ตอนที่ 1 รับงานอาสาดูแลคนเมา
เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีดำปลดกระดุมจนเห็นไปถึงเนื้อกล้ามด้านใน กางเกงขายาวสีดำเรียบดูเหมาะกับคนมาดเข้มอย่างเขา ผมที่ถูกสับซอยอย่างดีเสยขึ้นเล็กน้อยเพิ่มแรงดึงดูดความสนใจจากเพศตรงข้าม
แม้จะเกิดมาในตระกูลผู้ดีมีเงิน แต่สัญชาตญาณของชายหนุ่มกลับตรงกันข้าม แม้จะได้รับการสั่งสอนที่ดีจากครอบครัวที่อบอุ่น แต่เขาก็ไม่เคยที่จะสนใจใส่ใจมัน โดยเฉพาะเรื่องการเลือกคู่ครองหรือการหาผู้หญิงเคียงกาย
สองขาแกร่งพาร่างสูงร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตรก้าวเดินมุ่งหน้าไปยังลานจอดรถของผับแห่งหนึ่ง มือหนาโอบลำตัวหญิงสาวที่อยู่ในชุดเดรสสีดำเข้ามาใกล้ ก่อนจะดันเรือนร่างแสนเย้ายวนให้แนบพิงกับรถหรูที่จอดอยู่ด้านข้าง
“ตรงนี้เลยได้ไหม”
“ถ้าพี่วินไม่ติด เมย์ก็ไม่ขัดค่ะ”
มองด้วยสายตาเย้ายวนล้อเป้าคนตรงข้าม ก่อนจะตวัดปลายนิ้วเรียวยาวเกลี่ยเล่นที่ริมฝีปากหนา
อุตส่าห์ไล่อ่อยทุกครั้งที่เขามาผับ วันนี้สงสัยเป็นวันมหาลาภของอีเมย์ เพราะนี่คือครั้งแรกที่เขาเลือกเธอให้มาปรนนิบัติเป็นการส่วนตัว
ก่อนออกบ้านจุดธูปบูชาของดีที่ได้มา พร้อมพรมเสน่ห์น้ำมันพรายจากอาจารย์ที่นับถือทั่วเรือนร่าง แม้จะต้องเสียเงินไปหลายตังค์แต่เพื่อแลกกับการจะได้เป็นคนที่เขาเลือกมันก็คุ้มค่ามากพอ
“อ๊ะ...อย่าบีบแรงสิคะ”
หญิงสาวร้องเสียงหลง เมื่อถูกมือหนาบีบเข้าที่ก้อนกลมกลึง ก่อนชายหนุ่มจะใช้ปลายลิ้นสากไล้เลียผิวเนียนบนเนินอก
เป็นครั้งแรกที่ลูกค้าขอมีอะไรด้วยบนลานจอดรถ แต่ก็อย่างว่าแหละ คนมีเงินมักจะชอบใช้เงินซื้อความตื่นเต้น หน้าที่ของเธอไม่ควรจะมีคำถาม เพียงแค่ต้องทำให้ถึงใจเขาก็พอ
ยิ่งกับคนนี้ถ้าถูกใจ ทำดี ทำถึง เขาเปย์ไม่อั้นแน่นอน
เล้าโลมได้ที่ก็เลื่อนตัวลงต่ำ หวังจัดการของรักของฝ่ายตรงข้ามที่กำลังแข็งปูดดันกางเกงออกมา ก่อนกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ เมื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้ามันเกินจินตนาการไปมาก
ใหญ่ ยาว สมคำล่ำลือจริงๆ เจ้าค่ะ
‘อ้วก คากกกก ถุ้ย’
ก่อนหน้านั้นเป็นความคิดของเธอที่ดังขึ้นในสมอง แต่เสียงที่หลุดออกมาเมื่อครู่เป็นเสียงจากอีกฝั่ง
“แม่งเอ๊ย!”
มาวิน ถอนหายใจอย่างเสียอารมณ์ ก่อนจะผละหญิงสาวฝั่งตรงข้ามออก แล้วจัดการเก็บน้องชายของตัวเองยัดเข้ากลับไปที่เดิม
วันนี้เขาตั้งใจมาดื่มเพื่อปลดปล่อยความเครียดกับเพื่อน นอกจากเพื่อนจะหนีกลับไปก่อน ยังต้องเจอกับเสียงอุบาทว์ที่เข้ามาขัดจังหวะอารมณ์กามของเขาอีก
ลานจอดรถหลังร้านตั้งใหญ่โต คนเมาที่ไหนมาอ้วกแถวนี้วะ ร่างสูงหงุดหงิดเต็มทน คนอย่างเขาโดนขัดจังหวะเรื่องอื่นจะไม่ว่า แต่เรื่องนี้เขาไม่ยอม
ร่างสูงรีบสาวเท้าเดินดูโดยรอบด้วยอารมณ์พุ่งปรี๊ด วันเหี้ยของเขาที่แท้จริง ตั้งแต่เช้ายันเย็นไม่มีอะไรได้ดั่งใจเขาสักอย่าง
“พี่วินจะไปไหนคะ?”
สองขาเรียววิ่งตามชายหนุ่มที่กำลังเดินไปรอบๆ
“อยู่ไหนวะ.. อย่าให้กูเจอนะ กูจะด่าให้”
สายตาคมสาดมองไปรอบทิศหลังจากเดินมาหยุดที่ด้านหลังลานจอดรถ ก่อนจะสะดุดกับร่างบางที่กำลังยืนถ่างขาเก้าสิบองศามือยันกำแพงอยู่ไม่ไกล
‘อ้วก...อึก’
ก้อนสีขาวใหญ่ ข้าวที่กินไปมื้อเย็นพุ่งออกมาอีกรอบ น้ำหูน้ำตาไหลรินเปรอะเปื้อนใบหน้าเนียน
ก่อนหน้านั้นเธอบอกกับตัวเองว่าวันนี้แก้วเดียวจบ แต่ความห้าวเมื่อฤทธิ์แอลกอฮอล์เข้าปากยิ่งทำให้รู้ว่า แก้วเดียวไม่มีอยู่จริง อาจจะจริงแค่ว่าแก้วเดียว หมายถึงแก้วเดิมแล้วรินมาอีก
มาวินพาตัวเองเดินเข้ามาใกล้หญิงสาวคนใหม่ที่กำลังก้มหัวอยู่ ชายหนุ่มส่ายหน้าให้กับสภาพของเธอก่อนจะเบือนใบหน้าหนี พร้อมเอ่ยวาจา
“เฮ้ยน้อง! คราวหลังถ้าดูแลตัวเองไม่ได้ ก็อย่ากินเยอะสิครับ”
เธออาจจะเมาเรี่ยราดก็จริงอันนี้ยอมรับ แต่ไม่เคยไปสร้างความลำบากให้ใครเลย ยกเว้นคนใกล้เคียง แล้วคนที่มายืนด่าเธออยู่เป็นญาติส่วนไหนเหรอ
“เสือก”
ฤทธิ์น้ำเมานอกจากจะทำให้ผู้ดื่มสูญเสียสติและการทรงตัว ก็ทำให้ปากไว ไม่เป็นมิตรด้วยเช่นกัน ก่อนจะเลื่อนใบหน้าหันไปหาเจ้าของเสียงเข้มที่หยุดอยู่ด้านข้างเธอ
เพียงเสี้ยววินาทีที่ร่างบางหันมาประจันหน้ากับเขา ทำคนตัวโตแทบสะดุดหายใจ เพราะคนตรงหน้าที่เขาก่นด่าด้วยความรำคาญและเสียอารมณ์ไปก่อนหน้านั้น คือ น้องสาวของเพื่อนสนิท ที่เขาไม่เคยสนิทกับเธอเลยแม้แต่น้อย
“ฝน มาทำอะไรที่นี่”
ปาริศา ใช้นิ้วเรียวเกลี่ยปอยผมที่ปกคลุมใบหน้าของเธอ สายตาพร่ามัวพยายามเพ่งเล็งไปยังใบหน้าหล่อเหลา ก่อนจะถือวิสาสะเดินเข้าไปใกล้เจ้าของเสียงที่เรียกชื่อเธอ แล้วยกมือเล็กสัมผัส
มาวินตกใจกับการกระทำของคนตรงหน้า เขาและเธอรู้จักกันมาสิบกว่าปีตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม เธอเป็นลูกพี่ลูกน้องของภาคินัย เพื่อนสนิทของเขา เรามักจะเห็นหน้าเห็นตากันเป็นประจำ แต่แทบไม่มีจังหวะที่จะได้พูดคุย หรือเรียกว่านับประโยคได้
“พี่วินเหรอคะ...ทำไมวันนี้หล่อจัง”
เอ่ยเสียงหวานเรียกชื่อชายหนุ่มตรงหน้า ทั้งที่เธอไม่เคยพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงนี้สักครั้งในชีวิตแม้อยากจะใช้มันก็ตาม แต่เพราะคิดว่าคนตรงหน้าคงไม่มีวันสนใจเธอ
“ปล่อยนางไปเถอะค่ะพี่วิน...เมาแล้วก็กลับบ้านไปค่ะน้อง ไม่ใช่มายืนอ้วกล่อผู้ชายแถวนี้”
คนที่เดินตามหลังมาแสดงท่าทีฉุนเฉียว เมื่อเห็นภาพความสนิทสนมระหว่างชายหนุ่มที่เธอหมายปองกับหญิงสาวเจ้าของเสียงอุบาทว์ที่ดังขัดจังหวะเร่าร้อนก่อนหน้านั้น
มาวินไม่ลังเลที่จะเลือก ใช่เขาเลือกคนตรงหน้า อย่างน้อยก็ต้องพาเธอกลับไปส่ง แล้วค่อยจัดการตัวเอง
“เธอกลับไปก่อน”
อารมณ์ตอนนี้เขาไม่มีเวลากลับไปต่อกับใครที่ไหน เพราะเห็นสภาพของปาริศา ถ้าเขาปล่อยเธอไว้คนเดียวอย่างนี้ก็คงจะใจร้ายเกินไปในฐานะคนรู้จัก
มือหนาล้วงกระเป๋ากางเกงแล้วควักเงินแบงก์เทาออกมาจำนวนหนึ่ง ก่อนจะหันไปยื่นให้กับคนที่อยู่ด้านหลัง
“คือ...”
สายตางุนงงจรดมองธนบัตรที่ถูกยื่นมาให้ ประกอบกับตั้งคำถามในใจ แต่ก็ไม่กล้าพูดออกไปได้เต็มประโยค
“เธอเป็นน้องของเพื่อนฉัน...ฉันต้องพาเธอไปส่ง”
ในเมื่อลูกค้าพูดอย่างนี้ เธอก็ไม่กล้าที่จะขัดคำสั่ง เอาก็ได้วะ ดีกว่าไม่ได้อะไรเลย เพราะเพียงแค่ประโยคเรียบง่ายมันก็ชัดเจนตรงที่ว่า คนตรงหน้าไม่เอาเธอแล้ว
“ขอบคุณค่ะ..”
ทำงานไม่ถึงครึ่งชั่วโมงได้มาห้าพัน ก็ถือว่าคุ้มแล้ว วันหลังค่อยไปเติมของแล้วมาล่อใหม่ แต่คราวหน้าคงต้องย้ายสำนักอาจารย์เพราะของที่ทำมาดันมาเสื่อมเพราะเสียงอ้วก คิดแล้วคิดอีกว่าเป็นไปได้ยังไง
มาวินมองหญิงชุดดำเดินออกไปด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์ ก่อนจะหันหลังกลับมาจัดการกับปาริศาที่พยายามพยุงร่างของตัวเองให้ยืนนิ่ง
“เดินไหวไหม เดี๋ยวพี่ไปส่ง”
ส่ายหน้าเบาๆ คือคำตอบ เธอไม่มีแรงจะทำอะไรทั้งสิ้น แรงจะเรียกรถกลับที่พักยังไม่มี พอโบกแท็กซี่ได้ก็ดันอยากอาเจียนเลยต้องรีบวิ่งหาที่ลับตาคน
มือหนาโอบล้อมร่างบาง เป็นครั้งแรกที่เขาได้ใกล้ชิดกับปาริศา เพราะที่ผ่านมาเราไม่เคยมีความสนิทสนมจนถึงเนื้อถึงตัวกันขนาดนี้ แต่ตอนนี้ก็ไม่ได้สนิทหรอก ที่ช่วยเพราะเห็นแก่เพื่อนตัวเอง
“เดินดีๆ อย่าสะดุด”
ส่วนสูงที่ต่างกันทำให้หาจุดสมดุลระหว่างสองร่างไม่เจอ เธอผิดที่เตี้ยเกินไปหรือเขาผิดที่สูงเกินไป แม้คนตัวโตจะพยายามคอยก้มพยุงให้คล้อยตามจังหวะการก้าวเดินเพื่อไม่ให้เธอสะดุด แต่นานไปเขาก็เริ่มปวดคอ ประกอบกับขาเล็กก็เดินสะเปะสะปะไปทั่วเหลือเกินแม่คุณ แล้วเมื่อไหร่มันจะถึงรถสักที
“หยุด!”
เอ่ยสั่งด้วยความใจร้อน ไม่งั้นมีหวังตีหนึ่งคงถึงบ้าน คิดดีแล้วใช่ไหมที่เสนอตัวเองรับเธอมาเป็นภาระ แทนที่เขาจะได้กลับไปนอนพักผ่อน
ดูเหมือนคำสั่งของเขาจะได้ผล พอเห็นอย่างนั้นจึงรีบยกร่างบางขึ้นอุ้มก่อนจะเร่งฝีเท้าก้าวเดินมายังรถหรูที่จอดไว้อีกฝั่งไม่ไกล
มาวินเผลอก้มลงมองคนที่กำลังซุกอยู่ในอ้อมแขนของเขา ก่อนจะยกยิ้มที่มุมปาก แล้วส่ายหน้าด้วยความเอือมระอา
“เด็กน้อย..เอ้ยยย”
.
บนรถ
“คอนโดอยู่ไหน...พี่จะไปส่ง”
พอเข้าประจำที่คนขับ มาวินจึงหันมาถามคนตัวเล็กที่กำลังสลบไสลอยู่ด้านข้าง เขาเคยได้ยินมาจากเพื่อนสนิทว่า ปาริศาพักอยู่คอนโดในตัวเมืองไม่ไกลจากที่นี่มากนัก แต่ก็ไม่เคยรู้ว่าคอนโดเธอชื่ออะไร เพราะไม่ได้สนใจที่จะอยากรู้
“ไม่รู้” ใครมันพากันแดกเหล้าจนไม่รู้จักทางกลับบ้านตัวเอง
“ฝน...ตอบพี่ดีๆ”
“หุบปากได้ไหม...รำคาญ คนจะนอน”
คนตัวโตยกมือขึ้นกุมขมับก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ตาม จริงอยู่ที่เราคุยกันแทบนับประโยคได้ แต่ไม่เคยมีเลยสักครั้งที่ต่อหน้าเธอจะเหวี่ยงใส่เขาแบบนี้ เพราะมุมมองของเธอที่เขารู้จัก เธอเป็นคนยิ้มสวย สดใส รักสัตว์ และชอบช่วยเหลือคนอื่น จริงๆ ไม่ได้สนใจหรอก แต่คือสิ่งที่เขาสังเกตได้
หรือนี่คือนิสัยที่แท้จริง เขาถึงว่ากันว่า น้ำเมาเผยธาตุแท้ของคน
หันกลับไปมองอีกรอบก็เห็นแต่คนเมาที่กำลังเอาหน้าซุกกระจกอยู่ มาวินหลับตาลง ก่อนจะพยายามนึกว่าเขาควรจะจัดการกับเธออย่างไรต่อ พลันมือหนาก็ยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมา ทำทีเหมือนจะกดโทรออกแต่ก็ดันเปลี่ยนใจแล้ววางมันกลับที่เดิม
เขาเองก็รู้จักบ้านของเธอ แต่เพราะอยู่ห่างเกือบสี่สิบนาที ไปกลับก็คงราวชั่วโมงครึ่ง อีกอย่างตอนนี้เวลาเที่ยงคืนเกือบตีหนึ่งแล้ว ถ้าจะต้องไปส่งเธอที่นั่น ก็คงจะเป็นการรบกวนคนที่บ้าน อีกทั้งไม่แน่ว่าเขาอาจต้องมานั่งตอบคำถามว่าไปเจอปาริศาได้อย่างไร หันไปมองสภาพเธออีกทีก็คิดว่าทุกคนคงต้องตกใจเหมือนกันกับเขา
มาวินพยายามเขย่าตัวปลุกเธอให้ตื่นมาให้คำตอบกับคนหมดหนทางช่วย แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือการเบี่ยงตัวหนี อันเป็นคำตอบว่า อย่ามายุ่งกับเธอ
ตามใจ! ในเมื่อไม่ยอมบอกว่าจะให้เขาไปส่งที่ไหนก็เรื่องของเธอแล้วกัน เพราะเขาง่วงและเหนื่อยจนไม่อยากเสียเวลามานั่งรอคำตอบ
ดูจากสภาพพร้อมทิ้งตัวขนาดนั้น พาไปไหนคงไม่รู้เรื่อง หึ!