จอดรถที่หน้าบ้านได้ มาวินก็รีบยื่นกุญแจให้ลูกน้องขับรถหรูของเขาเข้าไปเก็บที่โรงจอดรถ หมดอารมณ์จะทำอะไรเพราะรู้สึกเพลียเอามากๆ โทรศัพท์สายเรียกเข้าจากพ่อของเขาก็ดังขึ้นไม่หยุดตลอดทาง จนถึงหน้าบ้านอยู่แล้ว ก็ยังจะโทรหาอีก
ร่างสูงเดินเข้าไปในตัวบ้าน ก่อนจะหันไปเห็นครอบครัวที่นั่งพร้อมหน้าพร้อมตากันอยู่ห้องโถง ประหนึ่งว่ากำลังรอต้อนรับการกลับมาของลูกชายคนโตแห่งตระกูล สิทธิเศรษฐา
“เมื่อคืนมึงไปไหนมา” น้ำเสียงเข้มของผู้เป็นพ่อดังขึ้น เมื่อเห็นหน้าลูกชายคนโตตัวดีที่กำลังเดินเข้ามา
ขอร้องเถอะ! เมื่อไหร่จะเลิกยุ่งกับเขาสักที ทั้งคุณเกษมและคุณดวงดา
“ผมนอนที่โรงแรม”
พลางสายตาก็หันไปเขม่นน้องชายคนเล็กที่กำลังนั่งยิ้มมุมปากได้ใจ เมื่อเห็นผู้เป็นพ่อกำลังเขี้ยวอยู่กับพี่ชายคนโตอย่างเขา
“มันยังไงกันวิน เมื่อไหร่จะเลิกทำตัวแบบนี้ลูก”
คุณดวงดาหันมาสมทบบทละครฉากใหญ่ ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอเล่นใหญ่ ประมาณว่าตามติดชีวิตลูกทุกฝีก้าว ก่อนหน้านั้นถึงขั้นส่งลูกน้องตามดูเขาทุกครั้งที่ไปกินเหล้าที่ผับ
“ดูซะ...เขาแชร์กันให้ว่อนในกลุ่มพนักงาน ว่ามึงหิ้วผู้หญิงไม่มีทางสู้เข้าโรงแรม”
มาวินมองดูภาพจากกล้องวงจรปิดในมือถือของพ่อบังเกิดเกล้าที่ยื่นมาให้ แม้จะรู้ในใจว่าเกิดอะไรขึ้นและอธิบายได้
“นั่นมันน้องเพื่อนผม”
กลอกตามองบนแล้วถอนหายใจรอบที่เก้าสิบเก้าของวัน ชีวิตเขามันดีทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องเดียว
“เอาต้องเลือก หมามันยังเลือกแต่มึงมันคน อย่างน้อยก็ไว้หน้าเพื่อนมึงบ้าง”
ได้ทีแล้วขอจัดให้พี่ชายของเขาสักดอก อาชินสะใจเมื่อได้เอ่ยด่าคนตรงหน้า
“เรื่องนี้ผมอธิบายได้ น้องมันเมา ผมไม่รู้จะไปส่งที่ไหนเลยพาไปนอนที่โรงแรม”
พยายามจะพูดแต่โดนสวนกลับด้วยสายตาของคนทั้งสามที่หาว่าเขาตอแหล
“ไม่ไหวแล้วนะวิน จะยังไงก็ช่าง...ก่อนหน้านั้นวินก็ทำตัวแบบนี้ ตอนนี้มันหนักกว่าเดิม คนเข้าใจในตัววินแบบนั้นไปหมดแล้ว แม่ก็จะเป็นลมไปด้วย”
ดวงดาได้แต่ยกยาดมขึ้นมาสูดดม ก่อนจะเบี่ยงหน้าไปทางอื่น เพราะเอือมกับนิสัยของลูกชายตัวเอง และประเด็นคือมันไม่ใช่ครั้งแรก ที่ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนทำตัวแบบนี้
“ฉันขอยื่นคำขาดว่าถ้าแกทำตัวแบบนี้อีก หุ้นอีกที่เหลือจะไม่ตกเป็นของแก แต่ฉันจะโอนให้ไอ้ชินมันแทน”
น้องที่อายุน้อยกว่าเขาห้าปีและเพิ่งเรียนจบมารับตำแหน่งงานได้ไม่นาน แต่พ่อเขากลับไว้ใจจะโอนหุ้นให้ เขาไม่ได้อิจฉาหรอก แต่กลัวมันทำพัง แล้วดูมันทำหน้าเล่นหู เล่นตา
ถ้าไม่ติดว่าพ่อกับแม่นั่งอยู่ กูเดินเข้าไปถีบหน้ามึงแล้ว ไอ้อาชิน
“พ่อ...ผมสร้างของผมมาตั้งนาน”
มาวินเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงของความผิดหวังปนน้อยใจ
ตั้งแต่เขามาบริหารงานแทนพ่อของเขา ระบบการจัดการที่โรงแรมก็เริ่มดีขึ้น และโรงแรมก็มีชื่อเสียงมากขึ้น ทำขนาดนี้พ่อยังไม่ไว้ใจเขาอีกเหรอ แต่คงไม่ใช่เพราะไม่ไว้ใจหรอก มันเป็นเพราะเหตุผลอื่นต่างหาก
“ถ้าแกอยากได้ ก็รีบหาแฟนเป็นตัวเป็นตนซะ เอาเมียไปเลยได้ยิ่งดี กูจะได้ไม่ต้องทนฟังขี้ปากชาวบ้านเขา ใครจะอยากมีผู้บริหารแบบนี้ พนักงานผู้หญิงก็กลัวจนหัวหด”
ก็ไม่เห็นว่าใครจะกลัวเขา เห็นแต่อยากได้เขากันทั้งนั้น คุณเกษมก็พูดเกินไป
“เข้าใจแล้วครับ...”
ไม่อยู่นั่งให้โดนด่าอ**บทใหญ่ เลยขอตัวขึ้นห้องมาสำนึกผิดอย่างเงียบๆ อันที่จริงไม่ได้สำนึกผิดหรอก แต่เพราะรำคาญและเบื่อที่ทุกคนเอาแต่พูดเรื่องนิสัยของเขา
คนเรามันจะเอาไปทั่วไม่ได้เลยหรือยังไง แล้วอีกอย่างเมื่อคืนเขาก็ไม่ได้ทำอะไรยัยนั่นสักหน่อย
แต่จะว่าไปถ้าไม่มีเรื่องเมื่อคืน พ่อแม่น้องคงไม่มารุมด่าเขาแบบนี้หรอก สาเหตุก็มาจากยัยตัวแสบนั่นแหละ
พลางครุ่นคิดขณะอาบน้ำชำระร่างกายว่า ถ้าเอาเมียแล้วมันจะจบจริงๆ ไหม เขาเบื่อและทนฟังคำพูดพวกนี้ต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว จะไปหาจ้างใครมาแต่งงานด้วยสักปีสองปี แล้วย้ายไปปลูกบ้านอยู่ข้างนอกเหมือนไอ้สิงห์มันดีกว่า อยากมีชีวิตที่สงบสุขจนใจจะขาด
เครียดโว้ยยย!
.
พออาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็รีบยกหูโทรหาเพื่อนรักสุดหล่อ เผื่อวันนี้มันจะว่างออกมากินเหล้าเป็นเพื่อน ทั้งที่เมื่อวานเจอกันแต่มันดันชิ่งหนีกลับก่อน วันนี้ต้องรู้ให้ได้ว่าเมื่อคืนมันแอบไปหาสาวที่ไหนมา เพราะปกติมันไม่ใช่คนประเภทที่ว่าจะหิ้วใครออกไปกินข้างนอกด้วย
“ว่างไหม..เจอกันที่เดิม สามทุ่ม”
เป็นประโยคคำถาม แต่ไม่มีคำตอบให้เลือก ปลายสายเลยตอบตกลงอย่างปฏิเสธไม่ได้เพราะก็รู้สึกกระสับกระส่าย กำลังอยากเหล้าเข้มๆ อยู่เหมือนกัน
“กูโทรไปหาไอ้คินท์แล้ว มันไม่รับสาย น่าจะไปทำงานที่ต่างจังหวัด”
แม้จะกลัวโดนด่าก็ตามเถอะ ว่ากลับมาไม่ถึงวันก็ออกไปข้างนอกอีกแล้ว ทว่าเขามันเป็นพวกชอบสังคม ชอบสังสรรค์ ก่อนออกจากบ้านก็รีบวิ่งกลัวใครจะมาเห็น รถก็บอกให้ลูกน้องเข็นออกไปรอนอกรั้ว เพราะท่อที่แต่งมามันดัง จะสตาร์ทในเขตบ้านก็กลัวพ่อกับแม่จะตื่น ถ้ายังมารุ่มร่ามกับชีวิตเขาอีกก็เกินไป