“สำนักงานทนายเนี้ยนะ” ทอยพูดเมื่อเขามองไปยังป้ายของตึก เขาขมวดคิ้วตัวเองด้วยความสงสัย
“เขาคงไม่มีหนี้สิน หรือทำเรื่องไม่ดี จนต้องมาที่นี้หรอกนะ” น้ำหวานพูดด้วยท่าทีสงสัยเช่นกัน พวกเธอยังคงจอดรถอยู่ตรงนั้น ถึงไม่รู้ว่าชีต้าห์เข้าไปข้างในทำไม แต่เธอก็ยังดูสถานการณ์อยู่ที่ด้านนอกอย่างใกล้ชิด
“ฉันว่าเรากลับดีกว่า” เกรซที่ยังคงไม่เห็นด้วย ทำการทำแบบนี้ของเพื่อนตัวเอง เธอยังคงค้านมาตลอดทาง ถึงมันจะไม่ได้ผลก็ตาม เพราะดูเพื่อนจะดูจริงจังกับเรื่องนี้พอสมควร ทั้งทอยและน้ำหวานไม่ได้สนใจคำพูดของเธอแม้แต่นิดเดียว นอกจากมองไปยังนอกรถอย่างนั้น
“ถ้าพวกแกจะเฝ้า ก็เฝ้ากันไปเลยนะ ฉันขอตัว” เกรซพูดขึ้นมาด้วยความไม่พอใจ เธอเปิดประตูรถของน้ำหวาน พาร่างกายตัวเองออกมาจากตัวรถ ทั้งน้ำหวานและทอย มองหน้ากัน ก่อนจะพยายามที่จะเรียกเพื่อนตัวเองมาขึ้นรถเหมือนเก่า เธอกำลังเดินไปยังตึกข้างหน้า เพื่อที่จะเดินผ่าน ช่วงเวลานั้นเองที่เธอจะต้องหยุดร่างกายตัวเอง
“(O_O)” เกรซตกใจทันที เมื่อเห็นชีต้าห์เดินออกมาจากตึก เธอถึงหับม้วนตัวหันหลังตัวเองทันที เธอยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น เพราะทำอะไรไม่ถูก
“จะออกมาทำไมตอนนี้เล่า” เธอบ่นคนเดียว เธอยังคงยืนแข็งอยู่ที่เดิม
“ชีต้าห์มองอะไรลูก” มิ้นหญิงสาววัยสี่สิบต้นๆ เธอเป็นภรรยาของต้น เธออยู่ในชุดฟอร์มทางการ กระโปรงทรงเอยาวคลุมเข่า เธอเพิ่งออกมาจากที่ทำงาน ตอนที่ต้นเดินทางไปรับลูกชายของตัวเอง แล้ววนมารับมิ้นต่อ เพื่อที่จะกลับบ้านพร้อมกัน ชีต้าห์ มองไปยังผู้หญิงที่ใส่ชุดยูนิฟอร์มเหมือนกันกับเขา เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย เพราะสงสัยว่าผู้หญิงคนนี้คือใคร แล้วมาทำอะไรที่นี่
“ปล่าวครับแม่” เขายิ้มให้แม่ของเขา ก่อนจะเข้าโผล่กอดแม่ตัวเอง
“อ้อนแม่อีกแล้วนะเสือ” เธอลูบหัวลูกชายตัวเองด้วยความเอ็นดู ชีต้าห์ค่อนข้างจะติดแม่ เพราะมิ้นมักจะเข้าใจลูกชายเขามากกว่าต้นเสียอีก
แม่หรอ ตอนนี้เขาคงไม่สนใจฉันหรอกใช่ไหม ถ้าฉันเดินตรงไปเรื่อยๆ แล้วรีบปลีกตัวเองขึ้นรถของน้ำหวาน เขาคงไม่สงสัย บางทีเขาอาจไม่ได้มองเห็นฉันก็ได้ เราแค่กังวลไปเอง ยิ่งเรายืนอยู่แบบนี่โอกาสที่เขาจะสงสัยมีมากถึง 3 เท่า ดังนั้นฉันควรเดินไม่ควรหยุดอยู่แค่นี้