ทั้งคู่ไปถึงร้านโดยใช้เวลาราวๆ ครึ่งชั่วโมง พนักงานออกมาต้อนรับ และแม้พวกเขาจะมีสีหน้ายิ้มแย้มแต่เฌอมาวีร์ก็มองเห็นความสงสัยใคร่รู้ในแววตา...เพราะนี่เป็นร้านเดียวกับที่ตัดชุดให้เมธาวี เธอเองก็ยังเคยมาร้านกับทั้งคู่อยู่ครั้งหนึ่ง
“งานแต่งวันเดิมครับ เลยไม่แน่ใจว่าจะตัดใหม่ทันไหม หรือคุณเฟิร์นมีชุดสำเร็จให้เฌอลองไหมครับ”
“ได้ค่ะ หุ่นน้องมาตรฐานหญิงไทยอยู่แล้ว” เจ้าของร้านพูดคุยด้วยท่าทีเป็นกันเอง
“เดี๋ยวคุณเฌอลองชุดทางนี้เลยนะคะ” นำเธอไปยังห้องรับรองเล็กๆ ที่มีชุดเจ้าสาวหลายแบบ ชุดไหนก็สวยไปหมด มันทำให้ตื่นเต้นขึ้นมาแว่บหนึ่ง หากก็เหี่ยวเฉาลงฉับพลันเมื่อรู้ทันหัวใจตัวเอง จะไปตื่นเต้นดีใจอะไรกับสิ่งที่ไม่ใช่ของเธอกัน
“ลองสามชุดนี้ดูก่อนนะคะว่าชอบไหม พี่ดูแล้วน่าจะเข้ากับคุณเฌอ”
เฌอมาวีร์รับชุดแต่งงานสีขาวจากคุณเฟิร์นเข้าไปเปลี่ยนในห้องลองชุด ซึ่งใช้เวลาไม่นานโดยไม่ต้องให้ใครมาช่วยใส่เพราะเป็นชุดที่ถือว่าใส่ง่าย ตัวชุดเป็นเกะอกสีขาวแบบมีสายเดี่ยวเส้นเล็กๆ ที่เธอสวมได้พอดีตัว แต่รู้สึกว่าตรงเกาะอกจะต่ำไปหน่อย ด้านหลังยิ่งรู้สึกเย็นวาบเพราะเว้าลงมาถึงกลางหลัง คนที่ไม่ค่อยได้แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าน้อยชิ้นก็ไม่มั่นใจ แต่พอมองตัวเองในกระจกก็รู้สึกว่ามันสวยดี
เฌอมาวีร์หอบกระโปรงฟูฟ่องที่ด้านหลังยาวลากพื้นออกมาจากห้องลองชุด คุณเฟิร์นยิ้มสดใสรับ สายตามองเหมือนภูมิใจ
“สวยมากจริงๆ ค่ะ พี่บอกแล้วว่าชุดนี้เหมาะกับคุณเฌอ ใส่ได้พอดีไหมคะ”
“พอดีค่ะ เอ่อ แต่ว่าสามารถเอาเกาะอกขึ้นมาอีกหน่อยได้ไหมคะ” ถามด้วยความขัดเขิน พี่เฟิร์นก็ยิ้มเหมือนเอ็นดู เจ้าสาวคนนี้คงเป็นสาวเรียบร้อยมากแน่ๆ
“ชุดมันทรงนี้แหละค่ะคุณเฌอ แล้วพี่ว่ามันเข้ากับหุ่นคุณเฌอมากๆ ด้วย ว่าไหมคะคุณพร้อม คุณเฌอเธอตัวเล็กๆ แต่หุ่นดีมาก แล้วก็สวยหวานน่ารัก แต่แอบเซ็กซี่นิดหน่อย ใส่แบบนี้สวยเลย” พอคุณเฟิร์นหันมาถามเขา พริษฐ์ก็รู้สึกเหมือนจะร้อนๆ ที่ใบหู แปลกพิกล เมื่อคุณเฟิร์นดูจะบรรยายความสวยของเฌอมาวีร์ออกมาเป็นคำพูดได้ตรงความรู้สึกของเขาเหลือเกิน
ความสวยหวานน่ารักเป็นสิ่งที่มันประจักษ์ชัดอยู่แล้ว แต่พอเห็นเธอใส่ชุดนี้แล้วรู้สึกว่าเธอแอบเซ็กซี่...เย้ายวน มันให้ความรู้สึกที่ลุ่มลึกจนเหมือนตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะหนึ่ง สวยเหมือนไม่มีอยู่จริง
“เอาชุดนี้ก็ได้ครับ แล้วก็ชุดไทยตอนเช้ารบกวนคุณเฟิร์นช่วยดูให้ทีนะครับ”
“ได้เลยค่ะ มีอาร์ฟเตอร์ปาร์ตี้ด้วยไหมคะ”
“ไม่มีครับ”
“ค่ะ รอสักครู่นะคะ”
ทั้งสองคนใช้เวลาที่ร้านประมาณครึ่งชั่วโมง เฌอมาวีร์ไม้ได้เลือกชุดนานเลย เจ้าของร้านแนะนำอะไรมาก็เห็นด้วย พริษฐ์ก็ไม่มีความเห็น เลยใช้เวลาเลือกชุดสักสิบนาที และคุยรายละเอียดงานเพิ่มเติมเล็กน้อย
“กินข้าวก่อนแล้วกันนะค่อยกลับบ้าน” ขับรถออกมาได้สักพักคนขับก็เอ่ยทำลายความเงียบ เรื่องที่เขาคุยทำให้เฌอมาวีร์หันไปมองอีกฝ่ายด้วยความแปลกใจเล็กน้อย ไม่คิดเลยว่าเขาจะชวนไปกินข้าวต่อ นึกว่าจะไม่อยากเห็นหน้าเธอเต็มทนแล้ว
“พี่ไม่ได้กินข้าวเที่ยง พอดีมีประชุมบ่าย” อาจจะเพราะเห็นว่าเธอดูสงสัยเลยอธิบายเพิ่ม แม้จะไม่ได้ลงรายละเอียดแต่เฌอมาวีร์ก็พอจะเข้าใจว่าคงเพราะเรื่องที่ต้องประชุม ทำให้เขาไม่มีเวลาแม้แต่จะกินข้าวเที่ยง
“พี่พร้อมก็น่าจะกินข้าวก่อนค่อยมารับเฌอก็ได้” เอ่ยด้วยความเป็นห่วงอย่างพลั้งเผลอ
“ทำไม พี่จะกินตอนนี้ไม่ได้หรือไง หรือไม่อยากไปกินด้วย” แล้วเขาก็ถามกลับมาทันที แม้น้ำเสียงที่ใช้จะไม่ได้กระชาก แต่เฌอมาวีร์ก็ไม่คิดว่าเขาประชดด้วยความรู้สึกหยอกล้อแน่นอน
“ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ เฌอเกรงใจพี่พร้อมที่มารับเฌอทั้งๆ ที่ยังไม่กินข้าวเที่ยง”
“อืม ถ้างั้นก็ไม่ได้มีปัญหากับไปกินข้าวเย็นกับพี่ใช่ไหม”
“ไม่มีหรอกค่ะ” เธอจะไปกล้ามีปัญหาได้อย่างไร
พอได้คำตอบจากเธอพริษฐ์ก็ไม่ได้ชวนคุยอะไรอีก เขาขับรถไปเรื่อยๆ และไม่ได้แวะห้างสรรพสินค้าหรือร้านอาหารแถวๆ นั้นให้สมกับความหิว พริษฐ์พาเธอขับรถออกมานอกเมือง และแวะร้านอาหารริมแม่น้ำเจ้าพระยาร้านหนึ่ง
“ไป” พอดับเครื่องก็ชวนเธอลงจากรถ เฌอมาวีร์เดินตามร่างสูงเข้าไปในร้าน พริษฐ์เลือกโต๊ะตรงระเบียงด้านนอก แม้จะยังมีแสงแดดส่องแต่ก็ไม่ร้อนมากในเวลาเกือบๆ หกโมงเย็น หากก็เลือกโต๊ะที่มีต้นไม้ให้ร่มเงา
“ลูกค้ามากี่ท่านคะ” พนักงานที่เดินนำทั้งคู่มาที่โต๊ะตั้งแต่ก้าวเข้าร้านถาม
“สองครับ”
“ค่ะ เมนูค่ะ” พอได้จำนวนที่แน่นอนก็ส่งเมนูให้ทั้งคู่ และรอรับออร์เดอร์เลย พริษฐ์ไม่ได้หยิบขึ้นมาดูในทันทีแล้วก็นั่งจ้องหน้าเธอจน เฌอมาวีร์เผลอเลิกคิ้วเหมือนอยากถามอะไร
“สั่งสิ” ก่อนที่เขาจะเอ่ยคำสั่งที่ทำให้คิ้วเรียวยิ่งขมวด แต่พอเห็นสายตาจริงจังของเขาก็รู้ว่าควรรีบหยิบเมนูอีกอันขึ้นมาดู
“พี่พร้อมสั่งอะไรดีคะ”
“เธอสั่งเลย”
เผลอขมวดคิ้วอีกครั้งเพราะตอนแรกคิดว่าเขาแค่อยากให้เธอสั่งให้ ไม่ได้คิดว่าจะต้องมาเลือกเมนูเอง แต่ก็ไม่ได้สงสัยนาน กลัวคนตรงหน้าจะโมโหหิวที่เธอสั่งอะไรยืดยาดชักช้า
“ต้มยำทะเลน้ำใส ห่อหมกปลามะพร้าวอ่อน แล้วก็ผักรวมค่ะ” เธอสั่งกับข้าวสามอย่างก่อน เมนูที่พอจำได้รางๆ ว่าเคยทำให้กินแล้ว พริษฐ์บอกอร่อย...ซึ่งเอาจริงๆ เขาก็ชมทุกเมนูนั่นแหละ
“กับข้าวสามอย่างพอไหมคะ”
“สั่งอีกสักสองสามอย่างสิ สั่งยำด้วย เธอชอบทำไม่ใช่เหรอ” เหมือนดวงตาเขาจะวูบไหวแปลกๆ จนทำให้ใจสั่น พริษฐ์จำได้ตอนไหนว่าเธอชอบทำเมนูยำ...แล้วก็ทำไมถึงพูดเหมือนที่อยากกินเพราะเป็นเมนูที่เธอชอบทำ เฌอมาวีร์ต้องรีบก้มหน้าดูเมนูอาหาร กลัวจะเผลอมองหน้าเขานานเกินไปจนพริษฐ์รู้ว่าหัวใจเธอกำลังเต้นแรง...ไม่ควรเลยจริงๆ
“งั้นเอายำวุ้นเส้นสูตรโบราณ แล้วก็ปีกไก่ทอดค่ะ” เธอสั่งเพิ่มแค่สอง สั่งไก่ทอดมาตัดความรสจัดของเมนูอื่นเพิ่มอีกหนึ่ง
“ข้าวรับเป็นข้าวสวยไหมคะ”
“ข้าวสวยค่ะ”
“เครื่องดื่มรับอะไรดีคะ”
“น้ำเปล่าค่ะ” ตอบแล้วก็เงยหน้ามองคนตรงหน้าอย่างเพิ่งนึกได้ว่าเผื่อเขาอยากดื่มอะไร
“น้ำเปล่านั่นแหละ ไม่อย่างนั้นเธอจะได้ขับรถไปส่งพี่ที่คอนโดนะเฌอ...แล้วก็ไม่มีใครขับมาส่งเธอที่บ้านด้วย” รู้สึกเหมือนแววตาเขายิ้มและกำลังหยอกล้อเธออยู่ เฌอมาวีร์วางสีหน้าไม่ถูกไปชั่วขณะหนึ่ง ทำได้แค่ยิ้มจางๆ ให้เขา แก้อาการร้อนวูบวาบในอกด้วยการส่งเมนูให้พนักงาน แล้วก็ทำเป็นนั่งมองต้นไม้ มองแม่น้ำ มองอะไรก็ได้ที่จะไม่ต้องมองเขา จนอีกฝ่ายหยุดจ้องเธอแล้วหยิบมือถือมาเล่น เฌอมาวีร์ถึงได้เล่นบ้างเหมือนกัน ถ้านั่งเฉยๆ รอกับข้าวโดยไม่มีอะไรทำกลัวหัวใจจะเต้นแรงจนละทุออกมานอกอกได้...
อาหารมาส่งในเวลาไม่ถึงยี่สิบนาที ไม่ช้าไม่เร็ว แต่คนที่อดข้าวมาตั้งแต่เที่ยงก็กินเรื่อยๆ ชิมอาหารจานละคำสองคำ ไม่ได้ดูเหมือนคนหิวเลย ข้าวในจานก็กินไม่หมดด้วย ค่อนข้างจะทำให้เธอแปลกใจ แม้ปกติ พริษฐ์จะดูเป็นคนนิ่งๆ แต่เรื่องกินเขาไม่ได้กินนิ่งแบบนี้ ตอนไปกินข้าวที่บ้านเจ้าตัวกินไปชมไปว่าเธอทำกับข้าวอร่อย และต้องได้เติมข้าวสองถึงสามจนเลยทีเดียว และเวลาเธอตักข้าวให้เขา ไม่ได้ตักนิดเดียวแบบนี้ด้วย
“กับข้าวไม่อร่อยเหรอคะ” จนเธอต้องถาม แต่เท่าที่ตัวเองชิมดูก็ไม่ได้เลวร้ายเลย
“ทำไม ไม่อร่อยเหรอ” กลายเป็นถูกเขาถามกลับ
“เฌอว่าก็อร่อยนะคะ แต่เห็นพี่พร้อมกินนิดเดียว” ข้าวอาจจะพร่องเกินครึ่งจาน แต่กับข้าวแทบไม่พร่อง
“อืม ก็อร่อย แต่พี่ว่าเธอทำอร่อยกว่านะ” เป็นอีกครั้งที่เขาทำให้หัวใจเธอเต้นผิดจังหวะ แม้มันจะเป็นคำชมที่เขาเคยชมเวลาไปกินข้าวที่บ้าน แต่ในสถานการณ์ที่ไม่สู้ดีระหว่างเธอกับเขาในตอนนี้ ไม่คิดว่าพริษฐ์จะพูดหยอกล้อด้วยความผ่อนคลายได้ขนาดนี้
แต่หนนี้เฌอมาวีร์ตั้งสติตัวเองได้ไว เจอบ่อยๆ ก็เริ่มจะไหวตัวทัน เธอยิ้มกว้างอย่างยอมรับในคำชมนั้น
“เอาไว้วันหลังเฌอทำให้ชิมใหม่นะคะ แต่พี่พร้อมกินข้าวอีกหน่อยไหมคะ ไม่ได้กินข้าวตั้งแต่เที่ยง” ถามไปก็ลุ้นไปว่าเขาจะไม่พอใจหรือไม่ที่ไปเจ้ากี้เจ้าการ แต่พริษฐ์ก็เพียงแค่เลิกคิ้วและพยักหน้า ก่อนจะตักอาหารคำโตๆ ไปวางบนจานตัวเอง แล้วก็ตักใส่จานเธอด้วย
“เธอเองก็กิน สั่งมาเยอะแยะ นี่กินหรือดม” เฌอมาวีร์ก็กินข้าวไปไม่พร่องจานจริงๆ เพราะไม่ค่อยหิว
“เฌอไม่ค่อยหิว เอ่อ เฌอทำไอเอฟอยู่น่ะค่ะ”
“ไอเอฟ คืออะไร” ถามด้วยความสงสัย
“โปรแกรมในการกินเพื่อลดน้ำหนักค่ะ ปกติเฌอกินเช้าสิบโมงแล้วกินเย็นประมาณสี่โมงเย็น” พอเธออธิบายอีกฝ่ายก็เลิกคิ้วขึ้น ทำหน้าเหมือนประหลาดใจ
“หุ่นแบบนี้เนี่ยนะลดน้ำหนัก เธอจะไม่มีไส้ในท้องแล้วนะเฌอ” เฌอมาวีร์เป็นคนตัวเล็ก หากก็ไม่ได้ดูผอมแห้ง ยิ่งเห็นเธอลองสวมชุดแต่งงานก็รู้สึกมีน้ำมีนวล...ทรวดทรงเองเอวอะไรก็มีครบ แต่ก็ห่างไกลจากคนที่จะต้องลดน้ำหนักจริงๆ
“จริงๆ แล้วเฌออ้วนง่ายค่ะ”
“เธอเคยอ้วนด้วยเหรอ”
“ก็ แบบน้ำหนักขึ้นโลสองโลก็สึกว่ารูปร่างเปลี่ยนค่ะพี่พร้อม พอน้ำหนักขึ้นทีก็จะลดที” พอเธออธิบายแบบนั้นพริษฐ์ก็ส่ายหน้า สายตาเขาดูไม่เห็นด้วย แต่ก็ไม่ได้โต้แย้งอะไรอีก
“กินมื้อเดียวมันคงไม่อ้วนถึงสองโลหรอกใช่ไหม” แต่ก็ยืนยันที่จะให้เธอกินข้าวเป็นเพื่อน ซึ่งเฌอมาวีร์ก็ไม่อิดออด เพราะปกติก็ไม่ได้เข้มขนาดนั้น สัปดาห์หนึ่งก็จะให้อิสระตัวเองสักวัน และวันนี้มันก็เหมาะสม มากินข้าวกับพริษฐ์ในบรรยากาศที่เขาไม่ได้ทำให้รู้สึกว่าเกลียด บรรยากาศดีอีกต่างหาก...ใช้คำว่าโรแมนติกก็ยังได้