PORSHE TALK
แฟนผมนี่ซื่อบื้อจังเลยนะว่าไหม? จะหาว่าผมขี้ตู่เรียกเธอว่าแฟนไปเองฝ่ายเดียวก็ไม่ผิดเพราะยังไงผมก็จะให้เธอเป็นแฟนผมให้ได้ ใครจะยอมปล่อยให้คุณเนื้อคู่ของผมหลุดมือไปล่ะ
นี่ผมเป็นผู้ชายเพ้อฝันตั้งแต่เมื่อไหร่??
จริงๆผมก็ไม่รีบร้อนอะไรกับเธอมากมายนะ คนหัวอ่อนแบบเธอยังไงก็ต้องตกเป็นของผมวันยันค่ำ ตอนนี้เธอยังไม่คิดอะไรกับผมแต่ผมจะทำให้เธอชอบผมเองคอยดูสิ ผมเป็นคนพูดน้อยแต่คารมณ์ผมดีมากนะ สาวๆที่เมืองนอกหลงผมมานักต่อนัก ไม่ใช่ว่าผมไม่ผ่านสาวที่ไหนมาเลยซะเมื่อไหร่ยังไงผมก็ผู้ชาย ผ่านผู้หญิงมาเยอะแต่ที่เรียกว่าแฟนอ่ะยังไม่เคยมี เพิ่งจะรู้สึกว่าชอบผู้หญิงสักคนโดยที่ไม่รู้จักก็ปั้นหยาคนแรก
เธอดูเป็นผู้หญิงเรียบๆไม่ได้โดดเด่นอะไร ผมก็ไม่ได้สะดุดตาอะไรเธอมากมายนะตอนเจอกันครั้งแรกที่ร้านกาแฟก็แค่สังเกตุเธอนิดหน่อย มาประทับใจก็ตอนเธอป้อนข้าวคุณลุงขอทานแต่ตอนนั้นก็ยังไม่ไดคิดว่าจะมาเจอครั้งที่สามตามทฤษฎี โลกมันกลมตรงที่เธอมาสมัครงานบริษัทผมนี่แหละ ไม่เรียกเนื้อคู่จะให้เรียกอะไรได้
กริ๊งงงงงง
ละสายตาจากเอกสารตรงหน้าและความคิดฟุ้งซ่านก่อนจะกดรับสายโทรศัพท์ที่วางอยู่โต๊ะทำงาน
[เอ่อ คุณพอร์ชคะ นี่หยาเองค่ะ]
“ครับ”
[หยาจะถามคุณพอร์ชว่าวันนี้จะให้หยากลับบ้านกี่โมงคะ พอดีหยาต้องไปทำงานที่ร้านกาแฟต่อ ถ้าคุณพอร์ชมีงานอะไรรบกวนรีบสั่งให้หยาทำตอนนี้ได้ไหมคะ งานเก่าหยาแก้เสร็จแล้วค่ะ]
“ลาออกซะ”
เธอเงียบไปผมเลยกดวางสายแล้วสนใจเอกสารต่อ ผมต้องย้อนอ่านการทำงานต่างๆของบริษัทใหม่เพื่อความเข้าใจอย่างถ่องแท้รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องเพชร อนุสัญญาส่งออกกับประเทศอื่น ผมต้องศึกษาอีกเยอะเลยไหนจะอนุมัติโครงการใหม่ๆอีก
นานเท่าไหร่ไม่รู้ที่เพ่งตัวหนังสือพวกนี้ มารู้สึกตัวอีกทีตาผมก็เริ่มล้าซะแล้ว หันมองนาฬิกาตอนนี้มันหกโมงเย็นซึ่งเลยเวลาเลิกงานมาเป็นชั่วโมงแล้ว ผมเตรียมตัวที่จะกลับบ้านเพราะอยากพักผ่อนเต็มที
“ฮึก ฮึก ฮืออออ”
ทันทีที่ผมผลักประตูออกมาก็เห็นเธอนั่งฟุบหน้าสะอึกสะอื้นอยู่ที่โต๊ะทำงาน นี่เธอร้องไห้เหรอ? ใครทำอะไรเธอ? ผมเอื้อมมือไปจับไหล่เธอเบาๆแต่ก็ทำให้ตัวตัวสะดุ้งโหยงแล้วเงยหน้ามามองผม
นี่เธอร้องไห้ทำไม ดูสิหน้าตามอมแมมหมดแล้ว...
“เป็นอะไร?”
“ฮึก คุณพอร์ชใจร้ายไล่หยาออก นี่หยามาทำงานวันแรกเองนะคะก็โดนไล่ออกแล้วหยาจะบอกแม่ว่ายังไง ฮึก หยาทำอะไรผิดคะ? งานที่คุณพอร์ชสั่งหยาก็ทำเสร็จหมดแล้ว ฮือออ”
ผมไล่เธอออกเหรอ? ไล่ตอนไหนวะ? เธอเช็ดน้ำตาแต่ก็ยังคงร้องไห้ไม่หยุด เห้ย ผมทำอะไรไม่ถูกแล้วนะเว้ย!! ยืนนึกว่าผมบอกเธอตอนไหนจนมาเข้าใจว่าที่ผมบอกว่าลาออกซะตอนเธอโทรเข้ามามันทำให้เธอเข้าใจว่าผมไล่เธอออกจากบริษัทนี้ ซื่อบื้อเกินไปไหม?
“ให้ลาออกจากงานอื่น”
“ฮึก คะ?”
“ทำที่นี่ที่เดียวพอ”
“มะ ไม่ได้ไล่ออกจากที่นี่เหรอคะ? นี่คุณพอร์ชสงสารหยาใช่ไหมถึงเปลี่ยนใจ? เหอะ ถ้าหยาไม่มีศักยาภาพพอที่จะทำงานที่นี่ก็ไม่เป็นไรค่ะหยาเข้าใจ ก็แค่เสียใจเดี๋ยวก็หาย”
“เจอกันพรุ่งนี้เช้า”
ไม่ชอบฟังใครพูดมากๆประโยคยาวๆผมเลยตัดบทพูดไปอย่างนั้นแล้วเดินออกมา ผมชอบคนฉลาดนะแต่กับเธอทำไมไม่มี ซื่อบื้อจนผมก็แอบเหนื่อยใจ แบบนี้ถ้าผมจีบเธอไปเธอจะรู้ตัวไหมว่าโดนจีบอยู่
จีบยากจีบเย็นก็จับปล้ำซะจะได้หมดเรื่อง...
“คุณพอร์ชคะคุณพอร์ช เดี๋ยวก่อนค่ะ”
ขณะที่ผมยืนรอลิฟท์ก็ได้ยินเสียงเธอเรียกผมพร้อมกับวิ่งหน้าตั้งมาหา ทั้งชั้นจะมีแค่ห้องผู้บริหารกับห้องประชุมบอร์ดใหญ่เลยไม่มีใครนอกจากเราสองคนตอนนี้ ผมคิดดีแล้วถึงเลือกเธอมาเป็นเลขาเพราะที่นี่มันปลอดคนนี่แหละจะได้เต๊าะสะดวกๆ
“ว่าไงครับ”
ติ๊ง!
หน้ากลมของเธอฉีกยิ้มกว้างให้ผมอย่างไร้เหตุผล ยิ้มทำไม? สิ้นเสียงลิฟท์ประตูลิฟท์ก็เปิดออกผมเลยกระชากตัวเธอเข้ามาในลิฟท์ด้วยโดยที่ยังไม่กดไปชั้นล่าง หน้าเธอเหวอทันทีที่ผมดันตัวเธอติดผนังแล้วท้าวมือทั้งสองข้างครอบตัวเธอไว้
“ทำไมคุณพอร์ชชอบทำลุ่มล่ามกับหยาแบบนี้คะ หยาทำตัวไม่ถูก คุณเป็นหัวหน้าส่วนหยาเป็นลูกน้องทำแบบนี้ไม่ดีเลยค่ะ”
“อยากทำ มีไรมั้ย?”
“เอ่อ ยังไงก็ขอบคุณนะคะที่ไม่ไล่หยาออก”
เธอยิ้มกว้างแล้วยกมือขึ้นไหว้ขอบคุณผม มือเล็กค่อยดันไหล่ผมให้ออกห่างอย่างกล้าๆกลัวๆ วินาทีที่มือเธอสัมผัสเข้ากับไหล่ผมนั้นมันทำให้ผมอยากฟัดเธอชะมัด
อดทนไว้พอร์ช คนนี้ผมจะถนอมอย่างดีไม่บู่มบ่าม
ผมถอยหลังมาพิงผนังลิฟท์อีกฝั่งก่อนจะกดลิฟท์ลงไปชั้นล่าง เธอถอนหายใจพรืดใหญ่แล้วยกมือขึ้นกุมอกไว้ ตากลมช้อนขึ้นมามองผมแต่ผมมองเธออยู่ก่อนแล้วเธอจึงรีบเบือนหน้าหนี นี่เธอเขินผมเหรอ?
ติ๊ง!
“ชอบหยานะ”
ทิ้งท้ายคำพูดก่อนจะเดินออกมาจากลิฟท์ ผมให้เวลาตัวเองสามเดือนที่จะจีบเธอ เอาศักดิ์ศรีตัวเองเป็นประกันเลยว่าผมต้องจีบติดแน่นอน จะบอกชอบทุกวัน จะหยอดให้เธอยิ้มบ่อยๆ ผมว่าผมชักจะชอบรอยยิ้มของเธอเข้าแล้วล่ะ มันคือรอยยิ้มที่มาจากใจและตัวผมไม่เคยมี ผมไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองมีความสุขจนถึงขั้นยิ้มกว้างแบบเธอ
ทั้งที่ชีวิตผมมีทุกอย่างแต่ทำไมผมถึงไม่สุขใจก็ไม่รู้
ผมไม่ได้ขับรถมาทำงานเองหรอก รถตู้ของที่บ้านมารับมาส่งหรือจะออกไปประชุมข้างนอกก็รถคันนี้แหละ แม่ผมฝากฝังไว้ทุกอย่าง ห้ามขับรถไปทำงานเองเดี๋ยวคนอื่นจะดูไม่ดี ห้ามทำงานเกินเวลามากนักเดี๋ยวจะเสียสุขภาพ ผมก็อยากจะเถียงอยากจะอธิบายนะแต่เพราะผมได้แต่คิดไงไม่เคยพูดอะไรเลยต้องเดินตามคำสั่งตลอด
“ไปร้านอาหารข้างนอกนะ”
“ไม่ได้ครับคุณพอร์ช คุณนายบอกให้ถึงบ้านก่อนสองทุ่มครับ”
“แม่อยู่บ้านรึเปล่า?”
“อยู่ครับ”
“งั้นกลับก็ได้”
ไม่เข้าใจว่าทุกคนในบ้านอยู่กับแม่ผมได้ยังไงตั้งหลายปี ไม่ใช่ว่าผมไม่รักแม่นะ พ่อแม่ใครก็รักแต่ผมเป็นคนรักอิสระซึ่งผมไม่เคยได้เลยเมื่ออยู่ที่บ้าน พอมาคิดอีกทีก็เพราะแม่รักผมมากเลยอยากให้ได้แต่สิ่งดีๆ ทุกอย่างที่แม่บังคับมันก็ได้ดีกับตัวผมทั้งนั้นแต่บางอย่างผมก็ไม่ต้องการ
“พอร์ชลูก สร้อยเส้นนี้สวยไหม?”
“สวยครับ”
คำถามแรกที่ผมก้าวท้าวเข้าบ้าน แม่ผมนั่งเลือกเครื่องเพรชอยู่ที่โซฟาอย่างปกติที่มักจะทำ ผมไม่ได้อยู่กับแม่หลายปีตั้งแต่ไปอยู่เมืองนอกพอกลับมาอยู่ด้วยแม่ก็ยังเหมือนเดิม
บ้านผมไม่ค่อยมีความสุขหรอก ปัญหาภายในเยอะมาก แม่ติดการพนัน พ่อมีสาวๆไปทั่วไม่ค่อยอยู่บ้านส่วนมากจะไปต่างประเทศทีละนานๆเพราะทนอยู่กับแม่ไม่ได้ ถ้าบ้านเราไม่รวยก็คงจะแย่กว่านี้มาก
ผมก็โตมาในครอบครัวที่ไม่อบอุ่นแบบนี้แหละ...
“ทานข้าวให้หมดนะลูก ขึ้นบ้านอาบน้ำนอนก่อนห้าทุ่ม เดี๋ยวสิ้นเดือนนี้แม่จะไม่อยู่บ้านนะแม่ว่าจะไปเที่ยวกับเพื่อนๆแล้วก็ไปปอบเปต อาจจะไปสักเดือนสองเดือนกลับนะ พอร์ชต้องอยู่คนเดียวสักหน่อยแต่แม่จะเช็คตลอดอย่านอกลู่นอกทางล่ะ”
“ครับ”
สิ้นเดือนเหรอ? อีกสามสัปดาห์เอง...
ได้ยินอะไรแบบนี้ผมก็ชื่นใจ อยู่คนเดียวที่เมืองนอกหลายปีชีวิตได้รับอิสระเต็มที่พอกลับมาอยู่ในกรอบใครจะทนไหว สองเดือนที่แม่ไม่อยู่ผมจะใช้ชีวิตให้เต็มที่เลยคอยดู
คนในบ้านเหมือนคนแปลกหน้า ซึ่งมันเป็นแบบนั้นจริงๆ
มื้ออาหารผ่านไปอย่างเรียบง่ายโดยที่มีผมนั่งกินอยู่คนเดียว นั่งตักข้าวเข้าปากไปด้วยมองแม่เลือกเครื่องเพชรไปด้วย อันที่จริงบ้านผมมันมีเรื่องราวอะไรมากมายเอาเป็นว่าค่อยๆเล่ากันไปทีละหน่อยแล้วกัน
“นั่งเหม่ออะไรอยู่พอร์ช ขึ้นบ้านอาบน้ำนอนได้แล้ว”
“ครับ”
ผมเดินขึ้นห้องเพื่ออาบน้ำก่อนจะมานอนเอนหลังบนเตียง นึกทบทวนเรื่องราวต่างๆทั้งข้อมูลบริษัทที่ได้ศึกษาวันนี้รวมถึงหน้ากลมๆของเธอด้วย ถ้าผมยิ้มออกมาได้เหมือนเธอก็คงจะดี ชอบรอยยิ้มที่ไร้เดียงสาของเธอมากเพราะมันทำให้ในใจผมยิ้มตามอย่างไม่มีเหตุผล
พอนึกถึงก็อยากจะได้ยินเสียง ได้คืบจะเอาศอกจริงๆผมเนี่ย เอกสารสมัครงานของเธอผมเก็บไว้ในห้องนอนเผื่ออยากรู้อะไรจะได้เปิดข้อมูลเธอดู อย่างเช่นตอนนี้ที่ผมอยากรู้เบอร์โทรศัพท์ของเธอ
ตู๊ดดดดด ตู๊ดดดดด
[ฮัลโหลค่า]
“นอนรึยัง”
เสียงปลายสายยังคงสดใสอยู่แม้ว่าตอนนี้จะดึกแล้วก็ตาม
[ใครคะเนี่ยเสียงคุ้นๆ]
“คุณพอร์ชครับ”
[คุณพอร์ช!!! คุณพอร์ชเหรอคะ?? โทรมาหาหยาได้ยังไงคะมันไม่ควรเลย ถ้าคนอื่นรู้จะไม่ดีนะคะ หยาก็ย้ำตั้งหลายครั้งแต่...]
“ฝันดีนะครับ”
ผมชิ่งวางสายก่อนที่เธอจะบ่นยาวกว่านี้ แค่อยากได้ยินเสียงเฉยๆเลยโทรหา ทำไมเธอถึงขี้บ่นจังก็ไม่รู้
END TALK