ปาริศารีบจัดการตัวเองให้เรียบร้อย ชุดที่แม่บ้านของเขาหามาให้เธอใส่ได้พอดี ใจจริงอยากจะหนีออกไปจากตรงนี้ เธอไม่อยากเห็นหน้าเขาเพราะเขินอายกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“ฝน...ออกมากินข้าว”
เสียงตะโกนเรียกชื่อเธอดังขึ้นจากทางด้านนอก ก่อนจะยกมือกุมไว้ที่หน้าตัวเองแล้วค่อยๆ เดินออกไป
“เป็นอะไร?”
มาวินเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบ ทั้งที่ในใจของเขาพยายามควบคุมอาการของตัวเองไว้อยู่ ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยเห็นร่างกายผู้หญิงมาก่อน แต่เพราะเป็นเธอ เขาเลยรู้สึกแปลกๆ
แต่แปลกที่ว่า เขาอธิบายไม่ถูก
“เมื่อกี้พี่เห็น...ใช่ไหม”
“จะเหลือเหรอ”
แล้วเขาต้องทำยังไง ต้องนัดหมอมาล้างตาไหม เพราะมันไม่ใช่ความผิดของเขา
“ฮือ”
“กินเถอะจะได้รีบกลับ”
เบื่อจะมานั่งฟังเสียงของเธอ เพราะเขาล้าจากสิ่งที่เธอทำเมื่อคืนเต็มทน นี่ก็ไม่รู้ว่าควรจะบอกพฤติกรรมของตัวเองให้เจ้าตัวรับทราบไหม ได้แต่มองเธอตักข้าวต้มขึ้นมากินอยู่อย่างนั้น
“ไม่นึกว่าเธอจะเป็นคนแบบนั้น”
คิดว่าจะไม่ต่อความยาวสาวความยืด แต่ก็อดไม่ได้ เมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อคืน ที่ยอมให้เธอนอนกอดจนปวดหลัง
“แบบไหนคะ?”
“เปล่า”
เปิดประโยคออกมาให้คนสงสัย แต่พอปาริศาถามกลับเขาก็ไม่อยากจะพูดขึ้นมาซะดื้อๆ ที่แบบนั้นก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มอธิบายตรงไหนดีก่อน มันเยอะไปหมด
“คราวหลังถ้ารู้ว่าเมาแล้วจะไม่มีสติ ก็อย่ากินเยอะ”
มาวินถอนหายใจก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบอีกครั้ง เขาเตือนด้วยความหวังดี แต่คนตรงหน้าจะเก็บไปคิดแล้วสำนึกได้ไหมก็เป็นอีกเรื่อง
“ค่ะ ฝนรู้”
รู้ว่าตัวเองเป็นคนเมาเรี่ยราด เมาแล้วหาทางกลับบ้านไม่ได้ จนเป็นภาระเพื่อนฝูงเสมอ แต่เมื่อคืนยอมรับว่าพลาดอย่างหนัก คราวหลังจะไม่ออกมากินข้างนอกแบบนี้อีก
“เรื่องนี้ห้ามบอกพี่คินท์นะคะ”
ปาริศาเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงใสแกมขอร้อง
แต่อันที่จริงแล้วมันไม่ใช่ประโยคขอร้องหากแต่เป็นประโยคคำสั่ง เพราะถ้าภาคินัยรู้ ที่บ้านของเธอรู้ทุกคนแน่นอน เป็นอย่างนั้นก็จะโดนบังคับให้กลับไปอยู่บ้านและโดนเพ่งเล็งเรื่องการดื่มของเธออีก นี่คือเหตุผลหลักว่าทำไมเธอถึงออกมาอยู่คอนโดแทนที่จะอยู่บ้าน
“ถ้ารู้แล้วจะทำไม”
สายตาเจ้าเล่ห์จับจ้องใบหน้าสวยแดงระเรื่อ ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรให้มอง แต่เพราะเป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นสีหน้าของเธอแบบนี้ เลยแอบคิดสงสัยในใจ
“ฝนอิ่มแล้ว...กลับก่อนนะคะ”
เพราะไม่อยากตอบคำถามเลยรีบลุกเดินออกไป ส่วนมาวินก็เหมือนจะแอบหัวเราะออกมาเล็กน้อย เมื่อเห็นอาการที่ไม่กล้าสู้หน้าของเธอ
ตั้งใจว่าจะเรียกรถกลับเองแต่มาวินก็บังคับว่าถ้าเธอไม่ยอมให้เขาไปส่ง เขาจะบอกเรื่องนี้กับภาคินัย ส่วนจะบอกเรื่องไหนก็คือบอกทั้งหมดนั่นแหละ เธอเลยยอมตามเขาไปแต่โดยดี
ปกติเป็นคนใจดี ยิ้มง่ายก็จริง แต่กับเขาตอนนี้ขอเว้นไว้คนเดียวก็พอ
“จอดตรงนี้ค่ะ..ฝนจะลงตรงนี้”
“อย่าเรื่องเยอะ”
คนตัวโตเอ่ยขึ้นด้วยน้ำหงุดหงิด เพราะตั้งแต่ออกจากห้องได้เขาต้องมาต่อปากต่อคำกับเธอซึ่งยังไม่มีท่าทีว่าจะได้พัก
“พี่ก็เหมือนกัน...จะมายุ่งอะไรกับฝน”
ใครคิดว่าเขาอยากยุ่งกับเธอ เอาตรงๆ นะ อยากปล่อยไว้ตรงนี้แหละ แต่รถยังไม่พ้นเขตของโรงแรมดี ถ้ามีคนมาเจอเข้าคงเอาไปนินทาอีก เรื่องครั้งก่อนยังไม่จบจะมีเรื่องใหม่อีกไม่ได้ แค่นี้เขาก็ปวดหัวจะตายอยู่แล้ว
“แทนที่จะถามพี่แบบนั้น เธอควรจะขอบคุณพี่มากกว่านะ”
ไม่เคยคิดจะทวงบุญคุณใคร แต่กับคนนี้ไม่ไหวจริงๆ อย่างน้อยก็ให้เขาได้แกล้งเธอหน่อย
“ขอบคุณค่ะ”
“พูดดีๆ”
“นี่พี่เป็นใคร ทำไมต้องมาบังคับฝนด้วย”
ขอร้อง นี่คืออีกหนึ่งสาเหตุที่เธอไม่อยากสนิทสนมกับเขา เพราะเขาเป็นคนชอบต่อปากต่อคำ
“พี่จะบอกไอ้คินท์”
“พี่วิน ฝนขอบคุณค่ะ”
จีบปากจีบคอกลั้นใจพูดออกมาจนได้ ขอเถอะนะอย่าได้เจอกันอีก จากที่เราทำตัวห่างกันอยู่แล้ว เธอสาบานเลยว่าจะห่างกว่าเดิมพันเท่า และคิดว่าเขาเองก็คงทำอย่างนั้นเหมือนกัน
หน้าคอนโด
ปาริศาไหว้ลาพอเป็นพิธีให้กับคนที่อายุเยอะกว่าไม่กี่ปี ที่กระเสือกกระสนเสนอตัวขับรถมาส่งเธอถึงที่ ไม่ขอสนทนาอะไรกับเขา เธอจึงรีบเปิดประตูลงจากรถแล้วเดินหายเข้าไปในตึกทันที
ปัง!
มาวินมองเธอเดินหายไปจนลับสายตา หันกลับมาโฟกัสกับความคิดแสนยุ่งเหยิงของตัวเอง พลันสะบัดหัวไล่ความคิด เกือบค่อนวันที่เขาใช้เวลากับยัยตัวแสบ งานการก็ไม่ได้ทำ แถมยังต้องกลับไปนอนเอาแรงอีก
หมดเวร หมดกรรมกันสักทีนะ
.
“แกกลับถึงบ้านตอนไหนเมื่อคืน”
ปาริศายกโทรศัพท์ขึ้นโทรหาพราวนภาเพื่อนสนิท ที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขและร่วมเมากันอย่างดุเดือด
(ประมาณตีหนึ่ง.. แกละ)
“ก็ประมาณนั้นแหละ ฉันเพิ่งตื่น”
ขอโทษนะเพื่อนรัก ความจริงแล้วฉันเพิ่งถึงคอนโด ขอโทษที่ต้องโกหก
(อ่อ เอ่อ คราวหลังฉันว่าเรากินเบาๆ กว่านี้เนอะ)
เสียงสั่นจากอาการแฮงก์ รู้ดีว่าปลายสายก็เพลียเหมือนกัน เพราะอัดเข้าไปเยอะเอาแบบว่าดวลจนวัวล้ม ดีที่ไม่ตาย
“จ้าเพื่อน หวังว่าเราจะทำได้...”
รู้ทั้งรู้ว่าไม่มีใครคอแข็ง แต่ก็ยังชอบลืมตัวและเอาตัวรอดได้ทุกครั้ง แต่ครั้งนี้เธอคงจะเป็นคนที่ไม่รอด ก่อนจะพูดคุยกันสักพักแล้ววางสายไป
ถ้ารู้ว่าเราจะเมาขนาดนี้ ครั้งหน้ากินที่บ้านพราวนภา ไม่ก็ที่คอนโดเธอน่าจะปลอดภัยที่สุด อีกอย่างจะได้เลี่ยงการไปสถานที่แบบนั้น ที่เสี่ยงจะเจอกับคนที่ไม่อยากเจออีก