สายตาพยายามสอดส่องไปยังกลุ่มคนหมู่มากเพื่อหาพี่กวิน และเขาอยู่ตรงนั้น...
ผู้ชายคนนี้ไม่กว่ากี่ปีผ่านไปก็ทำให้หัวใจฉันพองโตได้ทุกครั้งที่เจอกันเลย
“พี่กวินคะ”
ฉันเดินเข้าไปหาพี่เขาก่อนที่จะเอื้อมมือไปสะกิดไหล่กว้าง
“มัดไหม หนูหายไปไหนมาคะ”
โอ๊ยตายแล้ววววววววววว ดูคำพูดเขาสิ น่ารักชะมัดเลย
“มัดไปทำธุระด่วนให้แม่ค่ะ ขอโทษที่หายไปนะคะ”
“พี่ค่อยโล่งอกหน่อย นึกว่ามัดติดอยู่ข้างใน”
เขาผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก สีหน้าเปลี่ยนไปจากเมื่อครู่ชัดเจน รอยยิ้มกว้างเผยขึ้นต่อหน้าฉันก่อนที่พี่กวินจะเอื้อมมือใหญ่มาลูบหัวฉันเบาๆ
“ข้างในมีอะไรเหรอคะ?”
“เวทีถูกวางระเบิดน่ะสิ หลังจากมัดหายไปไม่นานด้วย พี่เลยเป็นห่วงเรานึกว่าติดอยู่ข้างใน”
เอาจนได้.. ไอ้หมอนั่นมันได้วางระเบิดจนได้
“มีคนได้รับบาดเจ็บเยอะไหมคะพี่กวิน”
สัญชาตญาณตำรวจที่ฉันร่ำเรียนมาเริ่มทำงาน เลือดภายในตัวเริ่มพลุ่งพล่านอยากจะรู้และทำคดีนี้เองกับมือ เพราะฉันรู้แล้วไงว่าใครทำ ที่เหลือก็แค่หลักฐานในที่เกิดเหตุ พยานรู้เห็น หึ นี่ถ้าได้หลักฐานครบฉันสามารถพาตำรวจไปจับยันบ้านเขาก็ยังได้
“มีคนบาดเจ็บแค่ไม่กี่คน เจ้าของรีสอร์ทกับหุ้นส่วนน่ะ ระเบิดไม่กว้างแต่ระเบิดตอนพวกเขาขึ้นเวทีพร้อมกันพอดี”
อื้มมมม ชัดเจนมาก ฉันเดินเข้าไปชะเง้ออยู่ใกล้ๆเขตที่เหล่าตำรวจกำลังเก็บหลักฐาน เสียอย่างเดียวฉันเข้าไปไม่ได้เพราะไม่ได้เอาบัตรอะไรที่แสดงตัวว่าเป็นตำรวจมาเลยนอกจากหน้าตาที่คล้ายพ่อของตัวเอง
อยากเข้าไปเห็นกับตาตัวเองจังทำยังไงดี โทรศัพท์ก็ไม่มีติดตัวเนื่องจากกระเป๋าที่ฉันถือมาด้วยมันหล่นหายไปตอนโดนกระสอบคลุมหัวแล้ว
“พี่กวินคะ มัดขอยืมโทรศัพท์โทรหาพ่อหน่อยได้ไหมคะ”
“นี่ค่ะ”
อยากจะละลายกับความน่ารักของพี่กวินจัง เราไม่เจอกันมาหลายปีแล้ว ฉันเข้าเรียนตำรวจ ส่วนพี่เขาไปเรียนต่างประเทศ เจอกันอีกทีก็วันนี้และฉันดีใจมาก พี่กวินยังคงสุภาพและอ่อนโยนกับฉันเสมอเลย
ตู๊ดดด
เมื่อได้โทรศัพท์มาจากพี่กวินแล้วฉันกดโทรออกหาพ่อทันที
[ฮัลโหล]
“พ่อคะ นี่มัดเอง พ่อช่วยจัดการให้มัดเข้าไปทำคดีนี้หน่อยได้ไหมคะ งานที่แม่ให้มัดมามีการวางระเบิดค่ะ แต่มัดไม่ได้เอาบัตรตำรวจอะไรมาเลย มัดอยากทำคดีนี้ค่ะพ่อ”
[แกสะเพร่าเอง]
“แต่มัดจะปิดคดีนี้ให้ได้ค่ะพ่อ มัดรู้ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังชื่อภคิน น่าจะเป็นคนใหญ่คนโตอยู่เหมือนกัน”
[ใครนะ]
“เขาชื่อภคินค่ะพ่อ”
[…]
“พ่อคะ ช่วยมัดหน่อยนะ”
[ฟังพ่อนะมัด แกอย่ายุ่งกับคดีนี้แล้วรีบกลับบ้านได้แล้ว]
“เดี๋ยวค่ะ พ่อคะ!!”
เอ้า วางสายไปซะแล้ว ถ้าพ่อพูดแบบนี้ฉันคงอดจัดการคดีนี้แล้วน่ะสิ เสียดายจัง
“ทำไมทำหน้าแบบนั้น?”
“พี่กวินไปส่งมัดที่บ้านได้ไหมคะ พอดีมัดทำกระเป๋าหล่นหายน่ะค่ะ กุญแจรถอยู่ในนั้น ส่วนรถของมัดเดี๋ยวจ้างรถลากเอาก็ได้ เอ้อ แต่พี่กวินต้องไปส่งคุณป้านี่คะ งั้นมัดเรียกคนที่บ้านมารับดีกว่าเนอะ”
“แม่พี่กลับรถตู้ของที่บ้านไปสักพักแล้ว พี่มัวแต่รอเราเลยไม่กลับ ให้พี่ไปส่งแล้วกันนะ”
น่ารักเหลือเกินพ่อทูนหัวของมัดไหม...
แม้ว่าจะถอดใจจากคดีนี้เพราะคำสั่งของพ่อ แต่ฉันยังคงไม่ละความสนใจจากเหล่าเจ้าหน้าที่โดยเฉพาะกลุ่มเจ้าหน้าที่ที่กำลังถือหลักฐานออกมาตรงนี้พอดี สายตาเพ่งมองของในมือพวกเขาอย่างใจจดใจจ่อ
“นั่นกระเป๋าฉันนี่!”
เพียงแค่เห็นแว่บเดียวฉันก็รู้ว่ากระเป๋าที่อยู่ในซองซิปใหญ่นั่นเป็นของฉัน ทว่าเพียงไม่กี่วินาทีต่อมาฉันก็โดนเจ้าหน้าที่เข้าล็อคตัว หรือเขาได้ยินที่ฉันพูดนะ วันนี้สติฉันหลุดมากเกินไปหน่อยทำให้ทำอะไรไม่ระมัดระวังตัวเอาซะเลย
“กระเป๋าใบนี้คือของคุณเหรอครับ”
“ใช่ค่ะ”
“คุณคือผู้ต้องหาในคดีนี้ เราพบหลักฐานสำคัญในกระเป๋าของคุณ คงต้องไปให้ปากคำต่อที่โรงพัก”
“หลักฐานสำคัญอะไรคะ?”
ฉันถามออกไปด้วยความมั่นใจ ของในกระเป๋ามีแค่กระเป๋าตังค์ โทรศัพท์ และเครื่องสำอางจำนวนหนึ่งเท่านั้น
“มีรีโมทที่สั่งการระเบิด ปรากฏว่ามันตรงกับชนวนระเบิดที่เกิดเหตุ ยังไงก็คงต้องสอบสวนกันอีกครั้ง เชิญครับ”
“เอ่อ พี่กวินคะ โทรหาพ่อมัดอีกทีแล้วบอกเขาให้มาหามัดที่โรงพักทีนะคะ พี่ไม่ต้องห่วงมัดนะกลับบ้านเถอะมันดึกแล้ว”
ตื่นเต้นจัง เพิ่งเคยโดนตำรวจจับครั้งแรก แต่ฉันไม่กลัวหรอกเพราะฉันไม่ได้ทำอะไรผิด ตำรวจสมัยนี้เก่งจะตาย ไม่นานก็สืบหาผู้ร้ายตัวจริงได้ อย่างน้อยจับฉันมาก็มีข้อดีเพราะฉันรู้เบื้องหลังทั้งหมด จะบอกให้หมดเลย ไอ้บ้านั่นจะได้โดนจับเข้าคุกหัวโต
ฉันยอมที่จะนั่งรถมาเงียบๆโดยที่ไม่ปฏิเสธอะไรเลย อยากให้เป็นไปตามกระบวนการ ฉันอยากอธิบายทุกอย่างที่เจอมาอย่างตรงไปตรงมาตามหลักที่มันควรจะเป็น แต่ที่ฉันเรียกพ่อมาเพราะอยากให้พ่อช่วยให้ฉันได้ทำคดีนี้
ในหัวของฉันพยายามเรียบเรียงคำพูดที่จะต้องโดนสอบปากคำให้ดูฟังเข้าใจง่ายที่สุดมาตลอดทาง จนมาถึงโรงพักและฉันเห็นรถตู้ของที่บ้านจอดอยู่ก่อนที่ฉันจะมาถึงแล้ว พ่อของฉันมาถึงก่อนฉันซะอีกนะเนี่ย
ฉันสูดหายใจเข้าลึกๆเสริมความมั่นใจ อยากให้พ่อได้เห็นว่าฉันตั้งใจกับเรื่องนี้แค่ไหน อย่างน้อยฉันจะเล่าทุกอย่างออกไปด้วยความสัตย์จริงทุกคำ พ่อต้องได้เห็นและเชื่อใจที่จะมอบหมายงานนี้ให้ฉันทำ ฉันได้ไปถึงบ้านผู้ร้ายตัวจริงมาเลยนะ ยังไงซะงานนี้ต้องเป็นของฉันอย่างแน่นอน
“เชิญข้างใน”
นายตำรวจที่นั่งรถมากับฉันหันมาพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง ฉันจึงเดินเข้าไปข้างในโรงพักอย่างว่าง่าย
พ่อ...
ร่างท้วมของพ่อนั่งอยู่ที่โซฟามองฉันนิ่ง ฉันเองได้แต่ส่งยิ้มหวานอย่างมั่นใจกลับไปให้ท่าน
“แกทำให้ฉันขายหน้าพอใจรึยัง มัดไหม!”
“คะ?”
“กลับบ้าน!”
“อะไรกันคะพ่อ มัดยังไม่ได้..”
พ่อโกรธอะไรฉัน? ฉันทำอะไรให้พ่อไม่พอใจอีกงั้นเหรอ? ไม่ทันที่ฉันจะได้ไถ่ถามอะไร กระเป๋าที่ฉันถือไปงานเปิดตัวรีสอร์ทถูกตำรวจท่านหนึ่งยื่นมาให้พร้อมทั้งโทรศัพท์ กระเป๋าตังค์ กระเป๋าเครื่องสำอางใบเล็ก
“คืนให้ฉันทำไมคะ ฉันต้องการโดนสอบปากคำ”
“ท่านพิทักษ์..จัดการเรื่องให้หมดแล้วครับ ผมเก็บไว้แค่รีโมทที่เป็นของกลางอย่างเดียวพอ”
“ได้ไงอะคะ ถ้าฉันบอกว่าฉันรู้ว่าใครเป็นคนวางระเบิดล่ะ?”
เกิดความเงียบขึ้นอีกครั้ง ไม่มีนายตำรวจคนไหนปริปากพูดอะไรออกมาสักคำ มีเพียงพ่อฉันคนเดียวที่ลุกขึ้นยืนก่อนจะก้าวขาเดินมาหาฉัน
“กลับบ้านกับพ่อเดี๋ยวนี้!”
มือใหญ่ของพ่อเอื้อมมาบีบที่ต้นแขนของฉันจนเจ็บร้าวไปหมด ฉันต้องเดินออกจากที่นี่ไปด้วยแรงกระชากของคนเป็นพ่อโดยไม่เข้าใจอะไรทั้งนั้น
“พ่อคะ เดี๋ยวก่อน”
ขณะที่จะถึงรถตู้สีขาวมุกที่มีคนขับรถเปิดประตูรอการมาถึงของฉันกับพ่อ ฉันขืนแรงเอาไว้และพ่อก็หยุดเดินในที่สุด
เพียะ!!
มือหยาบกร้านของพ่อฟาดลงบนแก้มฉัน มันรุนแรงจนใบหน้าของฉันชาไปฟากหนึ่งเลย พ่อ..ไม่เคยตบฉันสักครั้งตั้งแต่เกิดมา ไม่เคยเลย แล้วครั้งนี้ทำไมพ่อถึง..
“พ่อบอกว่าอย่ายุ่งกับคดีนี้ไง ทำไมแกถึงดื้อได้ตลอด คดีนี้มันใหญ่เกินไปสำหรับมือใหม่อย่างแก จะทำให้งานเสียเปล่าๆ พ่อพูดอะไรหัดฟังบ้าง! แค่นี้ก็ขายหน้าชาวบ้านเขามากพอแล้ว”
“พ่อตบมัดทำไม..”
อะไรที่พ่อพูดมามันไม่กระทบจิตใจของฉันเท่าการกระทำของเขาอีกแล้ว หัวใจของฉันมันปวดหนึบไปหมด พ่อไม่รักฉันเลยเหรอ พ่อตบฉันทำไม ฉันทำอะไรผิดมากมายถึงขนาดที่ต้องได้รับโทษจากพ่อแบบนี้เลยเหรอ..
“พ่อ..”
“มัดขอโทษนะคะที่เป็นลูกที่แย่”
ความน้อยใจมันถาโถมเข้ามาจนฉันกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ฉันอ่อนไหวกับพ่อมากเพราะฉันอยากให้เขาภูมิใจในตัวฉันบ้าง ฉันตั้งใจทำทุกอย่างเพื่อได้รับคำชมจากเขาสักนิดซึ่งฉันไม่เคยได้เลยสักครั้ง
ฉันขึ้นไปนั่งบนรถโดยไม่พูดอะไรออกมาอีก ได้แต่นั่งเช็ดน้ำตาตัวเองเงียบๆ
แล้วมองวิวถนนด้านนอกด้วยความเจ็บปวด พ่อเองก็ไม่แม้แต่จะปลอบฉันสักคำ ตั้งแต่โตมานี่เป็นครั้งแรกที่ฉันร้องไห้ต่อหน้าพ่อ มันอดกลั้นไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ความรู้สึกแบบนี้มันยากที่จะอธิบายให้ใครสักคนเข้าใจ พ่อคือคนที่ฉันเคารพรักและเทิดทูนมาตลอดชีวิตยี่สิบกว่าปี แต่ฉันไม่เคยได้ยินคำว่ารักจากปากพ่อเลยสักครั้ง มันน่าน้อยใจไหมล่ะ
ฉันจะต้องทำให้พ่อเห็นว่าลูกสาวคนนี้มีฝีมือพอแบบที่พ่อไม่ต้องอายใคร อยากให้เขารู้สึกภูมิใจในตัวลูกสาวคนนี้บ้าง
AT HOME
“ยัยมัด ไม่เจ็บตรงไหนใช่ไหมลูกเห็นว่าที่งานโดนวางระเบิด แล้วนี่เจอตากวินมาเป็นยังไงบ้าง ว้าย หน้าลูก..”
“หน้ามัดบวมเหมือนโดนตบใช่ไหมคะแม่ ลองถามพ่อดูนะคะ เผื่อพ่อตอบแม่ได้”
คำถามจี้ใจประเดิมตั้งแต่ก้าวเท้าเข้าบ้านเลย จะให้ฉันปฏิเสธว่าไม่เป็นอะไรก็ทำไม่ได้ในเมื่อหน้าบวมเป็นหลักฐานขนาดนี้ พ่อของฉันเขาจะรู้ไหมนะว่าการกระทำของเขามีผลต่อจิตใจฉันแค่ไหน
สองเท้าเดินเข้ามายังห้องนอนโดยไม่ลืมที่จะล็อคประตูห้อง วินาทีที่อยู่คนเดียวภายในห้องที่คุ้นเคย น้ำตามันก็ไหลออกมาอีกครั้งอย่างห้ามไม่อยู่ สองมือกำหมัดแน่นจนตัวสั่น ฉันจะเราความเจ็บปวดครั้งนี้เป็นแรงผลักดันตัวเอง จะทำให้พ่อได้เห็นว่าฉันทำได้ งานนี้ฉันทุ่มสุดตัว
คิดได้ดังนั้นฉันจึงสูดหายใจเข้าลึกๆ อดกลั้นน้ำตาและเก็บความเสียใจที่พรั่งพรูเอาไว้ภายในใจ คนอย่างมัดไหมต้องไม่อ่อนแอเด็ดขาด ถ้าเรื่องทั้งหมดมันเกิดจากความเลวทรามของนายภคิน ฉันก็ต้องแก้ให้ถูกจุด อยากจับเสือก็ต้องเข้าถ้ำเสือสิ!
วันรุ่งขึ้น
มัดขอใช้เวลาอยู่กับตัวเองสักพัก ไม่ต้องห่วงมัด...
นั่นคือข้อความที่ฉันเขียนมันใส่กระดาษวางไว้บนโต๊ะรับแขกกลางบ้าน วันนี้ที่บ้านไม่มีใครอยู่ และก็จะไม่มีฉันอยู่ที่นี่เช่นกัน
กระเป๋าเป้ใบเล็กหนึ่งใบที่มีเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวถูกสะพายทับเสื้อยืดเก่าๆที่ฉันใส่ ใบหน้าซีดเซียวแบบคนอดหลับอดนอนมาทั้งคืน บนแก้มมีแป้งพม่าสีเหลืองที่ฉันใช้ผงแป้งผสมน้ำพอประมาณแล้วนำหวีไปแตะบนแป้งที่ผมก่อนจะใช้มันมาปะแก้มตัวเองจนเกิดรอยจุดตามซี่ของหวี ทำเป็นวงกลมคล้ายพระอาทิตย์เบ่ง
บาน
มันมีเหตุผลเป็นร้อยเป็นพันเป็นคำตอบของการกระทำของตัวฉันเอง และทุกๆเหตุผลมันพาให้ฉันมายืนอยู่ตรงนี้
คฤหาสน์ของภคิน
อ่อดดดด อ่อดดดด
นิ้วจิ้มลงบนกริ่งหน้าคฤหาสน์หรูเต็มแรงด้วยความมั่นใจ ฉันมาที่นี่เพื่อเปิดโปงนายภคิน และฉันต้องทำให้ได้
“คนใช้เต็ม กลับไปซะ!”
ชายชุดดำคนหนึ่งเดินมาตะคอกใส่หน้าของฉันเสียงดังโดยที่ฉันไม่ทันจะเอ่ยปากอะไรออกไปเลยสักนิด ทันใดนั้นประตูบานใหญ่ก็เปิดออกกว้างมาพร้อมรถหรูสีดำคันสวยที่มาหยุดจอดตรงหน้าฉันพอดิบพอดี กระจกรถถูกเปิดออกมาพร้อมกับใบหน้าของคนที่ฉันอยากเจอที่สุด
“มีเรื่องอะไรกันวะ!”
ภคิน..
“เธอมาสมัครเป็นคนใช้ครับนาย”
ยังไม่ทันได้บอกเลยว่ามาสมัครเป็นอะไร แต่ก็คงเป็นคนใช้นั่นแหละ เข้าถึง
ตัวเขาง่ายที่สุดแล้ว
สายตาคมของเขามองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้าอยู่หลายรอบจนฉันชักจะหงุดหงิด เกลียดคนที่มองคนอื่นด้วยสายตาดูถูกแบบนี้ชะมัด ฉันเองก็จ้องมองผ่านลาดไหล่เขาเข้าไปในรถ ทว่ามันช่างมืดจนมองไม่เห็นอะไร
“หึ ขอเหตุผลสามข้อที่เธอมาที่นี่”
“งาน เงิน ประสบการณ์”
ฉันตอบภคินออกไปอย่างฉะฉานตามนิสัยที่ฉันเป็น
“เธอรู้รึเปล่าว่าที่นี่เข้าไปแล้วออกยาก”
“ไม่รู้ ต้องลองได้เข้าไปดู ค่ะ”
เกือบลืมพูดค่ะลงท้าย เดี๋ยวจะหาว่าไม่อ่อนน้อมถ่อมตน เกิดเขาไม่รับเข้าทำงานก็ซวยอีก
“ขอเทสต์ของหน่อย”
ประตูรถหรูเปิดออกพร้อมกับร่างสูงที่ก้าวเข้ามาหาฉัน ภคินเดินเข้ามาใกล้ฉันมาก เขายืนล้วงกระเป๋ากางเกงแล้วมองหน้าฉันด้วยสายตาเจ้าเล่ห์จนฉันชักจะรำคาญสายตาแพรวพราวของเขาเหลือเกิน
“มีอะไรคะ?”
“เคยมีผัวมากี่คนแล้ว?”
“ห้ะ!!”
คำถามสัมภาษณ์รับคนใช้ของเขามันแปลกๆไหม? บอกตรงๆว่าตั้งตัวไม่ทัน ไม่มีคำตอบในหัวเลยด้วยซ้ำ ภคินจะต้องการคำตอบแบบไหนกันแน่ หากตอบว่าไม่เคยมี หรือว่าเคยมี มันจะมีผลอะไรรึเปล่านะ
“ทำอะไรเป็นบ้าง?”
“ทำงานบ้าน ทำอาหารได้ค่ะ”
“ฉันหมายถึงเรื่องบนเตียง”
เห้ย!! ฉันมาเป็นคนรับใช้นะไม่ใช่ไซด์ไลน์ คำถามของเขามีแต่เรื่องบนเตียง ลามกจริงๆ
“ก็เป็นทุกอย่างแหละค่ะ!”
ฉันตอบออกไปเพราะคิดว่าเขาน่าจะกำลังรอคำตอบนี้อยู่ แล้วมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆเมื่อรอยยิ้มพออกพอใจฉายขึ้นบนใบหน้าของเขา ฉันจะทนอยู่กับคนลามกได้กี่วันกันล่ะเนี่ย
หมับ
“เห้ย!! ทำไรอะไร!”
มือใหญ่ทาบลงบนหน้าอกฉันก่อนจะออกแรงบีบมันอย่างคล่องมือ ทว่าฉันตกใจและถดตัวถอยหนีออกมาได้ก่อน
“เทสต์ของไง”
ฉันเป็นคนนะไม่ใช่สินค้า ไอ้บ้านี่! แค่ฉันได้พูดคุยกับเขาไม่กี่ประโยคนะ ปรอทความอดทนของฉันแทบจะระเบิดอยู่แล้ว
“งั้นฉันขอเทสต์ของนายบ้าง”
หมับ
“อ๊า จุ๊ๆ”
ฉัน...สติหลุดหรืออะไรกันแน่ อะไรทำให้ฉันกล้าเอื้อมมือไปจับที่เป้ากางเกงของเขาพร้อมทั้งบีบคลึงลูกกลมๆที่นูนออกมาจากเป้ากางเกงเหมือนกับที่เขาบีบหน้าอกฉัน แต่...ดูเขาจะชอบ ดูจากเสียงร้องครางต่ำทำให้ฉันจึงรีบชักมือออกทันที
เปลี่ยนใจได้ไหม ฉันไม่โอเคกับเขาแล้วล่ะ..
“ฉันไม่ทำแล้วค่ะ ขอตัวกลับก่อน”
“หยุด!! คิดว่าจับของฉันแล้วเธอจะชิ่งหนีไปแบบนี้ได้เหรอ ทำไม จะแอบไปดมมือตัวเองก็บอกมาเถอะ”
“วะ ว่าไงนะ?”
หน้าฉันดูเหมือนคนโรคจิตแบบนั้นเลยเหรอ จะไปตัดมือทิ้งสิไม่ว่า มันเป็นมลทินติดมือฉันด้วยซ้ำไป
“ฉันรับเธอมาเป็นคนรับใช้ที่นี่”
“...”
ตอนฉันอยากทำก็ลีลาไม่รับฉันสักที พอตอนไม่อยากทำแล้วก็มารับเข้าทำงาน แต่ก็เอาเถอะ ความตั้งใจแรกของฉันต้องสำเร็จ ฉันพาตัวเองเข้ามาถ้ำเสือแล้ว ต้องได้อะไรกลับไปบ้างล่ะ
ภคินโน้มหน้าลงมาแนบที่ใบหูฉันก่อนจะพูดอะไรบางอย่างที่ทำให้หัวใจของฉันกระตุกวูบ
“ไม่ว่าเธอจะมาที่นี่เพราะอะไร เธอคงเตรียมใจมาดีแล้วสินะ หึๆ”
เขารู้เหรอว่าฉันเป็นผู้หญิงคนเมื่อคืน สภาพตอนนี้กับเมื่อคืนมันต่างกันมากจนแทบจำไม่ได้เลยนะ ชุดราตรีหรู ใบหน้าแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางทุกอณูผิว แต่ตอนนี้..นอกจากแป้งพม่าที่เป็นดวงอยู่บนแก้มก็ไม่มีอะไรประทินผิวเลย หน้าสดกับหน้าแต่งของฉันมันคนละคนกันเลยนะ เขา..ไม่น่าจะจำได้สิ
“ทำไมฉันต้องเตรียมใจด้วย ก็แค่อยากทำงานแล้วได้เงินแค่นั้นเอง”
ยังคงใจดีสู้เสือต่อไป ไม่มีพิรุธใดๆให้เขาเห็น ใบหน้าคมเลื่อนมาอยู่ตรงหน้าฉัน เราจ้องลึกไปในตากันและกันเหมือนต้องการหาคำตอบอะไรสักอย่าง
“ก็แค่บอกให้เตรียมใจรับมือกับฉันไว้ให้ดี เพราะเธอจะไม่ได้ออกไปจากที่นี่จนกว่าฉันจะพอใจ”
“นายหมายถึงเรื่องบนเตียงรึเปล่า?”
กับคนลามกแบบเขา อาจจะหมายถึงเรื่องบนเตียงก็ได้นี่
“ก็ใช่สิ หรือเธอเตรียมใจมาเรื่องอื่นล่ะ?”
ปากหยักจรดลงที่หน้าผากของฉันหนึ่งทีก่อนที่เขาจะหันหลังขึ้นรถไปโดยไม่หันมามองฉันอีก ฉันได้แต่มองตามรถของเขาไปพร้อมกับความคิดภายในใจ
ว่าฉันก็จะไม่ยอมกลับไปมือเปล่าเช่นกัน!!