มาวินไม่รู้จะพาเธอไปที่ไหน เลยเลือกพามาโรงแรมที่ครอบครัวของเขาเป็นเจ้าของ ห้องว่างส่วนตัวของเขามีไว้ เพราะบางทีไม่อยากกลับไปนอนที่บ้าน เขาก็จะเลือกนอนที่โรงแรมแทน หรือว่าใช้เป็นแหล่งกบดานเฉพาะกิจของเรื่องอย่างว่า
สายตาชำเลืองไปมองคนที่อยู่ในอ้อมอกตัวเองอีกครั้ง ไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งเราสองคนจะได้ใกล้ชิดกันด้วยสภาพนี้ สภาพที่เขาไม่คิดว่าเธอจะเป็นอย่างที่เห็น ไม่รู้ว่าเพื่อนสนิทของเขาจะรู้หรือเปล่า ว่าน้องสาวมีพฤติกรรมแบบนี้
ประตูลิฟต์เปิดออกเขาจึงรีบกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้น ไม่ใช่ว่าปาริศาหนักจนเขาอุ้มไม่ไหว แต่เมื่อกี้เผลอไปคิดเรื่องอื่นจนลืมว่าตัวเองต้องทำอะไรต่อมากกว่า
ยิ่งถ้าไอ้คินท์มันรู้ว่าเขาอยู่กับเธอในสภาพนี้มันจะคิดยังไง ไม่ได้กลัวเพื่อนจะว่า แต่แค่ขี้เกียจมานั่งตอบคำถามกับคนขี้สงสัยและจับผิดเก่งอย่างมัน
เพราะตัวเองไม่ใช่คนดีในเรื่องผู้หญิงสักเท่าไหร่
รู้ตัวอีกทีก็มาหยุดที่เตียงนุ่มด้านในห้อง มือหนาจึงค่อยๆ ประคองร่างบางวางลง จัดการห่มผ้าผืนหนาให้เรียบร้อย แล้วพินิจพิจารณากับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าอีกครั้ง
“เหี้ยไรวะ..”
เธอยังคงไม่ได้สติรับรู้อะไร ไม่อยากจะคิดว่าถ้าคนที่เจอเธอไม่ใช่เขา แต่เป็นพวกขี้ยาแถวนั้น มันคงลากเธอไปจัดการแน่นอน ยิ่งมุมอับแบบนั้น ไม่มีทางที่ใครจะมาเห็นได้ง่ายๆ
เกิดมาไม่เคยทำอย่างนี้กับใคร เธอไม่ใช่คนพิเศษ แต่มันคือเหตุจำเป็น
หมับ!
ยังไม่ทันที่ขายาวจะก้าวเดินออกไปจากจุดที่เขายืนอยู่ มาวินรู้สึกตึงที่ข้อมือเหมือนมีอะไรมาจับดึงรั้งเอาไว้ ทำให้ร่างสูงต้องก้มลงมองตาม
“หมอนข้างจะไปไหน”
เสียงเล็กแหบพร่าเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบ หลังจากปิดปากเงียบอยู่นานตั้งแต่บนรถจนถึงโรงแรม ยังไม่ทันที่มาวินจะได้หยุดพักหายใจเพราะความเหนื่อย เธอก็หาเรื่องปวดหัวใหม่มาให้เขา
มีสติพูดไปเรื่อย แต่ไม่มีสติบอกทางกลับบ้านตัวเอง
“จะเอาอะไรอีก...ฉันไม่มีเวลามาเล่นกับเธอนะ”
ขออนุญาตเปลี่ยนสรรพนามแทนตัว เพราะตอนนี้เขาเริ่มหงุดหงิดกับพฤติกรรมของเธอขึ้นมาแล้ว ตอนแรกที่ช่วยเหลือเพราะคิดว่าเธอคือคนใกล้ชิด แต่ตอนนี้มันคือภาระของเขาชัดๆ
นอกจากจะขัดจังหวะเรื่องอย่างว่าไม่พอ ยังจะขัดเวลานอนของเขาอีก
กูหิวนอนเว้ย ไม่มีเวลามาเล่นกับคนเมา
“หมอนข้างนุ่มจัง..”
จากมือเล็กที่เอื้อมจับมือหนาเอาไว้ ก็เปลี่ยนมาลูบไล้ที่ต้นแขนของเขาราวกับเป็นของรักของหวง หลับตาพริ้มติดอยู่ในภวังค์ของความฝัน นานแล้วที่เธอไม่ได้รับสัมผัสอบอุ่นเช่นนี้ ตั้งแต่พ่อของเธอจากไปเมื่อหลายปีก่อน
“ฝน...ปล่อย”
แอบสั่นไหวและตกใจ เมื่อเธอพยายามดึงเขาลงไปนอนที่เตียงด้วย
“ป๊า...ฝนคิดถึงนะคะ กอดฝนหน่อยได้ไหม”
กอด ถ้าได้ยินไม่ผิด เธอขอกอดจากเขาใช่ไหม พร้อมทั้งมโนว่าเขาเป็นพ่อของเธออีก ขอโทษนะ เขาคือรุ่นพี่ที่เราไม่เคยสนิทกันต่างหาก จะมาเรียกเขาว่าพ่ออะไรกัน
“ฮึก”
เสียงกระเส่าของคนตัวเล็กดังขึ้น มาวินเหลือบมองใบหน้าของเธอที่คล้ายคนกำลังจะร้องไห้ออกมา เขารู้ว่าเธอหมายถึงอะไร เขารู้ว่าเธอสูญเสียพ่อไปเมื่อหลายปีก่อน เพราะเขาก็ได้ไปช่วยงานศพที่บ้านเธอด้วย แม้ไม่เคยมีประสบการณ์สูญเสียใครมาก่อน เพราะครอบครัวของเขายังมีชีวิตอยู่ครบสมบูรณ์ทุกคน แต่ก็อดคิดในใจไม่ได้ว่าถ้าวันนึงเขาสูญเสียคนที่เขารักข้างกายไป จะเป็นอย่างไรกัน ก็คงจะอยากสัมผัสอยากโอบกอดให้คลายความคิดถึงสักครั้งใช่ไหม มันคงจะเป็นอย่างนั้น
ถ้ายอมให้กอดจะหยุดร้องไห้ไหมนะ มาวินคิดในใจ ที่ผ่านมาไม่เคยมีใครได้กอดเขาฟรีๆ เพราะมันไม่ใช่แค่กอดน่ะสิ
“กอดฝนหน่อยได้ไหม..ฮึก”
เฮ้อ! ถือซะว่าเห็นใจเด็กขี้เมาคนหนึ่งละกันเนอะ
ร่างสูงสอดตัวเข้าใต้ผ้าห่มก่อนจะเอื้อมโอบร่างบางแล้วกระชับอ้อมแขนเบาๆ มองดูเหมือนเธอจะดีขึ้น พลันยิ้มออกมาเมื่อได้ซุกในอ้อมอกแกร่ง แต่แท้จริงแล้วมันไม่ใช่แค่นั้น
“เฮ้ยๆ เกินไปแล้วฝน”
เพราะมันไม่ใช่แค่กอด แต่เธอดันเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ แล้วเอาปลายจมูกรั้นกดหอมลงบนแก้มของเขา
‘ฟอด’
“คิดถึงนะคะ”
หัวใจเต้นรัวกับสัมผัสบางเบาของคนตัวเล็ก มันใกล้กันจนคิดว่าฝันไป ก็บอกแล้วว่าเขาไม่คิดว่าวันหนึ่งจะมาตกอยู่ในสภาพนี้กับคนตรงหน้า แล้วดันมาอยู่บนเตียงของเขาอีก ใจก็เลยเต้นไม่เป็นจังหวะ ทำไมเขาต้องอ่อนไหวกับคำพูดของคนไม่มีสติด้วย
เธอกำลังฝันถึงพ่อเธออยู่นั่นแหละ เลยพูดแบบนั้นออกมา
ตบเข้าเบาๆ ที่ไหล่บางหวังให้เธอสงบอารมณ์ลง และมันเหมือนจะได้ผล เมื่อเธอยอมปิดปากเงียบและกลับไปซุกหน้าที่เดิม
ใจของเขาอยากจะเด้งตัวออกไปจากตรงนี้ให้ได้ แต่เหมือนร่างกายจะอ่อนล้าจนไม่มีแรงขยับลุกไปไหน เขายอมนอนให้ร่างบางกอดรัดพร้อมกับเอาขาเล็กเกยขึ้นมาบนตัวเขาอย่างนั้น
ถือซะว่าทำบุญนะวิน
นอนเถอะ พรุ่งนี้เช้าค่อยว่ากันต่อ ไม่ถืออยู่แล้วที่จะนอนกอดใครเพราะทำจนเคยชิน แต่สำหรับเธอเขาไม่รู้ว่าปกติไหม ตื่นมาคงรู้เรื่องเอง
ตอนเช้า
“กรี๊ดดดดดด” เสียงร้องทะลุแสบแก้วหู จนทำเขาเกือบสำลักกาแฟ ก่อนมาวินจะรีบวางแก้วแล้วเงยหน้าขึ้นมองผู้หญิงที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องนอน
“แค่ก...จะร้องอะไร...อีก”
เมื่อคืนกว่าตัวเขาจะข่มตาหลับได้ก็เกือบเช้า เพราะหลังจากที่เธอเหมือนจะสงบ แต่ระหว่างคืนก็พูดพึมพำอะไรขึ้นมาคนเดียว ซึ่งมันสร้างความรำคาญให้คนอย่างเขามาก
พอจะลุกหนีก็เหมือนเธอจะรู้สึกตัว แล้วพึมพำเสียงดังในลำคอใส่เขา
“เมื่อคืนพี่ทำอะไรฝน”
ปาริศาก้มสำรวจมองร่างกายของตัวเอง เธอจำได้ว่าเขาจะไปส่งเธอที่บ้าน แต่พอตื่นมากลับมาโผล่ที่โรงแรม ซึ่งถ้าให้เดาก็คงเป็นโรงแรมที่เขาเป็นเจ้าของอยู่นั่นแหละ
คิดไม่ถึงว่าเขาจะเป็นคนเลวอย่างนี้ ไม่ไว้หน้าแม้กระทั่งเธอที่เป็นคนรู้จัก เป็นลูกพี่ลูกน้องของเพื่อนสนิท เห็นหน้าเห็นตากันมานาน ก็เพราะอย่างนี้เวลาเจอกันเธอถึงไม่อยากสุงสิงกับเขา
เพราะได้ยินเรื่องที่เขาคุยกับพี่ชายเธอบ่อยๆ ไม่เคยหนีจากเรื่องผู้หญิงเลย
“ยัยบ้า อย่างเธอไม่ใช่เสปกฉันหรอก”
แทนที่จะขอบคุณเขาที่พาเธอออกมาจากตรงนั้น แต่กลายเป็นว่าทำคุณบูชาโทษ คราวหลังแม่งจะปล่อยให้นอนจมกองอ้วกอยู่ตรงนั้นแหละ
“แล้วทำไมพี่ไม่ไปส่งฝนที่บ้าน”
“ก็เธอเอาแต่พูดว่าไม่รู้ๆ...จะให้ฉันทำยังไง”
มาวินตอกกลับร่างเล็กที่กำลังยืนเถียงเขาอยู่ฉอดๆ ที่ยอมเสียเวลานั่งรอเธอตื่นเพราะมั่นใจอยู่แล้วว่าเธอต้องโวยวาย เดาไม่ผิดจริงๆ
ก่อนหน้านั้นที่เขามองเธอเป็นน้องสาวที่น่ารักนิสัยดี ตอนนี้ขออนุญาตเปลี่ยนความคิดว่าเจอกับผู้หญิงปากร้ายเข้าให้แล้ว
“ไปอาบน้ำแล้วออกมากินข้าว ฉันให้แม่บ้านเอาชุดมาให้ เปลี่ยนซะ! ดูสภาพตัวเธอตอนนี้ยังกับปอบลงสามวัน”
ปาริศารีบดึงสติตัวเองกลับมา ก่อนจะก้มมองสำรวจสภาพของตัวเองอีกครั้ง
เศษข้าวชิ้นเล็กยังติดที่ปลายผมของเธออยู่ คิดแล้วกลิ่นก็ลอยเตะเข้าจมูก จริงอย่างที่เขาว่า สภาพเหมือนปอบลงสามวัน แล้วใครจะเอาเธอลง
มาวินเบื่อจะเผชิญหน้ากับเธอ เมื่อระหว่างทั้งสองคนอยู่ในสภาวะที่ไม่ปกติกัน คำถามร้อยแปดผุดขึ้นในหัวตั้งแต่เจอปาริศาเมื่อคืน ทั้งที่ควรจะทำให้มันเป็นเรื่องมันง่าย แต่มันกลับยาก หรือเขาควรจะโทรหาภาคินัยให้มารับเธอตอนนี้ เขาจะได้หมดเวรหมดกรรมกับเธอสักที
ขายาวก้าวเดินออกไปยังนอกระเบียง ปล่อยให้สาวเจ้าจัดการตัวเองให้เรียบร้อย มือก็ยกโทรศัพท์ขึ้นกดส่งข้อความสั่งงานผ่านลูกน้อง แล้วโทรประสานงานกับอีกฝ่าย นั่นคือสิ่งที่เขาต้องทำอยู่เป็นประจำ
“วันนี้ผมคิดว่าจะไม่เข้าไปที่ออฟฟิศ...ยังไงรบกวนคุณรินจัดการให้ด้วยครับ”
แม้ห้องทำงานจะอยู่ตึกเดียวกับที่เขาอยู่ตอนนี้ แต่วันนี้บอกตรงๆ ว่าไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรทั้งสิ้น ตอนแรกตั้งใจว่าไปส่งเธอที่คอนโดเสร็จเขาจะกลับมาทำงานต่อ แต่คิดอีกทีอยากกลับบ้านไปนอนมากกว่า
พอคุยโทรศัพท์กับเลขาหน้าห้องทำงานเสร็จ เขาก็พาตัวเองเดินกลับเข้ามายังด้านใน
ใบหน้าหล่อยังคงมองที่หน้าจอมือถือตรวจงานผ่านตาอยู่ ก่อนจะเงยมองไปยังเบื้องหน้า ที่บังเอิญสายตาดันปะทะเข้ากับห้องน้ำฝั่งตรงข้ามพอดี
มาวินถอนหายใจเฮือกใหญ่ทำทีจะเบือนหน้าหนี แต่มันก็อดไม่ได้ที่จะบอกให้คนด้านในรู้ตัว แม้หัวใจของเขาตอนนี้จะเต้นรัวไม่เป็นจังหวะก็ตาม มันวูบวาบแปลกๆ
“ฝน... เธอลืมปิดม่านห้องน้ำ!”
ปากหนาเอ่ยตะโกนเสียงดังลั่น จนคนด้านในหันมองออกมาสบตาเข้ากับคนตัวโตที่ยืนขาแข็งอยู่ด้านนอก
พลันร่างเล็กเอียงตรงมา เรือนร่างตรงหน้าก็ปรากฏขึ้นชัดเจน จนเขาเผลอกลืนน้ำลายลงคอ เมื่อลดสายตาลงต่ำ
“กรี๊ดดดดดดด”
เสียงหวีดเล็กดังขึ้น ปาริศารีบจัดการเลื่อนม่านปิดกระจกใสด้วยมือเล็กที่สั่นเทา ก่อนจะหอบหายใจ เรียกขวัญตัวเองกลับมาอยู่กับเนื้อกับตัว แม้ตอนนี้ไม่รู้ว่าสติกระเจิดกระเจิงไปทิศทางไหน
โรงแรมร้อยล้าน แต่ระบบอัตโนมัติพัง
คำก่นด่าสารพัดเหมือนยกสวนสัตว์ทั้งสวนมาไว้ตรงหน้า คำพูดของเธอทำเอาเขาถึงกับต้องส่งข้อความแจ้งแผนกช่างให้ตรวจสอบระบบอัตโนมัติในห้องพักทุกห้อง
มาวินหายใจหอบถี่กับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น ทำทีจะเดินไปนั่งเล่นที่โซฟา แต่ก็เดินวนกลับมาอยู่หน้าทีวี แล้วเดินกลับไปที่ระเบียงด้านนอก
ถ้าแกล้งบอกเธอว่าเขาไม่เห็นเธอจะเชื่อไหม แต่จริงๆเขาก็ไม่ได้ผิด มันผิดที่เธอไม่มีสติรอบคอบจัดการตัวเองมากกว่า
ว่าแต่อากาศวันนี้ทำไมมันร้อนเป็นพิเศษวะ