คนรู้ใจของเจ้าทัพ

1823 Words
เจ้าทัพ… ท่ามกลางเสียงดนตรีและแสงไฟหลากสีที่ส่องประกายในผับยามค่ำคืน ทำให้ผมที่กำลังเดินตรวจตราดูความเรียบร้อยด้วยความรู้สึกเคว้งคว้าง เหมือนมีบางอย่างขาดหายไปในตอนนี้มีอาการไม่ค่อยดีนัก ผมไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับผมกันแน่ รู้แค่ว่าตั้งแต่เด็กนั่นเข้ามาในชีวิตผม ผมก็รู้สึกเหมือนมีบางอย่างเพิ่มเข้ามาแต่ก็เหมือนมีบางอย่างขาดหายไป “ทำหน้าเหมือนคนขาดของเลยนะมึง” เสียงไอ้ธามลูกพี่ลูกน้องของผมที่นั่งดื่มอยู่ทักขึ้น หรือจะใช่อย่างที่มันว่าจริง ๆ เพราะช่วงนี้ผมไม่ได้ยุ่งกับใครเลย “เด็กใหม่ไม่ถึงใจหรือไง ทำไมหน้าเหมือนคนของไม่ครบ” มันพูดต่อก่อนจะเขี่ยโทรศัพท์เล่นตามเดิม ผมถอนหายใจแรง ๆ ออกมาก่อนจะเอนตัวพิงกับพนักโซฟาแล้วคิดตามมัน “ยังไม่ได้แตะเลย” ผมบอกมัน ทำเอาคนที่เขี่ยโทรศัพท์เล่นถึงกับขมวดคิ้วงง “หมายความว่าไงวะ นี่อย่าบอกกูนะว่ามึงนอนตบยุงให้เขาเฉย ๆ น่ะ ไม่อยากจะเชื่อเลย อย่างมึงเนี่ยนะจะปล่อยให้ใครหลุดรอด” มันทำหน้าไม่เชื่อในสิ่งที่ผมพูดสักเท่าไหร่ก่อนจะถามต่อ “หรือคนนี้มึงจริงจัง กูเห็นมึงให้กูรายงานเรื่องเขาให้ฟังด้วย ดูต่างจากคนก่อนลิบลับเลย” “จริงจังกับผีอะไรล่ะไอ้ห่า กูเพิ่งรู้ว่าเด็กโคตร ๆ กูกินไม่ลงอะกลัวบาป” ผมตอบอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ก่อนจะเอื้อมมือไปเทเครื่องดื่มลงแก้วแล้วกระดกแก้เครียด “ทำบาปมาทั้งชีวิตจะมากลัวบาปอะไรตอนนี้วะ” “แล้วมึงรู้จักเขามึงก็ไม่เตือนกูหน่อยว่ายัยนั่นเป็นแค่เด็กปีหนึ่ง” “เกินสิบแปดแล้วนะมึง น้องเขาบรรลุนิติภาวะแล้วไม่เป็นไรหรอก” “มึงเข้าใจคำว่าไม่สนิทใจป้ะ เออตอนนี้กูกำลังเป็นแบบนั้นแหละ” “นี่กูมีเพื่อนเป็นคนดีตั้งแต่เมื่อไหร่วะ” มันเอียงคอถามด้วยใบหน้ากวน ๆ ก่อนจะดื่มต่อ ผมไม่ได้พูดอะไรกับมันมากแต่ขอตัวเดินไปตรวจงานต่อเพราะมีหลายอย่างที่ต้องทำ ถึงผมจะใกล้จบแล้วก็ใช่ว่าจะไม่อ่านหนังสือหรือหาความรู้ใส่หัว ตอนนี้ผมต้องรีบทำงานชิ้นสุดท้ายส่งอาจารย์แล้วก็ต่อด้วยทำเรื่องขอจบให้เร็วที่สุดเพราะไม่อยากเสียเวลา “ทัพคะ” แต่แล้วเสียงหวาน ๆ ของใครบางคนที่ส่งยิ้มให้ผมพร้อมกับเดินเข้ามาใกล้ก็ทำให้ผมต้องหันกลับไปมอง ผู้หญิงคนนี้ผมเพิ่งเลิกต่องานให้เธอเมื่อเดือนที่แล้วเพราะเราอยู่ด้วยกันนานเกินไป เธอเป็นคนแรกที่ผมควงนานถึงปีและผมคิดว่ามันคงไม่ดีนักถ้าจะควงเธอนานไปกว่านั้น คนอื่น ๆ ผมควงแค่ไม่กี่เดือนก็เลิกเพราะไม่อยากผูกพัน และยิ่งปล่อยให้อยู่นานอาจจะมีปัญหาเรื่องล้ำเส้นตามมา ถ้าเป็นแบบนั้นแม่ผมกับคุณย่าคงไม่ปลื้มเท่าไหร่ “ว่าไง? มาดื่มเหรอ?” ผมทักกลับ คนถูกทักยกยิ้มหวานใส่ผมก่อนจะเดินเข้ามาควงแขนผมเอาไว้เหมือนกับทุกครั้งที่เธอชอบทำ ผมไม่ปฏิเสธว่าเธอดูแลผมดีและรู้ใจผมไปทุกอย่าง หลังจากเลิกต่องานให้เธอแล้วผมก็ยังหาใครที่ทำให้ผมมีความสุขเหมือนเธอไม่ได้อีก จนมาเจอเด็กนั่นแต่ก็มีแววว่าจะเบื่อเด็กตั้งแต่ยังไม่เริ่มงานซะแล้วล่ะ “โซดาคิดถึงทัพจังเลยค่ะ” คนที่ส่งยิ้มหวานให้ผมพูดพร้อมกับซบใบหน้าลงบนแผงอกของผม ไม่รู้ว่าเพราะเราอยู่ด้วยกันนานเกินไปหรือเปล่าเธอถึงรู้ใจผมไปทุกอย่าง และผมก็ไม่ปฏิเสธว่ายังต้องการเธออยู่ “คืนนี้มีนัดที่ไหนต่อหรือเปล่า” ผมกระซิบถามพร้อมกับรั้งเอวบางของเธอเข้ามาใกล้ให้หันมาสบตากัน เจ้าของเรือนร่างเซ็กซี่กอดรอบคอผมเอาไว้พร้อมกับส่งยิ้มยั่วยวนมาให้เหมือนกับทุกครั้งที่เธอกำลังเริ่มงาน “ไม่ค่ะ คืนนี้โซดาว่าง” ผมกระตุกยิ้มเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำตอบที่ฟังแล้วลื่นหู “งั้นคืนนี้อยู่กับผมคุณคิดเท่าไหร่” “ตลอดไปไม่ได้เหรอคะทัพ โซดายังไม่มีใครเลยนะ” “เอาไว้คืนไหนว่างเราค่อยมาเจอกันดีกว่านะ” ผมตอบเธอ “งั้น… คืนนี้ให้โซดาอยู่กับทัพนะคะ แค่ชั่วคราวก็ได้” “ได้สิ” โชคดีที่เข้ามาในห้องแล้วเด็กนั่นไม่อยู่ ผมจำได้ว่าเธอขอออกไปซื้อของกินหน้าผับตอนที่ผมลงไปตรวจงานข้างล่าง ตุบ! เหมือนกับทุกครั้งที่โซดาอยู่กับผม เธอจะเป็นคนเริ่มทุกอย่างและจบทุกอย่างเมื่อผมพอใจ มีคนเดียวที่ผมคิดว่าต้องเป็นคนเริ่มก่อนก็คือเด็กนั่น พรึ่บ! ชุดเดรสสีดำน่าค้นหาถูกเจ้าของถอดทิ้งก่อนจะส่งยิ้มยั่วยวนให้ผมที่นอนมองอยู่ “ทัพมีคนใหม่แล้วเหรอคะ ทำไมถึงไม่ให้โซดากลับมา” เจ้าของเรือนร่างเปลือยเปล่าที่กำลังรูดกางเกงผมลงถามขึ้น ก่อนจะขึ้นมานั่งทับช่วงล่างของผมเอาไว้แล้วปลดกระดุมเสื้อที่ผมสวมอยู่ออกอย่างชำนาญ ผมไม่ได้ตอบคำถามของเธอแต่เอื้อมมือไปเคล้นคลึงบั้นท้ายกลมกลึงคุ้นมือ เพราะไม่อยากพูดเรื่องที่เธอเองก็น่าจะรู้คำตอบดีอยู่แล้ว “อื้ม” เสียงครางของผมเล็ดลอดออกมา ทำให้คนที่กำลังซุกไซร้ใบหน้าลงตามซอกคอของผมเงยหย้าขึ้นมายกยิ้มอย่างผู้มีชัยชนะ ลิ้นเรียวชื้นแฉะของคนที่นั่งทับเบื้องล่างของผมเอาไว้ตวัดไปมาตามซอกคอและใบหูจนผมขนลุกซู่ สัมผัสที่ผมห่างหายไปแค่เดือนกว่า ๆ แต่รู้สึกเหมือนกับว่าห่างหายไปนานแสนนานทำให้ผมมีชีวิตชีวาอีกครั้ง ร่างเซ็กซี่เคลื่อนใบหน้าลงต่ำอย่างรู้งานพร้อมกับตวัดปลายลิ้นขึ้นลงตามแผงอกและหน้าท้องจนผมร้องครางออกมาซ้ำ ๆ ใบหน้าสะสวยของคนที่ลากไล้ปลายลิ้นไปมาตามก้อนเนื้อหน้าท้องเริ่มเคลื่อนลงต่ำเรื่อย ๆ บางอย่างที่ผงาดรอวันปลดปล่อยถูกมือเรียวสวยกอบกุมเอาไว้ก่อนจะรูดขึ้นลงช้า ๆ ก่อนจะเร่งจังหวะให้เร็วขึ้น ยิ่งเธอเป็นแบบนี้ผมยิ่งรู้ว่าไม่มีใครมาแทนที่เธอได้ แต่จะให้อยู่ต่อไปก็ไม่ได้เช่นกันเพราะผมอาจถอนตัวไม่ขึ้น “อื้ม” โพรงปากร้อนชื้นกอบกุมเบื้องล่างของผมที่กำลังปวดหนึบเอาไว้ ก่อนจะรูดขึ้นลงช้า ๆ แล้วเร่งจังหวะอย่างที่เคยทำบ่อย ๆ ปลายลิ้นเรียวในโพรงปากอวบอิ่มเกี่ยวรัดและตวัดขึ้นลงตรงปลายส่วนอ่อนไหว ก่อนจะดูดดึงอย่างรุนแรงจนผมต้องนิ่วหน้าตามเพราะเริ่มทนไม่ไหว ไม่นานนักริมฝีปากเรียวสวยก็เคลื่อนขึ้นมาตามหน้าท้องแข็ง ๆ ของผมอีกครั้งก่อนจากลากปลายลิ้นชื้นแฉะขึ้นมาบนเนินอกและวาดวนไปมาตามยอดอกที่กำลังแข็งเป็นไตอยู่ “จูบก็ไม่ได้เหรอคะ” เสียงยั่วยวนเอ่ยถามทั้งที่รู้คำตอบอยู่แล้ว กฎของคนที่จะมาเป็นผู้หญิงของผมคือห้ามจูบผมแต่ผมกลับเป็นคนฝ่าฝืนกฎนั้นเองเมื่อเจอกับเด็กนั่น “ไม่น่าถามเลย” น้ำเสียงของคนที่นั่งทับผมอยู่ฟังแล้วดูเหมือนผิดหวังเล็กน้อย เธอไม่ได้ขออะไรอีกแต่เอื้อมมือไปยังลิ้นชักข้างเตียงก่อนจะหยิบอุปกรณ์ป้องกันมาสวมให้ผมอย่างเช่นทุกครั้ง “อื้ม อ๊ะ” ทันทีที่เครื่องป้องกันเข้าที่ ร่างเซ็กซี่ก็ทำหน้าที่อย่างรู้งาน เอวเล็ก ๆ บาง ๆ ขยับขึ้นลงอย่างเชื่องช้าพร้อมกับกอบกุมอกอวบอิ่มของตัวเองเอาไว้แล้วเคล้นคลึ้งไปมาเบา ๆ มือสองข้างของผมขยับไปเคล้นสะโพกงามงอนนั้นเอาไว้อย่างมันมือ ขณะที่เจ้าของเอวบางก็เริ่มเร่งจังหวะให้แรงขึ้นเร็วขึ้น “ทัพ อ๊ะ โซดาคิดถึงทัพจังเลยค่ะ” น้ำเสียงกระเส่า ขาด ๆ หาย ๆ ของคนที่ขยับบนตัวผมดังขึ้นเรื่อย ๆ ความปวดหนึบของช่วงล่างทำให้ผมเองก็เริ่มส่งเสียงครวญครางออกมาเพราะพอใจในความสุขที่เพิ่งได้รับอีกครั้ง ยิ่งเอวบางนั้นร่อนไปมาอย่างชำนาญก็ทำให้ผมรู้สึกเหมือนใกล้ถึงจุดหมาย ไม่นานนักบทรักร้อนแรงก็จบลง หากเป็นเมื่อก่อนผมคงเป็นฝ่ายตอบแทนเธอหลังจากที่เธอส่งผมถึงจุดหมายแล้ว แต่วันนี้ผมคงไม่ทำอย่างนั้นเพราะเธอจะได้ใจและคิดหาทางกลับมาแน่ “ทัพยังไม่ทำให้โซดาเลยนะคะ” เสียงหวานของคนที่รูดอุปกรณ์ป้องกันออกถามผมขึ้น ก่อนจะล้มตัวลงนอนข้างผมแล้วเกลี่ยแผงอกของผมไปมาราวกับว่ากำลังปุกปั่นอารมณ์ของผมอยู่ “เหนื่อยเหรอคะ งั้นโซดาขอเบา ๆ ก็ได้ค่ะไม่ต้องหนักเหมือนทุกครั้ง นะ นะ” คนที่นอนอยู่ข้างผมพูดต่อด้วยท่าทางออดอ้อน “ผมมีงานต้องทำต่อน่ะ คุณกลับไปก่อนนะ” ผมบอกเธอก่อนจะเอื้อมมือไปยังลิ้นชักข้างเตียงแล้วหยิบเงินสดจำนวนหนึ่งให้เธอ คนถูกปฏิเสธหน้างอเล็กน้อยแต่ก็ยอมทำตามอย่างว่าง่าย ทุกครั้งที่ผมจ่ายเงินให้ผู้หญิงของผม ผมมักจะให้เป็นเงินสดเสมอ เพราะการโอนเงินเข้าบัญชีมักจะมีร่องรอยที่ตามตัวผมได้และอาจเป็นหลักฐานทำลายผมในภายหลัง “โซดากลับแล้วนะคะ ถ้าวันไหนทัพเหงาโทรหาโซดาได้ตลอดเลยนะ” เธอยังคงเป็นคนที่รู้ใจผมเหมือนเดิม อะไรที่ผมบอกว่าไม่ก็คือไม่ ผมชอบที่เธออายุมากกว่าเลยไม่ทำตัวงี่เง่าเจ้าปัญหาและไม่ดื้อกับผม แต่คนใหม่ที่มาอยู่กับผมนี่สิถึงจะดูเหมือนไม่มีพิษภัยและทำตัวเป็นลูกไก่ในกำมือ แต่ผมก็เห็นแววความดื้อที่ซ่อนอยู่ในตัวซะแล้วล่ะ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD